กลับถึงห้อง จินหลิงเอ่อร์ปิดประตูห้องอย่างระมัดระวังด้วยจิตใจที่ยังคงเต้นระส่ำระสาย จากนั้นก็ตรวจสอบดูอีกหลายรอบ พอมั่นใจได้ว่าไม่มีใครบุกเข้ามาได้ จึงค่อยพาฉู่เฉินเดินเข้าไปในห้องด้านในฉู่เฉินมองน้ำยาในอ่างไม้ ก่อนจะยื่นมือไปทดลองอุณภูมิของน้ำ จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ “โอเค คุณถอดเสื้อผ้าก่อน เข้าไปแช่ในน้ำยาสิบนาที”“อีกเดี๋ยวผมค่อยฝังเข็มให้คุณ”พูดจบ ฉู่เฉินหันตัวเดินไปที่เตียง จากนั้นก็หลับตานั่งขัดสมาธิบอกตามตรง ฉู่เฉินได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจากการสู้กับหลี่เต้าผิงนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ได้รับถ่ายทอดวิชามา ที่ฉู่เฉินบาดเจ็บหนักขนาดนี้อีกทั้งหลังจากนี้ยังต้องฝังเข็มให้จินหลิงเอ่อร์ ต้องใช้พลังวิญญาณไม่ใช่น้อยๆ ด้วยเหตุนี้ ฉู่เฉินจำเป็นต้องฟื้นฟูปราณแท้ในร่างกายสักหน่อยจากนั้น ฉู่เฉินกินยาบำรุงปราณทีเดียวสามเม็ดถึงแม้อย่างนั้น ปราณแท้ในตัวของฉู่เฉินก็ยังฟื้นฟูกลับมาได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นจินหลิงเอ่อร์มองฉู่เฉินที่นั่งหลับตาสนิทอยู่บนเตียงซึ่งห่างจากอ่างไม้ไม่ถึงสองเมตร ยังคงรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูกเธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ จากนั้นก็สูดหายใจลึกๆ แล้วก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเ
ผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาที บนหน้าผาก ลำคอยาวระหง และหัวไหล่กลมมนของจินหลิงเอ่อร์ มีเหงื่อขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลืองผุดขึ้นมาเต็มไปหมดเพียงแต่บนเม็ดเหงื่อเหล่านั้นยังมีน้ำค้างแข็งเคลือบอยู่อีกหนึ่งชั้น“ไม่ไหวแล้ว ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เจ็บจัง…เจ็บมากเลย”ความรู้สึกที่เจ็บสุดขีดแบบนี้ แม้แต่จินหลิงเอ่อร์ที่ฝึกยุทธ์มาตั้งแต่เด็กก็ยังทนไม่ไหวทุกเซลล์ในร่างกายเหมือนกำลังส่งสัญญาณแห่งความเจ็บปวดมายังสมองของเธอเสียงน้ำกระเพื่อมดังซู่ซ่าไปตามจังหวะการสั่นสะเทือนของร่างกายเธอฉู่เฉินขมวดคิ้วมองจินหลิงเอ่อร์ “อดทนอีกหน่อย ถ้ากำจัดพิษเย็นในตัวคุณออกมาภายในครั้งเดียวไม่ได้ อาการมีแต่จะยิ่งแย่ลง ถึงตอนนั้น ร่างกายของคุณจะเน่าเพราะพิษเย็นกระจายไปทั่วร่าง สุดท้ายก็จะตาย”จินหลิงเอ่อร์ตกใจจนเหงื่อท่วมตัว ทำได้เพียงอดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัส ก่อนจะนั่งลงไปในอ่างไม้เหมือนเดิมฉู่เฉินจับแข้งของจินหลิงเอ่อร์ ก่อนจะแทงเข็มเงินเล่มสุดท้ายเข้าที่ด้านในต้นขาของเธอพอเข็มเงินเล่มสุดท้ายแทงเข้าไปในตัวเธอ ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่เกินคำบรรยายก็กระจายไปทั่วร่างของจินหลิงเอ่อร์“ปรมาจารย์ฉู่…ต้องใช้เวลาอีกนานแค่
ที่จริง ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลจินต้องเดือดร้อนเพราะซ่งหู่ ทำให้ตกต่ำเหมือนอย่างตอนนี้ ฉู่เฉินก็คงถอดใจกับตระกูลจินไปแล้วครั้งที่แล้ว สาเหตุที่ฉู่เฉินต้องการแบ่งสิทธิ์ในการขายยาบำรุงปราณกับจินเจิ้นหลง หนึ่งก็เพราะต้องการสร้างเส้นสายในวงการต่อสู้ แต่เหตุผลสำคัญกลับเป็นสายตาและความสามารถของจินเจิ้นหลงมากกว่าเพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าตาฉู่เฉินแม้แต่โจวเทียนเฟิ่ง ถ้าหากเธอกล้าพูดอะไรไม่เข้าหูฉู่เฉินแม้แต่น้อย ฉู่เฉินก็จะทอดทิ้งสำนักเฟิ่งอย่างไม่ไยดีเห็นได้ชัดว่า จินเจิ้นหลงไม่ผ่านการทดสอบของฉู่เฉินด้วยเหตุนี้ ความตั้งใจเดิมของฉู่เฉินก็คือ หลังจากสะสางเรื่องของซ่งหู่ เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับตระกูลจินอีกต่อไปที่เขารักษาโรคให้จินหลิงเอ่อร์ ก็เป็นเพียงการรักษาคำพูดเท่านั้นแต่ตอนนี้ สถานการณ์ได้อยู่นอกเหนือการควบคุมของฉู่เฉินไปแล้วของจำพวกยาเร่งกำหนัด หากแค่ดมนั้นก็ยังแก้ง่าย เหมือนอินซู่ซู่ อย่างมากก็แค่ฝังเข็มให้เธอสองสามเข็ม ก็สามารถแก้พิษได้แล้วแต่ปัญหาก็คือ ยาเร่งกำหนัดที่อยู่ในร่างกายของจินหลิงเอ่อร์ได้ไหลเวียนเข้าสู่เส้นชีพจรของเธอแล้ว ซึ่งนี่ก็คือปัญหาใหญ่หากยาเร่งกำหนัดไหล
จินเจิ้นหลงเดินข้ามประตูบ้านเข้าไปโดยจิตใต้สำนึก เขาเดินมาถึงเรือนข้างที่จินหลิงเอ่อร์อาศัยอยู่เพิ่งจะเดินเข้าไปในห้องของจินหลิงเอ่อร์ ก็ได้ยินเสียงน้ำดังซู่ซ่าจินเจิ้นหลงที่เคยผ่านโลกมาก่อน สะท้านไปทั้งตัวไม่ต้องเปิดประตูเขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน…นี่มัน…จินเจิ้นหลงตะลึงค้างไปแล้ว!ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากให้เกิดเรื่องอย่างนี้ เพราะเขาถึงขั้นเคยคิดหลายต่อหลายครั้งแล้ว ว่าจะยกลูกสาวให้ฉู่เฉิน เพื่อแลกกับอนาคตของตระกูลจินดีหรือไม่แต่ปัญหาก็คือ…พรุ่งนี้เช้า คุณชายตระกูลจ้าวจากเมืองหลวงจะเดินทางมาวางสินสอดทองหมั้นแล้วน่ะสิการหมั้นหมายครั้งนี้ จินเจิ้นหลงเพิ่งตกปากรับคำในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เองด้านหนึ่งก็เพราะฉู่เฉินได้รับปากกับตระกูลจินแล้ว ว่าจะรักษาจินหลิงเอ่อร์ให้ได้ในอีกด้านหนึ่ง ตระกูลจ้าวจากเมืองหลวงเป็นทั้งตระกูลชาวยุทธ์ แถมยังมีเส้นสายในวงการธุรกิจ มีความก้าวหน้าที่ไม่เลว อีกอย่าง จ้าวคังที่เป็นลูกชายของจ้าวเทียนเต๋อยังจบการศึกษาจะมหาลัยมีชื่อด้วยรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาไม่พอ ยังเป็นคนมีพรสวรรค์ทั้งบุ๋นและบู๊อีกหนำซ้ำในตอนที่เขาอายุสิบขวบ จ้าวคังก็ตกหลุมรักจิน
บอกตามตรง จินหลิงเอ๋อร์ตกตะลึงกับภาพตรงหน้ามากเธอจำได้ว่าตัวเองแช่น้ำยาอยู่ในอ่างอาบน้ำ ส่วนฉู่เฉินนั่งสมาธิอยู่บนเตียงนี่นา ทำไม…ทำไมถึงได้กลายเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะ?ฉู่เฉินเห็นจินหลิงเอ๋อร์ตื่นสักที จึงถอนหายใจ และบอกว่า “คุณตื่นแล้วเหรอ? เมื่อกี้คุณโดนพิษของยาปลุกกำหนัด…”ขณะเอ่ย ฉู่เฉินชี้ไปที่ผงสีชมพูที่ยังหลงเหลืออยู่บนเสื้อผ้าของจินหลิงเอ๋อร์จินหลิงเอ๋อร์รีบลงจากตัวฉู่เฉิน นั่งลงข้างอ่างอาบน้ำ ยกสองมือขึ้นกุมใบหน้าน้อยๆ พยายามนึกถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่จริง จินหลิงเอ๋อร์ในเวลานั้นเพียงแค่สติเลือนราง แต่เธอยังคงจำเรื่องที่เกิดขึ้นได้โดยเฉพาะตอนที่เธอจำได้ว่าตัวเองฉีกทึ้งเสื้อผ้าของฉู่เฉิน สีหน้าของเธอก็ดูย่ำแย่ลงทันทีถึงแม้เธอเริ่มมีความรู้สึกพิเศษกับฉู่เฉินตั้งแต่ที่เขาฆ่าฉินหล่าง ถึงขั้นเคยจินตนาการในใจว่าระหว่างเธอกับฉู่เฉินอาจมีอะไรเกิดขึ้นก็ได้แต่มันไม่ควรเป็นแบบนี้แบบนี้มันดูไม่งามเกินไปรึเปล่า?ฉู่เฉินจะไม่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายเหรอ?ฉู่เฉินจะไม่ต้องการเธอ เพราะเธอดูเป็นฝ่ายรุกเกินไปรึเปล่านะ?ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในสมองของจินหลิงเอ๋อร์ ทำให้เธ
ฉู่เฉินยิ้มเล็กน้อย “เจ้าสำนักจิน เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน สิทธิ์ในการซื้อขายยาบำรุงปราณในมณฑลเจียงผมให้สำนักเฟิ่งไปแล้ว ขอเพียงไม่ใช่เขตมณฑลเจียง ตระกูลจินของคุณสามารถซื้อขายยาบำรุงปราณได้อย่างอิสระ”“ก่อนวันที่สิบของทุกเดือน คุณไปเบิกของที่ผมได้ เรื่องส่วนแบ่ง เอาเป็นห้าสิบ-ห้าสิบก็ได้”พูดจบ ฉู่เฉินก็สาวเท้าเดินออกไปทันทีจินเจิ้นหลงได้ยินอย่างนั้น ก็ดีอกดีใจอย่างยิ่ง เขาเดินไปส่งฉู่เฉินถึงหน้าบ้าน ก่อนจะย้อนกลับไปที่เรือนของตัวเอง“พ่อ เป็นไงบ้าง?”จินอ้าวเทียนชะโงกหน้าออกมาถามอย่างอดใจรอไม่ไหวจินเจิ้นหลงสูดหายใจลึกๆ “สำเร็จแล้ว! แค่ซื้อขายในมณฑลเจียงไม่ได้เท่านั้น แต่ก็ไม่เป็นไร อีกไม่กี่วันฉันจะเดินทางไปมณฑลตงที่อยู่ใกล้ๆ ไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอมาหลายปีสักหน่อย”พูดมาถึงตรงนี้ จินเจิ้นหลงรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้งแม้แต่จินอ้าวเทียนก็ดีใจจนอ้าปากค้าง ถ้ามีสิทธิ์ในการซื้อขายยาบำรุงปราณ ต่อไปไม่ว่าเขาจะไปไหน ก็สามารถเชิดหน้าชูตาได้แล้วไม่ใช่เหรอ?……ในอีกด้านหนึ่ง หลิ่วหรูเยียนยังคงคุยโทรศัพท์กับหลี่ฮุยจนถึงดึกดื่นบ่ายวันนี้ บริษัททางการแพทย์ในท้องถิ่นรวมถึงระด
หลิ่วหรูเยียนกัดริมฝีปาก เธอลังเลอยู่นาน ก่อนจะฝืนใจพยักหน้า “ก็ได้ พรุ่งนี้เจอกันที่ภัตตาคารพาราเมาท์นะคะ”พูดจบ หลิ่วหรูเยียนรีบกดวางสายโทรศัพท์แทบจะในทันทีที่จริงเธอรู้ดีว่าหลี่ฮุยต้องการอะไรแต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกไร้กำลังอย่างนี้ ทำให้หลิ่วหรูเยียนคลั่งจนแทบอยากตาย!“ไอ้บัดซบฉู่เฉิน!”หลิ่วหรูเยียนขว้างโทรศัพท์ลงบนเตียง โกรธจนหน้าดำหน้าแดงไปหมดทั้งหมดนี้เป็นเพราะไอ้เลวฉู่เฉินคนเดียว!ถ้าวันนั้นฉู่เฉินไม่ทำให้เธอขายหน้าในไลฟ์สด ด้วยฐานะของพวกเธอสองแม่ลูกในวงการการแพทย์ของเมืองเจียงจง ฝ่ายพัฒนายาบำรุงปราณคงได้ร่วมมือกับฉู่ซื่อกรุ๊ปโดยตรง ไม่ต้องมีงานเปิดตัวอะไรทั้งนั้น พอนึกถึงฉู่เฉิน หลิ่วหรูเยียนอดนึกถึงการแข่งขันแพทย์แผนจีนขึ้นมาไม่ได้!ถ้าเธอต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเธอและบริษัท และเปิดโปงคำโกหกของฉู่เฉิน เธอจำเป็นต้องทำให้ฉู่เฉินขายหน้าในการแข่งขันแพทย์แผนจีนนึกมาถึงตรงนี้ หลิ่วหรูเยียนนัยน์ตาไหวระริก ก่อนจะหยิบมือถือที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา ค้นหาหมายเลขที่ถูกบันทึกไว้ในชื่อ ‘ข่งลิ่งเจี๋ย’ และโทรศัพท์ออกข่งลิ่งเจี๋ยก็เป็นหนึ่งในคนที่ตามจีบหลิ่วหรูเยียน หนำซ
หลิ่วหรูเยียนหัวเราะในลำคอ “คุณแม่คงไม่คิดว่าไอ้ฉู่เฉินมีความสามารถด้านการแพทย์จริงๆ หรอกใช่ไหมคะ?”“แค่หาใครก็ได้ไปเปิดโปงเขา จะชนะได้รางวัลไหมไม่สำคัญซักนิด หนูแค่อยากให้ทุกคนรู้ว่ามันเป็นจอมลวงโลก!”“แค่แฉกลโกงของมันได้ พวกเราสองแม่ลูกก็กอบกู้ชื่อเสียงกลับมาได้แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”“อีกอย่าง ถึงตอนนั้นเราฉวยโอกาสเหยียบซินฉู่ฟาร์มาซูติคอลของมันให้จมดิน แล้วก็ถีบบริษัทของมันออกจากเมืองเจียงจงไปเลย หรือไม่ก็ทำให้มันล้มละลายจนต้องปิดบริษัทไปซะ!”หลิ่วชิงเหอครุ่นคิดครู่หนึ่ง “หรูเยียน แม่จำเป็นต้องเตือนลูก ฉู่เฉินในตอนนี้ ต่างจากเมื่อก่อนมากจริงๆ ลูกอย่า…”“โอ๊ย คุณแม่คะ”หลิ่วชิงเหอยังพูดไม่ทันจบ หลิ่วหรูเยียนก็ตัดบทอย่างรำคาญว่า “มันจะต่างจากเมื่อก่อนได้ยังไง เมื่อก่อนมันเป็นไอ้พิการที่แขนขาเกือบหักหมด ตอนนี้ก็แค่กลับมาเดินเหินได้ปกติเท่านั้นเอง”“แต่สุดท้ายแล้ว มันก็ยังเป็นแค่ไอ้สวะที่นกเขาไม่ขันไม่ใช่หรือไงคะ?”“เอาเป็นว่า เรื่องนี้คุณแม่ไม่ต้องยุ่ง หนูจัดการเองได้ค่ะ”พูดจบ หลิ่วหรูเยียนก็เดินกระฟัดกระเฟียดขึ้นไปชั้นบนหลิ่วชิงเหอมองแผ่นหลังของหลิ่วหรูเยียน ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึ
ถุย!หลิงเสวี่ยจ้องฉู่เฉินด้วยความเกลียดชังเธอคุกเข่าบนพื้นมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว นวดจนแขนทั้งปวดทั้งเมื่อย ฉู่เฉินม่รู้จักทะนุถนอมผู้หญิงเลยงั้นเหรอ?แม้แต่น้ำสักอึกก็ไม่ให้เธอดื่ม อย่างน้อยก็น่าจะให้เธอได้พักบ้างสิ“ฉู่เฉิน คุณคงไม่คิดจริงๆ หรอกนะว่าพวกเราในวังว่านเจี้ยนจะกลัวคุณ? ตราบใดที่กำลังเสริมมาถึง คนเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกก็จะถูกขับไล่ออกไป ถึงเวลานั้น... ถึงเวลานั้นคุณจะมาร้องไห้ก็ไม่ทันแล้ว!”หลิงเสวี่ยไม่อาจทนได้อีกต่อไป กัดฟันเงยหน้าขึ้นมองฉู่เฉินด้วยความโกรธแค้นฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ ส่ายหัวและกล่าวว่า “วังว่านเจี้ยน? กำลังเสริม? คุณคิดง่ายเกินไปแล้ว”กล่าวถึงตรงนี้ ฉู่เฉินก็ค่อยๆ วางถ้วยชาลงและกล่าวอย่างใจเย็น “คุณคงไม่คิดว่าผมจงใจปล่อยข่าวออกไปเพื่อจัดการกับพวกคุณโดยเฉพาะหรอกใช่ไหม?”“ถ้าคิดแบบนั้น คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”อย่าว่าแต่พวกคุณสามสำนักเลย ต่อให้สามสิบหรือสามร้อย ผมก็ไม่ใส่ใจ”โอ้ย บ้าจริง!คุณนี่โม้เกินไปแล้ว!หลิงเสวี่ยโกรธจนฝ่ามือคันยุบยิบ อยากจะตบฉู่เฉินสักสองฉาดเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและกล่าวว่า “ไม่เชื่
“ปรมาจารย์ อย่ารับปากเขานะครับ!”“ปรมาจารย์ วังว่านเจี้ยนของเรายังจะกลัวเขาที่เป็นแค่ผู้บำเพ็ญอิสระคนเดียวอีกเหรอ!”“ปรมาจารย์ ผมอาสาไปเฝ้าประตูเขาเพื่อปกป้องสำนักเองครับ!”เหล่าศิษย์ต่างตาเบิกโพลงด้วยความโกรธแค้น!ความหมายในคำพูดของฉู่เฉิน นั้นชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด คือต้องการใช้หลิงเสวี่ยแลกกับความปลอดภัยของทั้งสำนักเทียนเจี้ยนของพวกเขา!ใครในที่นี้ที่ไม่ใช่ลูกผู้ชายอกสามศอกบ้าง?ยิ่งไปกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังเป็นศิษย์น้องหญิงที่พวกเขาเฝ้าคิดถึงทั้งวันทั้งคืนแล้วจะให้นั่งดูศิษย์น้องสาวที่สวยดั่งเทพธิดาไปอุ่นเตียงให้สารเลวฉู่เฉินนั่นได้ยังไง?!“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของวังเทียนเจี้ยน ให้ฉันได้ไตร่ตรองก่อน”ถึงปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะหน้าหนาแค่ไหน ก็ไม่อาจตอบรับฉู่เฉินได้โดยง่าย ท้ายที่สุดแล้วก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของสำนักเทียนเจี้ยนโดยเฉพาะในโลกแห่งการหยั่งรู้ มีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ว่าอยู่อย่างหนึ่งไม่ว่าจะเป็นนิกายหรือสำนักไหน การส่งศิษย์หญิงให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นกระถางหลอมเพื่อบำเพ็ญคู่หรือเพื่ออุ่นเตียง ล้วนเท่ากับเป็นการยอมจำนนต่ออีกฝ่ายวังเทียนเจี้ยนแค่ประสบ
ต้องรีบกำจัดหายนะนี่ออกไปโดยด่วน ไม่งั้นแม้แต่ประตูหินหนักหมื่นชั่งของวังเทียนเจี้ยนคงจะทนได้อีกไม่นานแม้ประตูหินบานนั้นจะเป็นสิ่งที่บรรพจารย์ทิ้งไว้ แม้แต่ผู้มีพลังระดับทารกวิญญาณก็ไม่อาจทำอะไรวังเทียนเจี้ยนได้ในเวลาอันสั้น แต่ตอนนี้หน้าประตูวังเทียนเจี้ยนกลับมีเสียงดังกึกก้องดังขึ้นถ้าจะบอกว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่กังวล นั่นก็เป็นโกหกอย่างไรเสียก็มีสำนักชิงอวิ๋นเป็นตัวอย่างอยู่ตรงหน้า ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจึงตระหนักถึงความร้ายกาจในเรื่องนี้ดี“ไม่ต้องรีบร้อน ใช่แล้ว ที่นี่มีห้องรับรองแขกไหม?”ฉู่เฉินวางถ้วยชาลง เอามือเท้าคาง เอนตัวนอนบนเก้าอี้ยาวและเงยหน้าขึ้นกวาดตามองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งอะไรนะ?ห้องรับรองแขกเหรอ?ตอนนี้เหล่าศิษย์ทุกคนในวังเทียนเจี้ยน ล้วนมีสีหน้าโกรธจัด!ฉู่เฉินคิดว่าวังเทียนเจี้ยนเป็นโรงแรมหรือไง? ยังจะขอห้องรับรองแขกอีก!“กึก...”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนกัดฟัน ก่อนจะพยักหน้ากล่าว “แน่นอนว่ามีครับ คุณฉู่...”“หาว …”ฉู่เฉินหาว ขยี้ตาแล้วกล่าวว่า “งั้นก็ดีเลย รบกวนเจ้าสำนักจัดให้ผมสักห้องด้วยครับ ผมอยากพูดคุยเรื่องชีวิตกับศิษย์น้องหลิงเสวี่ยอย่างลึก
อะไรนะ?!ดวงตาคู่สวยของหลิงเสวี่ยจ้องไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาราวกับจะกลืนกินฉู่เฉินเข้าไปทั้งเป็นเหล่าศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ ต่างก็พากันจ้องฉู่เฉินเขม็งด้วยสายตาอาฆาตหลิงเสวี่ยคือหนึ่งในสามหญิงงามแห่งวังเทียนเจี้ยน โดยปกติแล้ว ถือเป็นคู่ครองในอุดมคติของบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้อง แต่ที่น่าเสียดายก็คือหลิงเสวี่ยดูเหมือนจะไม่สนใจใครเลยกระทั่งศิษย์พี่ใหญ่ถานเฟิงก็ยังโดนศิษย์น้องหลิงเสวี่ยปฏิเสธมาหลายครั้งแล้ว ตอนนี้เจ้าเด็กฉู่เฉินคนนี้กลับขอให้ศิษย์น้องหญิงที่พวกเขาเฝ้าใฝ่ฝันมานวดขาให้เขาเนี่ยนะ?“ปรมาจารย์ คนคนนี้จองหองเกินไป ผม...”“ถอยไป!”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนถลึงตาจ้องถานเฟิงอย่างดุดัน การฆ่าฉู่เฉินยังไม่ง่าย?แต่ถ้าฆ่าฉู่เฉินแล้ว แล้วเหล่ายอดฝีมือที่เขาเอาชนะมาได้จะทำยังไง?จะให้วังเทียนเจี้ยนถูกทำลายงั้นเหรอ?เมื่อถานเฟิงเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความดุร้ายของปรมาจารย์ว่านเจี้ยน ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไปและรีบถอยไปยืนอยู่ด้านข้าง“หลิงเสวี่ย ไม่ได้ยินที่คุณฉู่สั่งเหรอ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนสีหน้ามืดมน กัดฟันเอ่ยถาม“อะไรนะ? ปรมาจารย์ ฉัน...”หลิ
เมื่อปรมาจารย์ว่านเจี้ยนได้ยินรายงานจากศิษย์ในสำนัก ก็รีบร้อนสั่งว่า “ใครก็ได้ รีบปิดประตูเขาเร็วเข้า ห้ามผู้ใดบุกรุกเข้ามาโดยเฉพาะฉู่เฉิน ห้ามให้เขาเข้ามาเด็ดขาด”น่ากลัวเกินไปแล้ว แม้วังเทียนเจี้ยนจะมีคนหนุนหลังอยู่ แต่ศึกใหญ่นี้ ถ้าปะทุขึ้นในวังเทียนเจี้ยน ทั้งวังเทียนเจี้ยนก็อาจจะพินาศย่อยยับ ถึงจะชนะแล้วยังไงล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายล้วนเป็นสำนักระดับสูงสุดในโลกแห่งการหยั่งรู้ แม้อำนาจเบื้องหลังวังเทียนเจี้ยน ก็ใช่ว่าจะสามารถคว้าชัยชนะได้แต่ในเวลานี้ เพียงเห็นเงาร่างผู้หนึ่งพุ่งทะยานมาทางประตูเขาวังเทียนเจี้ยนรวดเร็วดั่งสายลมกรรโชก“ปรมาจารย์ ท่านดู...”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองตามปลายนิ้วของศิษย์ในสำนักไป เพียงเห็นฉู่เฉินสภาพเปื้อนฝุ่น กำลังวิ่งหน้าตั้งมาทางวังเทียนเจี้ยนด้วยรอยยิ้มจางบนใบหน้าแม่ง!รูม่านตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนหดแคบลงทันที กลัวอะไรก็เจออย่างนั้นจริงๆดาวหายนะฉู่เฉิน ดันมาแล้วจริงๆ !“เร็ว… รีบปิดประตูเขาเดี๋ยวนี้!”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนตกใจจนพูดจาตะกุกตะกักเขาไม่ได้กลัวฉู่เฉิน แต่กลัวกลุ่มคนที่ตามหลังฉู่เฉินมาไกลๆ ต่างหาก!เปรี้ยง!พร้อมด้วยเสียงดังส
“ถอยไป!”ทันทีที่เทพสังหารชูขวานยักษ์ขึ้น ว่านโซ่วเซียนเวิงก็เอ่ยปากห้ามอย่างกะทันหัน“ท่านอาจารย์ เขา...”“หืม?!”ดวงตาของว่านโซ่วเซียนเวิงเย็นเยียบลง ทำให้เทพสังหารตกใจรีบถอยไปหลายก้าว ก้มศีรษะลงต่ำ“สหายน้อย เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ? มอบยาสร้างกล้ามเนื้อ?”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย พลางแบมือออกกล่าวว่า “ทุกท่าน หากไม่เชื่อก็สามารถตรวจดูด้วยตัวเองได้ ถ้าเป็นของปลอมแม้แต่น้อย เอาผิดกับผมได้!”เมื่อกล่าวจบ ว่านโซ่วเซียนเวิงกับผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็ก้าวออกมาเกือบจะในเวลาเดียวกัน รวดเร็วราวสายฟ้า แย่งชิงยาสร้างกล้ามเนื้อจากมือของฉู่เฉินไปคนละเม็ดผู้มีอิทธิพลระดับทารกวิญญาณคนอื่นๆ ก็ทยอยกันมาหยิบยาสร้างกล้ามเนื้อไปคนละเม็ดเช่นกัน แล้วตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่นาน“เป็นยาสร้างกล้ามเนื้อจริงๆ!”ในดวงตาของว่านโซ่วเซียนเวิงมีประกายแสงวาบผ่าน ก่อนจะเหลือบตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยถามว่า “ยาลูกกลอนนี้ แกไปได้มาจากที่ไหน?”แม้ยาสร้างกล้ามเนื้อจะไม่ได้ระดับสูงนัก แต่คนที่สามารถหลอมได้กลับมีน้อยอย่างยิ่งอย่าว่าแต่ในโลกแห่งการหยั่งรู้ แม้แต่ในเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าสิบทศภูมิ ล้วนเป็นยาวิเศษล้ำค
ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นทำหน้าร้องห่มร้องไห้ อ้อนวอนติดต่อกันเมื่อเห็นว่าพวกเทพสังหารลับมีดเตรียมลงมือต่อสู้อีกครั้ง ประตูใหญ่สำนักชิงอวิ๋นของเขายังจะเหลืออยู่อีกเหรอ“เห็นแก่ที่คุณมีความจริงใจเต็มเปี่ยม ผมปล่อยคุณไปสักครั้งก็ได้ แต่ว่าผมเดินทางมาไกลมาก คุณคงไม่ให้ผมจากไปมือเปล่าหรอกใช่ไหม?”ฉู่เฉินค่อย ๆ ลุกขึ้น เอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ก้มมองท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า“ขอให้คุณฉู่ระบุให้ชัดเจนด้วย”คราวนี้ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นร้องไห้แล้วจริง ๆ นับตั้งแต่รับตำแหน่งเจ้าสำนักมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกคนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีจนย่อยยับ ที่สำคัญคือเขายังไม่กล้าโต้แย้งสักคำด้วยอัดอั้นตันใจจนกระอักเลือดแล้วจริง ๆ “พูดไปแล้วก็ง่ายนิดเดียว คุณดูสมุนไพรในรายการนี้ แล้วเตรียมมาคนละชุด”ฉู่เฉินกล่าวพลางล้วงใบรายการออกมาจากในอกแล้วยื่นให้ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นพอได้เห็น ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นก็ร้อนใจแล้วบนนั้นเป็นสมุนไพรหายากทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหญ้าเสวียนเทียน ดอกร้อยสีสัน รากวิญญาณปฐพี...ถึงขนาดที่มีสมุนไพรบางตัวที่แม้แต่เขาก็ไม่เคยเห
“ฉู่เฉิน คุณคิดจะเป็นศัตรูกับสำนักชิงอวิ๋นของผมถึงตายเลยหรือไง!”ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นกัดฟันกรอด ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดง!ทุกอย่างล้วนเป็นปัญหาที่ฉู่เฉินก่อขึ้นมา หากไม่ใช่เพราะฉู่เฉินฆ่าลูกศิษย์ของเขา เขาจะเล่นงานฉู่เฉินหนักขนาดนี้ได้อย่างไร?และตอนนี้ฉู่เฉินชักนำหายนะร้ายแรงมา แต่อยากให้เขาคุกเข่าอ้อนวอนเหรอ?ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นก็เป็นเจ้าสำนัก อย่าว่าแต่ใต้เข่าของลูกผู้ชายมีทองคำเลย แค่เขาคุกเข่าต่อหน้าลูกศิษย์หลายร้อยคนของสำนักชิงอวิ๋น อนาคตเขายังมีหน้าไปปกครองสำนักชิงอวิ๋นได้อย่างไร? “คุณก็เป็นเจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่ ทำไมพูดจาเหมือนเด็กที่ยังฟันไม่ขึ้นล่ะ? เห็นชัด ๆ ว่าคุณเป็นคนเชิญผมมา คุณอยากจะฆ่าผมให้ตาย คุณคิดว่าผมยังใส่ใจเรื่องเป็นศัตรูกับสำนักชิงอวิ๋นของพวกคุณอีกเหรอ?”ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ เอ่ยด้วยใบหน้าดูแคลนถึงอย่างไรข้าวของที่ถูกทำลายตอนนี้ก็ไม่ใช่ทรัพย์สินของฉู่เฉิน ต่อให้สำนักชิงอวิ๋นถูกถล่มจนราบเป็นหน้ากลอง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?ครั้งนี้ ฉู่เฉินอยากให้ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นเข้าใจหลักการที่ว่าเชิญเทพง่าย แต่ส
วินาทีต่อมา เทพสังหารตวัดขวานศึกในมือผ่านอากาศ พุ่งตรงลงมาบนศีรษะของท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นขวานนี้คล้ายกับมีพลังที่สามารถผ่าภูผาได้เมื่อเห็นว่ากระบวนท่าสังหารมาถึงแล้ว ปราณแท้รอบกายท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นพลันพุ่งพล่าน กระบี่ยาวในมือปล่อยรัศมีแสงงดงามหมื่นสาย ตวัดกระบี่ออกไปเต็มแรงรับขวานศึกของเทพสังหารขวานศึกฟาดฟัน กระบี่ยาวผ่าอากาศ! เคร้ง!แม้ว่าท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นออกแรงอย่างสุดกำลัง แต่เขายังคงโดนขวานของเทพสังหารกระแทกจนกระเด็นออกไปแล้วพรวด!ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นกระอักเลือดออกมา เขากระเด็นออกไปสิบเมตร ก่อนจะร่วงกระแทกลงมาบนบันไดหินอย่างหนักหน่วง บันไดหินเหล็กโดนกระแทกจนเป็นหลุมลึก พลังแตกต่างกันมากเกินไป เทพสังหารไม่ใช่คนที่ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นสามารถต่อกรได้เลยหากไม่ใช่เพราะยังมีลมปราณน่าสะพรึงกลัวหลายสายในฝูงชนพุ่งเป้ามาที่ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ขวานนี้เพียงพอที่จะส่งเขาไปสู่ปรโลกแล้ว“หยกโลหิตกิเลนไม่มีความเกี่ยวข้องกับสำนักว่านเซียนของพวกคุณเลย พวกคุณปล้นกันชัด ๆ! ตะ...ต่อให้ผมตายก็ไม่ยอม!”ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นพยายา