ถังจิ้งจือกัดฟันชี้หน้าฉู่เฉิน ข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นถึงไม่มีท่านหลงหนุนหลังแล้ว เขาก็มั่นใจว่าสามารถใช้เส้นสายและวิธีการต่างๆ บีบแพทย์แผนจีนตัวเล็กๆ ในเมืองเจียงจงคนนี้ให้ตายคามือได้อย่างแน่นอนในสายตาของเขา การจะฆ่าฉู่เฉินเป็นเรื่องที่ง่ายเหมือนบี้มดตัวหนึ่งเท่านั้น!ฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ ขณะจ้องพิจารณาถังจิ้งจือด้วยสายตาดูถูก “งั้นเรารอดูกันต่อไปก็แล้วกัน แต่คุณอย่าทำอะไรเกินตัว จนเอาชีวิตแก่ๆ เข้าไปเสี่ยงด้วยก็แล้วกัน”“แก…”ฉู่เฉินไม่อยากฟังถังจิ้งจือเห่าหอน เขาเปิดประตูรถเข้าไปนั่งทันทีถังจิ้งจือจ้องไฟท้ายรถของฉู่เฉินที่ขับห่างออกไปแล้ว โกรธจนแทบจะคลั่ง แต่กลับทำอะไรฉู่เฉินไม่ได้เลย“ไอ้แซ่ฉู่ แกคอยดูไว้เถอะ!”ถังจิ้งจือคำรามเสียงลั่น กระชากชุดกราวน์บนตัวปาทิ้งบนพื้นแรงๆเห็นถังจิ้งจือที่โกรธหัวฟันหัวเหวี่ยงผ่านกระจกมองหลัง ฉู่เฉินแสยะยิ้มเยาะ จากนั้นก็หักเลี้ยวพวงมาลัยไปทางซินฉู่ฟาร์มาซูติคอลได้ยินว่าฉู่เฉินมาตรวจตรางาน กวนเหล่ยเปลี่ยนไปใส่กระโปรงสั้นลายเสือดาวดูยั่วยวน แล้วยังจงใจดึงคอเสื้อลงข้างล่างอีก เธอยืนรอฉู่เฉินอยู่หน้าลิฟต์นานแล้วเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกก
หลังจากขึ้นเครื่องบินที่จะมุ่งหน้าสู่เมืองหมอตู ฉู่เฉินถึงเพิ่งรู้จากกู้รั่วเสวี่ย ว่าตระกูลหลี่และตระกูลกู้ได้ร่วมมือกันบุกเบิกพื้นที่ใหม่ที่อยู่ใกล้เคียงกับเมืองหมอตูแต่ตระกูลกู้เพิ่งควักทุนก้อนโต เพิ่งได้รับพื้นที่ผืนนั้นมา จู่ๆ ตระกูลหลี่ก็ถอนทุนคืนกลางคันเมื่อเป็นอย่างนั้น ตระกูลกู้จึงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกถึงจะได้ที่ดินมาแล้ว แต่กลับไม่มีทุนสร้างตึก ถ้าหากไม่ส่งต่อในราคาต่ำ ก็ทำได้เพียงปล่อยว่างไว้อย่างนั้น ไม่อย่างนั้นทุนนับหมื่นล้านก็ต้องจมอยู่กับที่ดินผืนนั้นหากปล่อยไว้นาน ตระกูลกู้อาจเสี่ยงเจอสภาวะหมุนเงินทุนไม่ทันฟังกู้รั่วเสวี่ยเล่าจบ ฉู่เฉินขมวดคิ้วบอกว่า “ต้องใช้เงินทุนเท่าไรในการก่อสร้างบนที่ดินผืนนั้น”กู้รั่วเสวี่ยเท้าคางครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อย่างน้อยก็หนึ่งหมื่นล้านบาท”“อีกอย่าง นี่ยังเป็นแค่ค่าใช้จ่ายช่วงแรก ถ้าหากสร้างเสร็จทั้งหมดยังต้องลงทุนต่ออีกห้าหมื่นล้านบาท”ฉู่เฉินพยักหัว “นั่นก็หมายความว่า ทั้งหมดต้องใช้เงินแค่หกหมื่นล้านบาท? ที่ดินผืนนั้นตระกูลกู้วางแผนไว้ยังไงล่ะ จะสร้างเป็นสถานบันเทิง หรือว่า…”“วางแผนไว้ว่าจะสร้างศูนย์รวมที่พัก เที่ยว และร้า
“ตอนแรกหัวหน้าคนงานโทรศัพท์หาที่บ้านของเขาเพื่อตกลงเรื่องค่าชดเชยเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่คืนวันนั้น ไม่รู้ว่าศพของคนงานคนนั้นถูกอะไรดูดสมองออกไปหมด แม้แต่อวัยวะภายในทั้งหมดก็หายไปด้วย”“ตอนนี้ครอบครัวของคนงานคนนั้นกำลังโวยวายอยู่ที่นั่น อีกอย่าง สื่อก็กำลังประโคมข่าวเรื่องนี้อย่างหนัก ตอนนี้ที่ดินผืนนั้นในมือเราได้กลายเป็นเผือกร้อนไปแล้ว ท่าทีของตระกูลหลี่ก็แข็งกร้าวมากเช่นเดียวกัน พวกเขาไม่คิดจะชดเชยแม้แต่แดงเดียวครับ”ผู้จัดการหลี่อธิบายสถานการณ์ยาวเหยียดด้วยสีหน้าโกรธจัดกู้รั่วเสวี่ยฟังผู้จัดการสวีจบก็หน้ามืดหมดสติไปทันทีเรื่องอย่างนี้ถือเป็นวิกฤติใหญ่ในการบุกเบิกพื้นที่ใหม่เมื่อใดที่เรื่องเลวร้ายอย่างนี้ถูกแพร่งพรายออกไป ถึงจะสร้างสถานบันเทิงเสร็จแล้ว แต่ใครจะกล้าไปใช้เงินที่นั่นอีกล่ะ นี่มันไม่ต่างจากบีบตระกูลกู้ให้จนตรอกเลย“รั่วเสวี่ย คุณอย่าเพิ่งร้อนใจ พวกเราไปดูสถานการณ์ที่ไซต์งานกันก่อนเถอะ”ฉู่เฉินเอื้อมมือไปประคองกู้รั่วเสวี่ย ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ค่ะ… พวกเราไปที่ไซต์งานกันก่อน”ดวงหน้าน้อยๆ ของกู้รั่วเสวี่ยซีดเผือด เธอรับคำอย่างเหม่อลอยไร้สติตอนนี้เธอไม
“คะ… คุณพูดจาเลอะเทอะอะไรน่ะ ฉัน… ฉันไปรับเงินใครมากัน”หญิงวัยกลางคนหน้าเปลี่ยนสีอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังคงกัดฟันไม่ยอมรับฉู่เฉินกวาดมองหญิงวัยกลางคนแวบหนึ่ง เธอน่าจะเป็นหญิงวัยกลางคนบ้านนอกที่ธรรมดาจนไม่รู้จะธรรมดายังไงแล้ว เดิมทีไม่น่าจะรู้จักข้อหาทำลายศพหรืออะไรทำนองนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงความผิดทางข้อกฎหมายได้อย่างถูกต้องไร้ที่ติอย่างนี้ นั่นยิ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าเรื่องนี้มีคนจงใจจัดฉากขึ้นมาฉู่เฉินแสยะยิ้มเย็นชา เขาหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา พับเป็นนกกระดาษหนึ่งตัว จากนั้นก็วาดยันต์กลางอากาศ เสร็จแล้วก็ตวาดสั่งเสียงเบา “บิน!”สิ้นเสียงสั่งของฉู่เฉิน นกกระดาษตัวนั้นบินขึ้นจริงๆเห็นอย่างนั้น หญิงวัยกลางคนตกใจดวงตาเบิกโพลง ล้มนั่งก้นจ้ำเบ้าลงไปบนพื้นฉู่เฉินชำเลืองมองหญิงวัยกลางคน “เห็นหรือยังล่ะ ถ้าคุณไม่ยอมพูดความจริง ผมที่สามารถสั่งให้นกกระดาษบินได้ ก็สามารถสั่งให้ดวงวิญญาณอาฆาตที่ตายอย่างไม่เป็นธรรมไปคิดบัญชีกับคุณได้เหมือนกัน”หญิงวัยกลางคนได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจจนฉี่ราดกางเกงทันทีนี่เธอเจอกับยอดฝีมือในตำนานแล้วงั้นเหรอ!เพื่อผลประโยชน์เล็กน้อยแค่นั้น ถ้าต้
โดยเฉพาะคำพูดเมื่อกี้ของฉู่เฉิน ยิ่งทำให้เธอนึกถึงเรื่องเล่าผีที่คุณย่าเคยเล่าให้ฟังตอนเด็กๆ ทำให้สติหลุดไปชั่วขณะฉู่เฉินขมวดคิ้ว บีบจมูก สอดมือเข้าไปใต้วงแขนของนักข่าวสาวสวยเพื่อประคองเธอ สัมผัสนุ่มนิ่มเกิดขึ้นที่ปลายนิ้ว“ไป รถของคุณอยู่ไหนล่ะ”นักข่าวสาวสวยชี้ไปที่รถเก๋งสีขาวคันเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไป พูดเสียงสั่นๆ ว่า “ทะ… ทางนั้นค่ะ”“พะ… พี่ชาย วิญญาณ… วิญญาณอาฆาตดวงนั้น… คงไม่ตามมาหาฉันหรอกนะ”ขณะพูด นักข่าวสาวสวยตัวสั่นไม่หยุด ส่งผลให้ทรวงอกอันเอิบอิ่มสั่นสะเทือนตามไปด้วย“ไม่หรอก ยังไงคุณก็ทำไปเพื่อทวงถามความยุติธรรม”ฉู่เฉินเอ่ยต่ออย่างสรรหาคำมาพูด “แต่ถ้าคุณถูกคนอื่นบงการมาเหมือนผู้หญิงคนเมื่อกี้ ก็ไม่แน่นะ”“คนเราเกิดมาชาติหนึ่งก็อยากมีเกียรติศักดิ์ศรี แต่คุณดูเขาสิ สมองหายไปมากกว่าครึ่ง อวัยวะภายในถูกควักออกไปจนหมด หากต้องตายอย่างน่าอนาถขนาดนี้ แล้วยังต้องถูกคนอื่นใช้เป็นเครื่องมืออีก เป็นคุณจะไม่โกรธเหรอ”นักข่าวสาวสวยคนนั้นได้ยินก็ร้องไห้โฮออกมาทันที“พี่ชาย ฉัน… ฉันก็โดนคุณชายหลี่จ้างมาให้เปิดโปงเรื่องนี้เหมือนกัน ฉัน… ฉันรับประกันได้ จะรีบลบรูปเดี๋ยวนี้เลย บท
ฉู่เฉินแหงนหน้าหัวเราะ “ก็แค่มายากลอย่างหนึ่งเท่านั้น ศพกระตุกอะไรกัน”ขณะพูด ฉู่เฉินใช้นิ้วชี้ไปที่เสื่อผืนหนึ่งที่อยู่อีกด้าน เขาตะโกนเสียงเบา “ขึ้น”ภายใต้สายตาเหลือเชื่อของทุกคน เสื่อผืนนั้นกลับตั้งขึ้นเชี่ย!เสื่อมีชีวิตขึ้นมาแล้วเหรอ?!พอเห็นเหตุการณ์นั้น ดวงหน้าที่ซีดเผือดเพราะความตกใจของกู้รั่วเสวี่ยพลันมีสีเลือดขึ้นมาหลายส่วนฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ “ถ้าคุณเป็นนักสู้ คุณก็จะทำได้เหมือนกัน ก็แค่ปล่อยปราณแท้ออกมา แล้วประคองมันขึ้นมาเท่านั้นเอง”ได้ยินอย่างนั้น ผู้จัดการสวีกับพวกหัวหน้าเฉินต่างก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเหตุการณ์เมื่อกี้น่าตกใจมากจริงๆ แต่ก็ได้ผลมากด้วย ไม่ใช่แค่หญิงวัยกลางคนที่ก่อความวุ่นวายที่สงบเสงี่ยม แม้แต่นักข่าวพวกนั้นก็หนีกระเจิงไปคนละทิศคนละทางพริบตาเดียว ทั่วทั้งไซต์งานเงียบสงบขึ้นไม่น้อย“ฉู่เฉิน งั้นก็หมายความว่า ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้วสินะ”กู้รั่วเสวี่ยเดินมาหยุดยืนต่อหน้าฉู่เฉิน ถามเขาด้วยเสียงอันแผ่วเบาฉู่เฉินส่ายหน้า เมื่อกี้เป็นแค่มายากล แต่ไม่ได้หมายความว่าที่ดินผืนนี้ไม่มีปัญหาอะไรไม่อย่างนั้น สมองและอวัยวะภายในของสวี่เอ้อร์โก่วค
มองดูท้องฟ้าเปิดโล่งที่เต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราว กู้รั่วเสวี่ยจึงเพิ่งนึกถึงเรื่องงานขึ้นมาได้ เธอหันไปพูดกับฉู่เฉินว่า “ฟ้าก็มืดแล้ว ต้องเตรียมตัวอะไรหน่อยไหม”ถึงเธอจะไม่เคยเห็นการจับผีที่แท้จริง แต่ก็เคยดูหนังที่คล้ายๆ กันอยู่ในหนังต้องใช้เลือดไก่ตัวผู้ หรือกระบี่เหรียญทองแดงอะไรทำนองนั้นด้วยไม่ใช่เหรอ“ยังเร็วไปอยู่ ผ่านยามจื่อไป ถึงจะเผยเงื่อนงำออกมาให้เห็น พวกเรามาต่อกันเถอะ”พูดจบ ฉู่เฉินคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง พร้อมกับโถมตัวเข้าใส่ร่างอรชรของกู้รั่วเสวี่ย……เมื่อเวลาล่วงเลยสู่กลางดึก ทั่วทั้งไซต์งานเงียบสงัดเหมือนเป่าสากฉู่เฉินใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว สาวเดินออกจากห้องพักในโรงงานแสงจันทร์นวลผ่องสาดกระทบลงมา ส่องสว่างพื้นที่โดยรอบ มีเพียงทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่ยังคงมืดมิดไปทั้งผืน ราวกับที่ตรงนั้นตัดขาดจากโลกภายนอกก็ไม่ปานฉู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย หมายจะสาวเท้าเดินไปทางนั้น ทว่าทันใดนั้น!ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือราวกับมีบางสิ่งกำลังมุดขึ้นมาจากพื้นดิน หน้าดินสั่นสะเทือนไม่หยุด ผ่านไปไม่นานพื้นดินตรงนั้นก็กลายเป็นเนินดินลูกหนึ่งจากนั้น ก็มีเสียงน้ำดังมาจากเนินดินกอง
ทุกสรรพสิ่งล้วนมีจิตวิญญาณของมัน และเมื่อมนุษย์บรรลุมหาธรรมวิถีก็จะกลายเป็นเซียนหากสายพันธุ์อื่นบรรลุมหาธรรมวิถีก็อาจจะกลายเป็นจิตวิญญาณแห่งขุนเขาหรือภูตพรายอย่างไรก็ตาม อสูรน้ำตนนี้ไม่มีทางปรากฏตัวขึ้นที่นี่โดยไร้ที่มาที่ไปเป็นอันขาด จะต้องเกิดจากการที่มีใครบางคนเล่นตุกติกอย่างแน่นอนแต่หัวหน้าเฉินเข้าใจเรื่องพวกนี้ที่ไหนกัน เมื่อได้ยินฉู่เฉินบอกให้เขาขุดกองดินที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นโผล่ออกมา เขาก็ปัสสาวะราดตรงนั้นเลย“ปะ...ปรมาจารย์ฉู่ เจ้านี่ตายไปแล้ว ยังต้องขะ...ขุดอีกเหรอครับ?”ฉู่เฉินกลอกตาใส่หัวหน้าเฉินแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องกลัวครับ อสูรน้ำตายไปแล้ว ถ้าเกิดมีอะไรฝังอยู่ข้างใต้แล้วออกมาทำร้ายคนอีกละก็ ผมไม่สนใจแล้วนะ” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวหน้าเฉินก็รีบพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ครับ! ผะ...ผมจะให้คนมาขุดกองดินนั่นพรุ่งนี้เช้า!”แม้ว่าในใจยังคงหวาดกลัวมาก แต่ฉู่เฉินพูดชัดเจนแล้วว่าหากไม่ขุดแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีก ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับฉู่เฉินแล้วหัวหน้าเฉินไม่อยากให้มีเรื่องแปลกประหลาดอะไรเกิดขึ้นอีกหลังจากที่ฉู่เฉินจากไปแล้ว คิดไปคิดมา ทำตามที่ฉู่เฉินบอกจะดีกว่า ทั้งคื
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ