กลับถึงห้อง จินหลิงเอ่อร์ปิดประตูห้องอย่างระมัดระวังด้วยจิตใจที่ยังคงเต้นระส่ำระสาย จากนั้นก็ตรวจสอบดูอีกหลายรอบ พอมั่นใจได้ว่าไม่มีใครบุกเข้ามาได้ จึงค่อยพาฉู่เฉินเดินเข้าไปในห้องด้านในฉู่เฉินมองน้ำยาในอ่างไม้ ก่อนจะยื่นมือไปทดลองอุณภูมิของน้ำ จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ “โอเค คุณถอดเสื้อผ้าก่อน เข้าไปแช่ในน้ำยาสิบนาที”“อีกเดี๋ยวผมค่อยฝังเข็มให้คุณ”พูดจบ ฉู่เฉินหันตัวเดินไปที่เตียง จากนั้นก็หลับตานั่งขัดสมาธิบอกตามตรง ฉู่เฉินได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจากการสู้กับหลี่เต้าผิงนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ได้รับถ่ายทอดวิชามา ที่ฉู่เฉินบาดเจ็บหนักขนาดนี้อีกทั้งหลังจากนี้ยังต้องฝังเข็มให้จินหลิงเอ่อร์ ต้องใช้พลังวิญญาณไม่ใช่น้อยๆ ด้วยเหตุนี้ ฉู่เฉินจำเป็นต้องฟื้นฟูปราณแท้ในร่างกายสักหน่อยจากนั้น ฉู่เฉินกินยาบำรุงปราณทีเดียวสามเม็ดถึงแม้อย่างนั้น ปราณแท้ในตัวของฉู่เฉินก็ยังฟื้นฟูกลับมาได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นจินหลิงเอ่อร์มองฉู่เฉินที่นั่งหลับตาสนิทอยู่บนเตียงซึ่งห่างจากอ่างไม้ไม่ถึงสองเมตร ยังคงรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูกเธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ จากนั้นก็สูดหายใจลึกๆ แล้วก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเ
ผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาที บนหน้าผาก ลำคอยาวระหง และหัวไหล่กลมมนของจินหลิงเอ่อร์ มีเหงื่อขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลืองผุดขึ้นมาเต็มไปหมดเพียงแต่บนเม็ดเหงื่อเหล่านั้นยังมีน้ำค้างแข็งเคลือบอยู่อีกหนึ่งชั้น“ไม่ไหวแล้ว ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เจ็บจัง…เจ็บมากเลย”ความรู้สึกที่เจ็บสุดขีดแบบนี้ แม้แต่จินหลิงเอ่อร์ที่ฝึกยุทธ์มาตั้งแต่เด็กก็ยังทนไม่ไหวทุกเซลล์ในร่างกายเหมือนกำลังส่งสัญญาณแห่งความเจ็บปวดมายังสมองของเธอเสียงน้ำกระเพื่อมดังซู่ซ่าไปตามจังหวะการสั่นสะเทือนของร่างกายเธอฉู่เฉินขมวดคิ้วมองจินหลิงเอ่อร์ “อดทนอีกหน่อย ถ้ากำจัดพิษเย็นในตัวคุณออกมาภายในครั้งเดียวไม่ได้ อาการมีแต่จะยิ่งแย่ลง ถึงตอนนั้น ร่างกายของคุณจะเน่าเพราะพิษเย็นกระจายไปทั่วร่าง สุดท้ายก็จะตาย”จินหลิงเอ่อร์ตกใจจนเหงื่อท่วมตัว ทำได้เพียงอดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัส ก่อนจะนั่งลงไปในอ่างไม้เหมือนเดิมฉู่เฉินจับแข้งของจินหลิงเอ่อร์ ก่อนจะแทงเข็มเงินเล่มสุดท้ายเข้าที่ด้านในต้นขาของเธอพอเข็มเงินเล่มสุดท้ายแทงเข้าไปในตัวเธอ ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่เกินคำบรรยายก็กระจายไปทั่วร่างของจินหลิงเอ่อร์“ปรมาจารย์ฉู่…ต้องใช้เวลาอีกนานแค่
ที่จริง ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลจินต้องเดือดร้อนเพราะซ่งหู่ ทำให้ตกต่ำเหมือนอย่างตอนนี้ ฉู่เฉินก็คงถอดใจกับตระกูลจินไปแล้วครั้งที่แล้ว สาเหตุที่ฉู่เฉินต้องการแบ่งสิทธิ์ในการขายยาบำรุงปราณกับจินเจิ้นหลง หนึ่งก็เพราะต้องการสร้างเส้นสายในวงการต่อสู้ แต่เหตุผลสำคัญกลับเป็นสายตาและความสามารถของจินเจิ้นหลงมากกว่าเพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าตาฉู่เฉินแม้แต่โจวเทียนเฟิ่ง ถ้าหากเธอกล้าพูดอะไรไม่เข้าหูฉู่เฉินแม้แต่น้อย ฉู่เฉินก็จะทอดทิ้งสำนักเฟิ่งอย่างไม่ไยดีเห็นได้ชัดว่า จินเจิ้นหลงไม่ผ่านการทดสอบของฉู่เฉินด้วยเหตุนี้ ความตั้งใจเดิมของฉู่เฉินก็คือ หลังจากสะสางเรื่องของซ่งหู่ เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับตระกูลจินอีกต่อไปที่เขารักษาโรคให้จินหลิงเอ่อร์ ก็เป็นเพียงการรักษาคำพูดเท่านั้นแต่ตอนนี้ สถานการณ์ได้อยู่นอกเหนือการควบคุมของฉู่เฉินไปแล้วของจำพวกยาเร่งกำหนัด หากแค่ดมนั้นก็ยังแก้ง่าย เหมือนอินซู่ซู่ อย่างมากก็แค่ฝังเข็มให้เธอสองสามเข็ม ก็สามารถแก้พิษได้แล้วแต่ปัญหาก็คือ ยาเร่งกำหนัดที่อยู่ในร่างกายของจินหลิงเอ่อร์ได้ไหลเวียนเข้าสู่เส้นชีพจรของเธอแล้ว ซึ่งนี่ก็คือปัญหาใหญ่หากยาเร่งกำหนัดไหล
จินเจิ้นหลงเดินข้ามประตูบ้านเข้าไปโดยจิตใต้สำนึก เขาเดินมาถึงเรือนข้างที่จินหลิงเอ่อร์อาศัยอยู่เพิ่งจะเดินเข้าไปในห้องของจินหลิงเอ่อร์ ก็ได้ยินเสียงน้ำดังซู่ซ่าจินเจิ้นหลงที่เคยผ่านโลกมาก่อน สะท้านไปทั้งตัวไม่ต้องเปิดประตูเขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน…นี่มัน…จินเจิ้นหลงตะลึงค้างไปแล้ว!ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากให้เกิดเรื่องอย่างนี้ เพราะเขาถึงขั้นเคยคิดหลายต่อหลายครั้งแล้ว ว่าจะยกลูกสาวให้ฉู่เฉิน เพื่อแลกกับอนาคตของตระกูลจินดีหรือไม่แต่ปัญหาก็คือ…พรุ่งนี้เช้า คุณชายตระกูลจ้าวจากเมืองหลวงจะเดินทางมาวางสินสอดทองหมั้นแล้วน่ะสิการหมั้นหมายครั้งนี้ จินเจิ้นหลงเพิ่งตกปากรับคำในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เองด้านหนึ่งก็เพราะฉู่เฉินได้รับปากกับตระกูลจินแล้ว ว่าจะรักษาจินหลิงเอ่อร์ให้ได้ในอีกด้านหนึ่ง ตระกูลจ้าวจากเมืองหลวงเป็นทั้งตระกูลชาวยุทธ์ แถมยังมีเส้นสายในวงการธุรกิจ มีความก้าวหน้าที่ไม่เลว อีกอย่าง จ้าวคังที่เป็นลูกชายของจ้าวเทียนเต๋อยังจบการศึกษาจะมหาลัยมีชื่อด้วยรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาไม่พอ ยังเป็นคนมีพรสวรรค์ทั้งบุ๋นและบู๊อีกหนำซ้ำในตอนที่เขาอายุสิบขวบ จ้าวคังก็ตกหลุมรักจิน
บอกตามตรง จินหลิงเอ๋อร์ตกตะลึงกับภาพตรงหน้ามากเธอจำได้ว่าตัวเองแช่น้ำยาอยู่ในอ่างอาบน้ำ ส่วนฉู่เฉินนั่งสมาธิอยู่บนเตียงนี่นา ทำไม…ทำไมถึงได้กลายเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะ?ฉู่เฉินเห็นจินหลิงเอ๋อร์ตื่นสักที จึงถอนหายใจ และบอกว่า “คุณตื่นแล้วเหรอ? เมื่อกี้คุณโดนพิษของยาปลุกกำหนัด…”ขณะเอ่ย ฉู่เฉินชี้ไปที่ผงสีชมพูที่ยังหลงเหลืออยู่บนเสื้อผ้าของจินหลิงเอ๋อร์จินหลิงเอ๋อร์รีบลงจากตัวฉู่เฉิน นั่งลงข้างอ่างอาบน้ำ ยกสองมือขึ้นกุมใบหน้าน้อยๆ พยายามนึกถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่จริง จินหลิงเอ๋อร์ในเวลานั้นเพียงแค่สติเลือนราง แต่เธอยังคงจำเรื่องที่เกิดขึ้นได้โดยเฉพาะตอนที่เธอจำได้ว่าตัวเองฉีกทึ้งเสื้อผ้าของฉู่เฉิน สีหน้าของเธอก็ดูย่ำแย่ลงทันทีถึงแม้เธอเริ่มมีความรู้สึกพิเศษกับฉู่เฉินตั้งแต่ที่เขาฆ่าฉินหล่าง ถึงขั้นเคยจินตนาการในใจว่าระหว่างเธอกับฉู่เฉินอาจมีอะไรเกิดขึ้นก็ได้แต่มันไม่ควรเป็นแบบนี้แบบนี้มันดูไม่งามเกินไปรึเปล่า?ฉู่เฉินจะไม่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายเหรอ?ฉู่เฉินจะไม่ต้องการเธอ เพราะเธอดูเป็นฝ่ายรุกเกินไปรึเปล่านะ?ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในสมองของจินหลิงเอ๋อร์ ทำให้เธ
ฉู่เฉินยิ้มเล็กน้อย “เจ้าสำนักจิน เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน สิทธิ์ในการซื้อขายยาบำรุงปราณในมณฑลเจียงผมให้สำนักเฟิ่งไปแล้ว ขอเพียงไม่ใช่เขตมณฑลเจียง ตระกูลจินของคุณสามารถซื้อขายยาบำรุงปราณได้อย่างอิสระ”“ก่อนวันที่สิบของทุกเดือน คุณไปเบิกของที่ผมได้ เรื่องส่วนแบ่ง เอาเป็นห้าสิบ-ห้าสิบก็ได้”พูดจบ ฉู่เฉินก็สาวเท้าเดินออกไปทันทีจินเจิ้นหลงได้ยินอย่างนั้น ก็ดีอกดีใจอย่างยิ่ง เขาเดินไปส่งฉู่เฉินถึงหน้าบ้าน ก่อนจะย้อนกลับไปที่เรือนของตัวเอง“พ่อ เป็นไงบ้าง?”จินอ้าวเทียนชะโงกหน้าออกมาถามอย่างอดใจรอไม่ไหวจินเจิ้นหลงสูดหายใจลึกๆ “สำเร็จแล้ว! แค่ซื้อขายในมณฑลเจียงไม่ได้เท่านั้น แต่ก็ไม่เป็นไร อีกไม่กี่วันฉันจะเดินทางไปมณฑลตงที่อยู่ใกล้ๆ ไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอมาหลายปีสักหน่อย”พูดมาถึงตรงนี้ จินเจิ้นหลงรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้งแม้แต่จินอ้าวเทียนก็ดีใจจนอ้าปากค้าง ถ้ามีสิทธิ์ในการซื้อขายยาบำรุงปราณ ต่อไปไม่ว่าเขาจะไปไหน ก็สามารถเชิดหน้าชูตาได้แล้วไม่ใช่เหรอ?……ในอีกด้านหนึ่ง หลิ่วหรูเยียนยังคงคุยโทรศัพท์กับหลี่ฮุยจนถึงดึกดื่นบ่ายวันนี้ บริษัททางการแพทย์ในท้องถิ่นรวมถึงระด
หลิ่วหรูเยียนกัดริมฝีปาก เธอลังเลอยู่นาน ก่อนจะฝืนใจพยักหน้า “ก็ได้ พรุ่งนี้เจอกันที่ภัตตาคารพาราเมาท์นะคะ”พูดจบ หลิ่วหรูเยียนรีบกดวางสายโทรศัพท์แทบจะในทันทีที่จริงเธอรู้ดีว่าหลี่ฮุยต้องการอะไรแต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกไร้กำลังอย่างนี้ ทำให้หลิ่วหรูเยียนคลั่งจนแทบอยากตาย!“ไอ้บัดซบฉู่เฉิน!”หลิ่วหรูเยียนขว้างโทรศัพท์ลงบนเตียง โกรธจนหน้าดำหน้าแดงไปหมดทั้งหมดนี้เป็นเพราะไอ้เลวฉู่เฉินคนเดียว!ถ้าวันนั้นฉู่เฉินไม่ทำให้เธอขายหน้าในไลฟ์สด ด้วยฐานะของพวกเธอสองแม่ลูกในวงการการแพทย์ของเมืองเจียงจง ฝ่ายพัฒนายาบำรุงปราณคงได้ร่วมมือกับฉู่ซื่อกรุ๊ปโดยตรง ไม่ต้องมีงานเปิดตัวอะไรทั้งนั้น พอนึกถึงฉู่เฉิน หลิ่วหรูเยียนอดนึกถึงการแข่งขันแพทย์แผนจีนขึ้นมาไม่ได้!ถ้าเธอต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเธอและบริษัท และเปิดโปงคำโกหกของฉู่เฉิน เธอจำเป็นต้องทำให้ฉู่เฉินขายหน้าในการแข่งขันแพทย์แผนจีนนึกมาถึงตรงนี้ หลิ่วหรูเยียนนัยน์ตาไหวระริก ก่อนจะหยิบมือถือที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา ค้นหาหมายเลขที่ถูกบันทึกไว้ในชื่อ ‘ข่งลิ่งเจี๋ย’ และโทรศัพท์ออกข่งลิ่งเจี๋ยก็เป็นหนึ่งในคนที่ตามจีบหลิ่วหรูเยียน หนำซ
หลิ่วหรูเยียนหัวเราะในลำคอ “คุณแม่คงไม่คิดว่าไอ้ฉู่เฉินมีความสามารถด้านการแพทย์จริงๆ หรอกใช่ไหมคะ?”“แค่หาใครก็ได้ไปเปิดโปงเขา จะชนะได้รางวัลไหมไม่สำคัญซักนิด หนูแค่อยากให้ทุกคนรู้ว่ามันเป็นจอมลวงโลก!”“แค่แฉกลโกงของมันได้ พวกเราสองแม่ลูกก็กอบกู้ชื่อเสียงกลับมาได้แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”“อีกอย่าง ถึงตอนนั้นเราฉวยโอกาสเหยียบซินฉู่ฟาร์มาซูติคอลของมันให้จมดิน แล้วก็ถีบบริษัทของมันออกจากเมืองเจียงจงไปเลย หรือไม่ก็ทำให้มันล้มละลายจนต้องปิดบริษัทไปซะ!”หลิ่วชิงเหอครุ่นคิดครู่หนึ่ง “หรูเยียน แม่จำเป็นต้องเตือนลูก ฉู่เฉินในตอนนี้ ต่างจากเมื่อก่อนมากจริงๆ ลูกอย่า…”“โอ๊ย คุณแม่คะ”หลิ่วชิงเหอยังพูดไม่ทันจบ หลิ่วหรูเยียนก็ตัดบทอย่างรำคาญว่า “มันจะต่างจากเมื่อก่อนได้ยังไง เมื่อก่อนมันเป็นไอ้พิการที่แขนขาเกือบหักหมด ตอนนี้ก็แค่กลับมาเดินเหินได้ปกติเท่านั้นเอง”“แต่สุดท้ายแล้ว มันก็ยังเป็นแค่ไอ้สวะที่นกเขาไม่ขันไม่ใช่หรือไงคะ?”“เอาเป็นว่า เรื่องนี้คุณแม่ไม่ต้องยุ่ง หนูจัดการเองได้ค่ะ”พูดจบ หลิ่วหรูเยียนก็เดินกระฟัดกระเฟียดขึ้นไปชั้นบนหลิ่วชิงเหอมองแผ่นหลังของหลิ่วหรูเยียน ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึ