ฉู่เฉินก้มมองนาฬิกาแวบหนึ่ง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้มร้ายกาจว่า “นี่เพิ่งจะบ่ายโมง เธอขาดผู้ชายขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงได้รีบขนาดนี้”หลิ่วชิงเหอได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าเรียวโกรธจนเขียวแล้วเธอรีบอะไรที่ไหนกัน หลังบ่ายสามโมง สวนสาธารณะเป๋ยหลิ่งผู้คนพลุกพล่าน แล้วจะให้เธอใช้ชีวิตต่อไปยังไงในอนาคต ฉู่เฉินจงใจถามทั้งรู้อยู่แล้วชัดๆ“ฉู่เฉิน ถึงแกจะอยากดูถูกเหยียดหยามฉันแค่ไหน ยังไงก็ต้องนึกถึงตัวเองบ้างรึเปล่า หลังสามโมงสวนสาธารณะเป๋ยหลิ่งมีวันไหนบ้างที่คนไม่พลุกพล่าน”“หรือ… หรือแกอยากดังมากรึไง”หลิ่วชิงเหอกัดฟันลอบสาปแช่งในใจ ไอ้เดรัจฉานนี่มันไม่ใช่คนแล้ว!ต้องให้ชื่อเสียงของเธอป่นปี้จนไม่เหลือชิ้นดีหรือไงถึงจะพอใจ“คนเยอะสิน่าตื่นเต้น”ฉู่เฉินพูดพร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายอะไรนะ?!หลิ่วชิงเหอแทบจะคลั่งอยู่แล้วเรื่องอย่างนี้เขาทำกันตอนคนเยอะๆ เสียที่ไหนกัน“ฉู่เฉิน แกมันโรคจิตชัดๆ!”หลิ่วชิงเหอกัดฟันด้วยความเคียดแค้น ถ้าไม่ใช่ว่าฉู่ซื่อกรุ๊ปตกอยู่ในสภาวะวิกฤติ เป็นตายร้ายดียังไงเธอก็ไม่มีทางยอมทำอะไรบ้าๆ แบบนี้กับไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินแน่นอน“โรคจิต? หลิ่วชิงเหอ ไม่รู้สึกอายบ้างเหรอที่พูดคำพูดน
หากขับรถไป สวนสาธารณะเป๋ยหลิ่งจะอยู่ห่างจากบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ประมาณหนึ่งชั่วโมง ฉู่เฉินจึงจำเป็นต้องขับแลมโบกินีของต้วนหลิงเสวี่ยไปฉู่เฉินรับกุญแจไปจากมือของต้วนหลิงเสวี่ย เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เหลืออีกหนึ่งชั่วโมงพอดีก่อนถึงเวลานัด เขาจึงกำชับสองสามประโยค จากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังสวนสาธารณะเป๋ยหลิ่งตอนที่ฉู่เฉินขับรถไปถึงทางเข้าสวนสาธารณะ หลิ่วชิงเหอรออยู่ตรงนั้นนานแล้วคนที่สัญจรไปมาหันไปมองหลิ่วชิงเหอเป็นระยะช่วยไม่ได้ เธอใส่เสื้อผ้าเซ็กซี่และเย้ายวนเกินไปโดยเฉพาะเรียวขายาวขาวเพรียวคู่นั้น ไม่มีถุงน่องหรืออะไรมาประดับบดบัง ตาเฒ่าหลายคนเห็นแล้วก็กระชุ่มกระชวยไปทั้งใจ ถึงขั้นที่มีชายสูงอายุผมขาวที่มาออกกำลังกาย เดินเข้ามาถามราคาอย่างทนไม่ไหวหลิ่วชิงเหอโมโหจนจะเป็นลมไปซะตรงนั้น เธอด่ากราดไม่ยั้ง จนตาแก่คนนั้นรีบวิ่งหนีไปทันทีแต่ยิ่งเป็นอย่างนี้ หลิ่วชิงเหอก็ยิ่งเหมือนมีไฟสุมอยู่ในอกลูกใหญ่ฉู่เฉิน!ไอ้สารเลว!หลิ่วชิงเหอเห็นฉู่เฉินเดินลงจากแลมโบกินีจากที่ไกล มือเล็กๆ กำหมัดแน่นจนเสียงกระดูกดังกรอบแกรบ“ทำไม ตกลงราคากันไม่ได้เหรอ”ฉู่เฉินเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้
ในขณะที่กลองรบกำลังจะถูกตี ฉู่เฉินตวัดสายตามองไปที่ป่าทึบที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูของหลิ่วชิงเหอเบาๆ ว่า “เหมือนมีคนแอบฟังอยู่ในพุ่มไม้ตรงนั้น”“ถ้าฉันเดาไม่ผิด น่าจะเป็นตาแก่ผมขาวที่มาถามราคาเธอเมื่อกี้”คำพูดของฉู่เฉินเหมือนหินก้อนหนึ่งที่ขว้างลงไปในบ่อน้ำลึก ก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ในพริบตาแม้แต่หลิ่วชิงเหอก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมพอได้ยินคำพูดพวกนั้น เปลวไฟในตัวของเธอกลับยิ่งทวีความร้อนรุ่มขึ้น?เธอสัมผัสได้อย่างชัดเจน มือเล็กๆ ของเธอที่กำลังกุมฉู่เฉินอยู่ถึงขั้นรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาแล้ว“งั้นก็ปล่อยให้เขาฟังไป เร็วเข้าเถอะ ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ”สิ้นเสียง หลิ่วชิงเหอถึงขั้นเป็นฝ่ายดันตัวเข้าไปหาฉู่เฉินเองฉู่เฉินดันมือเล็กๆ ของหลิ่วชิงเหอออกอย่างเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็จับหัวไหล่ของเธอต้องยอมรับว่าสถานที่ที่หลิ่วชิงเหอเลือก วิวดีเหมือนภาพวาดจริงๆ มองลงไปจากข้างบนนี้ แทบจะสามารถมองเห็นเมืองเจียงจงได้เกือบครึ่งเมืองเลยทีเดียว สายลมเย็นที่พัดผ่านเป็นระยะ ยิ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายอารมณ์ในพุ่มหญ้าข้างล่าง ชายสูงอายุที่มาถามราคาค่าตัวหลิ่วชิงเหอเมื่อกี้ ได้ยินเสี
ครืน!ในขณะที่ปลายเท้าของฉู่เฉินเพิ่งจะแตะถึงพื้น ต้นไม้ใหญ่สองต้นที่สูงเทียมฟ้าบนศาลาที่เขายืนอยู่เมื่อกี้ถูกฟันขาดเป็นสองท่อนเมื่อต้นไม้ล้มครืน ตรงรอยที่ถูกฟันของต้นไม้พลันมีควันลอยคลุ้งกรุ่นซี้ด!พอเห็นภาพนั้น ฉู่เฉินอดสูดหายใจไม่ได้ตาเฒ่านั่นมีของวิเศษอยู่ในมืองั้นเหรอ!แถมยังเป็นของวิเศษสายดำซะด้วย!ไม่ได้ถูกเล่นงานในคราวเดียว ชายชราพยักหน้าเบาๆ “แกเป็นผู้บำเพ็ญพรตจริงๆ ด้วยสินะ!”ฉู่เฉินวางหลิ่วชิงเหอที่กำลังปากอ้าตาค้าง และหน้าซีดด้วยความตกใจกลัว ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ขมวดคิ้วจ้องชายชรา “แกเป็นใคร?”ชายชรายิ้มตอบอย่างเย็นชา เขาถือดาบไพล่ไปข้างหลัง “แกฆ่าคนของตระกูลหยาง ยังกล้าถามว่าฉันเป็นใครอีก แต่ก็ช่างเถอะ ฉันจะสงเคราะห์ให้แกได้รู้ก่อนตายก็แล้วกัน”“ฉันก็คือหูเจี้ยนเซิง ผู้ที่ตระกูลหยางแห่งเมืองหลงเฉิงยกย่องและขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสองภูติวายุดำ”“ได้ตายด้วยกระบี่ของฉัน นับว่าเป็นบุญของแก ถ้าไม่อยากให้ฉันฆ่าผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังแกไปด้วย ก็ยื่นคอมาให้บั่นเสียดีๆ”“ไม่อย่างนั้น กระบี่ชื่อหลงเล่มนี้ของฉันเกรงว่าคงจะต้องปลิดชีพวิญญาณบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นซะแล้ว
“ไม่รู้จักกลัวตาย!”หูเจี้ยนเซิงหันหลังให้ฉู่เฉิน คำรามเสียงต่ำขึ้นมา “ปราณมังกรเพลิง!”เมื่อสิ้นเสียงพูดของเขา บนกระบี่ชื่อหลงเล่มนั้นก็พลันมีเงามังกรสีแดงเส้นหนึ่งพวยพุ่งขึ้นมา“ครืน!”ดาบนั้นของฉู่เฉินยังไม่ทันตวัดลงไป ก็ถูกมังกรมีแดงเพลิงตัวนั้นพุ่งชนออกไป แม้แต่กระบี่ยาวในมือก็ยังกระเด็นลอยออกไปไกลถึงเจ็ดแปดเมตรพรืด!ฉู่เฉินกระอักเลือกคำโตอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ ฉู่เฉินถูกโจมตีหนักกว่าครั้งเมื่อกี้หลายขุมกลิ่นอายเร่าร้อนขุมหนึ่งพวยพุ่งเข้าสู่เส้นชีพจรทั่วร่าง ป่วนพล่านอยู่ในอวัยวะภายในของเขาฉู่เฉินพยายามอดทนต่ออาการเจ็บที่หน้าอก ยืนตัวตรงอย่างยากลำบาก เขากัดฟันเงยหน้ามองหูเจี้ยนเซิง“ไอ้หนู ตอนนี้รู้ถึงความแตกต่างระหว่างแกกับตระกูลหยางของพวกฉันหรือยัง”หูเจี้ยนเซิงเอามือไพล่หลัง จ้องพิจารณาฉู่เฉินด้วยสีหน้าหยิ่งยโส และพูดว่า “ฉันจะฆ่าแก ใช้เพียงกระบี่เดียวก็เพียงพอแล้ว! ตอนนี้ฉันจะไว้ชีวิตคนข้างๆ แก”“ขอแค่แกคุกเข่าสารภาพบาปของแก่ต่อหน้าดวงวิญญาณของหยางเส้าหัว ฉันจะยอมฆ่าแกแค่คนเดียว คนอื่นไม่เกี่ยว ไม่อย่างนั้น ใครก็ตามที่อยู่ข้างแก ล้วนต้องตาย!”พูดจบ หูเจี้ยนเซิงก้
นึกมาถึงตรงนี้ ฉู่เฉินราวกับตระหนักและตื่นรู้ทุกอย่างในพริบตา ในสมองของเขา วิชายันต์อาคม รวมถึงวิชากระบี่ วิชาต่อสู้ที่เคยเรียนมาได้จางหายไปอย่างช้าๆ ในขณะที่ปัญญาของฉู่เฉินได้กระจ่างชัดขึ้นมาอีกหนึ่งระดับชั่วพริบตานั้น ความคิดที่ไร้ประโยชน์ทั้งหมดในสมองของฉู่เฉินถูกลบล้างออกไปจนสิ้นเวลานี้ เขาก็คือฉู่เฉิน ผู้บำเพ็ญพรตบริสุทธิ์คนหนึ่งครืน!เมื่อฉู่เฉินนึกมาถึงตรงนี้ แสงสว่างเรืองรองขุมหนึ่งได้ระเบิดออกมาจากร่างของเขาราวกับมีมังกรขนาดใหญ่ตัวหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา ขณะเดียวกัน อากาศรอบกายของเขาก็ราวกับถูกตัดขาด แยกออกมาเป็นเอกเทศหูเจี้ยนเซิงที่เห็นภาพน่าอัศจรรย์นั่นถึงกับตกตะลึงตาค้างไม่ว่าฉู่เฉินจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดขึ้น เขาก็ต้องรีบจบการต่อสู้ครั้งนี้ และกำจัดไอ้หนูที่ลึกลับยากหยั่งถึงคนนี้ให้เร็วที่สุด เลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น และเดินตามรอยเท้าของกู่ฉางเซิงและฮวาว่านโหลวนึกมาถึงตรงนี้ หูเจี้ยนเซิงตวัดกระบี่ชื่อหลงในมือ ประกายแสงสีแดงบริสุทธิ์พุ่งฟันไปทางฉู่เฉินที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น“กรี๊ด! ฉู่เฉิน! รีบหนีเร็วสิ!”พอเห็นว่ากระบี่นั่นฟาดฟ
เปรี้ยง!ในช่วงวินาทีหน้าสิ่วหน้าขวาน ทันใดนั้น เสียงสายฟ้าฟาดดังมาจากเบื้องบนอะไรน่ะ?!หัวใจของหูเจี้ยนเซิงหนักอึ้งจมดิ่ง นี่มันสายอัสนีระดับสร้างรากฐานแค่ภายในเวลาสั้นๆ สิบกว่านาที ฉู่เฉินก็สามารถทะลวงขั้นพลังเข้าสู่ระดับสร้างรากฐานได้แล้วงั้นเหรอเป็นไปไม่ได้!เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!หูเจี้ยนเซิงก้าวข้ามเป็นผู้ฝึกปราณขั้นเก้าตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว แต่ระยะเวลาสิบปีผ่านไปแล้ว เขาก็ยังไม่อาจก้าวข้ามอุปสรรคขั้นสุดท้ายได้เลยทว่าภายในเวลาเพียงสิบนาที ฉู่เฉินที่เป็นผู้ฝึกปราณขั้นเจ็ดกลับสามารถทะลวงขั้นพลังสามขั้นติดกัน และกลายเป็นผู้บำเพ็ญพรตขั้นสร้างรากฐานแล้วงั้นเหรอ?!เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองแต่ไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ สายอัสนีอันน่าครั่นคร้ามก็ได้ฟาดฟันลงมาอย่างไร้ความปรานีแล้วกระบี่ของหูเจี้ยนเซิงยังไม่ทันสัมผัสถูกตัวหลิ่วชิงเหอ ก็ถูกคลื่นพลังอันน่ากริ่งเกรงขุมหนึ่งดีดออกมาแม้แต่หูเจี้ยนเซิงก็ยังถูกพลังขุมนั้นสะท้อนใส่จนกระบี่หลุดออกจากมือ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังถูกบีบให้ถอยหลังออกไปอีกสามก้าวด้วย“ไอ้หนู ฉันอยากรู้นักแกจะคอยขัดขวางฉันได้ยังไง!”ไม่ว่ายังไงเขาไม่
ฉู่เฉินตวัดสายตามองชายชราคนนั้นแวบหนึ่ง ยกมือตวัดเข็มเงินออกไป พุ่งแทงเข้าที่จุดต้าจุยของเขาเมื่อเข็มเงินถูกแทงเข้าไป อาการเจ็บเอวของชายชราก็หายไปในพริบตาพอรู้สึกได้ว่าร่างกายเบาโล่งขึ้นมาก ชายชราออกวิ่งทันทีโดยไม่หันหลังกลับมาอีกน่ากลัวเกินไปแล้ว กลางวันแสกๆ โยนคนเป็นๆ ลงมาด้านล่างศาลาแบบนี้พอชายชราวิ่งออกไปไกล ฉู่เฉินจึงค่อยสาวเดินไปหาหูเจี้ยนเซิง“ไอ้หนู! แก… แกกล้าเหรอ!”หูเจี้ยนเซิงถอยกรูด พลางควานหากระบี่ชื่อหลงไปทั่ว“ทำไมฉันจะไม่กล้า!”พูดจบ ฉู่เฉินก้าวเท้าออกไป เอื้อมมือออกไปคว้าลำคอของหูเจี้ยนเซิง เอ่ยถามด้วยสายตาเย็นชาว่า “บอกฉันมา แกหาฉันเจอได้ยังไง”ตอนที่ออกมาจากบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ ฉู่เฉินจงใจปล่อยดวงจิตออกไปเพื่อสำรวจบริเวณรอบๆ ก่อนแล้วหลังจากมั่นใจว่าไม่มีกลิ่นอายอันตรายแล้ว ฉู่เฉินจึงขับรถมาที่สวนสาธารณะเป๋ยหลิ่งแห่งนี้ซึ่งก็หมายความว่า หูเจี้ยนเซิงไม่ได้ตามเขามาจากบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ แต่อีกฝ่ายตามเขามาที่สวนสาธารณะเป๋ยหลิ่งโดยตรง“เหอะ! ไอ้หนู แกอย่าคิดว่าจะได้อะไรจากปาก… อ๊าก!”หูเจี้ยนเซิงเพิ่งจะพูดได้ครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็ยื่นมือไปคว้าแขนอีกข้างของเขา
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ