“สุดยอดไปเลยนะคะ!”คำชื่นชมของเย่ชิ่นเหยียนฟังดูเรียบง่าย เพียงแต่ในดวงตาของเธอกลับมีประกายที่แปลกไปพาดผ่านอย่างรวดเร็วหลังจากพูดคุยเรื่อยเปื่อยอยู่ไม่นาน เย่ชิ่นเหยียนก็ถามขึ้นอย่างครุ่นคิดว่า “คุณฉู่รักษาคนไข้นอกสถานที่ไหมคะ?”“รักษาคนไข้นอกสถานที่? อาการเล็กๆ น้อยๆ ของคุณไม่ต้องรักษานอกสถานที่อะไรหรอกครับ”พูดจบ ฉู่เฉินก็หยิบเข็มเงินเล่มหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นก็ทิ่มลงไปที่จุดไป๋ฮุ่ยของเย่ชิ่นเหยียนอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลงการกระทำของเขารวดเร็วมากจนเย่ชิ่นเหยียนไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อเวลาผ่านไป ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสที่ท้องน้อยก็บรรเทาลงอย่างรวดเร็วดวงหน้าเรียวที่สะอาดผุดผ่องของเธอเผยรอยยิ้มประหลาดใจออกมา“ทักษะด้านการแพทย์ของหมอเทวดาฉู่สูงส่งอย่างที่คิดไว้จริงๆ แต่ที่ฉันถามเพราะอยากจะขอให้คุณฉู่ช่วยรักษาให้คุณย่าของฉันน่ะค่ะ”พรวด!ฉู่เฉินเกือบสำลักน้ำส้มในปากออกมา เข้าใจผิดเหรอเนี่ย“ได้สิครับ วันหลังก็แล้วกัน”ฉู่เฉินยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับดึงเข็มเงินกลับไปเก็บในแขนเสื้อ“งั้น… ค่ารักษาในครั้งนี้คิดยังไงคะ”เย่ชิ่นเหยียนขบกลีบปาก เธอหยิบกระเป๋าถืองานละเอียดใบเล็กที่อ
เช้าวันต่อมา ฟางอวี่เจิ้งกับเจียงไห่ตงมารับฉู่เฉินอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาถึงบ้านใหญ่ตระกูลฉู่“คุณฉู่ ขอโทษด้วยจริงๆ นะครับที่ต้องรบกวนให้คุณตื่นแต่เช้าอย่างนี้”เจียงไห่ตงเอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจฉู่เฉินโบกมือยิ้มๆ “ไม่เป็นไรครับ ในเมื่อนายท่านใหญ่เฉียนมีผลงานด้านการสู้รบที่เลื่องลือ ผมช่วยเขาก็เท่ากับช่วยตัวเอง”พูดจบ ฉู่เฉินเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างในฟางอวี่เจิ้งนั่งตำแหน่งคนขับ รับบทเป็นคนขับให้ฉู่เฉินเขาออกรถ พลางหันไปพูดกับฉู่เฉินว่า “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนายท่านใหญ่เฉียว เกรงว่าชีวิตของผู้ว่าการเฉียวคงต้องหยุดชะงักเพียงเท่านี้แล้ว”“ดังนั้น ทั่วทั้งตระกูลเฉียวต่างก็ให้ความสำคัญกับอาการป่วยของนายท่านใหญ่เฉียวมาก หมอชื่อดังหลายคนทั้งในและต่างประเทศเคยมารักษาหมดแล้ว แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลย ยิ่งช่วงนี้อาการของนายท่านใหญ่แย่ลงเรื่อยๆ ดังนั้น…”พูดมาถึงตรงนี้ ฟางอวี่เจิ้งถอนหายใจเบาๆเจียงไห่ตงขมวดคิ้วเอ่ยว่า “เพื่อนร่วมรบหลายคนของนายท่านใหญ่เฉียวล้วนเป็นคนใหญ่คนโตของมณฑลเจียง หลายคนถึงขั้นรับตำแหน่งสำคัญอยู่ในเขตสงคราม ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ผู้ว่าการเฉียวที่ใส่ใจเป็นพิเศษ แม้แต่พวกผมเองก
ย้อนเวลากลับไปเมื่อยี่สิบปีก่อน เธอน่าจะเป็นผู้หญิงสวยตามแบบฉบับมาตรฐานคนหนึ่งเลยทีเดียวเฉียวซูอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่เพียงผิวละเอียดนุ่ม แต่เธอยังมีราศีหยิ่งผยองกระจายอยู่รอบๆ ตัวอย่างบอกไม่ถูกอาจเพราะถูกคนในครอบครัวกล่อมเกลามาตั้งแต่เด็ก หว่างคิ้วของเฉียวซูอวี่แสดงให้เห็นถึงแววตาที่ไม่ยอมให้ใครมาเหยียดหยามง่ายๆถึงจะมีหุ่นที่สูงเพรียวถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร แต่เห็นได้ชัดว่าเส้นชะตาชีวิตตรงหน้าอกขาดความน่าสนใจไปนิดจากการคาดเดาของฉู่เฉิน อย่างมากก็สามสิบห้าซีถ้าไม่ติดเรื่องรอบอก เฉียวซูอวี่ต้องนับว่าเป็นผู้หญิงสวยอันดับต้นๆ คนหนึ่งอย่างแน่นอน“คุณคนนี้คือ?”เฉียวซูอวี่ขมวดคิ้วขณะจ้องพิจารณาฉู่เฉิน“คุณหนูซูอวี่ คุณคนนี้ก็คือหมอเทวดาฉู่ที่ผมเคยพูดให้ฟังครับ”ฟางอวี่เจิ้งแนะนำด้วยสีหน้าจริงจังเจียงไห่ตงยังพยักหน้าเสริมอยู่ข้างๆ ด้วย “ถูกต้องแล้วครับ ถึงหมอเทวดาฉู่จะยังอายุน้อย แต่ทักษะด้านการแพทย์ของเขารับรองว่าหาตัวจับได้ยากแน่นอน”พวกเขาเอ่ยปากชมทักษะด้านการแพทย์ของฉู่เฉินอย่างไม่ขาดปาก แต่เฉียวซูอวี่กลับไม่รู้สึกอย่างนั้นฉู่เฉินอายุน้อยเกินไป ดูท่าแล้วก็น่าจะเพิ
เมื่อเฉียวซูอวี่เอ่ยคำพูดนี้ออกมา เจียงไห่ตงก็ไม่มีคำพูดจะเถียงในพริบตาทั้งสองไม่อาจเทียบกันได้จริง ๆนายท่านใหญ่เฉียวมีฐานะอะไร?ต่อให้มีเจียงรั่วเหยียนสิบคนก็ไม่อาจเทียบได้ ชั่วขณะหนึ่ง เจียงไห่ตงได้แต่กลับไปนั่งลงที่เดิมด้วยความกระอักกระอ่วน“งั้นก็หมายความว่าตระกูลเฉียวไม่เชื่อในวิชาแพทย์ของผมเหรอ?” ฉู่เฉินยิ้มอย่างเย็นชา มองไปทางเฉียวซูอวี่กับซูซิ่วเฟิน“เชื่อคุณเหรอ?”เฉียวซูอวี่หัวเราะ เพียงแต่ว่าเป็นการหัวเราะหยันอย่างดูแคลน“ฉันไม่อยากพูดมากความแล้ว แต่ว่าคุณควรจะต้องเข้าใจเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเชื่อมิจฉาชีพได้ง่าย ๆ”“อีกอย่าง รักษาโรคที่รักษาได้ยากแค่ครั้งสองครั้ง มันพิสูจน์อะไรไม่ได้เลย บางครั้งแมวตาบอดก็ยังบังเอิญเจอหนูตายนะ”เมื่อเห็นฉู่เฉินพูดออกมาตรง ๆ เฉียวซูอวี่ก็ไม่ปิดบังอีกต่อไปเช่นกัน ระบายความไม่พอใจออกมาทั้งหมดเลยฉู่เฉินหัวเราะหยัน วางถ้วยชาลงแล้วเอ่ยว่า “ประจำเดือนคุณไม่มาสามเดือนแล้วใช่ไหม? ปกติแล้วทางที่ดีต้องระงับความโกรธเอาไว้ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คุณก็จะเป็นผู้หญิงไม่ได้แล้ว”เมื่อคำพูดนี้ออกมา ดวงตางดงามของเฉียวซูอวี่พลันเบิกโตราวกับระฆั
“ทนรับทรมานขนาดนี้ไม่ไหวหรอกนะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบเรื่องนี้ไหว?!”ซูซิ่วเฟินที่อยู่ทางด้านข้างก็เอ่ยเห็นด้วย “ใช่แล้ว เทียนฉี่ ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้พ่อของเราก็ยังไม่ได้แตะข้าวแตะน้ำเลยสักคำ ถ้าเกิดเรื่องข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมาอีก ผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินกว่าจะจินตนาการได้เลยนะ”เมื่อฟังพวกเธอสองคนพูดจบ เฉียวเทียนฉี่ก็ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน ถึงค่อยมองไปทางประธานฟางกับเจียงไห่ตงแล้วกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ายังไงครับ?”สองคนนี้เรียกได้ว่าเป็นแขนซ้ายแขนขวาของเฉียวเทียนฉี่ ใคร ๆ ก็อาจจะทรยศตระกูลเฉียวได้ แต่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ไม่ทำประการแรก แม้เส้นสายของฟางอวี่เจิ้งอยู่ที่เมืองเอกของมณฑล แต่ว่าในเจียงจงกลับล่องลอยไร้ที่พึ่งพิง หากต้องการนั่งตำแหน่งได้อย่างมั่นคง เขาจำเป็นต้องพึ่งพาตระกูลเฉียว ส่วนพ่อของเจียงไห่ตง เดิมทีก็เป็นลูกน้องเก่าของนายท่านใหญ่เฉียวพูดได้ว่าทั้งสองครอบครัวมีความสัมพันธ์ตั้งแต่รุ่นพ่อยันรุ่นลูก การทำร้ายตระกูลเฉียวไม่มีประโยชน์อะไรกับเจียงไห่ตงอย่างแน่นอน“ผู้ว่าการเฉียว ไหน ๆ ก็มาแล้ว ให้คุณฉู่ลองตรวจนายท่านใหญ่สักหน่อยก็ไม่
“คุณพูดอะไร!”เฉียวเทียนฉี่และน้องสาวจ้องมองแผ่นหลังของฉู่เฉินด้วยความเกรี้ยวกราดแทบจะพร้อมกัน“พวกคุณดูสิ นี่ก็คือหมอเทวดามั่วนิ่มที่พวกคุณหามาให้ผม”ครั้งนี้เฉียวเทียนฉู่โกรธแล้วจริง ๆ ฉู่เฉินช่างใจกล้ามากนัก ถึงขนาดกล้าสาปแช่งผู้อาวุโสของบ้านพวกเขา?! มองไปทั่วทั้งมณฑลเจียงคงหาคนที่สองไม่ได้อีกแล้ว“ผู้ว่าการเฉียว คุณใจเย็น ๆ นะครับ ถึงยังไงน้องฉู่ก็ยังเด็กเกินไป พูดจาไม่มีกาลเทศะ คุณอย่าลดตัวไปถือสาหาความเขาเลย ผมขอโทษแทนน้องฉู่ด้วยครับ” ฟางอวี่เจิ้งกล่าวพลางประสานมือโค้งให้กับเฉียวเทียนฉี่เจียงไห่ตงก็รีบลุกขึ้นมาพูดเกลี้ยกล่อมว่า “ผู้ว่าการเฉียว คุณฉู่ไม่มีเจตนาร้ายอย่างแน่นอน ผมคิดว่าหาทางทำให้นายท่านใหญ่ฟื้นขึ้นมาโดยเร็วที่สุดถึงจะเป็นสิ่งสำคัญนะครับ”เฉียวเทียนฉี่แค่นเสียงด้วยความโกรธเกรี้ยว สะบัดแขนเสื้อกล่าวว่า “ฮึ! ต่อไปอย่าให้ผมเห็นหมอนี่อีก!” เฉียวเทียนฉี่กล่าวจบก็เดินจากไปโดยไม่หันหน้ากลับมา หลังจากที่มองแผ่นหลังของเฉียวเทียนฉี่ ฟางอวี่เจิ้งกับเจียงไห่ตงต่างก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา แม้พวกเขาเชื่อในวิชาแพทย์ของฉู่เฉิน แต่ปัญหาคือภาพเอกซเรย์ไม่มีทางโกหก นั่น
นอกจากนี้ยังมีสาวสวยสวมชุดว่ายน้ำบิกินีและแว่นกันแดดยืนอยู่ข้างกายเธอ ดูจากอายุแล้วน่าจะอายุประมาณสามสิบห้าสามสิบหกปี เรียวขางดงามขาวนวลดุจหิมะสองข้างยิ่งดูขาวผ่องภายใต้แสงอาทิตย์ส่องสว่างเพียงแต่ว่าเนินอกอวบอิ่มยังด้อยกว่าหลี่จิงจิงอยู่หนึ่งระดับ แต่ถึงอย่างไรก็นับว่าเป็นสาวงามได้โดยไม่ต้องฝืน“คุณฉู่ ประธานฟาง ปล่อยให้พวกคุณรอนานแล้ว”เมื่อเรือยอร์ตเทียบท่า หลี่จิงจิงกลับทักทายฉู่เฉินกับฟางอวี่เจิ้งโดยไม่มีความลำบากใจเลยสักนิดเดียวสาวสวยในชุดว่ายน้ำที่อยู่ข้าง ๆ หลี่จิงจิงก็ทักทายฟางอวี่เจิ้งว่า “ประธานฟาง ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”ฟางอวี่เจิ้งหรี่ตา ค่อย ๆ เบนความสนใจจากร่องอกขาวนวลของสาวสวยในชุดว่ายน้ำมาที่ใบหน้า จากนั้นถึงค่อยฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “โอ้ จางหลิง” เมื่อเรือยอร์ตเทียบท่า ฉู่เฉินกับฟางอวี่เจิ้งก็ขึ้นไปบนเรือยอร์ตแม้ว่าเรือยอร์ตลำนี้ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ถือว่ามีพื้นที่กว้างขวาง ด้านในยังมีห้องพักที่ตกแต่งไว้เรียบร้อยแล้วสองห้อง แม้ว่าการตกแต่งด้านในจะเรียบง่ายไปบ้าง แต่เครื่องครัวก็ครบครัน เมื่อเรือยอร์ตค่อย ๆ ออกตัว หลี่จิงจิงพาพวกฉู่เฉินเดินเข้าไปในห้องพักโดยสารท
“อื้อ...” จางหลิงกับฟางอวี่เจิ้งที่กำลังคุยเล่นกันอยู่ด้านในห้องพักโดยสารพลันได้ยินเสียงครางยาวออดอ้อนดังมาจากบนดาดฟ้าเรือ จึงมองไปทางด้านบนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย นี่คงไม่ใช่ว่าเริ่มกันแล้วนะ?ฟางอวี่เจิ้งกลืนน้ำลายหนัก ๆ เขารู้ดีถึงพละกำลังของฉู่เฉิน หลายวันก่อนเขาเพิ่งเปิดประตูต้อนรับฉู่เฉินเองชั่วขณะหนึ่ง ฟางอวี่เจิ้งพลันเกิดความรู้สึกดูถูกตัวเองขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกแรกเริ่มเสียงนั้นยังไม่ชัดเจนมากนักเพราะเสียงเครื่องยนต์ของเรือยอร์ตแต่เมื่อเรือยอร์ตจอดอยู่บนผืนทะเลที่ห่างออกจากฝั่งหลายสิบไมค์ ไม่มีเสียงเครื่องยนต์รบกวน เสียงนั้นก็ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆฟังจนฟางอวี่เจิ้งรู้สึกเหมือนมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ภายในใจ! ดวงหน้าเล็กของจางหลิงก็แดงระเรื่อเช่นกัน ท้องน้อยกระเพื่อมขึ้นลง ค่อย ๆ หายใจถี่กระชั้นขึ้นมา .....เวลานี้ฉู่เฉินกำลังเอาเท้าเหยียบราวจับ ยืนอย่างองอาจอยู่บนหัวเรือ หลี่จิงจิงก็คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าฉู่เฉิน ปากเล็ก ๆ ขะมักเขม้นไม่หยุด แสงแดดสาดส่องบนผืนทะเล ภายใต้ฟ้าสีคราม ทั้งสองคนที่อยู่บนหัวเรือยอร์ตก็ค่อย ๆ เข้าสู่ภวังค์“ตึง ๆๆ!”เสียงกระแทกกระทั้นดัง
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ