ซี้ด!เสียงของคนอื่นหลี่ก่านอาจจำไม่ได้ แต่เสียงของฉู่เฉิน ชาตินี้เขาไม่มีวันลืมแน่นอนวันนั้นที่ศาลาเจียงซิน ฝ่ามือของฉู่เฉินที่ตวัดเข้าที่กกหูของเขา เกือบส่งเขาไปเจอยมบาลในนรกแล้วฉู่เฉิน?ตอนนี้มันต้องถูกปรมาจารย์ฉินกำจัดไปแล้วไม่ใช่เหรอ?ทำไมยังรอดชีวิตเสนอหน้ามาที่นี่ได้ล่ะ?หลี่ก่านหันกลับไปมองอย่างไม่อยากเชื่อ พอเห็นเต็มตา เขาตกใจจนเหงื่อท่วมตัวทันทีสองพี่น้องจินหลิงเอ่อร์กับจินอ้าวเทียนกำลังมองเขาอย่างเข่นเคี้ยวเขี้ยวฟันด้านหลังของสองพี่น้อง คนที่กำลังยืนอย่างสง่าผ่าเผย ก็คือฉู่เฉินนั่นเอง!แม่งเอ๊ย!นะ…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?พวกมันสามคนยังไม่ตายสักคน?ปรมาจารย์ฉินล่ะ?“ปรมาจารย์ฉู่ ช่วยด้วย…”จินเจิ้นหลงเห็นฉู่เฉินราวกับเห็นพ่อแท้ๆ น้ำตาไหลอาบใบหน้าชราทันทีหลี่ก่านมองฉู่เฉินที่ตอนนี้กำลังมีสีหน้าตึงเครียด ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่หลี่ก่านรีบคุกเข่าต่อหน้าทุกคน ก่อนจะตะโกนออกมาพร้อมกับน้ำหูน้ำตาที่ไหลพรากออกมา “ปะ…ปรมาจารย์ฉู่…คุณหนูใหญ่ คุณชายใหญ่…ผม…”“ผมเองก็ทำไปเพราะถูกบังคับ ไอ้คนแซ่ฉินมันเก่งกาจขนาดไหน พวกคุณก็เห็นด้วยตาตัวเองแล้ว ต
จินหลิงเอ่อร์รับยาบำรุงปราณที่ฉู่เฉินยื่นให้ เธออดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาด้วยความซาบซึ้งณ ตอนนี้ มีใครในเมืองเจียงจงบ้างที่ไม่รู้ราคาของยาบำรุงปราณราคาสูงถึงหลายร้อยล้านก็เรื่องหนึ่ง แต่แค่ฉู่เฉินยอมใช้ยาบำรุงปราณรักษาจินเจิ้นหลงโดยไม่คิดเล็กคิดน้อยเกี่ยวกับเรื่องบาดหมางครั้งเก่า จินหลิงเอ่อร์ก็ซาบซึ้งจนน้ำตาไหลแล้ว“คุณฉู่ ผม…ผมควรจะเชื่อคุณ…เป็นความผิดของผมเอง”จินเจิ้นหลงมองยาบำรุงปราณที่ผ่านการละลายมาแล้วในถ้วย ก่อนกล่าวด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งฉู่เฉินโบกมือเล็กน้อย “เจ้าสำนักจิน ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับอดีต ตอนนี้รักษาตัวสำคัญกว่า!”จินเจิ้นหลงพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะแหงนหน้าดื่มยาในถ้วยครั้นยาไหลลงไปท้อง ความรู้สึกเย็นสดชื่นก็กระจายไปทั่วร่างกาย เส้นชีพจรที่บาดเจ็บเมื่อกี้ก็กำลังค่อยๆ ฟื้นตัวเพียงแต่ เพราะอาการบาดเจ็บของเขาค่อนข้างสาหัส ความเร็วในการฟื้นตัวจึงไม่ได้เร็วมากนักแต่ถึงแม้อย่างนั้น ประสิทธิภาพของยาบำรุงปราณก็ทำให้จินเจิ้นหลงตะลึงมากแล้วเขาไม่คาดคิดเลยว่า ยาบำรุงปราณแค่เม็ดเล็กๆ จะมีฤทธิ์มหัศจรรย์ขนาดนี้!ต้องบอกก่อนว่าอาการบาดเจ็บที่เขาได้รับ เรียกได้ว
ฉู่เฉินก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะขมวดคิ้วพูดว่า “คุณชายจิน อย่าหาว่าผมไม่เตือน เวลาของคุณเหลือไม่มากแล้ว หลังจากนี้อีกห้านาที ทุกอย่างอาจสายเกินแก้”หา?!จินอ้าวเทียนได้ยินอย่างนั้นก็หันหน้าออกตัววิ่งทันที เวลาก็คือแก่นสำคัญของชีวิตเชียวนะฉู่เฉินมองแผ่นหลังของจินอ้าวเทียน ก่อนจะถอนหายใจอย่างจนใจ จากนั้นก็วางยาบำรุงปราณไว้บนหัวเตียงของจินเจิ้นหลงอีกสองเม็ด พร้อมกับกำชับว่า “ใช้วันละหนึ่งเม็ด อีกสองวันคุณก็จะหายดีเอง”พูดจบ ฉู่เฉินก็เดินออกจากห้อง……ในอีกด้านหนึ่ง ณ พื้นที่ราบระหว่างภูเขาแห่งหนึ่งในทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลเจียง มีเรือนชาวนาเล็กๆ หลังหนึ่งตั้งอยู่อย่างสันโดษที่นี่ก็คือสถานที่นัดพบลับๆ บนโลกมนุษย์ของสำนักหมอเซียนสำนักหมอเซียนก็เป็นหนึ่งในสำนักชาวยุทธเช่นกันเพียงแต่ สำนักหมอเซียนทุ่มเทให้กับการศึกษาวิจัยด้านการแพทย์และตำราโบราณเป็นหลัก ศิษย์ในสำนักเชี่ยวชาญด้านการหลอมยาเป็นส่วนใหญ่เวลานี้ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงเพรียวคนหนึ่ง กำลังรายงานชายชราที่หลับตาทำสมาธิเสียงเบาว่า“ผู้อาวุโส ผมมั่นใจว่ายาบำรุงปราณที่กำลังเป็นที่นิยมกันอยู่ในเมืองเจียงจงตอ
“ผู้อาวุโสคิดว่า…”พูดมาถึงตรงนี้ หลี่จวิ้นเฟิงกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของเฉินเจิ้นหนานอยู่ครู่หนึ่งฟังอยู่ครู่ใหญ่ ใบหน้าของเฉินเจิ้นหนานก็ปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา เขาตบไหล่ของหลี่จวิ้นเฟิง แล้วบอกว่า “อืม ไม่เลว! สมกับที่เป็นผู้มีพรสวรรค์ของสำนักหมอเซียน เพียงแต่ ถ้าคิดจะวางยาพิษคนอย่างนี้ จะต้องระวังและรอบคอบให้มากๆ”“ไม่อย่างนั้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป จะทำลายชื่อเสียงสำนักหมอเซียนของเราได้”หลี่จวิ้นเฟิงหัวเราะในลำคอ “ผู้อาวุโสวางใจได้ ไอ้เด็กแซ่ฉู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่มีใครรักษาเขา แล้วนักพรตต่างแดนคนนั้นไปแก้แค้นเขาถึงที่ เขาต้องตายอย่างแน่นอน”“ผมรับประกันได้เลยว่าเจ้าแซ่ฉู่ไม่มีทางปฏิเสธน้ำใจของเราแน่ ขอแค่วางอุบายกับเข็มเงินที่จะใช้รักษาเขา เขาไม่มีทางสงสัยแน่นอนครับ”“แค่รอให้พิษออกฤทธิ์ เจ้าแซ่ฉู่ก็ต้องยอมจำนนต่อพวกเราอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ? ถ้าได้สูตรหลอมยาบำรุงปราณมา แล้วค่อย…”หลี่จวิ้นเฟิงทำท่าปาดคอ ก่อนจะยิ้มอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “ถึงตอนนั้น จะมีใครรู้จักคนที่ชื่อฉู่เฉินอยู่อีก แหล่งผลิตยาบำรุงปราณก็จะตกอยู่ในกำมือสำนักหมอเซียนของเรา ถึงตอนนั้น วงการชาวย
กลับถึงห้อง จินหลิงเอ่อร์ปิดประตูห้องอย่างระมัดระวังด้วยจิตใจที่ยังคงเต้นระส่ำระสาย จากนั้นก็ตรวจสอบดูอีกหลายรอบ พอมั่นใจได้ว่าไม่มีใครบุกเข้ามาได้ จึงค่อยพาฉู่เฉินเดินเข้าไปในห้องด้านในฉู่เฉินมองน้ำยาในอ่างไม้ ก่อนจะยื่นมือไปทดลองอุณภูมิของน้ำ จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ “โอเค คุณถอดเสื้อผ้าก่อน เข้าไปแช่ในน้ำยาสิบนาที”“อีกเดี๋ยวผมค่อยฝังเข็มให้คุณ”พูดจบ ฉู่เฉินหันตัวเดินไปที่เตียง จากนั้นก็หลับตานั่งขัดสมาธิบอกตามตรง ฉู่เฉินได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจากการสู้กับหลี่เต้าผิงนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ได้รับถ่ายทอดวิชามา ที่ฉู่เฉินบาดเจ็บหนักขนาดนี้อีกทั้งหลังจากนี้ยังต้องฝังเข็มให้จินหลิงเอ่อร์ ต้องใช้พลังวิญญาณไม่ใช่น้อยๆ ด้วยเหตุนี้ ฉู่เฉินจำเป็นต้องฟื้นฟูปราณแท้ในร่างกายสักหน่อยจากนั้น ฉู่เฉินกินยาบำรุงปราณทีเดียวสามเม็ดถึงแม้อย่างนั้น ปราณแท้ในตัวของฉู่เฉินก็ยังฟื้นฟูกลับมาได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นจินหลิงเอ่อร์มองฉู่เฉินที่นั่งหลับตาสนิทอยู่บนเตียงซึ่งห่างจากอ่างไม้ไม่ถึงสองเมตร ยังคงรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูกเธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ จากนั้นก็สูดหายใจลึกๆ แล้วก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเ
ผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาที บนหน้าผาก ลำคอยาวระหง และหัวไหล่กลมมนของจินหลิงเอ่อร์ มีเหงื่อขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลืองผุดขึ้นมาเต็มไปหมดเพียงแต่บนเม็ดเหงื่อเหล่านั้นยังมีน้ำค้างแข็งเคลือบอยู่อีกหนึ่งชั้น“ไม่ไหวแล้ว ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เจ็บจัง…เจ็บมากเลย”ความรู้สึกที่เจ็บสุดขีดแบบนี้ แม้แต่จินหลิงเอ่อร์ที่ฝึกยุทธ์มาตั้งแต่เด็กก็ยังทนไม่ไหวทุกเซลล์ในร่างกายเหมือนกำลังส่งสัญญาณแห่งความเจ็บปวดมายังสมองของเธอเสียงน้ำกระเพื่อมดังซู่ซ่าไปตามจังหวะการสั่นสะเทือนของร่างกายเธอฉู่เฉินขมวดคิ้วมองจินหลิงเอ่อร์ “อดทนอีกหน่อย ถ้ากำจัดพิษเย็นในตัวคุณออกมาภายในครั้งเดียวไม่ได้ อาการมีแต่จะยิ่งแย่ลง ถึงตอนนั้น ร่างกายของคุณจะเน่าเพราะพิษเย็นกระจายไปทั่วร่าง สุดท้ายก็จะตาย”จินหลิงเอ่อร์ตกใจจนเหงื่อท่วมตัว ทำได้เพียงอดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัส ก่อนจะนั่งลงไปในอ่างไม้เหมือนเดิมฉู่เฉินจับแข้งของจินหลิงเอ่อร์ ก่อนจะแทงเข็มเงินเล่มสุดท้ายเข้าที่ด้านในต้นขาของเธอพอเข็มเงินเล่มสุดท้ายแทงเข้าไปในตัวเธอ ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่เกินคำบรรยายก็กระจายไปทั่วร่างของจินหลิงเอ่อร์“ปรมาจารย์ฉู่…ต้องใช้เวลาอีกนานแค่
ที่จริง ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลจินต้องเดือดร้อนเพราะซ่งหู่ ทำให้ตกต่ำเหมือนอย่างตอนนี้ ฉู่เฉินก็คงถอดใจกับตระกูลจินไปแล้วครั้งที่แล้ว สาเหตุที่ฉู่เฉินต้องการแบ่งสิทธิ์ในการขายยาบำรุงปราณกับจินเจิ้นหลง หนึ่งก็เพราะต้องการสร้างเส้นสายในวงการต่อสู้ แต่เหตุผลสำคัญกลับเป็นสายตาและความสามารถของจินเจิ้นหลงมากกว่าเพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าตาฉู่เฉินแม้แต่โจวเทียนเฟิ่ง ถ้าหากเธอกล้าพูดอะไรไม่เข้าหูฉู่เฉินแม้แต่น้อย ฉู่เฉินก็จะทอดทิ้งสำนักเฟิ่งอย่างไม่ไยดีเห็นได้ชัดว่า จินเจิ้นหลงไม่ผ่านการทดสอบของฉู่เฉินด้วยเหตุนี้ ความตั้งใจเดิมของฉู่เฉินก็คือ หลังจากสะสางเรื่องของซ่งหู่ เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับตระกูลจินอีกต่อไปที่เขารักษาโรคให้จินหลิงเอ่อร์ ก็เป็นเพียงการรักษาคำพูดเท่านั้นแต่ตอนนี้ สถานการณ์ได้อยู่นอกเหนือการควบคุมของฉู่เฉินไปแล้วของจำพวกยาเร่งกำหนัด หากแค่ดมนั้นก็ยังแก้ง่าย เหมือนอินซู่ซู่ อย่างมากก็แค่ฝังเข็มให้เธอสองสามเข็ม ก็สามารถแก้พิษได้แล้วแต่ปัญหาก็คือ ยาเร่งกำหนัดที่อยู่ในร่างกายของจินหลิงเอ่อร์ได้ไหลเวียนเข้าสู่เส้นชีพจรของเธอแล้ว ซึ่งนี่ก็คือปัญหาใหญ่หากยาเร่งกำหนัดไหล
จินเจิ้นหลงเดินข้ามประตูบ้านเข้าไปโดยจิตใต้สำนึก เขาเดินมาถึงเรือนข้างที่จินหลิงเอ่อร์อาศัยอยู่เพิ่งจะเดินเข้าไปในห้องของจินหลิงเอ่อร์ ก็ได้ยินเสียงน้ำดังซู่ซ่าจินเจิ้นหลงที่เคยผ่านโลกมาก่อน สะท้านไปทั้งตัวไม่ต้องเปิดประตูเขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน…นี่มัน…จินเจิ้นหลงตะลึงค้างไปแล้ว!ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากให้เกิดเรื่องอย่างนี้ เพราะเขาถึงขั้นเคยคิดหลายต่อหลายครั้งแล้ว ว่าจะยกลูกสาวให้ฉู่เฉิน เพื่อแลกกับอนาคตของตระกูลจินดีหรือไม่แต่ปัญหาก็คือ…พรุ่งนี้เช้า คุณชายตระกูลจ้าวจากเมืองหลวงจะเดินทางมาวางสินสอดทองหมั้นแล้วน่ะสิการหมั้นหมายครั้งนี้ จินเจิ้นหลงเพิ่งตกปากรับคำในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เองด้านหนึ่งก็เพราะฉู่เฉินได้รับปากกับตระกูลจินแล้ว ว่าจะรักษาจินหลิงเอ่อร์ให้ได้ในอีกด้านหนึ่ง ตระกูลจ้าวจากเมืองหลวงเป็นทั้งตระกูลชาวยุทธ์ แถมยังมีเส้นสายในวงการธุรกิจ มีความก้าวหน้าที่ไม่เลว อีกอย่าง จ้าวคังที่เป็นลูกชายของจ้าวเทียนเต๋อยังจบการศึกษาจะมหาลัยมีชื่อด้วยรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาไม่พอ ยังเป็นคนมีพรสวรรค์ทั้งบุ๋นและบู๊อีกหนำซ้ำในตอนที่เขาอายุสิบขวบ จ้าวคังก็ตกหลุมรักจิน