แต่พอเรื่องพัวพันถึงผู้บำเพ็ญพรต ถึงขั้นที่อาจดึงสำนักที่อยู่เบื้องหลังของฉู่เฉินให้เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย หยางติ่งเทียนจึงได้ลังเลแล้วลังเลเล่าทว่าในเมื่อแม้แต่หูเจี้ยนเซิงก็พูดอย่างนี้แล้ว ว่าฆ่าฉู่เฉินไปก็ไม่ได้นำพาความเดือดร้อนอะไรมาให้ อย่างนั้นเขาจะมัวกลัวอะไรอยู่อีก“อาวุโสหู อย่างนั้นแค้นอันใหญ่หลวงของหลานชายผมก็คงต้องฝากอาวุโสหูให้ช่วยสะสางแทนด้วย เพียงแต่ไม่รู้ว่าต้องเตรียมตัวอะไรก่อนหรือไม่”หยางติ่งเทียนถามอย่างใส่ใจการต่อสู้ระหว่างผู้บำเพ็ญพรตต่างจากนักสู้ทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังเป็นถึงยอดฝีมือผู้ฝึกปราณขั้นเจ็ด หูเจี้ยนเซิงแม้เป็นผู้ฝึกปราณขั้นเก้า อย่างไรก็ไม่ควรประมาทเลินเล่อ“โปรดให้ผมยืมกระบี่ชื่อหลงไปใช้ นอกจากเรื่องนี้ก็ไม่มีอย่างอื่นแล้ว”หูเจี้ยนเซิงพูดกับหยางติ่งเทียนอย่างจริงจังว่า “พรุ่งนี้ก่อนอาทิตย์ลับขอบฟ้า ผมจะนำหัวของมันกลับมารายงานต่อหน้าผู้นำตระกูลให้ได้”คำพูดของเขาทำให้หยางติ่งเทียนสบายใจขึ้นมา เขารีบหันไปสั่งหยางเทียนฉีที่อยู่ข้างๆ ว่า “เทียนฉี ไปหยิบกระบี่ชื่อหลงในคลังเก็บของมา”ผ่านไปไม่นาน หยางเทียนฉีประคองกระบี่ล้ำค่าสีแดงสดที่ส่อง
ฉู่เฉินก้มมองนาฬิกาแวบหนึ่ง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้มร้ายกาจว่า “นี่เพิ่งจะบ่ายโมง เธอขาดผู้ชายขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงได้รีบขนาดนี้”หลิ่วชิงเหอได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าเรียวโกรธจนเขียวแล้วเธอรีบอะไรที่ไหนกัน หลังบ่ายสามโมง สวนสาธารณะเป๋ยหลิ่งผู้คนพลุกพล่าน แล้วจะให้เธอใช้ชีวิตต่อไปยังไงในอนาคต ฉู่เฉินจงใจถามทั้งรู้อยู่แล้วชัดๆ“ฉู่เฉิน ถึงแกจะอยากดูถูกเหยียดหยามฉันแค่ไหน ยังไงก็ต้องนึกถึงตัวเองบ้างรึเปล่า หลังสามโมงสวนสาธารณะเป๋ยหลิ่งมีวันไหนบ้างที่คนไม่พลุกพล่าน”“หรือ… หรือแกอยากดังมากรึไง”หลิ่วชิงเหอกัดฟันลอบสาปแช่งในใจ ไอ้เดรัจฉานนี่มันไม่ใช่คนแล้ว!ต้องให้ชื่อเสียงของเธอป่นปี้จนไม่เหลือชิ้นดีหรือไงถึงจะพอใจ“คนเยอะสิน่าตื่นเต้น”ฉู่เฉินพูดพร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายอะไรนะ?!หลิ่วชิงเหอแทบจะคลั่งอยู่แล้วเรื่องอย่างนี้เขาทำกันตอนคนเยอะๆ เสียที่ไหนกัน“ฉู่เฉิน แกมันโรคจิตชัดๆ!”หลิ่วชิงเหอกัดฟันด้วยความเคียดแค้น ถ้าไม่ใช่ว่าฉู่ซื่อกรุ๊ปตกอยู่ในสภาวะวิกฤติ เป็นตายร้ายดียังไงเธอก็ไม่มีทางยอมทำอะไรบ้าๆ แบบนี้กับไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินแน่นอน“โรคจิต? หลิ่วชิงเหอ ไม่รู้สึกอายบ้างเหรอที่พูดคำพูดน
หากขับรถไป สวนสาธารณะเป๋ยหลิ่งจะอยู่ห่างจากบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ประมาณหนึ่งชั่วโมง ฉู่เฉินจึงจำเป็นต้องขับแลมโบกินีของต้วนหลิงเสวี่ยไปฉู่เฉินรับกุญแจไปจากมือของต้วนหลิงเสวี่ย เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เหลืออีกหนึ่งชั่วโมงพอดีก่อนถึงเวลานัด เขาจึงกำชับสองสามประโยค จากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังสวนสาธารณะเป๋ยหลิ่งตอนที่ฉู่เฉินขับรถไปถึงทางเข้าสวนสาธารณะ หลิ่วชิงเหอรออยู่ตรงนั้นนานแล้วคนที่สัญจรไปมาหันไปมองหลิ่วชิงเหอเป็นระยะช่วยไม่ได้ เธอใส่เสื้อผ้าเซ็กซี่และเย้ายวนเกินไปโดยเฉพาะเรียวขายาวขาวเพรียวคู่นั้น ไม่มีถุงน่องหรืออะไรมาประดับบดบัง ตาเฒ่าหลายคนเห็นแล้วก็กระชุ่มกระชวยไปทั้งใจ ถึงขั้นที่มีชายสูงอายุผมขาวที่มาออกกำลังกาย เดินเข้ามาถามราคาอย่างทนไม่ไหวหลิ่วชิงเหอโมโหจนจะเป็นลมไปซะตรงนั้น เธอด่ากราดไม่ยั้ง จนตาแก่คนนั้นรีบวิ่งหนีไปทันทีแต่ยิ่งเป็นอย่างนี้ หลิ่วชิงเหอก็ยิ่งเหมือนมีไฟสุมอยู่ในอกลูกใหญ่ฉู่เฉิน!ไอ้สารเลว!หลิ่วชิงเหอเห็นฉู่เฉินเดินลงจากแลมโบกินีจากที่ไกล มือเล็กๆ กำหมัดแน่นจนเสียงกระดูกดังกรอบแกรบ“ทำไม ตกลงราคากันไม่ได้เหรอ”ฉู่เฉินเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้
ในขณะที่กลองรบกำลังจะถูกตี ฉู่เฉินตวัดสายตามองไปที่ป่าทึบที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูของหลิ่วชิงเหอเบาๆ ว่า “เหมือนมีคนแอบฟังอยู่ในพุ่มไม้ตรงนั้น”“ถ้าฉันเดาไม่ผิด น่าจะเป็นตาแก่ผมขาวที่มาถามราคาเธอเมื่อกี้”คำพูดของฉู่เฉินเหมือนหินก้อนหนึ่งที่ขว้างลงไปในบ่อน้ำลึก ก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ในพริบตาแม้แต่หลิ่วชิงเหอก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมพอได้ยินคำพูดพวกนั้น เปลวไฟในตัวของเธอกลับยิ่งทวีความร้อนรุ่มขึ้น?เธอสัมผัสได้อย่างชัดเจน มือเล็กๆ ของเธอที่กำลังกุมฉู่เฉินอยู่ถึงขั้นรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาแล้ว“งั้นก็ปล่อยให้เขาฟังไป เร็วเข้าเถอะ ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ”สิ้นเสียง หลิ่วชิงเหอถึงขั้นเป็นฝ่ายดันตัวเข้าไปหาฉู่เฉินเองฉู่เฉินดันมือเล็กๆ ของหลิ่วชิงเหอออกอย่างเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็จับหัวไหล่ของเธอต้องยอมรับว่าสถานที่ที่หลิ่วชิงเหอเลือก วิวดีเหมือนภาพวาดจริงๆ มองลงไปจากข้างบนนี้ แทบจะสามารถมองเห็นเมืองเจียงจงได้เกือบครึ่งเมืองเลยทีเดียว สายลมเย็นที่พัดผ่านเป็นระยะ ยิ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายอารมณ์ในพุ่มหญ้าข้างล่าง ชายสูงอายุที่มาถามราคาค่าตัวหลิ่วชิงเหอเมื่อกี้ ได้ยินเสี
ครืน!ในขณะที่ปลายเท้าของฉู่เฉินเพิ่งจะแตะถึงพื้น ต้นไม้ใหญ่สองต้นที่สูงเทียมฟ้าบนศาลาที่เขายืนอยู่เมื่อกี้ถูกฟันขาดเป็นสองท่อนเมื่อต้นไม้ล้มครืน ตรงรอยที่ถูกฟันของต้นไม้พลันมีควันลอยคลุ้งกรุ่นซี้ด!พอเห็นภาพนั้น ฉู่เฉินอดสูดหายใจไม่ได้ตาเฒ่านั่นมีของวิเศษอยู่ในมืองั้นเหรอ!แถมยังเป็นของวิเศษสายดำซะด้วย!ไม่ได้ถูกเล่นงานในคราวเดียว ชายชราพยักหน้าเบาๆ “แกเป็นผู้บำเพ็ญพรตจริงๆ ด้วยสินะ!”ฉู่เฉินวางหลิ่วชิงเหอที่กำลังปากอ้าตาค้าง และหน้าซีดด้วยความตกใจกลัว ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ขมวดคิ้วจ้องชายชรา “แกเป็นใคร?”ชายชรายิ้มตอบอย่างเย็นชา เขาถือดาบไพล่ไปข้างหลัง “แกฆ่าคนของตระกูลหยาง ยังกล้าถามว่าฉันเป็นใครอีก แต่ก็ช่างเถอะ ฉันจะสงเคราะห์ให้แกได้รู้ก่อนตายก็แล้วกัน”“ฉันก็คือหูเจี้ยนเซิง ผู้ที่ตระกูลหยางแห่งเมืองหลงเฉิงยกย่องและขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสองภูติวายุดำ”“ได้ตายด้วยกระบี่ของฉัน นับว่าเป็นบุญของแก ถ้าไม่อยากให้ฉันฆ่าผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังแกไปด้วย ก็ยื่นคอมาให้บั่นเสียดีๆ”“ไม่อย่างนั้น กระบี่ชื่อหลงเล่มนี้ของฉันเกรงว่าคงจะต้องปลิดชีพวิญญาณบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นซะแล้ว
“ไม่รู้จักกลัวตาย!”หูเจี้ยนเซิงหันหลังให้ฉู่เฉิน คำรามเสียงต่ำขึ้นมา “ปราณมังกรเพลิง!”เมื่อสิ้นเสียงพูดของเขา บนกระบี่ชื่อหลงเล่มนั้นก็พลันมีเงามังกรสีแดงเส้นหนึ่งพวยพุ่งขึ้นมา“ครืน!”ดาบนั้นของฉู่เฉินยังไม่ทันตวัดลงไป ก็ถูกมังกรมีแดงเพลิงตัวนั้นพุ่งชนออกไป แม้แต่กระบี่ยาวในมือก็ยังกระเด็นลอยออกไปไกลถึงเจ็ดแปดเมตรพรืด!ฉู่เฉินกระอักเลือกคำโตอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ ฉู่เฉินถูกโจมตีหนักกว่าครั้งเมื่อกี้หลายขุมกลิ่นอายเร่าร้อนขุมหนึ่งพวยพุ่งเข้าสู่เส้นชีพจรทั่วร่าง ป่วนพล่านอยู่ในอวัยวะภายในของเขาฉู่เฉินพยายามอดทนต่ออาการเจ็บที่หน้าอก ยืนตัวตรงอย่างยากลำบาก เขากัดฟันเงยหน้ามองหูเจี้ยนเซิง“ไอ้หนู ตอนนี้รู้ถึงความแตกต่างระหว่างแกกับตระกูลหยางของพวกฉันหรือยัง”หูเจี้ยนเซิงเอามือไพล่หลัง จ้องพิจารณาฉู่เฉินด้วยสีหน้าหยิ่งยโส และพูดว่า “ฉันจะฆ่าแก ใช้เพียงกระบี่เดียวก็เพียงพอแล้ว! ตอนนี้ฉันจะไว้ชีวิตคนข้างๆ แก”“ขอแค่แกคุกเข่าสารภาพบาปของแก่ต่อหน้าดวงวิญญาณของหยางเส้าหัว ฉันจะยอมฆ่าแกแค่คนเดียว คนอื่นไม่เกี่ยว ไม่อย่างนั้น ใครก็ตามที่อยู่ข้างแก ล้วนต้องตาย!”พูดจบ หูเจี้ยนเซิงก้
นึกมาถึงตรงนี้ ฉู่เฉินราวกับตระหนักและตื่นรู้ทุกอย่างในพริบตา ในสมองของเขา วิชายันต์อาคม รวมถึงวิชากระบี่ วิชาต่อสู้ที่เคยเรียนมาได้จางหายไปอย่างช้าๆ ในขณะที่ปัญญาของฉู่เฉินได้กระจ่างชัดขึ้นมาอีกหนึ่งระดับชั่วพริบตานั้น ความคิดที่ไร้ประโยชน์ทั้งหมดในสมองของฉู่เฉินถูกลบล้างออกไปจนสิ้นเวลานี้ เขาก็คือฉู่เฉิน ผู้บำเพ็ญพรตบริสุทธิ์คนหนึ่งครืน!เมื่อฉู่เฉินนึกมาถึงตรงนี้ แสงสว่างเรืองรองขุมหนึ่งได้ระเบิดออกมาจากร่างของเขาราวกับมีมังกรขนาดใหญ่ตัวหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา ขณะเดียวกัน อากาศรอบกายของเขาก็ราวกับถูกตัดขาด แยกออกมาเป็นเอกเทศหูเจี้ยนเซิงที่เห็นภาพน่าอัศจรรย์นั่นถึงกับตกตะลึงตาค้างไม่ว่าฉู่เฉินจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดขึ้น เขาก็ต้องรีบจบการต่อสู้ครั้งนี้ และกำจัดไอ้หนูที่ลึกลับยากหยั่งถึงคนนี้ให้เร็วที่สุด เลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น และเดินตามรอยเท้าของกู่ฉางเซิงและฮวาว่านโหลวนึกมาถึงตรงนี้ หูเจี้ยนเซิงตวัดกระบี่ชื่อหลงในมือ ประกายแสงสีแดงบริสุทธิ์พุ่งฟันไปทางฉู่เฉินที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น“กรี๊ด! ฉู่เฉิน! รีบหนีเร็วสิ!”พอเห็นว่ากระบี่นั่นฟาดฟ
เปรี้ยง!ในช่วงวินาทีหน้าสิ่วหน้าขวาน ทันใดนั้น เสียงสายฟ้าฟาดดังมาจากเบื้องบนอะไรน่ะ?!หัวใจของหูเจี้ยนเซิงหนักอึ้งจมดิ่ง นี่มันสายอัสนีระดับสร้างรากฐานแค่ภายในเวลาสั้นๆ สิบกว่านาที ฉู่เฉินก็สามารถทะลวงขั้นพลังเข้าสู่ระดับสร้างรากฐานได้แล้วงั้นเหรอเป็นไปไม่ได้!เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!หูเจี้ยนเซิงก้าวข้ามเป็นผู้ฝึกปราณขั้นเก้าตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว แต่ระยะเวลาสิบปีผ่านไปแล้ว เขาก็ยังไม่อาจก้าวข้ามอุปสรรคขั้นสุดท้ายได้เลยทว่าภายในเวลาเพียงสิบนาที ฉู่เฉินที่เป็นผู้ฝึกปราณขั้นเจ็ดกลับสามารถทะลวงขั้นพลังสามขั้นติดกัน และกลายเป็นผู้บำเพ็ญพรตขั้นสร้างรากฐานแล้วงั้นเหรอ?!เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองแต่ไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ สายอัสนีอันน่าครั่นคร้ามก็ได้ฟาดฟันลงมาอย่างไร้ความปรานีแล้วกระบี่ของหูเจี้ยนเซิงยังไม่ทันสัมผัสถูกตัวหลิ่วชิงเหอ ก็ถูกคลื่นพลังอันน่ากริ่งเกรงขุมหนึ่งดีดออกมาแม้แต่หูเจี้ยนเซิงก็ยังถูกพลังขุมนั้นสะท้อนใส่จนกระบี่หลุดออกจากมือ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังถูกบีบให้ถอยหลังออกไปอีกสามก้าวด้วย“ไอ้หนู ฉันอยากรู้นักแกจะคอยขัดขวางฉันได้ยังไง!”ไม่ว่ายังไงเขาไม่
“เหอะ ๆ...นะ....นี่เป็นฟ้า...ลิขิต...”ฉีอวี่ไท่พูดจบก็คอเอียง และสิ้นลมหายใจคาที่จนกระทั่งทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ บรรดาผู้ทรงอิทธิพลที่มาร่วมงานเลี้ยงถึงค่อยยืนตรงตัวสั่นระริก มองฉู่เฉินด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจกลัว“คุณฉู่ พะ...พวกเราเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาของหอการค้าตะวันออกใหญ่เท่านั้นนะ บุญคุณความแค้นระหว่างพวกคุณไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลยนะครับ!”ชายวัยกลางคนที่เยาะหยันฉู่เฉินก่อนหน้านี้ ขาอ่อนยวบก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นเมื่อเห็นเขาคุกเข่า ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ แทบจะคุกเข่าลงไปตาม ๆ กันถึงแม้เฉียนหลงวิลล่าจะสร้างขึ้นมาอย่างใหญ่โตโอ่อ่า แต่ปัญหาคือที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมืองมากเกินไป ต่อให้ฉู่เฉินฆ่าพวกเขาไปด้วยแล้วป้อนให้ผีดิบเลือดคลั่งกินจนหมด ก็คงไม่มีใครรู้เลยนอกจากนี้ ต่อให้สืบได้ว่าพวกเขาโดนผีดิบเลือดคลั่งกลืนกินทั้งเป็นแล้วจะทำอย่างไรได้?ใครจะต่อกรกับเจ้านั่นได้?ว่ากันว่าใต้เข่าของลูกผู้ชายมีทองคำ เพียงแต่ยังไม่ถึงช่วงเวลาความเป็นความตาย เมื่อเทียบกับชีวิตแล้ว คุกเข่าโขกหัวจะนับเป็นอะไรได้?“คุณฉู่ พวกเราไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ นะครับ นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าเกาเซิ่งอี้จ
“ฉู่เฉิน กะ...นายแกทำอะไร? เลี้ยงศพฆ่าคนเป็นเรื่องผิดกฎหมายนะ!” เมื่อเห็นผีดิบเลือดคลั่ง เสิ่นเจี้ยนเฟิงก็ตื่นตระหนกทันทีสิ่งที่เขาฝึกฝนคือวิชาประตูกลมหัศจรรย์ และเคยได้ยินเรื่องของผีดิบเลือดคลั่งมาบ้าง เขายิ่งไม่อยากโดนผีดิบเลือดคลั่งกลืนกินทั้งเป็นฉู่เฉินไม่สนใจเสิ่นเจี้ยนเฟิงเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าย่อตัวลงมาตบหน้าเกาเซิ่งอี้แล้วพูดว่า “บอกมา ปีนั้นคุณลักพาตัวพ่อแม่ของผมไปใช่ไหม ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน!”ม่านตาของเกาเซิ่งอี้หดลงเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้ารัว ๆ แล้วพูดว่า “ผมไม่รู้ ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น!”“อ้อ? เหรอครับ? ดูเหมือนว่าต้องช่วยคุณฟื้นความทรงจำให้ดีสักหน่อยแล้วสินะ”เมื่อสิ้นเสียงพูดของฉู่เฉิน เขาก็เอานิ้วชี้ไปยังเสิ่นเจี้ยนเฟิงที่ทรุดอยู่กับพื้นแล้วเอ่ยว่า “เจ้าทึ่ม กินอาหารได้แล้ว” “โฮก!”เมื่อเห็นเสิ่นเจี้ยนเฟิงที่หายใจรวยริน ภายในม่านตาที่มืดดำคู่นั้นของเจ้าทึ่มพลันเปล่งแสงสีฟ้าอ่อน ก่อนส่งเสียงคำรามที่น่าพรั่นพรึงออกมาพวกผู้ทรงอิทธิพลในวงการธุรกิจที่อยู่ในที่แห่งนี้ตกใจกลัวจนขดตัว ไม่กล้ามองอีกเลย “ไอ้คนแซ่ฉู่ แกแม่งจะต้องไม่ตายดี!”เสิ่นเจี้ยนเฟิงถูกเจ้าทึ่มค
สำนักใหญ่ของโลกบำเพ็ญเพียรเกือบทั้งหมดล้วนรวมตัวกันอยู่ในเขตอันกว้างใหญ่นี้ส่วนพวกเขาอย่างมากสุดก็เป็นได้แค่ปลาซิวปลาสร้อยเท่านั้นหากต่อสู้กับฉู่เฉินอย่างถึงที่สุดจริง ๆ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเขาเลย“ใช่แล้ว ขอเพียงแกปล่อยพวกเราไป พวกเราจะไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ออกไปเด็ดขาด แกก็จะหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนโลกแห่งการหยั่งรู้ตามฆ่าได้ด้วย” เสิ่นเจี้ยนเฟิงเอ่ยเสริมโดยที่แฝงการข่มขู่ไว้กึ่งหนึ่งเช่นกัน“ฉู่เฉิน หยุดดีกว่านะ พวกเราหาเรื่องคนพวกนี้ไม่ไหวหรอก”หลิ่วหรูเยียนเห็นฉู่เฉินยังคงเงียบไม่พูดไม่จาก็รีบลุกออกมาพูดเกลี้ยกล่อมในความคิดของเธอ วันนี้ฉู่เฉินได้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาแล้วนอกจากนี้ ตั้งแต่นี้ไป มณฑลเจียงจะไม่มีหอการค้าตะวันออกใหญ่อะไรอีก ส่วนบรรดาผู้มีอิทธิพลในวงการธุรกิจที่อยู่ในที่แห่งนี้ก็ได้เห็นความสามารถของฉู่เฉินกับตาตัวเองแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือ แทบทุกคนต่างรู้แล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉู่เฉินเช่นนี้ไม่ว่าวันหน้าฉู่ซื่อกรุ๊ปจะไปหาใครที่อยู่ที่นี่ในวันนี้ อีกฝ่ายล้วนต้องช่วยเหลือฉู่ซื่อกรุ๊ปโดยไม่มีเงื่อนไขสำหรับหลิวหรูเยียนแล้ว เรื่องพวกนี้เป็นผลประโย
“เมื่อกี้คุณไม่ได้พูดแบบนี้นี่นา ผมไม่เดินเข้ามา แล้วคุณจะฆ่าผมได้ยังไงล่ะ?”ฉู่เฉินยิ้ม เพียงแต่ในความคิดของเกาเซิ่งอี้ รอยยิ้มของเขาน่าหวาดหวั่นเกินไป ทำให้คนตกใจกลัวมากเกินไปจริง ๆ“มะ...เมื่อกี้เห็นชัด ๆ ว่าแกโดนวิชาหุ่นเชิดของฉันไปแล้ว โดนฝังลึกอยู่ใต้ดินไปแล้ว เป็นไปได้ยังไง...” เสิ่นเจี้ยนเฟิงเงยหน้าขึ้นมาอย่างยากลำบาก มองไปทางฉู่เฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม นี่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลยเขาถึงขนาดใช้วิชาหุ่นเชิดที่เคยสังหารยอดฝีมือระดับเดียวกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน คนพวกนั้นแต่ละคนล้วนเป็นพวกมีประสบการณ์โชกโชนที่ผ่านศึกมานับร้อยแม้แต่พวกเขาก็ไม่อาจหนีพ้นเคราะห์ไปได้ ฉู่เฉินทำได้ยังไง...ฉู่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ว่า “คุณหมายถึงเจ้านี่เหรอ?”สิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็หยิบหุ่นฟางออกมาจากด้านหลัง หุ่นฟาง?!ม่านตาของเสิ่นเจี้ยนเฟิงหดลงเล็กน้อย เขาคุ้นเคยกับหุ่นฟางตัวนั้นเป็นอย่างดี สำนักอวี้ซือ แต่เจ้าสำนักอวี้ซือเพิ่งจะฝึกปรือถึงระดับสร้างรากฐานชั้นสาม ฉู่เฉินไม่มีทางป็นคนของสำนักอวี้ซือได้เลย “วิชาหุ่นเชิดของคุณไม่เลวเอามาก ๆ เลยจริง ๆ แต่ว่าเมื่อเทียบกับ
แม้ว่าฉู่เฉินจะมีมรดกของมังกรเฒ่า แต่เวลานี้เขาตกอยู่ท่ามกลางอาคมประตูกลมหัศจรรย์โดยสิ้นเชิงแล้วตั้งแต่โบราณมาวิชาประตูกลมหัศจรรย์ก็คือวิชาลี้ลับที่แย่งชิงพลังจากฟ้าเพื่อสร้างโชค ลึกลับอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเห็นใต้เท้าของฉู่เฉินเกิดเป็นน้ำวน “กินคน” เสิ่นเจี้ยนเฟิงรีบตะโกนเสียงดังบอกเกาเซิ่งอี้ว่า “รีบไปเร็วเข้า! ที่นี่กำลังจะถล่มแล้ว!”เมื่อสิ้นเสียงพูด เสิ่นเจี้ยนเฟิงก็พุ่งปราดออกไป เกาเซิ่งอี้เองก็ไม่สนใจอาการบาดเจ็บบนร่างกาย รีบทะยานออกไปอย่างรวดเร็วโครม!วินาทีต่อมา ทั่วทั้งห้องโถงถล่มลงไปจริง ๆ เกิดเป็นหลุมลึกที่มองไม่เห็นพื้นขึ้นมาที่ใต้ดินโครมคราม!ชั่วขณะหนึ่ง อาณาเขตคฤหาสน์กว่าครึ่งคล้ายกับอยู่ท่ามกลางทรายดูดในทะเลทราย แม้แต่ตัวคฤหาสนทั้งหลังก็จมลงไปในหลุมลึกเช่นกันส่วนฉู่เฉินก็จมลงไปสู่ใต้ดินตามคฤหาสน์ไปเช่นเดียวกัน“ฮ่า ๆๆ...”เสิ่นเจี้ยนเฟิงเห็นฉู่เฉินโดนฝังลึกอยู่ในใต้ดินแล้ว เขาก็อดแหงนหน้าหัวเราะเสียงดังไม่ได้แล้วพูดว่า “ไอ้เด็กไม่รู้ความ ยังกล้าอวดดีต่อหน้าพวกเราอีกเหรอ? นี่ก็คือจุดจบของแก!”จางจิ่งหลงมองคฤหาสน์ที่โดนฝังลึกอยู่ในใต้ดินแวบหนึ่ง ก่อนจ
ฉู่เฉินกลับไม่สนใจเขาเลย เพราะว่าจางจิ่งหลงที่อยู่ข้างหลังเขาก็ออกหมัดสังหารเข้ามาเช่นกัน“ลองดูหมัดมังกรดำของฉัน!”ฟิ้ว!สายลมรุนแรงที่ขนาบโดยหมอกดำพุ่งตรงมาที่กลางหลังของฉู่เฉิน“ตายซะ!”ในขณะเดียวกัน เกาเซิ่งอี้พุ่งกายหลายครั้งราวกับภูตผีจนมาถึงด้านหลังของฉู่เฉิน เขายกฝ่ามือดำทะมึนขึ้นมาก่อนจะฟาดตรงไปที่เอวของฉู่เฉินถึงแม้ว่าฉู่เฉินจะพุ่งตัวหลบหมัดมังกรดำของจางจิ่งหลงแล้ว แต่เขาก็รับหมัดของเกาเซิ่งอี้ไปเต็ม ๆผัวะ!ลอบโจมตีสำเร็จ เกาเซิ่งอี้ยกมุมปากเล็กน้อย เผยรอยยิ้มหยันออกมาสุดท้ายฉู่เฉินก็ยังเด็กเกินไป ไม่เคยผ่านประสบการณ์ต่อสู้ตะลุมบอนเช่นนี้มาก่อนขอเพียงเขาโดนฝ่ามือนี้ แค่ไอชั่วร้ายด้านในก็เพียงพอเปลี่ยนให้ฉู่เฉินกลายเป็นน้ำเลือดน้ำหนองแล้วอย่างไรก็ตาม วินาทีถัดมา รอยยิ้มของเขาก็แข็งค้างโดยสิ้นเชิงฉู่เฉินถูกเขาซัดฝ่ามือใส่เอว ไม่เพียงไม่ล้มลงคาที่ แต่ว่าลมปราณกลับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยราวกับว่าไอชั่วร้ายของเขาไม่ได้สร้างความเสียหายใด ๆ ให้กับฉู่เฉินเลย ตรงกันข้ามยังเป็นยาบำรุงให้ฉู่เฉินแทนเวรเอ๊ย!นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?ต้องรู้เอาไว้ว่า วิชาที่เขาฝึกฝนคือ
เมื่อไอชั่วร้ายแผ่กระจายออกมา อุณหภูมิรอบด้านพลันลดฮวบลงถึงจุดเยือกแข็งในพริบตา เวลานี้เอง ผู้ทรงอิทธิพลมากมายที่อยู่ด้านล่างเวทีพากันส่ายหน้า แปดเก้าในสิบส่วนคิดว่าฉู่เฉินจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแล้วถูกยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานสามคนล้อมเอาไว้ แม้ว่าร่างกายของฉู่เฉินเป็นเหล็ก จะบดขยี้ตะปูหลายเล่มได้เหรอ?ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เป็นเกาเซิ่งอี้ที่มีความสามารถอ่อนด้อยที่สุดในหมู่ทั้งสามคนก็ไม่ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายเหมือนกัน“คนแซ่ฉู่ ต่อให้ฉันต้องตายก็จะให้แกตายไปเป็นเพื่อนด้วย”ทางด้านข้าง ฉีอวี่ไท่ที่นอนประคับประคองชีวิตอยู่บนเสาปูนมาตลอด ไอเป็นเลือดไปพลาง เอ่ยพร้อมกับหัวเราะหยันติดต่อกันไปพลางเวลานี้เอง เขารู้ว่าอวัยวะภายในของตัวเองถูกฉู่เฉินทำลายจนหมดแล้ว ต่อให้ฉู่เฉินไม่ฆ่าเขา เขาก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แต่พอเขาเห็นฉู่เฉินโดนยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานสามคนรุมโจมตี ดวงตาก็เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งส่วนผู้ทรงอิทธิพลมากมายที่ชมความคึกคัก เวลานี้ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความอันตรายเลยพากันถอยออกไปจากห้องโถง หลบออกไปไกลถึงอย่างไรยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานสี่คนต่อสู้กัน ต่อให้
“ไอ้หนู แกล้าดีนักนะ!”จางจิ่งหลงถลึงตาสองข้างอย่างเกรี้ยวกราด เดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว จ้องมองฉู่เฉินอย่างขุ่นเคืองเกาเซิ่งอี้ก็ลุกขึ้นมาช้า ๆ แล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มเย็นชาว่า “ฉู่เฉิน แกโอหังเกินไปหน่อยแล้วมั้ง? ต่อให้อาจารย์ของแกมาก็ไม่กล้าท้าทายพวกเราสามคนพร้อมกันหรอก!”เสิ่นเจี้ยนเฟิงลุกขึ้นมาเช่นกันแล้วกล่าวว่า “เจ้าหนุ่ม เปิดเผยความสามารถมากเกินไป บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะ”ถังเทียนอวี่เป็นอัจฉริยะของตระกูลถังจริง ๆ แต่ถึงอย่างเขาก็มีแค่พลัง ไม่มีประสบการณ์ต่อสู้จริงเท่าไหร่นัก แต่พวกเกาเซิ่งอี้กับจางจิ่นหลงไม่เหมือนกันตลอดทางมาเดินมานี้ มีใครบ้างที่ไม่ได้ผ่านศึกมานับร้อย?เมื่อเทียบกันแล้ว ความสามารถอันน้อยนิดของถังเทียนอวี่ไม่นับว่าเป็นอะไรเลยพูดได้ว่า ถึงแม้จะอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นสี่เหมือนกัน แต่ถังเทียนอวี่สองคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจางจิ่งหลงยิ่งไม่ต้องพูดถึงจางจิ่งหลงกับเสิ่นเจี้ยนเฟิงที่เป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นสี่นอกจากนี้ เกาเซิ่งอี้ก็อยู่ห่างจากระดับสร้างรากฐานชั้นสี่แค่ก้าวเดียวเท่านั้น“เดิมทีฉันไม่อยากเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก ขอเพียงแกย
พรวด!คราวนี้ เจ็บมากเกินไปแล้วถังเทียนอวี่อ้าปากกว้างกระอักเลือดคำโตโดยที่มีเศษอวัยวะภายในปะปนอยู่ด้วยออกมาแม้แต่แสงสีทองบนร่างของเขาสายนั้นก็หมองหม่นลงไปในพริบตาเวลานี้ถังเทียนอวี่รู้สึกแค่ว่าเหมือนอวัยวะภายในเคลื่อนที่หมดแล้ว เจ็บจนเส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดโปนขึ้นมา อ้าปากกว้าง ทว่าร้องโหยหวนไม่ออกแม้แต่นิดเดียว“นี่ก็คืออัจฉริยะของตระกูลถังเหรอ?”ฉู่เฉินใช้เท้าเหยียบใบหน้าของถังเทียนอวี่ แล้วขยี้กับพื้นไม่หยุด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “ต่อให้เป็นหมูก็ยังเก่งกว่าอัจฉริยะแบบนี้อีกมั้ง?” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หางตาของถังเทียนอวี่ก็แทบจะเบิกโพลง เขากัดฟันแน่น ปรายตามองฉู่เฉินพลางเอ่ยว่า “นะ...นายกล้าดูถูก...”“ผัวะ!”ฉู่เฉินเตะเข้าที่ปากของถังเทียนอวี่ จากนั้นก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “ผมดูถูกตระกูลถังของคุณแล้ว คุณจะทำอะไรผมได้? ผมดูถูกคุณแล้ว คุณจะทำอะไรได้?”ถังเทียนอวี่โกรธจนตัวสั่นเทิ้มไม่หยุด แต่ก็เป็นเหมือนกับที่ฉู่เฉินพูดไว้ ตันเถียนของเขาถูกฉู่เฉินเตะจนแตกไปหมดแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?เวลานี้ บรรดาผู้ทรงอิทธิพลที่อยู่รอบด้านต่างมองไปทางฉู่เฉินด้วยสายตาที่เ