เช้าวันต่อมา ฟางอวี่เจิ้งกับเจียงไห่ตงมารับฉู่เฉินอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาถึงบ้านใหญ่ตระกูลฉู่“คุณฉู่ ขอโทษด้วยจริงๆ นะครับที่ต้องรบกวนให้คุณตื่นแต่เช้าอย่างนี้”เจียงไห่ตงเอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจฉู่เฉินโบกมือยิ้มๆ “ไม่เป็นไรครับ ในเมื่อนายท่านใหญ่เฉียนมีผลงานด้านการสู้รบที่เลื่องลือ ผมช่วยเขาก็เท่ากับช่วยตัวเอง”พูดจบ ฉู่เฉินเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างในฟางอวี่เจิ้งนั่งตำแหน่งคนขับ รับบทเป็นคนขับให้ฉู่เฉินเขาออกรถ พลางหันไปพูดกับฉู่เฉินว่า “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนายท่านใหญ่เฉียว เกรงว่าชีวิตของผู้ว่าการเฉียวคงต้องหยุดชะงักเพียงเท่านี้แล้ว”“ดังนั้น ทั่วทั้งตระกูลเฉียวต่างก็ให้ความสำคัญกับอาการป่วยของนายท่านใหญ่เฉียวมาก หมอชื่อดังหลายคนทั้งในและต่างประเทศเคยมารักษาหมดแล้ว แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลย ยิ่งช่วงนี้อาการของนายท่านใหญ่แย่ลงเรื่อยๆ ดังนั้น…”พูดมาถึงตรงนี้ ฟางอวี่เจิ้งถอนหายใจเบาๆเจียงไห่ตงขมวดคิ้วเอ่ยว่า “เพื่อนร่วมรบหลายคนของนายท่านใหญ่เฉียวล้วนเป็นคนใหญ่คนโตของมณฑลเจียง หลายคนถึงขั้นรับตำแหน่งสำคัญอยู่ในเขตสงคราม ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ผู้ว่าการเฉียวที่ใส่ใจเป็นพิเศษ แม้แต่พวกผมเองก
ย้อนเวลากลับไปเมื่อยี่สิบปีก่อน เธอน่าจะเป็นผู้หญิงสวยตามแบบฉบับมาตรฐานคนหนึ่งเลยทีเดียวเฉียวซูอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่เพียงผิวละเอียดนุ่ม แต่เธอยังมีราศีหยิ่งผยองกระจายอยู่รอบๆ ตัวอย่างบอกไม่ถูกอาจเพราะถูกคนในครอบครัวกล่อมเกลามาตั้งแต่เด็ก หว่างคิ้วของเฉียวซูอวี่แสดงให้เห็นถึงแววตาที่ไม่ยอมให้ใครมาเหยียดหยามง่ายๆถึงจะมีหุ่นที่สูงเพรียวถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร แต่เห็นได้ชัดว่าเส้นชะตาชีวิตตรงหน้าอกขาดความน่าสนใจไปนิดจากการคาดเดาของฉู่เฉิน อย่างมากก็สามสิบห้าซีถ้าไม่ติดเรื่องรอบอก เฉียวซูอวี่ต้องนับว่าเป็นผู้หญิงสวยอันดับต้นๆ คนหนึ่งอย่างแน่นอน“คุณคนนี้คือ?”เฉียวซูอวี่ขมวดคิ้วขณะจ้องพิจารณาฉู่เฉิน“คุณหนูซูอวี่ คุณคนนี้ก็คือหมอเทวดาฉู่ที่ผมเคยพูดให้ฟังครับ”ฟางอวี่เจิ้งแนะนำด้วยสีหน้าจริงจังเจียงไห่ตงยังพยักหน้าเสริมอยู่ข้างๆ ด้วย “ถูกต้องแล้วครับ ถึงหมอเทวดาฉู่จะยังอายุน้อย แต่ทักษะด้านการแพทย์ของเขารับรองว่าหาตัวจับได้ยากแน่นอน”พวกเขาเอ่ยปากชมทักษะด้านการแพทย์ของฉู่เฉินอย่างไม่ขาดปาก แต่เฉียวซูอวี่กลับไม่รู้สึกอย่างนั้นฉู่เฉินอายุน้อยเกินไป ดูท่าแล้วก็น่าจะเพิ
เมื่อเฉียวซูอวี่เอ่ยคำพูดนี้ออกมา เจียงไห่ตงก็ไม่มีคำพูดจะเถียงในพริบตาทั้งสองไม่อาจเทียบกันได้จริง ๆนายท่านใหญ่เฉียวมีฐานะอะไร?ต่อให้มีเจียงรั่วเหยียนสิบคนก็ไม่อาจเทียบได้ ชั่วขณะหนึ่ง เจียงไห่ตงได้แต่กลับไปนั่งลงที่เดิมด้วยความกระอักกระอ่วน“งั้นก็หมายความว่าตระกูลเฉียวไม่เชื่อในวิชาแพทย์ของผมเหรอ?” ฉู่เฉินยิ้มอย่างเย็นชา มองไปทางเฉียวซูอวี่กับซูซิ่วเฟิน“เชื่อคุณเหรอ?”เฉียวซูอวี่หัวเราะ เพียงแต่ว่าเป็นการหัวเราะหยันอย่างดูแคลน“ฉันไม่อยากพูดมากความแล้ว แต่ว่าคุณควรจะต้องเข้าใจเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเชื่อมิจฉาชีพได้ง่าย ๆ”“อีกอย่าง รักษาโรคที่รักษาได้ยากแค่ครั้งสองครั้ง มันพิสูจน์อะไรไม่ได้เลย บางครั้งแมวตาบอดก็ยังบังเอิญเจอหนูตายนะ”เมื่อเห็นฉู่เฉินพูดออกมาตรง ๆ เฉียวซูอวี่ก็ไม่ปิดบังอีกต่อไปเช่นกัน ระบายความไม่พอใจออกมาทั้งหมดเลยฉู่เฉินหัวเราะหยัน วางถ้วยชาลงแล้วเอ่ยว่า “ประจำเดือนคุณไม่มาสามเดือนแล้วใช่ไหม? ปกติแล้วทางที่ดีต้องระงับความโกรธเอาไว้ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คุณก็จะเป็นผู้หญิงไม่ได้แล้ว”เมื่อคำพูดนี้ออกมา ดวงตางดงามของเฉียวซูอวี่พลันเบิกโตราวกับระฆั
“ทนรับทรมานขนาดนี้ไม่ไหวหรอกนะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบเรื่องนี้ไหว?!”ซูซิ่วเฟินที่อยู่ทางด้านข้างก็เอ่ยเห็นด้วย “ใช่แล้ว เทียนฉี่ ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้พ่อของเราก็ยังไม่ได้แตะข้าวแตะน้ำเลยสักคำ ถ้าเกิดเรื่องข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมาอีก ผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินกว่าจะจินตนาการได้เลยนะ”เมื่อฟังพวกเธอสองคนพูดจบ เฉียวเทียนฉี่ก็ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน ถึงค่อยมองไปทางประธานฟางกับเจียงไห่ตงแล้วกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ายังไงครับ?”สองคนนี้เรียกได้ว่าเป็นแขนซ้ายแขนขวาของเฉียวเทียนฉี่ ใคร ๆ ก็อาจจะทรยศตระกูลเฉียวได้ แต่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ไม่ทำประการแรก แม้เส้นสายของฟางอวี่เจิ้งอยู่ที่เมืองเอกของมณฑล แต่ว่าในเจียงจงกลับล่องลอยไร้ที่พึ่งพิง หากต้องการนั่งตำแหน่งได้อย่างมั่นคง เขาจำเป็นต้องพึ่งพาตระกูลเฉียว ส่วนพ่อของเจียงไห่ตง เดิมทีก็เป็นลูกน้องเก่าของนายท่านใหญ่เฉียวพูดได้ว่าทั้งสองครอบครัวมีความสัมพันธ์ตั้งแต่รุ่นพ่อยันรุ่นลูก การทำร้ายตระกูลเฉียวไม่มีประโยชน์อะไรกับเจียงไห่ตงอย่างแน่นอน“ผู้ว่าการเฉียว ไหน ๆ ก็มาแล้ว ให้คุณฉู่ลองตรวจนายท่านใหญ่สักหน่อยก็ไม่
“คุณพูดอะไร!”เฉียวเทียนฉี่และน้องสาวจ้องมองแผ่นหลังของฉู่เฉินด้วยความเกรี้ยวกราดแทบจะพร้อมกัน“พวกคุณดูสิ นี่ก็คือหมอเทวดามั่วนิ่มที่พวกคุณหามาให้ผม”ครั้งนี้เฉียวเทียนฉู่โกรธแล้วจริง ๆ ฉู่เฉินช่างใจกล้ามากนัก ถึงขนาดกล้าสาปแช่งผู้อาวุโสของบ้านพวกเขา?! มองไปทั่วทั้งมณฑลเจียงคงหาคนที่สองไม่ได้อีกแล้ว“ผู้ว่าการเฉียว คุณใจเย็น ๆ นะครับ ถึงยังไงน้องฉู่ก็ยังเด็กเกินไป พูดจาไม่มีกาลเทศะ คุณอย่าลดตัวไปถือสาหาความเขาเลย ผมขอโทษแทนน้องฉู่ด้วยครับ” ฟางอวี่เจิ้งกล่าวพลางประสานมือโค้งให้กับเฉียวเทียนฉี่เจียงไห่ตงก็รีบลุกขึ้นมาพูดเกลี้ยกล่อมว่า “ผู้ว่าการเฉียว คุณฉู่ไม่มีเจตนาร้ายอย่างแน่นอน ผมคิดว่าหาทางทำให้นายท่านใหญ่ฟื้นขึ้นมาโดยเร็วที่สุดถึงจะเป็นสิ่งสำคัญนะครับ”เฉียวเทียนฉี่แค่นเสียงด้วยความโกรธเกรี้ยว สะบัดแขนเสื้อกล่าวว่า “ฮึ! ต่อไปอย่าให้ผมเห็นหมอนี่อีก!” เฉียวเทียนฉี่กล่าวจบก็เดินจากไปโดยไม่หันหน้ากลับมา หลังจากที่มองแผ่นหลังของเฉียวเทียนฉี่ ฟางอวี่เจิ้งกับเจียงไห่ตงต่างก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา แม้พวกเขาเชื่อในวิชาแพทย์ของฉู่เฉิน แต่ปัญหาคือภาพเอกซเรย์ไม่มีทางโกหก นั่น
นอกจากนี้ยังมีสาวสวยสวมชุดว่ายน้ำบิกินีและแว่นกันแดดยืนอยู่ข้างกายเธอ ดูจากอายุแล้วน่าจะอายุประมาณสามสิบห้าสามสิบหกปี เรียวขางดงามขาวนวลดุจหิมะสองข้างยิ่งดูขาวผ่องภายใต้แสงอาทิตย์ส่องสว่างเพียงแต่ว่าเนินอกอวบอิ่มยังด้อยกว่าหลี่จิงจิงอยู่หนึ่งระดับ แต่ถึงอย่างไรก็นับว่าเป็นสาวงามได้โดยไม่ต้องฝืน“คุณฉู่ ประธานฟาง ปล่อยให้พวกคุณรอนานแล้ว”เมื่อเรือยอร์ตเทียบท่า หลี่จิงจิงกลับทักทายฉู่เฉินกับฟางอวี่เจิ้งโดยไม่มีความลำบากใจเลยสักนิดเดียวสาวสวยในชุดว่ายน้ำที่อยู่ข้าง ๆ หลี่จิงจิงก็ทักทายฟางอวี่เจิ้งว่า “ประธานฟาง ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”ฟางอวี่เจิ้งหรี่ตา ค่อย ๆ เบนความสนใจจากร่องอกขาวนวลของสาวสวยในชุดว่ายน้ำมาที่ใบหน้า จากนั้นถึงค่อยฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “โอ้ จางหลิง” เมื่อเรือยอร์ตเทียบท่า ฉู่เฉินกับฟางอวี่เจิ้งก็ขึ้นไปบนเรือยอร์ตแม้ว่าเรือยอร์ตลำนี้ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ถือว่ามีพื้นที่กว้างขวาง ด้านในยังมีห้องพักที่ตกแต่งไว้เรียบร้อยแล้วสองห้อง แม้ว่าการตกแต่งด้านในจะเรียบง่ายไปบ้าง แต่เครื่องครัวก็ครบครัน เมื่อเรือยอร์ตค่อย ๆ ออกตัว หลี่จิงจิงพาพวกฉู่เฉินเดินเข้าไปในห้องพักโดยสารท
“อื้อ...” จางหลิงกับฟางอวี่เจิ้งที่กำลังคุยเล่นกันอยู่ด้านในห้องพักโดยสารพลันได้ยินเสียงครางยาวออดอ้อนดังมาจากบนดาดฟ้าเรือ จึงมองไปทางด้านบนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย นี่คงไม่ใช่ว่าเริ่มกันแล้วนะ?ฟางอวี่เจิ้งกลืนน้ำลายหนัก ๆ เขารู้ดีถึงพละกำลังของฉู่เฉิน หลายวันก่อนเขาเพิ่งเปิดประตูต้อนรับฉู่เฉินเองชั่วขณะหนึ่ง ฟางอวี่เจิ้งพลันเกิดความรู้สึกดูถูกตัวเองขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกแรกเริ่มเสียงนั้นยังไม่ชัดเจนมากนักเพราะเสียงเครื่องยนต์ของเรือยอร์ตแต่เมื่อเรือยอร์ตจอดอยู่บนผืนทะเลที่ห่างออกจากฝั่งหลายสิบไมค์ ไม่มีเสียงเครื่องยนต์รบกวน เสียงนั้นก็ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆฟังจนฟางอวี่เจิ้งรู้สึกเหมือนมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ภายในใจ! ดวงหน้าเล็กของจางหลิงก็แดงระเรื่อเช่นกัน ท้องน้อยกระเพื่อมขึ้นลง ค่อย ๆ หายใจถี่กระชั้นขึ้นมา .....เวลานี้ฉู่เฉินกำลังเอาเท้าเหยียบราวจับ ยืนอย่างองอาจอยู่บนหัวเรือ หลี่จิงจิงก็คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าฉู่เฉิน ปากเล็ก ๆ ขะมักเขม้นไม่หยุด แสงแดดสาดส่องบนผืนทะเล ภายใต้ฟ้าสีคราม ทั้งสองคนที่อยู่บนหัวเรือยอร์ตก็ค่อย ๆ เข้าสู่ภวังค์“ตึง ๆๆ!”เสียงกระแทกกระทั้นดัง
ฉู่เฉินส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ไม่เคยครับ นี่น่าจะเป็นการออกทะเลครั้งแรกของผม”“จริงเหรอคะ?”จางหลิงดูเหมือนค้นพบทวีปใหม่ก็ไม่ปาน เธอจับแขนของฉู่เฉินขึ้นมาทันทีแล้วพูดว่า “คุณฉู่คะ อยากลองสัมผัสความรู้สึกว่ายน้ำในทะเลอย่างเต็มที่ไหมคะ?” แต่ยังไม่ทันที่ฉู่เฉินจะตอบ มือน้อย ๆ ของจางหลิงก็ออกแรงผลักฉู่เฉินลงไปในทะเลทันทีเสียงดังตูม คลื่นสาดกระเซ็นขึ้นมา ฉู่เฉินผุดขึ้นมาจากในน้ำ มองไปทางหัวเรือเวรเอ๊ย!ยัยนี่รีบร้อนมากขนาดไหนในขณะที่ฉู่เฉินเงยหน้าขึ้นมา ร่างขาวเนียนก็กระโดดลงมาในทะเล หลังจากที่จางหลิงว่ายน้ำมาอยู่ตรงหน้าฉู่เฉิน ฉู่เฉินพลันรู้สึกได้ว่าเหมือนมีมือเล็ก ๆ จับเขาเอาไว้ เธอแม่งมีเครื่องตรวจจับใต้น้ำหรือไง? จับได้แม่นยำขนาดนี้เชียวซ่า ๆ!คลื่นทะเลซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า จางหลิงเหมือนกับปลาหมึก พัวพันร่างกายของฉู่เฉินไว้อย่างแน่นหนาไม่มีพิธีรีตองเลยสักนิดเดียวจริง ๆ นี่มันโจมตีเข้าเป้าไปเลย?ฉู่เฉินทำหน้ามึนงงเช่นกันความจริงแล้วเขาอยากเอากลับมามาก ๆ แต่ว่าร่างกายอยู่ในน้ำ ควบคุมไม่ได้เลย คลื่นใต้น้ำในทะเลผลักเขาไปข้างหน้าซ่า ๆๆผ่านไปไม่นาน เสียงน
อวี้ลู่ยังไม่ทันพูดจบ ฉู่เฉินก็แคะฟันพลางพูดบทว่า “กินมากเกินไปจะอ้วนเป็นตุ่มได้นะ”“เจ้า...ไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่นเลย!” อวี้ลู่เหลือกตาใส่ฉู่เฉินอย่างอำมหิต แล้วดึงสองพี่น้องตระกูลต้วนเดินออกไปจากถนนของกินโดยทิ้งฉู่เฉินไว้ “นายท่าน...” ต้วนหลิงเสวี่ยถูกอวี้ลู่ลากไปข้างหน้าพลางหันหน้ามามองฉู่เฉินอย่างอาลัยอาวรณ์ ฉู่เฉินโบกมือให้ต้วนหลิงเสวี่ยพอดีเลยคืนนี้เขาควรไปหาโจวเทียนเฟิ่งเพื่อทำการเตรียมตัวสำหรับการวางจำหน่ายยาบำรุงปราณในตลาดทั่วประเทศ จนกระทั่งสามสาวเดินจากไปไกลแล้ว ฉู่เฉินถึงค่อยเข้าไปนั่งในรถ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์มุ่งหน้าไปยังเทียนเฟิ่งวิลล่าทันทีช่วงนี้โจวเทียนเฟิ่งยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้อย่าเห็นว่าเป็นแค่ธุรกิจในมณฑลแห่งหนึ่ง แต่ด้วยจำนวนเงินที่หมุนเวียนมหาศาลในแต่ละวัน โจวเทียนเฟิ่งไม่กล้าเลินเล่อแม้เพียงชั่วขณะ เมื่อฉู่เฉินเดินเข้าไปในเทียนเฟิ่งวิลล่า โจวเทียนเฟิ่งกำลังสรุปยอดบัญชีอยู่เมื่อเห็นฉู่เฉิน ยามหลายคนตรงหน้าประตูก็รีบเข้ามาต้อนรับ “โอ้ คุณฉู่ นาน ๆ คุณจะมาเป็นแขก เร็วเข้าเถอะครับ เชิญข้างในเลย” ยามคนหนึ่งผงกศีรษะค้อมเอว พาฉู่
“เจ้าสำนักปี้!” ในขณะที่ปี้คุนเตรียมตัวจะตามฉู่เฉินไป ทันใดนั้นเองก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากข้างหลัง ปี้คุนอดสะดุ้งตกใจไม่ได้ หันหน้ามองไปทางด้านหลังทันที“หลี่ว์เจิ้งหยาง?” ปี้คุนขมวดคิ้วขึ้นมา มองหลี่ว์เจิ้งหยางด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสำนักปี้คงไม่ได้ตั้งใจมาที่เมืองหมอตูเพื่อไอ้เด็กแซ่ฉู่หรอกใช่ไหม?”ปี้คุนทำหน้าทะมึน กัดฟันแต่ไม่ตอบเขาหลี่ว์เจิ้งหยางเป็นเพียงศิษย์ของสำนักนางใน จากในแง่ของฐานะ เขาต่างจากปี้คุนอย่างมากด้วยเหตุนี้ ปี้คุนเลยไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย “เจ้าสำนักปี้ ผมขอแนะนำคุณสักคำ อย่าลงมือเด็ดขาด ไม่งั้นผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินจะคาดคิด” หลี่ว์เจิ้งหยางเอ่ยด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม“อ้อ?” นัยน์ตาของปี้คุนฉายแววเย็นชา จ้องมองหลี่ว์เจิ้งหยางพลางพูดว่า “คุณคิดจะขัดขวางผมเหรอ?”หลี่ว์เจิ้งหยางรีบโบกมือกล่าวว่า “เจ้าสำนักปี้เข้าใจผิดแล้ว ผมก็มาแก้แค้นไอ้หมอนี่เหมือนกัน”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดจบก็ถลกเสื้อขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปที่บาดแผลบนตัวแล้วพูดว่า “ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือไอ้หมอนั่น แต่ว่าไอ้เด็กแซ่ฉู่ไม่ได้น่ากลัว คนที่น่ากลัวคือยัยผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายมัน!” หลี
“คุณร่วมมือทุจริตกับคนแซ่หลี่ข้างล่างนั่น เรื่องนี้น่าจะไม่ผิดใช่ไหม? อีกอย่าง คุณปลอมแปลงตัวตน โกหกว่าตัวเองเป็นหมอดูแลสุขภาพท่านหลง คุณทำเรื่องพวกนี้ทั้งหมดเลยใช่ไหม?” ฟางอวี่เจิ้งเอามือสองข้างไพล่หลัง มองถังจิ้งจือด้วยรอยยิ้มหยัน “นะ...นี่เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน จะถือว่าเป็นการทุจริตการแข่งขันได้ยังไง? อีกอย่าง ฉะ...ฉันเป็นหมอดูแลสุขภาพของท่านหลงจริง ๆ นะ”ฟางอวี่เจิ้งได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน? คุณพูดง่ายดีนี่ คุณน่าจะเข้าใจนะว่าการแข่งขันแพทย์แผนจีนเป็นการแข่งขันเลือกบุคลากรในวงการแพทย์ ระดับไม่ด้อยไปกว่าการสอบจอหงวนเลย” “คุณเปลี่ยนโจทย์การแข่งขันโดนพลการ นี่ไม่ใช่การทุจริตการแข่งขันหรือไง?” ไม่รอให้ถังจิ้งจือแก้ต่าง ฟางอวี่เจิ้งก็พูดต่อว่า “เมื่อกี้ผมยืนยันกับทางแก๊งมังกรแล้ว ท่านหลงไม่มีหมอดูแลสุขภาพอะไรทั้งนั้น ทางสำนักงานใหญ่ของแก๊งมังกรก็ไม่มีหมอแซ่ถังด้วย”“ตอนนี้คุณจะอธิบายว่ายังไง!” ถังจิ้งจือได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็เย็นวาบไปครึ่งหนึ่งเขาเพิ่งโดนท่านหลงปลดออกเมื่อไม่กี่วันก่อน ทางแก๊งมังกรไม่มีทางไม่มีบันทึกเอาไว้
เมื่อฮว่าจิ่วหยางเอ่ยจบ หลิ่วหรูเยียนก็อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้แบนทั่วประเทศ?ถ้าอย่างนั้นฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จบเห่โดยสิ้นเชิงแล้วจริง ๆ! แต่เธอทำใจไม่ได้จริง ๆไอ้สารเลวฉู่เฉินกล้าทำให้เธออับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนเนี่ยนะ!“คุณหลิ่ว ความอดทนของพวกเรามีขีดจำกัดนะ” จางเสวี่ยเหยียนจับกรอบแว่นบนใบหน้า แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ให้เวลาคุณพิจารณาอีกหนึ่งนาที ถ้าเกิดคุณหลิ่วยืนกรานไม่ยอมขอโทษฉู่เฉิน งั้นผมก็จะให้นักเรียนทั้งหมดของผมไม่ใช้เวชภัณฑ์ทุกตัวที่มาจากฉู่ซื่อกรุ๊ปตลอดไป” เฝิงว่านชางกับหลินจื้อหงก็พากันลุกขึ้นมาสนับสนุนเช่นกันแม้ว่าเขาเป็นเพียงศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยการแพทย์ประจำมณฑล แต่หลายสิบปีมานี้ก็มีลูกศิษย์มากมายนับไม่ถ้วนขอเพียงพวกเขาพูดคำเดียว แม้แต่คลินิกเล็ก ๆ ทั่วประเทศก็จะแบนฉู่ซื่อกรุ๊ปกันหมด “คุณหลิ่ว ฉันคือเย่ชิ่นเหยียน ทนายความจากสำนักงานกฎหมายหมิงเจวี๋ย!” เย่ชิ่นเหยียนพูดพลางลุกขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า “การกระทำเมื่อครู่นี้ของคุณถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทคุณฉู่ ถ้าเกิดคุณไม่ยอมขอโทษคุณฉู่ ฉันจะทำการฟ้องร้องคุณแทนคุณฉ
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ
“หรูเยียน ลูกพูดเหลวไหลอะไร! รีบนั่งลงเร็วเข้า!”ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วชิงเหอก็คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ในเวลานี้ เลยรีบดึงแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้“หนูไม่ได้พูดเหลวไหลเลยนะ!” หลิ่วหรูเยียนสะบัดมือของหลิ่วชิงเหอออก ก่อนจะเดินลงจากที่นั่งแขกกิตติมศักดิ์ อย่างรวดเร็ว เจียงถิงมองหลิ่วหรูเยียนที่พุ่งขึ้นมาบนเวที แล้วขมวดคิ้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนิดหน่อยว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันหวังว่าคุณจะรับผิดชอบต่อคำพูดเมื่อกี้ของคุณได้นะคะ” “การใส่ร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คนเป็นความผิดทางกฎหมายนะคะ!” หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็น แย่งไมโครโฟนมาแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉิน ก่อนจะพูดกับผู้ชมกว่าหมื่นคนด้านล่างเวทีว่า “ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉู่เฉินคนนี้เป็นแค่นักต้มตุ๋นที่ไม่มีความรู้ความสามารถ!”“พวกคุณอย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกปลอม ๆ ของเขาหลอกลวงเด็ดขาดนะคะ!”“เขาไม่เพียงไม่มีวิชาแพทย์อะไรทั้งนั้น แม้แต่สามีภรรยาเมื่อครู่นี้จะต้องเป็นหน้าม้าที่เขาจ่ายเงินจ้างมาแน่นอน!”หลังจากที่สิ้นเสียงตะโกนของเธอ ทุกคนก็หันไปมองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่กำลังอุ้มลูกเมื่อครู่นี้อีกครั้ง“พวกเราไม่รู้จักคุณ
“ตึกตัก! ตึกตัก!”ฮว่าจิ่วหยางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองใกล้จะกระโดดมาถึงลำคอแล้ว ถ้าเกิดเด็กชายตัวน้อยเอ่ยปากพูดจริง ๆ เช่นนั้นยาบำรุงสวรรค์ตัวนี้ก็จะโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตในพริบตาฉู่เฉินก็จะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งวงการแพทย์นี่ไม่ใช่การสร้างปาฏิหาริย์แล้ว แต่เป็นการท้าทายชะตากรรมชะตากรรมของผู้พิการทางการได้ยินและการพูดย่อมแตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ เด็กชายตัวน้อยค่อย ๆ อ้าปากเล็ก ร้องเรียกเบา ๆว่า “บอ” “ระ...เรียกพ่อ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นก็ตื่นเต้นจนน้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอดวงตา แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุด ส่วนบรรยากาศในงานก็ตื่นเต้นถึงที่สุด เสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นไม่อาจถือได้ว่าฉู่เฉินประสบความสำเร็จแล้ว อย่างมากก็เป็นเพียงการพูดอ้อแอ้ หรือว่าเสียงจากการครางเท่านั้น“เรียกสิ เรียกพ่อ!” ภายใต้การกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าของชายหนุ่ม เด็กชายตัวน้อยอ้าปากเล็ก ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “พะ...อา พอ...พ่อ”เสียงที่ชัดเจนดังออกมาเป็นรอบที่สอง ทั่วทั้งงานและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตแทบจะเดือดพล่านพร้อมกั
เชี่ย!ฮว่าเทียนอวี่ที่นั่งข้างหลังฮว่าจิ่วหยางอดสบถคำหยาบไม่ได้จากนั้นก็เห็นเพียงเตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินพลันเปล่งแสงสีแดงฉานออกมา ก่อนที่กลิ่นหอมของยาที่สดชื่นผ่อนคลายจะอบอวลไปทั่วทั้งสนามกีฬาระดับสวรรค์!ถึงแม้พวกฮว่าจิ่วหยางไม่เชี่ยวชาญด้านการหลอมยา แต่ว่ายังคงแยกแยะระดับได้ชัดเจนมาก แม้ว่าตัวยาเม็ดนี้หลอมขึ้นจากสูตรยาระดับล่างเท่านั้น แต่เมื่อมันไปถึงระดับสวรรค์ขึ้นไปก็ล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้เช่นเดียวกัน! อย่างไรเสียสูตรยาเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติและทิศทางการรักษาของยา แต่ความสามารถของนักหลอมโอสถเป็นตัวกำหนดระดับของตัวยา แม้ว่าจะเป็นสูตรยาระดับดิน ถ้าเกิดออกมาเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ได้ นั่นก็น่ากลัวมากนี่ก็เปรียบเหมือนกับว่าหากใช้สูตรยาหกตำรับบำรุงไตหลอมเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ ยาหกตำรับบำรุงไตหนึ่งเม็ดนี้สามารถขายได้ถึงหลายพันล้าน และยาในมือฉู่เฉินเม็ดนี้ คุณสมบัติกับการรักษาหลักยังไม่ชัดเจน หรือพูดอีกอย่างก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นยาระดับสวรรค์ที่ประเมินค่าไม่ได้ รวย!รวยเละแล้ว!พวกฮว่าจิ่วหยางรู้สึกอิจฉาฉู่เฉินไม่หยุด ไม่แน่ว่าฉู่เฉินอาศัยยาวิเศษระดับสวร
“พวกนายรีบดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?”“เชี่ย นั่นเหมือน...เหมือนก้อนเมฆเลย?” “นี่แม่งไม่สมเหตุสมผลเลย ขะ...เขาจะมีก้อนเมฆอยู่ในมือได้ยังไง?” แม้แต่เจียงถิง เวลานี้ก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือเตาหลอมโอสถของฉู่เฉินนอกจากนี้ด้านในยังมีสายฟ้าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!ซี้ด!พวกฮว่าจิ่วหยางที่อยู่บนที่นั่งกรรมการก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อหรือว่านั่นก็คือเคราะห์โอสถในตำนาน?เล่ากันว่า มีเพียงโอสถที่ไปถึงระดับท้าทายสวรรค์ถึงจะเกิดเคราะห์โอสถขึ้นมาในขณะกำลังหลอมยาเสร็จแม้แต่หลี่จวิ้นเฟิงก็มองฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นั่นมันเคราะห์โอสถเชียวนะ! เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหมอก็หลอมโอสถชั้นเลิศที่สามารถผ่านเคราะห์โอสถออกมาไม่ได้เลย ฉู่เฉินเขาทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!จะต้องประสาทหลอนแน่ ๆ! “เลิกหลอกลวงอยู่ตรงนั้นได้แล้ว!”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลายหนัก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งเตะไปที่เตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ฉู่เฉินหลอมยาได้สำเร็จ!แ