ฉู่เฉินก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะขมวดคิ้วพูดว่า “คุณชายจิน อย่าหาว่าผมไม่เตือน เวลาของคุณเหลือไม่มากแล้ว หลังจากนี้อีกห้านาที ทุกอย่างอาจสายเกินแก้”หา?!จินอ้าวเทียนได้ยินอย่างนั้นก็หันหน้าออกตัววิ่งทันที เวลาก็คือแก่นสำคัญของชีวิตเชียวนะฉู่เฉินมองแผ่นหลังของจินอ้าวเทียน ก่อนจะถอนหายใจอย่างจนใจ จากนั้นก็วางยาบำรุงปราณไว้บนหัวเตียงของจินเจิ้นหลงอีกสองเม็ด พร้อมกับกำชับว่า “ใช้วันละหนึ่งเม็ด อีกสองวันคุณก็จะหายดีเอง”พูดจบ ฉู่เฉินก็เดินออกจากห้อง……ในอีกด้านหนึ่ง ณ พื้นที่ราบระหว่างภูเขาแห่งหนึ่งในทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลเจียง มีเรือนชาวนาเล็กๆ หลังหนึ่งตั้งอยู่อย่างสันโดษที่นี่ก็คือสถานที่นัดพบลับๆ บนโลกมนุษย์ของสำนักหมอเซียนสำนักหมอเซียนก็เป็นหนึ่งในสำนักชาวยุทธเช่นกันเพียงแต่ สำนักหมอเซียนทุ่มเทให้กับการศึกษาวิจัยด้านการแพทย์และตำราโบราณเป็นหลัก ศิษย์ในสำนักเชี่ยวชาญด้านการหลอมยาเป็นส่วนใหญ่เวลานี้ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงเพรียวคนหนึ่ง กำลังรายงานชายชราที่หลับตาทำสมาธิเสียงเบาว่า“ผู้อาวุโส ผมมั่นใจว่ายาบำรุงปราณที่กำลังเป็นที่นิยมกันอยู่ในเมืองเจียงจงตอ
“ผู้อาวุโสคิดว่า…”พูดมาถึงตรงนี้ หลี่จวิ้นเฟิงกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของเฉินเจิ้นหนานอยู่ครู่หนึ่งฟังอยู่ครู่ใหญ่ ใบหน้าของเฉินเจิ้นหนานก็ปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา เขาตบไหล่ของหลี่จวิ้นเฟิง แล้วบอกว่า “อืม ไม่เลว! สมกับที่เป็นผู้มีพรสวรรค์ของสำนักหมอเซียน เพียงแต่ ถ้าคิดจะวางยาพิษคนอย่างนี้ จะต้องระวังและรอบคอบให้มากๆ”“ไม่อย่างนั้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป จะทำลายชื่อเสียงสำนักหมอเซียนของเราได้”หลี่จวิ้นเฟิงหัวเราะในลำคอ “ผู้อาวุโสวางใจได้ ไอ้เด็กแซ่ฉู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่มีใครรักษาเขา แล้วนักพรตต่างแดนคนนั้นไปแก้แค้นเขาถึงที่ เขาต้องตายอย่างแน่นอน”“ผมรับประกันได้เลยว่าเจ้าแซ่ฉู่ไม่มีทางปฏิเสธน้ำใจของเราแน่ ขอแค่วางอุบายกับเข็มเงินที่จะใช้รักษาเขา เขาไม่มีทางสงสัยแน่นอนครับ”“แค่รอให้พิษออกฤทธิ์ เจ้าแซ่ฉู่ก็ต้องยอมจำนนต่อพวกเราอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ? ถ้าได้สูตรหลอมยาบำรุงปราณมา แล้วค่อย…”หลี่จวิ้นเฟิงทำท่าปาดคอ ก่อนจะยิ้มอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “ถึงตอนนั้น จะมีใครรู้จักคนที่ชื่อฉู่เฉินอยู่อีก แหล่งผลิตยาบำรุงปราณก็จะตกอยู่ในกำมือสำนักหมอเซียนของเรา ถึงตอนนั้น วงการชาวย
กลับถึงห้อง จินหลิงเอ่อร์ปิดประตูห้องอย่างระมัดระวังด้วยจิตใจที่ยังคงเต้นระส่ำระสาย จากนั้นก็ตรวจสอบดูอีกหลายรอบ พอมั่นใจได้ว่าไม่มีใครบุกเข้ามาได้ จึงค่อยพาฉู่เฉินเดินเข้าไปในห้องด้านในฉู่เฉินมองน้ำยาในอ่างไม้ ก่อนจะยื่นมือไปทดลองอุณภูมิของน้ำ จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ “โอเค คุณถอดเสื้อผ้าก่อน เข้าไปแช่ในน้ำยาสิบนาที”“อีกเดี๋ยวผมค่อยฝังเข็มให้คุณ”พูดจบ ฉู่เฉินหันตัวเดินไปที่เตียง จากนั้นก็หลับตานั่งขัดสมาธิบอกตามตรง ฉู่เฉินได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจากการสู้กับหลี่เต้าผิงนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ได้รับถ่ายทอดวิชามา ที่ฉู่เฉินบาดเจ็บหนักขนาดนี้อีกทั้งหลังจากนี้ยังต้องฝังเข็มให้จินหลิงเอ่อร์ ต้องใช้พลังวิญญาณไม่ใช่น้อยๆ ด้วยเหตุนี้ ฉู่เฉินจำเป็นต้องฟื้นฟูปราณแท้ในร่างกายสักหน่อยจากนั้น ฉู่เฉินกินยาบำรุงปราณทีเดียวสามเม็ดถึงแม้อย่างนั้น ปราณแท้ในตัวของฉู่เฉินก็ยังฟื้นฟูกลับมาได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นจินหลิงเอ่อร์มองฉู่เฉินที่นั่งหลับตาสนิทอยู่บนเตียงซึ่งห่างจากอ่างไม้ไม่ถึงสองเมตร ยังคงรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูกเธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ จากนั้นก็สูดหายใจลึกๆ แล้วก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเ
ผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาที บนหน้าผาก ลำคอยาวระหง และหัวไหล่กลมมนของจินหลิงเอ่อร์ มีเหงื่อขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลืองผุดขึ้นมาเต็มไปหมดเพียงแต่บนเม็ดเหงื่อเหล่านั้นยังมีน้ำค้างแข็งเคลือบอยู่อีกหนึ่งชั้น“ไม่ไหวแล้ว ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เจ็บจัง…เจ็บมากเลย”ความรู้สึกที่เจ็บสุดขีดแบบนี้ แม้แต่จินหลิงเอ่อร์ที่ฝึกยุทธ์มาตั้งแต่เด็กก็ยังทนไม่ไหวทุกเซลล์ในร่างกายเหมือนกำลังส่งสัญญาณแห่งความเจ็บปวดมายังสมองของเธอเสียงน้ำกระเพื่อมดังซู่ซ่าไปตามจังหวะการสั่นสะเทือนของร่างกายเธอฉู่เฉินขมวดคิ้วมองจินหลิงเอ่อร์ “อดทนอีกหน่อย ถ้ากำจัดพิษเย็นในตัวคุณออกมาภายในครั้งเดียวไม่ได้ อาการมีแต่จะยิ่งแย่ลง ถึงตอนนั้น ร่างกายของคุณจะเน่าเพราะพิษเย็นกระจายไปทั่วร่าง สุดท้ายก็จะตาย”จินหลิงเอ่อร์ตกใจจนเหงื่อท่วมตัว ทำได้เพียงอดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัส ก่อนจะนั่งลงไปในอ่างไม้เหมือนเดิมฉู่เฉินจับแข้งของจินหลิงเอ่อร์ ก่อนจะแทงเข็มเงินเล่มสุดท้ายเข้าที่ด้านในต้นขาของเธอพอเข็มเงินเล่มสุดท้ายแทงเข้าไปในตัวเธอ ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่เกินคำบรรยายก็กระจายไปทั่วร่างของจินหลิงเอ่อร์“ปรมาจารย์ฉู่…ต้องใช้เวลาอีกนานแค่
ที่จริง ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลจินต้องเดือดร้อนเพราะซ่งหู่ ทำให้ตกต่ำเหมือนอย่างตอนนี้ ฉู่เฉินก็คงถอดใจกับตระกูลจินไปแล้วครั้งที่แล้ว สาเหตุที่ฉู่เฉินต้องการแบ่งสิทธิ์ในการขายยาบำรุงปราณกับจินเจิ้นหลง หนึ่งก็เพราะต้องการสร้างเส้นสายในวงการต่อสู้ แต่เหตุผลสำคัญกลับเป็นสายตาและความสามารถของจินเจิ้นหลงมากกว่าเพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าตาฉู่เฉินแม้แต่โจวเทียนเฟิ่ง ถ้าหากเธอกล้าพูดอะไรไม่เข้าหูฉู่เฉินแม้แต่น้อย ฉู่เฉินก็จะทอดทิ้งสำนักเฟิ่งอย่างไม่ไยดีเห็นได้ชัดว่า จินเจิ้นหลงไม่ผ่านการทดสอบของฉู่เฉินด้วยเหตุนี้ ความตั้งใจเดิมของฉู่เฉินก็คือ หลังจากสะสางเรื่องของซ่งหู่ เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับตระกูลจินอีกต่อไปที่เขารักษาโรคให้จินหลิงเอ่อร์ ก็เป็นเพียงการรักษาคำพูดเท่านั้นแต่ตอนนี้ สถานการณ์ได้อยู่นอกเหนือการควบคุมของฉู่เฉินไปแล้วของจำพวกยาเร่งกำหนัด หากแค่ดมนั้นก็ยังแก้ง่าย เหมือนอินซู่ซู่ อย่างมากก็แค่ฝังเข็มให้เธอสองสามเข็ม ก็สามารถแก้พิษได้แล้วแต่ปัญหาก็คือ ยาเร่งกำหนัดที่อยู่ในร่างกายของจินหลิงเอ่อร์ได้ไหลเวียนเข้าสู่เส้นชีพจรของเธอแล้ว ซึ่งนี่ก็คือปัญหาใหญ่หากยาเร่งกำหนัดไหล
จินเจิ้นหลงเดินข้ามประตูบ้านเข้าไปโดยจิตใต้สำนึก เขาเดินมาถึงเรือนข้างที่จินหลิงเอ่อร์อาศัยอยู่เพิ่งจะเดินเข้าไปในห้องของจินหลิงเอ่อร์ ก็ได้ยินเสียงน้ำดังซู่ซ่าจินเจิ้นหลงที่เคยผ่านโลกมาก่อน สะท้านไปทั้งตัวไม่ต้องเปิดประตูเขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน…นี่มัน…จินเจิ้นหลงตะลึงค้างไปแล้ว!ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากให้เกิดเรื่องอย่างนี้ เพราะเขาถึงขั้นเคยคิดหลายต่อหลายครั้งแล้ว ว่าจะยกลูกสาวให้ฉู่เฉิน เพื่อแลกกับอนาคตของตระกูลจินดีหรือไม่แต่ปัญหาก็คือ…พรุ่งนี้เช้า คุณชายตระกูลจ้าวจากเมืองหลวงจะเดินทางมาวางสินสอดทองหมั้นแล้วน่ะสิการหมั้นหมายครั้งนี้ จินเจิ้นหลงเพิ่งตกปากรับคำในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เองด้านหนึ่งก็เพราะฉู่เฉินได้รับปากกับตระกูลจินแล้ว ว่าจะรักษาจินหลิงเอ่อร์ให้ได้ในอีกด้านหนึ่ง ตระกูลจ้าวจากเมืองหลวงเป็นทั้งตระกูลชาวยุทธ์ แถมยังมีเส้นสายในวงการธุรกิจ มีความก้าวหน้าที่ไม่เลว อีกอย่าง จ้าวคังที่เป็นลูกชายของจ้าวเทียนเต๋อยังจบการศึกษาจะมหาลัยมีชื่อด้วยรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาไม่พอ ยังเป็นคนมีพรสวรรค์ทั้งบุ๋นและบู๊อีกหนำซ้ำในตอนที่เขาอายุสิบขวบ จ้าวคังก็ตกหลุมรักจิน
บอกตามตรง จินหลิงเอ๋อร์ตกตะลึงกับภาพตรงหน้ามากเธอจำได้ว่าตัวเองแช่น้ำยาอยู่ในอ่างอาบน้ำ ส่วนฉู่เฉินนั่งสมาธิอยู่บนเตียงนี่นา ทำไม…ทำไมถึงได้กลายเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะ?ฉู่เฉินเห็นจินหลิงเอ๋อร์ตื่นสักที จึงถอนหายใจ และบอกว่า “คุณตื่นแล้วเหรอ? เมื่อกี้คุณโดนพิษของยาปลุกกำหนัด…”ขณะเอ่ย ฉู่เฉินชี้ไปที่ผงสีชมพูที่ยังหลงเหลืออยู่บนเสื้อผ้าของจินหลิงเอ๋อร์จินหลิงเอ๋อร์รีบลงจากตัวฉู่เฉิน นั่งลงข้างอ่างอาบน้ำ ยกสองมือขึ้นกุมใบหน้าน้อยๆ พยายามนึกถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่จริง จินหลิงเอ๋อร์ในเวลานั้นเพียงแค่สติเลือนราง แต่เธอยังคงจำเรื่องที่เกิดขึ้นได้โดยเฉพาะตอนที่เธอจำได้ว่าตัวเองฉีกทึ้งเสื้อผ้าของฉู่เฉิน สีหน้าของเธอก็ดูย่ำแย่ลงทันทีถึงแม้เธอเริ่มมีความรู้สึกพิเศษกับฉู่เฉินตั้งแต่ที่เขาฆ่าฉินหล่าง ถึงขั้นเคยจินตนาการในใจว่าระหว่างเธอกับฉู่เฉินอาจมีอะไรเกิดขึ้นก็ได้แต่มันไม่ควรเป็นแบบนี้แบบนี้มันดูไม่งามเกินไปรึเปล่า?ฉู่เฉินจะไม่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายเหรอ?ฉู่เฉินจะไม่ต้องการเธอ เพราะเธอดูเป็นฝ่ายรุกเกินไปรึเปล่านะ?ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในสมองของจินหลิงเอ๋อร์ ทำให้เธ
ฉู่เฉินยิ้มเล็กน้อย “เจ้าสำนักจิน เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน สิทธิ์ในการซื้อขายยาบำรุงปราณในมณฑลเจียงผมให้สำนักเฟิ่งไปแล้ว ขอเพียงไม่ใช่เขตมณฑลเจียง ตระกูลจินของคุณสามารถซื้อขายยาบำรุงปราณได้อย่างอิสระ”“ก่อนวันที่สิบของทุกเดือน คุณไปเบิกของที่ผมได้ เรื่องส่วนแบ่ง เอาเป็นห้าสิบ-ห้าสิบก็ได้”พูดจบ ฉู่เฉินก็สาวเท้าเดินออกไปทันทีจินเจิ้นหลงได้ยินอย่างนั้น ก็ดีอกดีใจอย่างยิ่ง เขาเดินไปส่งฉู่เฉินถึงหน้าบ้าน ก่อนจะย้อนกลับไปที่เรือนของตัวเอง“พ่อ เป็นไงบ้าง?”จินอ้าวเทียนชะโงกหน้าออกมาถามอย่างอดใจรอไม่ไหวจินเจิ้นหลงสูดหายใจลึกๆ “สำเร็จแล้ว! แค่ซื้อขายในมณฑลเจียงไม่ได้เท่านั้น แต่ก็ไม่เป็นไร อีกไม่กี่วันฉันจะเดินทางไปมณฑลตงที่อยู่ใกล้ๆ ไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอมาหลายปีสักหน่อย”พูดมาถึงตรงนี้ จินเจิ้นหลงรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้งแม้แต่จินอ้าวเทียนก็ดีใจจนอ้าปากค้าง ถ้ามีสิทธิ์ในการซื้อขายยาบำรุงปราณ ต่อไปไม่ว่าเขาจะไปไหน ก็สามารถเชิดหน้าชูตาได้แล้วไม่ใช่เหรอ?……ในอีกด้านหนึ่ง หลิ่วหรูเยียนยังคงคุยโทรศัพท์กับหลี่ฮุยจนถึงดึกดื่นบ่ายวันนี้ บริษัททางการแพทย์ในท้องถิ่นรวมถึงระด
อวี้ลู่ยังไม่ทันพูดจบ ฉู่เฉินก็แคะฟันพลางพูดบทว่า “กินมากเกินไปจะอ้วนเป็นตุ่มได้นะ”“เจ้า...ไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่นเลย!” อวี้ลู่เหลือกตาใส่ฉู่เฉินอย่างอำมหิต แล้วดึงสองพี่น้องตระกูลต้วนเดินออกไปจากถนนของกินโดยทิ้งฉู่เฉินไว้ “นายท่าน...” ต้วนหลิงเสวี่ยถูกอวี้ลู่ลากไปข้างหน้าพลางหันหน้ามามองฉู่เฉินอย่างอาลัยอาวรณ์ ฉู่เฉินโบกมือให้ต้วนหลิงเสวี่ยพอดีเลยคืนนี้เขาควรไปหาโจวเทียนเฟิ่งเพื่อทำการเตรียมตัวสำหรับการวางจำหน่ายยาบำรุงปราณในตลาดทั่วประเทศ จนกระทั่งสามสาวเดินจากไปไกลแล้ว ฉู่เฉินถึงค่อยเข้าไปนั่งในรถ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์มุ่งหน้าไปยังเทียนเฟิ่งวิลล่าทันทีช่วงนี้โจวเทียนเฟิ่งยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้อย่าเห็นว่าเป็นแค่ธุรกิจในมณฑลแห่งหนึ่ง แต่ด้วยจำนวนเงินที่หมุนเวียนมหาศาลในแต่ละวัน โจวเทียนเฟิ่งไม่กล้าเลินเล่อแม้เพียงชั่วขณะ เมื่อฉู่เฉินเดินเข้าไปในเทียนเฟิ่งวิลล่า โจวเทียนเฟิ่งกำลังสรุปยอดบัญชีอยู่เมื่อเห็นฉู่เฉิน ยามหลายคนตรงหน้าประตูก็รีบเข้ามาต้อนรับ “โอ้ คุณฉู่ นาน ๆ คุณจะมาเป็นแขก เร็วเข้าเถอะครับ เชิญข้างในเลย” ยามคนหนึ่งผงกศีรษะค้อมเอว พาฉู่
“เจ้าสำนักปี้!” ในขณะที่ปี้คุนเตรียมตัวจะตามฉู่เฉินไป ทันใดนั้นเองก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากข้างหลัง ปี้คุนอดสะดุ้งตกใจไม่ได้ หันหน้ามองไปทางด้านหลังทันที“หลี่ว์เจิ้งหยาง?” ปี้คุนขมวดคิ้วขึ้นมา มองหลี่ว์เจิ้งหยางด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสำนักปี้คงไม่ได้ตั้งใจมาที่เมืองหมอตูเพื่อไอ้เด็กแซ่ฉู่หรอกใช่ไหม?”ปี้คุนทำหน้าทะมึน กัดฟันแต่ไม่ตอบเขาหลี่ว์เจิ้งหยางเป็นเพียงศิษย์ของสำนักนางใน จากในแง่ของฐานะ เขาต่างจากปี้คุนอย่างมากด้วยเหตุนี้ ปี้คุนเลยไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย “เจ้าสำนักปี้ ผมขอแนะนำคุณสักคำ อย่าลงมือเด็ดขาด ไม่งั้นผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินจะคาดคิด” หลี่ว์เจิ้งหยางเอ่ยด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม“อ้อ?” นัยน์ตาของปี้คุนฉายแววเย็นชา จ้องมองหลี่ว์เจิ้งหยางพลางพูดว่า “คุณคิดจะขัดขวางผมเหรอ?”หลี่ว์เจิ้งหยางรีบโบกมือกล่าวว่า “เจ้าสำนักปี้เข้าใจผิดแล้ว ผมก็มาแก้แค้นไอ้หมอนี่เหมือนกัน”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดจบก็ถลกเสื้อขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปที่บาดแผลบนตัวแล้วพูดว่า “ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือไอ้หมอนั่น แต่ว่าไอ้เด็กแซ่ฉู่ไม่ได้น่ากลัว คนที่น่ากลัวคือยัยผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายมัน!” หลี
“คุณร่วมมือทุจริตกับคนแซ่หลี่ข้างล่างนั่น เรื่องนี้น่าจะไม่ผิดใช่ไหม? อีกอย่าง คุณปลอมแปลงตัวตน โกหกว่าตัวเองเป็นหมอดูแลสุขภาพท่านหลง คุณทำเรื่องพวกนี้ทั้งหมดเลยใช่ไหม?” ฟางอวี่เจิ้งเอามือสองข้างไพล่หลัง มองถังจิ้งจือด้วยรอยยิ้มหยัน “นะ...นี่เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน จะถือว่าเป็นการทุจริตการแข่งขันได้ยังไง? อีกอย่าง ฉะ...ฉันเป็นหมอดูแลสุขภาพของท่านหลงจริง ๆ นะ”ฟางอวี่เจิ้งได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน? คุณพูดง่ายดีนี่ คุณน่าจะเข้าใจนะว่าการแข่งขันแพทย์แผนจีนเป็นการแข่งขันเลือกบุคลากรในวงการแพทย์ ระดับไม่ด้อยไปกว่าการสอบจอหงวนเลย” “คุณเปลี่ยนโจทย์การแข่งขันโดนพลการ นี่ไม่ใช่การทุจริตการแข่งขันหรือไง?” ไม่รอให้ถังจิ้งจือแก้ต่าง ฟางอวี่เจิ้งก็พูดต่อว่า “เมื่อกี้ผมยืนยันกับทางแก๊งมังกรแล้ว ท่านหลงไม่มีหมอดูแลสุขภาพอะไรทั้งนั้น ทางสำนักงานใหญ่ของแก๊งมังกรก็ไม่มีหมอแซ่ถังด้วย”“ตอนนี้คุณจะอธิบายว่ายังไง!” ถังจิ้งจือได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็เย็นวาบไปครึ่งหนึ่งเขาเพิ่งโดนท่านหลงปลดออกเมื่อไม่กี่วันก่อน ทางแก๊งมังกรไม่มีทางไม่มีบันทึกเอาไว้
เมื่อฮว่าจิ่วหยางเอ่ยจบ หลิ่วหรูเยียนก็อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้แบนทั่วประเทศ?ถ้าอย่างนั้นฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จบเห่โดยสิ้นเชิงแล้วจริง ๆ! แต่เธอทำใจไม่ได้จริง ๆไอ้สารเลวฉู่เฉินกล้าทำให้เธออับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนเนี่ยนะ!“คุณหลิ่ว ความอดทนของพวกเรามีขีดจำกัดนะ” จางเสวี่ยเหยียนจับกรอบแว่นบนใบหน้า แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ให้เวลาคุณพิจารณาอีกหนึ่งนาที ถ้าเกิดคุณหลิ่วยืนกรานไม่ยอมขอโทษฉู่เฉิน งั้นผมก็จะให้นักเรียนทั้งหมดของผมไม่ใช้เวชภัณฑ์ทุกตัวที่มาจากฉู่ซื่อกรุ๊ปตลอดไป” เฝิงว่านชางกับหลินจื้อหงก็พากันลุกขึ้นมาสนับสนุนเช่นกันแม้ว่าเขาเป็นเพียงศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยการแพทย์ประจำมณฑล แต่หลายสิบปีมานี้ก็มีลูกศิษย์มากมายนับไม่ถ้วนขอเพียงพวกเขาพูดคำเดียว แม้แต่คลินิกเล็ก ๆ ทั่วประเทศก็จะแบนฉู่ซื่อกรุ๊ปกันหมด “คุณหลิ่ว ฉันคือเย่ชิ่นเหยียน ทนายความจากสำนักงานกฎหมายหมิงเจวี๋ย!” เย่ชิ่นเหยียนพูดพลางลุกขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า “การกระทำเมื่อครู่นี้ของคุณถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทคุณฉู่ ถ้าเกิดคุณไม่ยอมขอโทษคุณฉู่ ฉันจะทำการฟ้องร้องคุณแทนคุณฉ
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ
“หรูเยียน ลูกพูดเหลวไหลอะไร! รีบนั่งลงเร็วเข้า!”ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วชิงเหอก็คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ในเวลานี้ เลยรีบดึงแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้“หนูไม่ได้พูดเหลวไหลเลยนะ!” หลิ่วหรูเยียนสะบัดมือของหลิ่วชิงเหอออก ก่อนจะเดินลงจากที่นั่งแขกกิตติมศักดิ์ อย่างรวดเร็ว เจียงถิงมองหลิ่วหรูเยียนที่พุ่งขึ้นมาบนเวที แล้วขมวดคิ้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนิดหน่อยว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันหวังว่าคุณจะรับผิดชอบต่อคำพูดเมื่อกี้ของคุณได้นะคะ” “การใส่ร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คนเป็นความผิดทางกฎหมายนะคะ!” หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็น แย่งไมโครโฟนมาแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉิน ก่อนจะพูดกับผู้ชมกว่าหมื่นคนด้านล่างเวทีว่า “ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉู่เฉินคนนี้เป็นแค่นักต้มตุ๋นที่ไม่มีความรู้ความสามารถ!”“พวกคุณอย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกปลอม ๆ ของเขาหลอกลวงเด็ดขาดนะคะ!”“เขาไม่เพียงไม่มีวิชาแพทย์อะไรทั้งนั้น แม้แต่สามีภรรยาเมื่อครู่นี้จะต้องเป็นหน้าม้าที่เขาจ่ายเงินจ้างมาแน่นอน!”หลังจากที่สิ้นเสียงตะโกนของเธอ ทุกคนก็หันไปมองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่กำลังอุ้มลูกเมื่อครู่นี้อีกครั้ง“พวกเราไม่รู้จักคุณ
“ตึกตัก! ตึกตัก!”ฮว่าจิ่วหยางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองใกล้จะกระโดดมาถึงลำคอแล้ว ถ้าเกิดเด็กชายตัวน้อยเอ่ยปากพูดจริง ๆ เช่นนั้นยาบำรุงสวรรค์ตัวนี้ก็จะโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตในพริบตาฉู่เฉินก็จะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งวงการแพทย์นี่ไม่ใช่การสร้างปาฏิหาริย์แล้ว แต่เป็นการท้าทายชะตากรรมชะตากรรมของผู้พิการทางการได้ยินและการพูดย่อมแตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ เด็กชายตัวน้อยค่อย ๆ อ้าปากเล็ก ร้องเรียกเบา ๆว่า “บอ” “ระ...เรียกพ่อ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นก็ตื่นเต้นจนน้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอดวงตา แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุด ส่วนบรรยากาศในงานก็ตื่นเต้นถึงที่สุด เสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นไม่อาจถือได้ว่าฉู่เฉินประสบความสำเร็จแล้ว อย่างมากก็เป็นเพียงการพูดอ้อแอ้ หรือว่าเสียงจากการครางเท่านั้น“เรียกสิ เรียกพ่อ!” ภายใต้การกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าของชายหนุ่ม เด็กชายตัวน้อยอ้าปากเล็ก ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “พะ...อา พอ...พ่อ”เสียงที่ชัดเจนดังออกมาเป็นรอบที่สอง ทั่วทั้งงานและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตแทบจะเดือดพล่านพร้อมกั
เชี่ย!ฮว่าเทียนอวี่ที่นั่งข้างหลังฮว่าจิ่วหยางอดสบถคำหยาบไม่ได้จากนั้นก็เห็นเพียงเตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินพลันเปล่งแสงสีแดงฉานออกมา ก่อนที่กลิ่นหอมของยาที่สดชื่นผ่อนคลายจะอบอวลไปทั่วทั้งสนามกีฬาระดับสวรรค์!ถึงแม้พวกฮว่าจิ่วหยางไม่เชี่ยวชาญด้านการหลอมยา แต่ว่ายังคงแยกแยะระดับได้ชัดเจนมาก แม้ว่าตัวยาเม็ดนี้หลอมขึ้นจากสูตรยาระดับล่างเท่านั้น แต่เมื่อมันไปถึงระดับสวรรค์ขึ้นไปก็ล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้เช่นเดียวกัน! อย่างไรเสียสูตรยาเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติและทิศทางการรักษาของยา แต่ความสามารถของนักหลอมโอสถเป็นตัวกำหนดระดับของตัวยา แม้ว่าจะเป็นสูตรยาระดับดิน ถ้าเกิดออกมาเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ได้ นั่นก็น่ากลัวมากนี่ก็เปรียบเหมือนกับว่าหากใช้สูตรยาหกตำรับบำรุงไตหลอมเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ ยาหกตำรับบำรุงไตหนึ่งเม็ดนี้สามารถขายได้ถึงหลายพันล้าน และยาในมือฉู่เฉินเม็ดนี้ คุณสมบัติกับการรักษาหลักยังไม่ชัดเจน หรือพูดอีกอย่างก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นยาระดับสวรรค์ที่ประเมินค่าไม่ได้ รวย!รวยเละแล้ว!พวกฮว่าจิ่วหยางรู้สึกอิจฉาฉู่เฉินไม่หยุด ไม่แน่ว่าฉู่เฉินอาศัยยาวิเศษระดับสวร
“พวกนายรีบดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?”“เชี่ย นั่นเหมือน...เหมือนก้อนเมฆเลย?” “นี่แม่งไม่สมเหตุสมผลเลย ขะ...เขาจะมีก้อนเมฆอยู่ในมือได้ยังไง?” แม้แต่เจียงถิง เวลานี้ก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือเตาหลอมโอสถของฉู่เฉินนอกจากนี้ด้านในยังมีสายฟ้าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!ซี้ด!พวกฮว่าจิ่วหยางที่อยู่บนที่นั่งกรรมการก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อหรือว่านั่นก็คือเคราะห์โอสถในตำนาน?เล่ากันว่า มีเพียงโอสถที่ไปถึงระดับท้าทายสวรรค์ถึงจะเกิดเคราะห์โอสถขึ้นมาในขณะกำลังหลอมยาเสร็จแม้แต่หลี่จวิ้นเฟิงก็มองฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นั่นมันเคราะห์โอสถเชียวนะ! เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหมอก็หลอมโอสถชั้นเลิศที่สามารถผ่านเคราะห์โอสถออกมาไม่ได้เลย ฉู่เฉินเขาทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!จะต้องประสาทหลอนแน่ ๆ! “เลิกหลอกลวงอยู่ตรงนั้นได้แล้ว!”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลายหนัก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งเตะไปที่เตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ฉู่เฉินหลอมยาได้สำเร็จ!แ