“ผู้อาวุโสคิดว่า…”พูดมาถึงตรงนี้ หลี่จวิ้นเฟิงกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของเฉินเจิ้นหนานอยู่ครู่หนึ่งฟังอยู่ครู่ใหญ่ ใบหน้าของเฉินเจิ้นหนานก็ปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา เขาตบไหล่ของหลี่จวิ้นเฟิง แล้วบอกว่า “อืม ไม่เลว! สมกับที่เป็นผู้มีพรสวรรค์ของสำนักหมอเซียน เพียงแต่ ถ้าคิดจะวางยาพิษคนอย่างนี้ จะต้องระวังและรอบคอบให้มากๆ”“ไม่อย่างนั้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป จะทำลายชื่อเสียงสำนักหมอเซียนของเราได้”หลี่จวิ้นเฟิงหัวเราะในลำคอ “ผู้อาวุโสวางใจได้ ไอ้เด็กแซ่ฉู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่มีใครรักษาเขา แล้วนักพรตต่างแดนคนนั้นไปแก้แค้นเขาถึงที่ เขาต้องตายอย่างแน่นอน”“ผมรับประกันได้เลยว่าเจ้าแซ่ฉู่ไม่มีทางปฏิเสธน้ำใจของเราแน่ ขอแค่วางอุบายกับเข็มเงินที่จะใช้รักษาเขา เขาไม่มีทางสงสัยแน่นอนครับ”“แค่รอให้พิษออกฤทธิ์ เจ้าแซ่ฉู่ก็ต้องยอมจำนนต่อพวกเราอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ? ถ้าได้สูตรหลอมยาบำรุงปราณมา แล้วค่อย…”หลี่จวิ้นเฟิงทำท่าปาดคอ ก่อนจะยิ้มอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “ถึงตอนนั้น จะมีใครรู้จักคนที่ชื่อฉู่เฉินอยู่อีก แหล่งผลิตยาบำรุงปราณก็จะตกอยู่ในกำมือสำนักหมอเซียนของเรา ถึงตอนนั้น วงการชาวย
กลับถึงห้อง จินหลิงเอ่อร์ปิดประตูห้องอย่างระมัดระวังด้วยจิตใจที่ยังคงเต้นระส่ำระสาย จากนั้นก็ตรวจสอบดูอีกหลายรอบ พอมั่นใจได้ว่าไม่มีใครบุกเข้ามาได้ จึงค่อยพาฉู่เฉินเดินเข้าไปในห้องด้านในฉู่เฉินมองน้ำยาในอ่างไม้ ก่อนจะยื่นมือไปทดลองอุณภูมิของน้ำ จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ “โอเค คุณถอดเสื้อผ้าก่อน เข้าไปแช่ในน้ำยาสิบนาที”“อีกเดี๋ยวผมค่อยฝังเข็มให้คุณ”พูดจบ ฉู่เฉินหันตัวเดินไปที่เตียง จากนั้นก็หลับตานั่งขัดสมาธิบอกตามตรง ฉู่เฉินได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจากการสู้กับหลี่เต้าผิงนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ได้รับถ่ายทอดวิชามา ที่ฉู่เฉินบาดเจ็บหนักขนาดนี้อีกทั้งหลังจากนี้ยังต้องฝังเข็มให้จินหลิงเอ่อร์ ต้องใช้พลังวิญญาณไม่ใช่น้อยๆ ด้วยเหตุนี้ ฉู่เฉินจำเป็นต้องฟื้นฟูปราณแท้ในร่างกายสักหน่อยจากนั้น ฉู่เฉินกินยาบำรุงปราณทีเดียวสามเม็ดถึงแม้อย่างนั้น ปราณแท้ในตัวของฉู่เฉินก็ยังฟื้นฟูกลับมาได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นจินหลิงเอ่อร์มองฉู่เฉินที่นั่งหลับตาสนิทอยู่บนเตียงซึ่งห่างจากอ่างไม้ไม่ถึงสองเมตร ยังคงรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูกเธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ จากนั้นก็สูดหายใจลึกๆ แล้วก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเ
ผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาที บนหน้าผาก ลำคอยาวระหง และหัวไหล่กลมมนของจินหลิงเอ่อร์ มีเหงื่อขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลืองผุดขึ้นมาเต็มไปหมดเพียงแต่บนเม็ดเหงื่อเหล่านั้นยังมีน้ำค้างแข็งเคลือบอยู่อีกหนึ่งชั้น“ไม่ไหวแล้ว ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เจ็บจัง…เจ็บมากเลย”ความรู้สึกที่เจ็บสุดขีดแบบนี้ แม้แต่จินหลิงเอ่อร์ที่ฝึกยุทธ์มาตั้งแต่เด็กก็ยังทนไม่ไหวทุกเซลล์ในร่างกายเหมือนกำลังส่งสัญญาณแห่งความเจ็บปวดมายังสมองของเธอเสียงน้ำกระเพื่อมดังซู่ซ่าไปตามจังหวะการสั่นสะเทือนของร่างกายเธอฉู่เฉินขมวดคิ้วมองจินหลิงเอ่อร์ “อดทนอีกหน่อย ถ้ากำจัดพิษเย็นในตัวคุณออกมาภายในครั้งเดียวไม่ได้ อาการมีแต่จะยิ่งแย่ลง ถึงตอนนั้น ร่างกายของคุณจะเน่าเพราะพิษเย็นกระจายไปทั่วร่าง สุดท้ายก็จะตาย”จินหลิงเอ่อร์ตกใจจนเหงื่อท่วมตัว ทำได้เพียงอดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัส ก่อนจะนั่งลงไปในอ่างไม้เหมือนเดิมฉู่เฉินจับแข้งของจินหลิงเอ่อร์ ก่อนจะแทงเข็มเงินเล่มสุดท้ายเข้าที่ด้านในต้นขาของเธอพอเข็มเงินเล่มสุดท้ายแทงเข้าไปในตัวเธอ ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่เกินคำบรรยายก็กระจายไปทั่วร่างของจินหลิงเอ่อร์“ปรมาจารย์ฉู่…ต้องใช้เวลาอีกนานแค่
ที่จริง ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลจินต้องเดือดร้อนเพราะซ่งหู่ ทำให้ตกต่ำเหมือนอย่างตอนนี้ ฉู่เฉินก็คงถอดใจกับตระกูลจินไปแล้วครั้งที่แล้ว สาเหตุที่ฉู่เฉินต้องการแบ่งสิทธิ์ในการขายยาบำรุงปราณกับจินเจิ้นหลง หนึ่งก็เพราะต้องการสร้างเส้นสายในวงการต่อสู้ แต่เหตุผลสำคัญกลับเป็นสายตาและความสามารถของจินเจิ้นหลงมากกว่าเพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าตาฉู่เฉินแม้แต่โจวเทียนเฟิ่ง ถ้าหากเธอกล้าพูดอะไรไม่เข้าหูฉู่เฉินแม้แต่น้อย ฉู่เฉินก็จะทอดทิ้งสำนักเฟิ่งอย่างไม่ไยดีเห็นได้ชัดว่า จินเจิ้นหลงไม่ผ่านการทดสอบของฉู่เฉินด้วยเหตุนี้ ความตั้งใจเดิมของฉู่เฉินก็คือ หลังจากสะสางเรื่องของซ่งหู่ เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับตระกูลจินอีกต่อไปที่เขารักษาโรคให้จินหลิงเอ่อร์ ก็เป็นเพียงการรักษาคำพูดเท่านั้นแต่ตอนนี้ สถานการณ์ได้อยู่นอกเหนือการควบคุมของฉู่เฉินไปแล้วของจำพวกยาเร่งกำหนัด หากแค่ดมนั้นก็ยังแก้ง่าย เหมือนอินซู่ซู่ อย่างมากก็แค่ฝังเข็มให้เธอสองสามเข็ม ก็สามารถแก้พิษได้แล้วแต่ปัญหาก็คือ ยาเร่งกำหนัดที่อยู่ในร่างกายของจินหลิงเอ่อร์ได้ไหลเวียนเข้าสู่เส้นชีพจรของเธอแล้ว ซึ่งนี่ก็คือปัญหาใหญ่หากยาเร่งกำหนัดไหล
จินเจิ้นหลงเดินข้ามประตูบ้านเข้าไปโดยจิตใต้สำนึก เขาเดินมาถึงเรือนข้างที่จินหลิงเอ่อร์อาศัยอยู่เพิ่งจะเดินเข้าไปในห้องของจินหลิงเอ่อร์ ก็ได้ยินเสียงน้ำดังซู่ซ่าจินเจิ้นหลงที่เคยผ่านโลกมาก่อน สะท้านไปทั้งตัวไม่ต้องเปิดประตูเขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน…นี่มัน…จินเจิ้นหลงตะลึงค้างไปแล้ว!ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากให้เกิดเรื่องอย่างนี้ เพราะเขาถึงขั้นเคยคิดหลายต่อหลายครั้งแล้ว ว่าจะยกลูกสาวให้ฉู่เฉิน เพื่อแลกกับอนาคตของตระกูลจินดีหรือไม่แต่ปัญหาก็คือ…พรุ่งนี้เช้า คุณชายตระกูลจ้าวจากเมืองหลวงจะเดินทางมาวางสินสอดทองหมั้นแล้วน่ะสิการหมั้นหมายครั้งนี้ จินเจิ้นหลงเพิ่งตกปากรับคำในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เองด้านหนึ่งก็เพราะฉู่เฉินได้รับปากกับตระกูลจินแล้ว ว่าจะรักษาจินหลิงเอ่อร์ให้ได้ในอีกด้านหนึ่ง ตระกูลจ้าวจากเมืองหลวงเป็นทั้งตระกูลชาวยุทธ์ แถมยังมีเส้นสายในวงการธุรกิจ มีความก้าวหน้าที่ไม่เลว อีกอย่าง จ้าวคังที่เป็นลูกชายของจ้าวเทียนเต๋อยังจบการศึกษาจะมหาลัยมีชื่อด้วยรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาไม่พอ ยังเป็นคนมีพรสวรรค์ทั้งบุ๋นและบู๊อีกหนำซ้ำในตอนที่เขาอายุสิบขวบ จ้าวคังก็ตกหลุมรักจิน
บอกตามตรง จินหลิงเอ๋อร์ตกตะลึงกับภาพตรงหน้ามากเธอจำได้ว่าตัวเองแช่น้ำยาอยู่ในอ่างอาบน้ำ ส่วนฉู่เฉินนั่งสมาธิอยู่บนเตียงนี่นา ทำไม…ทำไมถึงได้กลายเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะ?ฉู่เฉินเห็นจินหลิงเอ๋อร์ตื่นสักที จึงถอนหายใจ และบอกว่า “คุณตื่นแล้วเหรอ? เมื่อกี้คุณโดนพิษของยาปลุกกำหนัด…”ขณะเอ่ย ฉู่เฉินชี้ไปที่ผงสีชมพูที่ยังหลงเหลืออยู่บนเสื้อผ้าของจินหลิงเอ๋อร์จินหลิงเอ๋อร์รีบลงจากตัวฉู่เฉิน นั่งลงข้างอ่างอาบน้ำ ยกสองมือขึ้นกุมใบหน้าน้อยๆ พยายามนึกถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่จริง จินหลิงเอ๋อร์ในเวลานั้นเพียงแค่สติเลือนราง แต่เธอยังคงจำเรื่องที่เกิดขึ้นได้โดยเฉพาะตอนที่เธอจำได้ว่าตัวเองฉีกทึ้งเสื้อผ้าของฉู่เฉิน สีหน้าของเธอก็ดูย่ำแย่ลงทันทีถึงแม้เธอเริ่มมีความรู้สึกพิเศษกับฉู่เฉินตั้งแต่ที่เขาฆ่าฉินหล่าง ถึงขั้นเคยจินตนาการในใจว่าระหว่างเธอกับฉู่เฉินอาจมีอะไรเกิดขึ้นก็ได้แต่มันไม่ควรเป็นแบบนี้แบบนี้มันดูไม่งามเกินไปรึเปล่า?ฉู่เฉินจะไม่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายเหรอ?ฉู่เฉินจะไม่ต้องการเธอ เพราะเธอดูเป็นฝ่ายรุกเกินไปรึเปล่านะ?ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในสมองของจินหลิงเอ๋อร์ ทำให้เธ
ฉู่เฉินยิ้มเล็กน้อย “เจ้าสำนักจิน เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน สิทธิ์ในการซื้อขายยาบำรุงปราณในมณฑลเจียงผมให้สำนักเฟิ่งไปแล้ว ขอเพียงไม่ใช่เขตมณฑลเจียง ตระกูลจินของคุณสามารถซื้อขายยาบำรุงปราณได้อย่างอิสระ”“ก่อนวันที่สิบของทุกเดือน คุณไปเบิกของที่ผมได้ เรื่องส่วนแบ่ง เอาเป็นห้าสิบ-ห้าสิบก็ได้”พูดจบ ฉู่เฉินก็สาวเท้าเดินออกไปทันทีจินเจิ้นหลงได้ยินอย่างนั้น ก็ดีอกดีใจอย่างยิ่ง เขาเดินไปส่งฉู่เฉินถึงหน้าบ้าน ก่อนจะย้อนกลับไปที่เรือนของตัวเอง“พ่อ เป็นไงบ้าง?”จินอ้าวเทียนชะโงกหน้าออกมาถามอย่างอดใจรอไม่ไหวจินเจิ้นหลงสูดหายใจลึกๆ “สำเร็จแล้ว! แค่ซื้อขายในมณฑลเจียงไม่ได้เท่านั้น แต่ก็ไม่เป็นไร อีกไม่กี่วันฉันจะเดินทางไปมณฑลตงที่อยู่ใกล้ๆ ไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอมาหลายปีสักหน่อย”พูดมาถึงตรงนี้ จินเจิ้นหลงรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้งแม้แต่จินอ้าวเทียนก็ดีใจจนอ้าปากค้าง ถ้ามีสิทธิ์ในการซื้อขายยาบำรุงปราณ ต่อไปไม่ว่าเขาจะไปไหน ก็สามารถเชิดหน้าชูตาได้แล้วไม่ใช่เหรอ?……ในอีกด้านหนึ่ง หลิ่วหรูเยียนยังคงคุยโทรศัพท์กับหลี่ฮุยจนถึงดึกดื่นบ่ายวันนี้ บริษัททางการแพทย์ในท้องถิ่นรวมถึงระด
หลิ่วหรูเยียนกัดริมฝีปาก เธอลังเลอยู่นาน ก่อนจะฝืนใจพยักหน้า “ก็ได้ พรุ่งนี้เจอกันที่ภัตตาคารพาราเมาท์นะคะ”พูดจบ หลิ่วหรูเยียนรีบกดวางสายโทรศัพท์แทบจะในทันทีที่จริงเธอรู้ดีว่าหลี่ฮุยต้องการอะไรแต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกไร้กำลังอย่างนี้ ทำให้หลิ่วหรูเยียนคลั่งจนแทบอยากตาย!“ไอ้บัดซบฉู่เฉิน!”หลิ่วหรูเยียนขว้างโทรศัพท์ลงบนเตียง โกรธจนหน้าดำหน้าแดงไปหมดทั้งหมดนี้เป็นเพราะไอ้เลวฉู่เฉินคนเดียว!ถ้าวันนั้นฉู่เฉินไม่ทำให้เธอขายหน้าในไลฟ์สด ด้วยฐานะของพวกเธอสองแม่ลูกในวงการการแพทย์ของเมืองเจียงจง ฝ่ายพัฒนายาบำรุงปราณคงได้ร่วมมือกับฉู่ซื่อกรุ๊ปโดยตรง ไม่ต้องมีงานเปิดตัวอะไรทั้งนั้น พอนึกถึงฉู่เฉิน หลิ่วหรูเยียนอดนึกถึงการแข่งขันแพทย์แผนจีนขึ้นมาไม่ได้!ถ้าเธอต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเธอและบริษัท และเปิดโปงคำโกหกของฉู่เฉิน เธอจำเป็นต้องทำให้ฉู่เฉินขายหน้าในการแข่งขันแพทย์แผนจีนนึกมาถึงตรงนี้ หลิ่วหรูเยียนนัยน์ตาไหวระริก ก่อนจะหยิบมือถือที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา ค้นหาหมายเลขที่ถูกบันทึกไว้ในชื่อ ‘ข่งลิ่งเจี๋ย’ และโทรศัพท์ออกข่งลิ่งเจี๋ยก็เป็นหนึ่งในคนที่ตามจีบหลิ่วหรูเยียน หนำซ
ก๊อก!ในเวลาที่ฉู่เฉินเงยหน้าขึ้น ใต้โต๊ะก็เกิดเสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้ง!เซียวเฟิงก้มหน้ามองไปยังใต้โต๊ะด้วยความแปลกใจ หลิ่วหรูเยียนเก็บมือกลับมาในช่วงเวลาเดียวกับที่เซียวเฟิงก้มตัวมอง แต่เพราะเหตุนี้เมื่อมองจากมุมของเซียวเฟิงก็ทำให้เขาตะลึงมากเวลาฉู่เฉินกินข้าว ตรงนั้นห้าวหาญได้ขนาดนี้เชียว?หลิ่วหรูเยียนฉวยโอกาสนี้วางตะเกียบและถ้วยชามลง จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มกล่าวกับทุกคนว่า “พวกคุณกินกันก่อนได้เลยค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันต้องรีบกลับแล้วค่ะ”ฮะ?ฉู่เฉินรีบเงยหน้าหันขวับไปมองหลิ่วหรูเยียนแกล้งฉันเกินครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ฉันเกือบจะถูกเปิดโปงใต้โต๊ะแล้ว แต่เธอบอกจะไปก็ไปเนี่ยนะ?“ขอบคุณการรักษาด้วยสปาของคุณฉู่นะคะ บ๊ายบาย”หลิ่วหรูเยียนยังไม่ลืมโบกมือลาฉู่เฉินที่หน้าแดงก่ำอยู่ จากนั้นขาเรียวงามนั้นก็เดินส่ายสะโพกสวยไปมาแล้วหายไปจากสายตาของฉู่เฉินเมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนลุกจากที่นั่งแล้ว ต้วนหลิงเวยก็ไม่พลาดโอกาสเข้ามาแทนที่จึงได้นั่งข้างฉู่เฉิน ดวงตางามคู่นั้นชำเลืองมองใต้โต๊ะเป็นระยะ ๆอาจเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ทำให้ดวงตาคู่งามของเธอนั้นระยิบระยับมีเสน่ห์เวลาไม่นาน
ถึงแม้ว่าเซียวเฟิงจะมีอคติกับฉู่เฉินตลอดมา แต่วันนั้นฉู่เฉินทั้งโอบทั้งกอดน้องเซียวเสวี่ยอิ๋งของเขาต่อหน้าคนมากมายแบบนั้น ทั้งที่ทั้งสองคนยังไม่ได้คบกันอย่างเปิดเผยสักหน่อย แต่รอบกายฉู่เฉินกลับมีผู้หญิงมากมายขนาดนั้นแล้วนี่คืออะไรกัน?สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่อาจทนเห็นเซียวเสวี่ยอิ๋งเสียเปรียบได้นั่นเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขาเลยนะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ซิสค่อน แต่เซียวเฟิงจะไม่ยอมให้ฉู่เฉินมีคนอื่นแต่ก็ยังเหล่น้องสาวเขาแน่“ท่านนี้คือผู้จัดการใหญ่หลิ่วของฉู่ซื่อกรุ๊ป ชื่อหลิ่วหรูเยียน มาให้ฉันช่วยรักษาอาการให้น่ะ เมื่อกี้รักษาด้วยวารีบำบัดให้เขา เสียงกรีดร้องนั้นพวกคุณก็ได้ยินกันแล้วสินะ?”ฉู่เฉินตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มรักษาด้วยวารีบำบัด?หลิ่วหรูเยียนได้ยินแล้วเม้มปากโดยไม่รู้ตัว วารีบำบัดที่ไหนทำกันแบบนี้ฮะ?จนถึงตอนนี้เธอยังรู้สึกถึงความเจ็บจี๊ดอยู่เลยนะ“วะ…วารีบำบัด?”ไม่เพียงแค่เซียวเฟิงคนเดียวที่ขมวดคิ้ว แม้แต่ถานเฟยก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ“ไม่จำเป็นต้องมาสนใจเรื่องยิบย่อยเหล่านี้ ทุกคนคงหิวกันแล้วใช่ไหม กินข้าวกันเถอะ”ขณะกล่าวฉู่เฉินก็เดินไปนั่งตรงกลางระหว่างต้วนหลิงเสวี่
เซียวเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย แล้วค่อยนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับถานเฟย แต่สายตายังคงมองไปทางอาคารปีกตะวันออกเป็นระยะหลังจากผ่านไปสิบกว่านาทีเต็ม ประตูห้องรับแขกก็เปิดออก ก่อนที่ฉู่เฉินจะเดินเข้ามาในห้องรับแขก“คุณฉู่”ถานเฟยกับเซียวเฟิงพากันลุกขึ้น แล้วผงกศีรษะทักทายฉู่เฉินฉู่เฉินยิ้มพลางโบกมือกล่าวว่า “หัวหน้าใหญ่ถาน นั่งสิครับ”เมื่อพูดจบก็ให้ต้วนหลิงเวยรินชาหอมให้ทั้งสองคน ฉู่เฉินดื่มน้ำชาไปด้วย ยิ้มพลางเอ่ยปากพูดไปด้วยว่า “หัวหน้าใหญ่ถาน ดึกดื่นมาเยี่ยมกัน มีธุระเหรอครับ?” ถานเฟยสบตากับเซียวเฟิงแวบหนึ่งแล้วค่อยเอ่ยปากพูดอย่างเขินอายว่า “คุณชายฉู่ พูดแบบไม่ปิดบังเลยนะครับ ผมมาเจียงจงครั้งนี้ก็เพื่อขอให้คุณฉู่ลงมือช่วยเหลือ”“คุณยังจำเรื่องของสำนักว่านเซี๋ยได้หรือเปล่าครับ?”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยภาพถ่ายที่ถานเฟยให้เขาดูบนเฮลิคอปเตอร์ แต่ละใบล้วนเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังของเด็กอายุไม่ถึงสิบขวบรวมไปถึงซากแขนขาที่มีเลือดนองพื้น ฉู่เฉินไม่มีทางลืมไปชั่วชีวิต“จากเบาะแสที่คุณฉู่ให้มา ตอนนี้แก๊งมังกรจับตัวคนของสำนักว่านเซี๋ยได้หลายคนแล้วจริง ๆ จากคำให้การของพวกเขา ยังมีบุ
ฉู่เฉินที่ถลกชายกระโปรงของต้วนหลิงเวยขึ้นมา เตรียมจะทำการใหญ่ก็ตกใจเสียงร้องของหลิ่วหรูเยียนจนสะดุ้ง เขารีบหันหน้ามองไปทางหน้าประตู เห็นว่าเป็นหลิ่วหรูเยียนก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้เจ้าทึ่มไม่ดูประตูใหญ่ หนีไปเตร็ดเตร่ที่ไหนอีกแล้วคนที่โตเป็นผู้ใหญ่แบบนี้ยังบุกเข้ามาในห้องอาบน้ำของอาคารปีกตะวันออกได้โชคดีที่เป็นคนที่มาอาบนวดให้เขา ถ้าเกิดเป็นคนร้ายละก็ เช่นนั้นก็เป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงแล้วไม่ใช่หรือไง“ฉะ ฉู่เฉิน นาย...”ฉู่เฉินเหลือกตาใส่หลิ่วหรูเยียนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “อะไรของเธอ เข้ามาทดสอบอุณหภูมิน้ำสิ” เขากล่าวจบก็ตบสะโพกอวบอิ่มของต้วนหลิงเวยที่ทำหน้าผิดหวังไปหนึ่งฉาด ฝ่ายหลังได้แต่ทำปากยื่น กระทืบเท้า บิดเอวแล้วเดินออกไปจากห้องน้ำหลิ่วหรูเยียนมองฉู่เฉินที่แทบจะระเบิดโลก ในใจรู้สึกประหม่าถึงขีดสุดด้วยความรู้สึกที่ทั้งอยากรู้และประหม่า หลิ่วหรูเยียนค่อย ๆ ถอดชุดทำงานและกระโปรงมินิสเกิร์ตออก เหลือไว้เพียงชุดชั้นในลูกไม้สีดำ เรียวขาขาวเนียนทั้งสองข้างส่ายไหว บิดเอวก้าวเข้าไปในอ่างอาบน้ำเสียงน้ำดังซ่า ๆ ควบคู่ไปกับฉู่เฉินที่ก้าวเข้ามาใกล้หลิ่วหรูเยียน เขาเอื้อมมือไปจั
เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือนักพรตชิวสุ่ยที่ช่วยย้ายบ้านเมื่อตอนกลางวัน ต้วนหลิงเวยก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทำไมถึงเป็นคุณ?”นักพรตชิวสุ่ยรีบทำหน้ายิ้มแย้มให้ แล้วกวักมือเรียกนักพรตเด็กหลายคนที่อยู่ด้านหลัง นักพรตเด็กสิบกว่าคนที่แบกถุงกระสอบก็เดินมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว“คุณหนูท่านนี้ หลายวันก่อนรู้ว่าคุณฉู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังหาโอกาสเหมาะ ๆ มาแสดงความห่วงใยไม่ได้เลย นี่เป็นสมุนไพรร้อยปีที่เก็บรักษาไว้ในคลังยาของสำนักเสวียนเทียนเรา ตั้งใจนำมามอบให้คุณฉู่โดยเฉพาะครับ” นักพรตชิวสุ่ยกล่าวจบก็ยังชะเง้อคอ มองเข้าไปในวิลล่าเฟิ่งหมิงแวบหนึ่ง“มองอะไร!”ต้วนหลิงเวยถลึงดวงตางาม เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ทิ้งสมุนไพรไว้ คุณไปได้แล้ว รบกวนการพักผ่อนของนายท่าน ระวังหัวของคุณไว้ด้วยละ!”เดิมทีต้วนหลิงเวยข่มกลั้นเพลิงตัณหาไว้ในใจอยู่แล้ว เมื่อเห็นดวงตาสองข้างของนักพรตชิวสุ่ยกวาดมองไปทั่วก็ยิ่งเดือดดาล เธอหิ้วถุงกระสอบบนพื้นขึ้นมา ก่อนจะหันกายเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงเงาหลังอันอ่อนช้อยให้นักพรตชิวสุ่ยเมื่อโดนปิดประตูไม่ต้อนรับแขก นักพรตชิวสุ่ยก็ได้แต่จากไปด้วยความอับอายแต่เขาเ
“ใครกันนะ ทำเอาเสียอารมณ์เลย!”ต้วนหลิงเสวี่ยวักน้ำที่ขอบอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ พลางปลดกระดุมกี่เพ้าออกความขาวเนียนดุจหิมะเผยออกมาตรงหน้าฉู่เฉินเช่นนี้เอง โดยเฉพาะทรวงอกอวบอิ่ม ดูขาวเนียนนุ่มลื่นจริง ๆบางทีอาจเป็นเพราะปัญหาเรื่องสภาพร่างกาย ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ฉู่เฉินถึงได้ประทานความเมตตาอย่างทั่วถึงมาโดยตลอด ความสามารถของต้วนหลิงเวยเพิ่มพรวดพราด แต่จนถึงตอนนี้ความสามารถของต้วนหลิงเสวี่ยกลับไม่เพิ่มขึ้นมากนักตรงกันข้าม บางส่วนบนร่างกายยิ่งโดดเด่นขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งนุ่มลื่นขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วยฉู่เฉินกลืนน้ำลาย พยายามข่มใจใช้เคล็ดวิชาเก้าผันกลืนสวรรค์อย่างบ้าคลั่ง แล้วก้มหน้ามองหน้าจอแวบหนึ่งเดิมทีเขายังนึกว่าเป็นถานเฟย แต่ก็พบว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นคนที่โทรศัพท์มา แววตาของฉู่เฉินอดเปล่งประกายไม่ได้เขามองอ่างอาบน้ำที่มีขนาดเท่าห้องอาบน้ำเล็ก ๆ ก่อนจะเลียริมฝีปาก กดรับสายแล้วพูดว่า “นี่เพิ่งแยกจากกันไม่กี่วัน เธอคงไม่ได้คิดถึงกันอีกแล้วใช่ไหม?”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ปลายสายเงียบไปพักใหญ่ จากนั้นถึงค่อยเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ฉู่เฉิน นายยังจำเรื่องประชุมบอร์ดบริหารที่ฉันเคยบอ
ฉู่เฉินทำให้อวี่ลู่โกรธจนเวียนหัวแล้ว บำเพ็ญเพียรอยู่ในแดนเซียนอย่างยากลำบากมากว่าพันปี เธอไม่เคยเจอคนที่หน้าหนาขนาดนี้มาก่อนเลย ทำไมดูเหมือนเธอติดหนี้บุญคุณฉู่เฉินอย่างใหญ่หลวงแทนล่ะ? ดูเหมือนเธอช่วยเหลือฉู่เฉินทุกอย่างเลยไม่ใช่เหรอนี่ทำให้เธอหงุดหงิดมาก และไม่เข้าใจมาก ๆเมื่อได้ยินว่าจะย้ายบ้าน อินซู่ซู่กับพี่น้องตระกูลต้วนกลับดีใจอย่างยิ่งบ้านเก่าของตระกูลฉู่ไม่ได้รับการซ่อมแซมมานานแล้วจริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย แค่ประตูใหญ่บานนี้ก็ถูกคนผลักจนล้มมาหลายครั้งแล้วภายใต้ความช่วยเหลือจากนักพรตชิวสุ่ยกับบรรดานักพรตน้อยของสำนักเสวียนเทียน ไม่นานก็เก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะย้ายเข้าไปในวิลล่าเฟิ่งหมิงอย่างเอิกเกริกทันทีที่เข้าไปในประตู ความขุ่นเคืองในใจของอวี้ลู่เหมือนจะสลายหายไปทันทีพูดตามตรง สไตล์การตกแต่งแบบโบราณนี้เข้ากับรสนิยมของเธอมากจริง ๆ ที่สำคัญคือเครื่องใช้ไฟฟ้าทันสมัยในบ้านก็มีครบครัน นี่สะดวกสบายมาก หลังจากนั้นก็เดินตามฉู่เฉินวนภายในถ้ำที่ภูเขาด้านหลัง เมื่อเธอเห็นน้ำพุสวรรค์เนตรมังกร นัยน์ตาอดส่องประกายขึ้นมาไม่ได้จุ๊บ!อวี้ลู่อดไม่ได้ที่จะกอ
“คุณฉู่ ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้พูดแบบนี้นี่นา!”นักพรตชิวสุ่ยคุกเข่าลงตรงหน้าฉู่เฉินดังตุบฉู่เฉินหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้ผมเคยรับปากอะไรคุณด้วยเหรอ?”ซี้ด!นักพรตชิวสุ่ยกลืนน้ำลายแรง ๆ เพลิงโทสะสุมทรวงถึงขีดสุด “เรียกนักพรตน้อยตรงหน้าประตูพวกนั้นมา แล้วตามผมกลับไปบ้านเก่าของตระกูลฉู่” ฉู่เฉินตบไหล่นักพรตชิวสุ่ยเบา ๆ “นี่คุณ...” นักพรตชิวสุ่ยมองฉู่เฉินอย่างไม่เข้าใจ“ย้ายบ้าน”ฉู่เฉินกล่าวจบก็เดินออกจากถ้ำโดยไม่หันหน้ากลับมาเช่นกันเวรเอ๊ย!นักพรตชิวสุ่ยแทบจะกระอักเลือดออกมา นี่ฉู่เฉินไม่รอสักครู่หนึ่งเลยจริง ๆปัญหาคือทางฝั่งสำนักเสวียนเทียนยังคาราคาซังอยู่เลยตอนนี้นักพรตชิวสุ่ยร้อนใจเหมือนถูกไฟแผดเผานานแล้ว แต่เขาไม่กล้าแสดงออกมาอีก รู้สึกแค่ว่าเหมือนตับไตไส้พุงใกล้จะถูกไฟเผาไหม้แล้วต่อให้เป็นแบบนี้ เขาก็ได้แต่ทำตามด้วยความเชื่อฟังเท่านั้น.....บรรดาผู้หญิงที่กำลังรอข่าวของฉู่เฉินอย่างเงียบ ๆ ในบ้านเก่าตระกูลฉู่ เมื่อเห็นฉู่เฉินพานักพรตชิวสุ่ยกับนักพรตน้อยสี่ห้าคนเข้าบ้านมาด้วยกัน พวกเธอก็ลุกขึ้นมาด้วยความรู้สึกประหลาดใจอินซู่ซู่วิ่งไปที่ห้องนอ
ฉู่เฉินยิ้มอย่างเฉยชาแล้วพูดว่า “เมื่อกี้หัวหน้าใหญ่ถานพูดไว้ไม่ใช่เหรอครับ? ว่าจะแจ้งประธานซู ผมคิดว่าประธานซูคงไม่เห็นแก่เรื่องส่วนตัวหรอกใช่ไหมครับ” หา?!เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ร่างกายของเจียงจงต้าวทรุดฮวบลงกับพื้นสองปีมานี้ เขารับสินบนมาไม่น้อย และไม่รู้ว่าทำเรื่องผิดศีลธรรมไปมากเท่าไหร่ ถ้าเกิดโดนสมาคมเสวียนเหมินปลดออกจากตำแหน่งจริง ๆ เช่นนั้นเขาก็ย่ำแย่แล้ว“ได้ครับ งั้นผมจะทำตามที่คุณฉู่ว่า พอผมจัดการเรื่องราวเสร็จแล้ว จะไปรวมตัวกับคุณฉู่ที่วิลล่าเฟิ่งหมิงนะครับ” ถานเฟยกล่าวอย่างมีความนัยแอบแฝงฉู่เฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ก็ดีครับ มีเรื่องอะไรไว้ไปถึงที่วิลล่าเฟิ่งหมิงแล้วค่อยคุยกันก็ยังไม่สาย” ฉู่เฉินกล่าวจบก็หิ้วนักพรตชิวสุ่ยเหมือนกับหิ้วลูกเจี๊ยบเดินออกจากอาคารสำนักงานของแก๊งมังกรชิงซงกำลังคิดจะแอบหนีไป ผลปรากฏว่าถูกเซียวเฟิงคว้าคอเสื้อไว้ ทำเอาชิงซงตกใจกลัวจนขาอ่อนยวบก่อนจะคุกเข่าลงไป“ผู้บัญชาการเซียว...” เซียวเฟิงหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นตามอำเภอใจ ดูถูกแก๊งมังกร วันนี้คุณไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น และใช้เวลาครึ่งชีวิตที่เหลือของคุณในคุกของ