แต่พอเรื่องพัวพันถึงผู้บำเพ็ญพรต ถึงขั้นที่อาจดึงสำนักที่อยู่เบื้องหลังของฉู่เฉินให้เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย หยางติ่งเทียนจึงได้ลังเลแล้วลังเลเล่าทว่าในเมื่อแม้แต่หูเจี้ยนเซิงก็พูดอย่างนี้แล้ว ว่าฆ่าฉู่เฉินไปก็ไม่ได้นำพาความเดือดร้อนอะไรมาให้ อย่างนั้นเขาจะมัวกลัวอะไรอยู่อีก“อาวุโสหู อย่างนั้นแค้นอันใหญ่หลวงของหลานชายผมก็คงต้องฝากอาวุโสหูให้ช่วยสะสางแทนด้วย เพียงแต่ไม่รู้ว่าต้องเตรียมตัวอะไรก่อนหรือไม่”หยางติ่งเทียนถามอย่างใส่ใจการต่อสู้ระหว่างผู้บำเพ็ญพรตต่างจากนักสู้ทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังเป็นถึงยอดฝีมือผู้ฝึกปราณขั้นเจ็ด หูเจี้ยนเซิงแม้เป็นผู้ฝึกปราณขั้นเก้า อย่างไรก็ไม่ควรประมาทเลินเล่อ“โปรดให้ผมยืมกระบี่ชื่อหลงไปใช้ นอกจากเรื่องนี้ก็ไม่มีอย่างอื่นแล้ว”หูเจี้ยนเซิงพูดกับหยางติ่งเทียนอย่างจริงจังว่า “พรุ่งนี้ก่อนอาทิตย์ลับขอบฟ้า ผมจะนำหัวของมันกลับมารายงานต่อหน้าผู้นำตระกูลให้ได้”คำพูดของเขาทำให้หยางติ่งเทียนสบายใจขึ้นมา เขารีบหันไปสั่งหยางเทียนฉีที่อยู่ข้างๆ ว่า “เทียนฉี ไปหยิบกระบี่ชื่อหลงในคลังเก็บของมา”ผ่านไปไม่นาน หยางเทียนฉีประคองกระบี่ล้ำค่าสีแดงสดที่ส่อง
ฉู่เฉินก้มมองนาฬิกาแวบหนึ่ง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้มร้ายกาจว่า “นี่เพิ่งจะบ่ายโมง เธอขาดผู้ชายขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงได้รีบขนาดนี้”หลิ่วชิงเหอได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าเรียวโกรธจนเขียวแล้วเธอรีบอะไรที่ไหนกัน หลังบ่ายสามโมง สวนสาธารณะเป๋ยหลิ่งผู้คนพลุกพล่าน แล้วจะให้เธอใช้ชีวิตต่อไปยังไงในอนาคต ฉู่เฉินจงใจถามทั้งรู้อยู่แล้วชัดๆ“ฉู่เฉิน ถึงแกจะอยากดูถูกเหยียดหยามฉันแค่ไหน ยังไงก็ต้องนึกถึงตัวเองบ้างรึเปล่า หลังสามโมงสวนสาธารณะเป๋ยหลิ่งมีวันไหนบ้างที่คนไม่พลุกพล่าน”“หรือ… หรือแกอยากดังมากรึไง”หลิ่วชิงเหอกัดฟันลอบสาปแช่งในใจ ไอ้เดรัจฉานนี่มันไม่ใช่คนแล้ว!ต้องให้ชื่อเสียงของเธอป่นปี้จนไม่เหลือชิ้นดีหรือไงถึงจะพอใจ“คนเยอะสิน่าตื่นเต้น”ฉู่เฉินพูดพร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายอะไรนะ?!หลิ่วชิงเหอแทบจะคลั่งอยู่แล้วเรื่องอย่างนี้เขาทำกันตอนคนเยอะๆ เสียที่ไหนกัน“ฉู่เฉิน แกมันโรคจิตชัดๆ!”หลิ่วชิงเหอกัดฟันด้วยความเคียดแค้น ถ้าไม่ใช่ว่าฉู่ซื่อกรุ๊ปตกอยู่ในสภาวะวิกฤติ เป็นตายร้ายดียังไงเธอก็ไม่มีทางยอมทำอะไรบ้าๆ แบบนี้กับไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินแน่นอน“โรคจิต? หลิ่วชิงเหอ ไม่รู้สึกอายบ้างเหรอที่พูดคำพูดน
หากขับรถไป สวนสาธารณะเป๋ยหลิ่งจะอยู่ห่างจากบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ประมาณหนึ่งชั่วโมง ฉู่เฉินจึงจำเป็นต้องขับแลมโบกินีของต้วนหลิงเสวี่ยไปฉู่เฉินรับกุญแจไปจากมือของต้วนหลิงเสวี่ย เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เหลืออีกหนึ่งชั่วโมงพอดีก่อนถึงเวลานัด เขาจึงกำชับสองสามประโยค จากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังสวนสาธารณะเป๋ยหลิ่งตอนที่ฉู่เฉินขับรถไปถึงทางเข้าสวนสาธารณะ หลิ่วชิงเหอรออยู่ตรงนั้นนานแล้วคนที่สัญจรไปมาหันไปมองหลิ่วชิงเหอเป็นระยะช่วยไม่ได้ เธอใส่เสื้อผ้าเซ็กซี่และเย้ายวนเกินไปโดยเฉพาะเรียวขายาวขาวเพรียวคู่นั้น ไม่มีถุงน่องหรืออะไรมาประดับบดบัง ตาเฒ่าหลายคนเห็นแล้วก็กระชุ่มกระชวยไปทั้งใจ ถึงขั้นที่มีชายสูงอายุผมขาวที่มาออกกำลังกาย เดินเข้ามาถามราคาอย่างทนไม่ไหวหลิ่วชิงเหอโมโหจนจะเป็นลมไปซะตรงนั้น เธอด่ากราดไม่ยั้ง จนตาแก่คนนั้นรีบวิ่งหนีไปทันทีแต่ยิ่งเป็นอย่างนี้ หลิ่วชิงเหอก็ยิ่งเหมือนมีไฟสุมอยู่ในอกลูกใหญ่ฉู่เฉิน!ไอ้สารเลว!หลิ่วชิงเหอเห็นฉู่เฉินเดินลงจากแลมโบกินีจากที่ไกล มือเล็กๆ กำหมัดแน่นจนเสียงกระดูกดังกรอบแกรบ“ทำไม ตกลงราคากันไม่ได้เหรอ”ฉู่เฉินเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้
ในขณะที่กลองรบกำลังจะถูกตี ฉู่เฉินตวัดสายตามองไปที่ป่าทึบที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูของหลิ่วชิงเหอเบาๆ ว่า “เหมือนมีคนแอบฟังอยู่ในพุ่มไม้ตรงนั้น”“ถ้าฉันเดาไม่ผิด น่าจะเป็นตาแก่ผมขาวที่มาถามราคาเธอเมื่อกี้”คำพูดของฉู่เฉินเหมือนหินก้อนหนึ่งที่ขว้างลงไปในบ่อน้ำลึก ก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ในพริบตาแม้แต่หลิ่วชิงเหอก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมพอได้ยินคำพูดพวกนั้น เปลวไฟในตัวของเธอกลับยิ่งทวีความร้อนรุ่มขึ้น?เธอสัมผัสได้อย่างชัดเจน มือเล็กๆ ของเธอที่กำลังกุมฉู่เฉินอยู่ถึงขั้นรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาแล้ว“งั้นก็ปล่อยให้เขาฟังไป เร็วเข้าเถอะ ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ”สิ้นเสียง หลิ่วชิงเหอถึงขั้นเป็นฝ่ายดันตัวเข้าไปหาฉู่เฉินเองฉู่เฉินดันมือเล็กๆ ของหลิ่วชิงเหอออกอย่างเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็จับหัวไหล่ของเธอต้องยอมรับว่าสถานที่ที่หลิ่วชิงเหอเลือก วิวดีเหมือนภาพวาดจริงๆ มองลงไปจากข้างบนนี้ แทบจะสามารถมองเห็นเมืองเจียงจงได้เกือบครึ่งเมืองเลยทีเดียว สายลมเย็นที่พัดผ่านเป็นระยะ ยิ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายอารมณ์ในพุ่มหญ้าข้างล่าง ชายสูงอายุที่มาถามราคาค่าตัวหลิ่วชิงเหอเมื่อกี้ ได้ยินเสี
ครืน!ในขณะที่ปลายเท้าของฉู่เฉินเพิ่งจะแตะถึงพื้น ต้นไม้ใหญ่สองต้นที่สูงเทียมฟ้าบนศาลาที่เขายืนอยู่เมื่อกี้ถูกฟันขาดเป็นสองท่อนเมื่อต้นไม้ล้มครืน ตรงรอยที่ถูกฟันของต้นไม้พลันมีควันลอยคลุ้งกรุ่นซี้ด!พอเห็นภาพนั้น ฉู่เฉินอดสูดหายใจไม่ได้ตาเฒ่านั่นมีของวิเศษอยู่ในมืองั้นเหรอ!แถมยังเป็นของวิเศษสายดำซะด้วย!ไม่ได้ถูกเล่นงานในคราวเดียว ชายชราพยักหน้าเบาๆ “แกเป็นผู้บำเพ็ญพรตจริงๆ ด้วยสินะ!”ฉู่เฉินวางหลิ่วชิงเหอที่กำลังปากอ้าตาค้าง และหน้าซีดด้วยความตกใจกลัว ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ขมวดคิ้วจ้องชายชรา “แกเป็นใคร?”ชายชรายิ้มตอบอย่างเย็นชา เขาถือดาบไพล่ไปข้างหลัง “แกฆ่าคนของตระกูลหยาง ยังกล้าถามว่าฉันเป็นใครอีก แต่ก็ช่างเถอะ ฉันจะสงเคราะห์ให้แกได้รู้ก่อนตายก็แล้วกัน”“ฉันก็คือหูเจี้ยนเซิง ผู้ที่ตระกูลหยางแห่งเมืองหลงเฉิงยกย่องและขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสองภูติวายุดำ”“ได้ตายด้วยกระบี่ของฉัน นับว่าเป็นบุญของแก ถ้าไม่อยากให้ฉันฆ่าผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังแกไปด้วย ก็ยื่นคอมาให้บั่นเสียดีๆ”“ไม่อย่างนั้น กระบี่ชื่อหลงเล่มนี้ของฉันเกรงว่าคงจะต้องปลิดชีพวิญญาณบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นซะแล้ว
“ไม่รู้จักกลัวตาย!”หูเจี้ยนเซิงหันหลังให้ฉู่เฉิน คำรามเสียงต่ำขึ้นมา “ปราณมังกรเพลิง!”เมื่อสิ้นเสียงพูดของเขา บนกระบี่ชื่อหลงเล่มนั้นก็พลันมีเงามังกรสีแดงเส้นหนึ่งพวยพุ่งขึ้นมา“ครืน!”ดาบนั้นของฉู่เฉินยังไม่ทันตวัดลงไป ก็ถูกมังกรมีแดงเพลิงตัวนั้นพุ่งชนออกไป แม้แต่กระบี่ยาวในมือก็ยังกระเด็นลอยออกไปไกลถึงเจ็ดแปดเมตรพรืด!ฉู่เฉินกระอักเลือกคำโตอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ ฉู่เฉินถูกโจมตีหนักกว่าครั้งเมื่อกี้หลายขุมกลิ่นอายเร่าร้อนขุมหนึ่งพวยพุ่งเข้าสู่เส้นชีพจรทั่วร่าง ป่วนพล่านอยู่ในอวัยวะภายในของเขาฉู่เฉินพยายามอดทนต่ออาการเจ็บที่หน้าอก ยืนตัวตรงอย่างยากลำบาก เขากัดฟันเงยหน้ามองหูเจี้ยนเซิง“ไอ้หนู ตอนนี้รู้ถึงความแตกต่างระหว่างแกกับตระกูลหยางของพวกฉันหรือยัง”หูเจี้ยนเซิงเอามือไพล่หลัง จ้องพิจารณาฉู่เฉินด้วยสีหน้าหยิ่งยโส และพูดว่า “ฉันจะฆ่าแก ใช้เพียงกระบี่เดียวก็เพียงพอแล้ว! ตอนนี้ฉันจะไว้ชีวิตคนข้างๆ แก”“ขอแค่แกคุกเข่าสารภาพบาปของแก่ต่อหน้าดวงวิญญาณของหยางเส้าหัว ฉันจะยอมฆ่าแกแค่คนเดียว คนอื่นไม่เกี่ยว ไม่อย่างนั้น ใครก็ตามที่อยู่ข้างแก ล้วนต้องตาย!”พูดจบ หูเจี้ยนเซิงก้
นึกมาถึงตรงนี้ ฉู่เฉินราวกับตระหนักและตื่นรู้ทุกอย่างในพริบตา ในสมองของเขา วิชายันต์อาคม รวมถึงวิชากระบี่ วิชาต่อสู้ที่เคยเรียนมาได้จางหายไปอย่างช้าๆ ในขณะที่ปัญญาของฉู่เฉินได้กระจ่างชัดขึ้นมาอีกหนึ่งระดับชั่วพริบตานั้น ความคิดที่ไร้ประโยชน์ทั้งหมดในสมองของฉู่เฉินถูกลบล้างออกไปจนสิ้นเวลานี้ เขาก็คือฉู่เฉิน ผู้บำเพ็ญพรตบริสุทธิ์คนหนึ่งครืน!เมื่อฉู่เฉินนึกมาถึงตรงนี้ แสงสว่างเรืองรองขุมหนึ่งได้ระเบิดออกมาจากร่างของเขาราวกับมีมังกรขนาดใหญ่ตัวหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา ขณะเดียวกัน อากาศรอบกายของเขาก็ราวกับถูกตัดขาด แยกออกมาเป็นเอกเทศหูเจี้ยนเซิงที่เห็นภาพน่าอัศจรรย์นั่นถึงกับตกตะลึงตาค้างไม่ว่าฉู่เฉินจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดขึ้น เขาก็ต้องรีบจบการต่อสู้ครั้งนี้ และกำจัดไอ้หนูที่ลึกลับยากหยั่งถึงคนนี้ให้เร็วที่สุด เลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น และเดินตามรอยเท้าของกู่ฉางเซิงและฮวาว่านโหลวนึกมาถึงตรงนี้ หูเจี้ยนเซิงตวัดกระบี่ชื่อหลงในมือ ประกายแสงสีแดงบริสุทธิ์พุ่งฟันไปทางฉู่เฉินที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น“กรี๊ด! ฉู่เฉิน! รีบหนีเร็วสิ!”พอเห็นว่ากระบี่นั่นฟาดฟ
เปรี้ยง!ในช่วงวินาทีหน้าสิ่วหน้าขวาน ทันใดนั้น เสียงสายฟ้าฟาดดังมาจากเบื้องบนอะไรน่ะ?!หัวใจของหูเจี้ยนเซิงหนักอึ้งจมดิ่ง นี่มันสายอัสนีระดับสร้างรากฐานแค่ภายในเวลาสั้นๆ สิบกว่านาที ฉู่เฉินก็สามารถทะลวงขั้นพลังเข้าสู่ระดับสร้างรากฐานได้แล้วงั้นเหรอเป็นไปไม่ได้!เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!หูเจี้ยนเซิงก้าวข้ามเป็นผู้ฝึกปราณขั้นเก้าตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว แต่ระยะเวลาสิบปีผ่านไปแล้ว เขาก็ยังไม่อาจก้าวข้ามอุปสรรคขั้นสุดท้ายได้เลยทว่าภายในเวลาเพียงสิบนาที ฉู่เฉินที่เป็นผู้ฝึกปราณขั้นเจ็ดกลับสามารถทะลวงขั้นพลังสามขั้นติดกัน และกลายเป็นผู้บำเพ็ญพรตขั้นสร้างรากฐานแล้วงั้นเหรอ?!เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองแต่ไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ สายอัสนีอันน่าครั่นคร้ามก็ได้ฟาดฟันลงมาอย่างไร้ความปรานีแล้วกระบี่ของหูเจี้ยนเซิงยังไม่ทันสัมผัสถูกตัวหลิ่วชิงเหอ ก็ถูกคลื่นพลังอันน่ากริ่งเกรงขุมหนึ่งดีดออกมาแม้แต่หูเจี้ยนเซิงก็ยังถูกพลังขุมนั้นสะท้อนใส่จนกระบี่หลุดออกจากมือ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังถูกบีบให้ถอยหลังออกไปอีกสามก้าวด้วย“ไอ้หนู ฉันอยากรู้นักแกจะคอยขัดขวางฉันได้ยังไง!”ไม่ว่ายังไงเขาไม่
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ
“หรูเยียน ลูกพูดเหลวไหลอะไร! รีบนั่งลงเร็วเข้า!”ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วชิงเหอก็คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ในเวลานี้ เลยรีบดึงแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้“หนูไม่ได้พูดเหลวไหลเลยนะ!” หลิ่วหรูเยียนสะบัดมือของหลิ่วชิงเหอออก ก่อนจะเดินลงจากที่นั่งแขกกิตติมศักดิ์ อย่างรวดเร็ว เจียงถิงมองหลิ่วหรูเยียนที่พุ่งขึ้นมาบนเวที แล้วขมวดคิ้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนิดหน่อยว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันหวังว่าคุณจะรับผิดชอบต่อคำพูดเมื่อกี้ของคุณได้นะคะ” “การใส่ร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คนเป็นความผิดทางกฎหมายนะคะ!” หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็น แย่งไมโครโฟนมาแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉิน ก่อนจะพูดกับผู้ชมกว่าหมื่นคนด้านล่างเวทีว่า “ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉู่เฉินคนนี้เป็นแค่นักต้มตุ๋นที่ไม่มีความรู้ความสามารถ!”“พวกคุณอย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกปลอม ๆ ของเขาหลอกลวงเด็ดขาดนะคะ!”“เขาไม่เพียงไม่มีวิชาแพทย์อะไรทั้งนั้น แม้แต่สามีภรรยาเมื่อครู่นี้จะต้องเป็นหน้าม้าที่เขาจ่ายเงินจ้างมาแน่นอน!”หลังจากที่สิ้นเสียงตะโกนของเธอ ทุกคนก็หันไปมองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่กำลังอุ้มลูกเมื่อครู่นี้อีกครั้ง“พวกเราไม่รู้จักคุณ
“ตึกตัก! ตึกตัก!”ฮว่าจิ่วหยางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองใกล้จะกระโดดมาถึงลำคอแล้ว ถ้าเกิดเด็กชายตัวน้อยเอ่ยปากพูดจริง ๆ เช่นนั้นยาบำรุงสวรรค์ตัวนี้ก็จะโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตในพริบตาฉู่เฉินก็จะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งวงการแพทย์นี่ไม่ใช่การสร้างปาฏิหาริย์แล้ว แต่เป็นการท้าทายชะตากรรมชะตากรรมของผู้พิการทางการได้ยินและการพูดย่อมแตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ เด็กชายตัวน้อยค่อย ๆ อ้าปากเล็ก ร้องเรียกเบา ๆว่า “บอ” “ระ...เรียกพ่อ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นก็ตื่นเต้นจนน้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอดวงตา แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุด ส่วนบรรยากาศในงานก็ตื่นเต้นถึงที่สุด เสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นไม่อาจถือได้ว่าฉู่เฉินประสบความสำเร็จแล้ว อย่างมากก็เป็นเพียงการพูดอ้อแอ้ หรือว่าเสียงจากการครางเท่านั้น“เรียกสิ เรียกพ่อ!” ภายใต้การกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าของชายหนุ่ม เด็กชายตัวน้อยอ้าปากเล็ก ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “พะ...อา พอ...พ่อ”เสียงที่ชัดเจนดังออกมาเป็นรอบที่สอง ทั่วทั้งงานและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตแทบจะเดือดพล่านพร้อมกั
เชี่ย!ฮว่าเทียนอวี่ที่นั่งข้างหลังฮว่าจิ่วหยางอดสบถคำหยาบไม่ได้จากนั้นก็เห็นเพียงเตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินพลันเปล่งแสงสีแดงฉานออกมา ก่อนที่กลิ่นหอมของยาที่สดชื่นผ่อนคลายจะอบอวลไปทั่วทั้งสนามกีฬาระดับสวรรค์!ถึงแม้พวกฮว่าจิ่วหยางไม่เชี่ยวชาญด้านการหลอมยา แต่ว่ายังคงแยกแยะระดับได้ชัดเจนมาก แม้ว่าตัวยาเม็ดนี้หลอมขึ้นจากสูตรยาระดับล่างเท่านั้น แต่เมื่อมันไปถึงระดับสวรรค์ขึ้นไปก็ล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้เช่นเดียวกัน! อย่างไรเสียสูตรยาเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติและทิศทางการรักษาของยา แต่ความสามารถของนักหลอมโอสถเป็นตัวกำหนดระดับของตัวยา แม้ว่าจะเป็นสูตรยาระดับดิน ถ้าเกิดออกมาเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ได้ นั่นก็น่ากลัวมากนี่ก็เปรียบเหมือนกับว่าหากใช้สูตรยาหกตำรับบำรุงไตหลอมเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ ยาหกตำรับบำรุงไตหนึ่งเม็ดนี้สามารถขายได้ถึงหลายพันล้าน และยาในมือฉู่เฉินเม็ดนี้ คุณสมบัติกับการรักษาหลักยังไม่ชัดเจน หรือพูดอีกอย่างก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นยาระดับสวรรค์ที่ประเมินค่าไม่ได้ รวย!รวยเละแล้ว!พวกฮว่าจิ่วหยางรู้สึกอิจฉาฉู่เฉินไม่หยุด ไม่แน่ว่าฉู่เฉินอาศัยยาวิเศษระดับสวร
“พวกนายรีบดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?”“เชี่ย นั่นเหมือน...เหมือนก้อนเมฆเลย?” “นี่แม่งไม่สมเหตุสมผลเลย ขะ...เขาจะมีก้อนเมฆอยู่ในมือได้ยังไง?” แม้แต่เจียงถิง เวลานี้ก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือเตาหลอมโอสถของฉู่เฉินนอกจากนี้ด้านในยังมีสายฟ้าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!ซี้ด!พวกฮว่าจิ่วหยางที่อยู่บนที่นั่งกรรมการก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อหรือว่านั่นก็คือเคราะห์โอสถในตำนาน?เล่ากันว่า มีเพียงโอสถที่ไปถึงระดับท้าทายสวรรค์ถึงจะเกิดเคราะห์โอสถขึ้นมาในขณะกำลังหลอมยาเสร็จแม้แต่หลี่จวิ้นเฟิงก็มองฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นั่นมันเคราะห์โอสถเชียวนะ! เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหมอก็หลอมโอสถชั้นเลิศที่สามารถผ่านเคราะห์โอสถออกมาไม่ได้เลย ฉู่เฉินเขาทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!จะต้องประสาทหลอนแน่ ๆ! “เลิกหลอกลวงอยู่ตรงนั้นได้แล้ว!”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลายหนัก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งเตะไปที่เตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ฉู่เฉินหลอมยาได้สำเร็จ!แ
“ติ๊ง!”เวลานี้เอง ภายในสนามกีฬาเจียงจง หลี่จวิ้นเฟิงที่กำลังหลับตาพักผ่อนพลันได้ยินเสียงใสกังวานดังขึ้นข้างหูสำเร็จแล้ว!หลี่จวิ้นเฟิงลืมตาขึ้นฉับพลัน ท่าทางดูล้ำลึกจนยากจะคาดเดา เขายกเตาหลอมโอสถบนพื้นขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว แล้วเอ่ยปากพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ยาเทวดาสำเร็จแล้ว สามารถทดสอบผลลัพธ์ได้ทันที!”เมื่อสิ้นเสียงพูด หลี่จวิ้นเฟิงก็เปิดฝาเตาหลอมโอสถ ยาสีดำสามเม็ดกลิ้งจากเตาหลอมโอสถมาที่มือของหลี่จวิ้นเฟิงไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็เลือกผู้โชคดีสามคนจากที่นั่งผู้ชมด้านล่างเวที ทั้งสามคนล้วนเป็นผู้สูงวัยอายุเกิดหกสิบปี นอกจากนี้ยังมีคนหนึ่งถือผลตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาล ป่วยเป็นโรคระบบหัวใจหลอดเลือดอย่างรุนแรง ใส่ขดลวดหัวใจไว้ในร่างกายสามอันแล้วหลี่จวิ้นเฟิงส่งยาในมือให้คนผู้นั้นหนึ่งเม็ดทันที แล้วยื่นน้ำแร่ไปให้อีกหนึ่งขวดผู้สูงอายุทั้งสามคนกินยาของหลี่จวิ้นเฟิงลงไปแล้ว อาการป่วยก็ดีขึ้นมากจริง ๆ ถึงขนาดที่ผู้ป่วยอาการหนักที่สุดคนนั้น จากเดิมที่ถูกลูกชายลูกสาวประคองขึ้นเวที แต่หลังจากกินยาเข้าไปก็ยืดตัวตรง เดินลงจากเวทีด้วยตัวเอง เมื่อเห็นฉากนี้ หลายคนที่ก่อนหน้านี้วิพากษ์วิ
แต่ยาลูกกลอนที่กระถางยาของเขาหลอมออกมาได้ก็สาเหตุมาจากยันต์อักขระเหล่านั้น ราวกับผลิตออกมาจากสายการผลิตไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติหรือคุณภาพของยาที่หลอมสำเสร็จ เทียบไม่ได้กับกระถางยาทองคำม่วงที่อยู่ในมือของฉู่เฉินแม้แต่น้อยหลี่จวิ้นเฟิงอดหัวเราะขำขันออกมาไม่ได้หลังจากเห็นกระถางยาที่ขึ้นสนิมในมือฉู่เฉิน จึงชี้ไปยังกระถางยาทองคำม่วงในมือฉู่เฉินพร้อมกล่าวขึ้น “คนแซ่ฉู่ ไม่ใช่ว่ากะอีแค่กระถางยาที่ดีกว่านี้หน่อยยังซื้อไม่ไหวหรอกนะ”“นี่เก็บสินค้าแผงลอยจากตลาดขยะที่ไหนมา ยังกล้าเอามาหลอมโอสถอีก ไม่กลัวคนกินแล้วตายหรือไง”ฉู่เฉินคร้านจะสนใจเขาเลยหยิบวัตถุดิบยาสองสามชนิดออกมาจากในกองสมุนไพร แล้วใช้มือเดียวบี้บดจนวัตถุดิบเหล่านั้นเป็นผง จากนั้นจึงโยนผงยาที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ทิ้งไปขณะที่ผงสมุนไพรเข้าสู่กระถางยาทองคำม่วง ฉู่เฉินก็ถ่ายพลังวิญญาณมายังกลางฝ่ามือต่อจากนั้นเปลวไฟสีน้ำเงินเข้มก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของฉู่เฉินราวกับเล่นกลหลี่จวิ้นเฟิงไม่กล่าววาจาใดอีก คว้าวัตถุดิบยาแล้วก็นำวัตถุดิบยาทั้งหมดใส่เข้าไปในกระถางยาเป็นไปตามที่อวี้ลู่คาดการณ์ไว้เลย ในกระบวนการหลอมโอสถทั้งหมด หลี่จวิ้นเฟิง
“หรูเยียน ที่ลูกพูดมาเป็นเรื่องจริงเหรอ”หลิ่วชิงเหอได้ยินแล้วก็เริ่มรู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้างถ้าเป็นอย่างที่หลิ่วหรูเยียนพูดมาจริง ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าก็หลอกล่อเอาสูตรยาบำรุงปราณมาจากฉู่เฉินในช่วงที่ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด ฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จะได้มียาบำรุงปราณขายด้วยเช่นกันแล้วนี่?คิดเรื่องพวกนี้แล้วหลิ่วชิงเหอก็กลับมานั่งลงที่เดิม จากที่ตอนแรกกะจะลุกขึ้นเตรียมออกจากสนามแข่งขันนี้ไป“จริงแท้แน่นอน หลี่จวิ้นเฟิงบอกกับหนูเองเลยนะ อีกอย่าง ถ้าเขาไม่มั่นใจก็คงไม่เลือกการแข่งขันหลอมโอสถหรอกค่ะ”หลิ่วหรูเยียนพูดพลางยิ้มชั่วร้ายแม้ฉู่เฉินชนะไปรอบหนึ่งแล้ว ยังไงการแข่งขันรอบสองก็ถือว่าเสมอกันขอแค่หลี่จวิ้นเฟิงชนะการแข่งขันรอบที่สาม ผลก็จะออกมาเสมอกันทุกคนฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จะไม่ขายหน้า และในทางตรงกันข้ามก็ยังได้รับความนิยมและประโยชน์โดยอาศัยการแข่งขันรอบที่สามนี้ด้วย ……อีกด้านหนึ่ง ถังจิ้งจือที่นั่งอยู่ตำแหน่งกรรมการก็ไม่เสแสร้งอีกต่อไป เยาะเย้ยกล่าว “ใช่แล้วยังไงล่ะ หรือว่าการแข่งขันรอบสามนี้ไม่ยอดเยี่ยมน่าชมหรอกเหรอ”“พวกคุณอย่าลืมซะล่ะ สามารถจัดการแข่งขันแพทย์แผนจีนตลอดทั้งปีนี้ได้ก็เพร
หลินจื้อหงทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาตบโต๊ะกล่าวเสียงดังลั่น“ท่านหลิน ผมไม่เห็นด้วยกับคำพูดคุณ!”ถังจิ้งจือเบะปากกล่าว “การแข่งขันแพทย์แผนจีนคราวก่อนก็จับฉลากได้ผู้ป่วยอาการแตกต่างกัน หรือใครจับได้โรคอาการรุนแรงก็ถือว่าคนนั้นชนะเหรอ?”“กฎก็เขียนชัดเจนอยู่แล้วว่าตัดสินจากการรักษา”“ไม่ใช่ความผิดของคุณหลี่ที่หยิบได้ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ก็คงกล่าวได้ว่าคุณหลี่มีคุณธรรมสูงส่งโชคเข้าข้างเขาก็เท่านั้น”“ส่วนฉู่เฉินรักษาคนไข้โรคฝีหนองทั้งร่างนั้นหายได้ก็เป็นวาสนาของคนไข้รายนั้น ไม่ใช่ผลงานของฉู่เฉินฝ่ายเดียว ดังนั้นฉันคิดว่าการแข่งขันนี้ต้องตัดสินเสมอกันเท่านั้น”แม่ง!จางเสวี่ยเหยียนเริ่มเกิดความคิดอยากจะตบปากคน!ฮว่าจิ่วหยางสูดลมหายใจลึก ถึงยังไงพวกเขาไม่กี่คนก็ล้วนเป็นกรรมการ หากมีการทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ขึ้นมาระหว่างกรรมการด้วยกันเอง จะทำให้คนอื่นเห็นวงการแพทย์แผนจีนเป็นเรื่องตลกฮว่าจิ่วหยางคิดแล้วก็หันหน้าไปกล่าวกับฉู่เฉิน “คุณฉู่ ไม่ทราบว่าคุณยอมรับคำตัดสินของท่านถังนี้หรือไม่” ฉู่เฉินยิ้มเยาะ มองสำรวจหลี่จวิ้นเฟิงและถังจิ้งจือ แล้วพยักหน้ากล่าว “ก็ได้ ถ้าผมไม่ยอมรับ เจ้าสอ