“ข้าบอกว่าให้เจ้านำมือวางลงไป!”ดวงตาสวยคู่ของสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือจ้องเขม็ง พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอาฆาต“ครับๆๆ ผมจะทำตามที่คุณบอก อย่าโกรธไปสิครับ ผู้หญิงโกรธง่ายทำให้แก่เร็วนะครับ”ฉู่เฉินเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและมองไปที่ ‘ชุดซีทรู’ ของสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือ จากนั้นก็ยื่นมือใหญ่ของเขาออกไปและกดลูกพีชของอินซู่ซู่“ไม่ใช่มือข้างนี้”สตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือจ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉิน ทั้งๆ ที่รู้ว่ารอยฝ่ามือนั้นเป็นมือข้างขวา ฉู่เฉินก็จงใจใช้มือข้างซ้าย นี่มันถือว่าฉวยโอกาสชัดๆ!ฉู่เฉินยิ้มเจ้าเล่ห์ หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นมืออีกข้างกดลงไปแทนขณะนั้นเอง ใบหน้าเล็กของอินซู่ซู่ก็แดงระเรื่อขึ้นมา แดงจนเหมือนลูกแอปเปิลนี่เป็นผู้อาวสุโสของสำนักท่านไหนกันแน่?ไม่ใช่แบบนี้ให้ฉู่เฉินใช้มือซ้ายและมือขวาสัมผัสต่อหน้าเธอ เธอเอากฎของสำนักไปไว้ที่ไหนกัน?ปัญหาคือนี่มันจะหยามกันเกินไปแล้วนะ?เมื่อแน่ใจว่าขนาดของมือฉู่เฉินไม่เหมือนกับรอยฝ่ามือที่ประทับอยู่บนหน้าอกของอินซู่ซู่แล้ว สตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือถึงค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าและพยักหน้าเบาๆ“ก็คือจะบอกว่าเมื่อครู่เจ้าได้ช่วยลูก
“อวี้ลู่!”ธิดาศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือยิ้มตอบอวี้ลู่?!อินซู่ซู่ย้อนนึกถึงเหล่าผู้อาวุโสในสำนัก ก็ไม่มีใครชื่อนี้นี่?หรือว่าเป็นผู้อาวุโสที่ไม่ค่อยปรากฏตัวในสำนักกันนะ?นึกมาถึงตรงนี้ อินซู่ซู่จึงประสานหมัดและเอ่ยว่า “อาวุโส ฉะ…ฉันบาดเจ็บสาหัส เกรงว่าจะไม่สามารถกลับลัทธิศักดิ์สิทธิ์ได้ตรงเวลา ถ้า…ถ้าหากเป็นไปได้ ฉันอยากรั้งอยู่ที่นี่ชั่วคราว ไม่ทราบว่า…”สตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือได้ยินอย่างนั้นก็ครุ่นคิดอย่างละเอียด ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “อืม ก็ดีเหมือนกัน เจ้ารักษาตัวอยู่กับหมอฉู่ก่อนก็แล้วกัน มีเขาคอยดูแลเจ้า ข้าก็วางใจ”“อีกอย่าง ห้ามออกไปข้องแวะกับพวกคนไม่เอาไหน เข้าใจหรือไม่?”อินซู่ซู่รีบพยักหน้ารับ “ค่ะ ศิษย์จะทำตามคำสั่งสอนของผู้อาวุโสอย่างเคร่งครัด!”นี่เป็นผลพลอยได้ที่ไม่คาดคิดจริงๆ นึกไม่ถึง ผู้อาวุโสอวี้ลู่จะเจาะจงให้เธออยู่ข้างกายนายท่าน ถ้าอย่างนั้น แสดงว่านางสามารถอยู่กับนายท่านต่อได้น่ะสิ?ถึงอย่างไรถ้าท่านอาจารย์ถามขึ้นวมา เธอก็บอกได้ว่าเป็นคำสั่งของอาวุโสอวี้ลู่หืม?ฉู่เฉินได้ยินอย่างนั้นก็อดเงยหน้ามองสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนดีเหมือนกันนะ
“แม่เอ็งเถอะ!”หลี่เต้าผิงด่ากราดอยู่ในใจอย่างเดือดดาลแม้ว่าไอ้แซ่ฉู่จะมีเง็กเซียนฮ่องเต้คุ้มกะลาหัวอยู่ ฉันก็จะชำระแค้นในวันนี้ให้ได้!อย่างไงผู้หญิงชุดขาวคนนี้ก็อยู่กับฉู่เฉินไม่ได้ตลอดหรอกมั้ง?แม้กระทั่งพยัคฆ์ยังต้องมีเวลางีบหลับ!จนเมื่อเห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือเหินตัวออกไปไกล หลี่เต้าผิงจึงค่อยผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เขาเอนตัวลงบนพุ่มหญ้า ปาดเหงื่อบนหน้าผาก ก่อนเอ่ยอย่างหวาดหวั่นว่า “เจอเคราะห์หนักแล้วไม่ตาย จะต้องมีโชคในภายหลังแน่นอน ตกใจแทบตาย!”ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง หลี่เต้าผิงหันหน้าหนีไปยังอีกทิศทางหนึ่ง……ในอีกด้าน พอเห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือเหินออกไป คำพูดของราชันมังกรแดนเหนือก็ดังก้องอยู่ในสมองของเขา “เมื่อเจ้าฝึกปราณจนได้ขึ้นสวรรค์ชั้นเก้า ต้องนอนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือผู้หยิ่งยโสแทนข้าให้ได้นะ!”สตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือเหรอ?ฉู่เฉินจมสู่ห้วงภวังค์ความคิด ขณะที่มองเงาร่างของสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือหากเขาสามารถบำเพ็ญคู่ร่วมกับผู้หญิงชุดขาวเมื่อกี้ได้ เชื่อว่าเพียงไม่กี่ปี ระดับปราณของเขาก็จะสามารถทำให้ความปรารถนาของมังกรเฒ่าเป็นจริงได้!“มังกรเฒ่า ความปรารถน
ซี้ด!เสียงของคนอื่นหลี่ก่านอาจจำไม่ได้ แต่เสียงของฉู่เฉิน ชาตินี้เขาไม่มีวันลืมแน่นอนวันนั้นที่ศาลาเจียงซิน ฝ่ามือของฉู่เฉินที่ตวัดเข้าที่กกหูของเขา เกือบส่งเขาไปเจอยมบาลในนรกแล้วฉู่เฉิน?ตอนนี้มันต้องถูกปรมาจารย์ฉินกำจัดไปแล้วไม่ใช่เหรอ?ทำไมยังรอดชีวิตเสนอหน้ามาที่นี่ได้ล่ะ?หลี่ก่านหันกลับไปมองอย่างไม่อยากเชื่อ พอเห็นเต็มตา เขาตกใจจนเหงื่อท่วมตัวทันทีสองพี่น้องจินหลิงเอ่อร์กับจินอ้าวเทียนกำลังมองเขาอย่างเข่นเคี้ยวเขี้ยวฟันด้านหลังของสองพี่น้อง คนที่กำลังยืนอย่างสง่าผ่าเผย ก็คือฉู่เฉินนั่นเอง!แม่งเอ๊ย!นะ…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?พวกมันสามคนยังไม่ตายสักคน?ปรมาจารย์ฉินล่ะ?“ปรมาจารย์ฉู่ ช่วยด้วย…”จินเจิ้นหลงเห็นฉู่เฉินราวกับเห็นพ่อแท้ๆ น้ำตาไหลอาบใบหน้าชราทันทีหลี่ก่านมองฉู่เฉินที่ตอนนี้กำลังมีสีหน้าตึงเครียด ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่หลี่ก่านรีบคุกเข่าต่อหน้าทุกคน ก่อนจะตะโกนออกมาพร้อมกับน้ำหูน้ำตาที่ไหลพรากออกมา “ปะ…ปรมาจารย์ฉู่…คุณหนูใหญ่ คุณชายใหญ่…ผม…”“ผมเองก็ทำไปเพราะถูกบังคับ ไอ้คนแซ่ฉินมันเก่งกาจขนาดไหน พวกคุณก็เห็นด้วยตาตัวเองแล้ว ต
จินหลิงเอ่อร์รับยาบำรุงปราณที่ฉู่เฉินยื่นให้ เธออดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาด้วยความซาบซึ้งณ ตอนนี้ มีใครในเมืองเจียงจงบ้างที่ไม่รู้ราคาของยาบำรุงปราณราคาสูงถึงหลายร้อยล้านก็เรื่องหนึ่ง แต่แค่ฉู่เฉินยอมใช้ยาบำรุงปราณรักษาจินเจิ้นหลงโดยไม่คิดเล็กคิดน้อยเกี่ยวกับเรื่องบาดหมางครั้งเก่า จินหลิงเอ่อร์ก็ซาบซึ้งจนน้ำตาไหลแล้ว“คุณฉู่ ผม…ผมควรจะเชื่อคุณ…เป็นความผิดของผมเอง”จินเจิ้นหลงมองยาบำรุงปราณที่ผ่านการละลายมาแล้วในถ้วย ก่อนกล่าวด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งฉู่เฉินโบกมือเล็กน้อย “เจ้าสำนักจิน ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับอดีต ตอนนี้รักษาตัวสำคัญกว่า!”จินเจิ้นหลงพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะแหงนหน้าดื่มยาในถ้วยครั้นยาไหลลงไปท้อง ความรู้สึกเย็นสดชื่นก็กระจายไปทั่วร่างกาย เส้นชีพจรที่บาดเจ็บเมื่อกี้ก็กำลังค่อยๆ ฟื้นตัวเพียงแต่ เพราะอาการบาดเจ็บของเขาค่อนข้างสาหัส ความเร็วในการฟื้นตัวจึงไม่ได้เร็วมากนักแต่ถึงแม้อย่างนั้น ประสิทธิภาพของยาบำรุงปราณก็ทำให้จินเจิ้นหลงตะลึงมากแล้วเขาไม่คาดคิดเลยว่า ยาบำรุงปราณแค่เม็ดเล็กๆ จะมีฤทธิ์มหัศจรรย์ขนาดนี้!ต้องบอกก่อนว่าอาการบาดเจ็บที่เขาได้รับ เรียกได้ว
ฉู่เฉินก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะขมวดคิ้วพูดว่า “คุณชายจิน อย่าหาว่าผมไม่เตือน เวลาของคุณเหลือไม่มากแล้ว หลังจากนี้อีกห้านาที ทุกอย่างอาจสายเกินแก้”หา?!จินอ้าวเทียนได้ยินอย่างนั้นก็หันหน้าออกตัววิ่งทันที เวลาก็คือแก่นสำคัญของชีวิตเชียวนะฉู่เฉินมองแผ่นหลังของจินอ้าวเทียน ก่อนจะถอนหายใจอย่างจนใจ จากนั้นก็วางยาบำรุงปราณไว้บนหัวเตียงของจินเจิ้นหลงอีกสองเม็ด พร้อมกับกำชับว่า “ใช้วันละหนึ่งเม็ด อีกสองวันคุณก็จะหายดีเอง”พูดจบ ฉู่เฉินก็เดินออกจากห้อง……ในอีกด้านหนึ่ง ณ พื้นที่ราบระหว่างภูเขาแห่งหนึ่งในทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลเจียง มีเรือนชาวนาเล็กๆ หลังหนึ่งตั้งอยู่อย่างสันโดษที่นี่ก็คือสถานที่นัดพบลับๆ บนโลกมนุษย์ของสำนักหมอเซียนสำนักหมอเซียนก็เป็นหนึ่งในสำนักชาวยุทธเช่นกันเพียงแต่ สำนักหมอเซียนทุ่มเทให้กับการศึกษาวิจัยด้านการแพทย์และตำราโบราณเป็นหลัก ศิษย์ในสำนักเชี่ยวชาญด้านการหลอมยาเป็นส่วนใหญ่เวลานี้ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงเพรียวคนหนึ่ง กำลังรายงานชายชราที่หลับตาทำสมาธิเสียงเบาว่า“ผู้อาวุโส ผมมั่นใจว่ายาบำรุงปราณที่กำลังเป็นที่นิยมกันอยู่ในเมืองเจียงจงตอ
“ผู้อาวุโสคิดว่า…”พูดมาถึงตรงนี้ หลี่จวิ้นเฟิงกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของเฉินเจิ้นหนานอยู่ครู่หนึ่งฟังอยู่ครู่ใหญ่ ใบหน้าของเฉินเจิ้นหนานก็ปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา เขาตบไหล่ของหลี่จวิ้นเฟิง แล้วบอกว่า “อืม ไม่เลว! สมกับที่เป็นผู้มีพรสวรรค์ของสำนักหมอเซียน เพียงแต่ ถ้าคิดจะวางยาพิษคนอย่างนี้ จะต้องระวังและรอบคอบให้มากๆ”“ไม่อย่างนั้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป จะทำลายชื่อเสียงสำนักหมอเซียนของเราได้”หลี่จวิ้นเฟิงหัวเราะในลำคอ “ผู้อาวุโสวางใจได้ ไอ้เด็กแซ่ฉู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่มีใครรักษาเขา แล้วนักพรตต่างแดนคนนั้นไปแก้แค้นเขาถึงที่ เขาต้องตายอย่างแน่นอน”“ผมรับประกันได้เลยว่าเจ้าแซ่ฉู่ไม่มีทางปฏิเสธน้ำใจของเราแน่ ขอแค่วางอุบายกับเข็มเงินที่จะใช้รักษาเขา เขาไม่มีทางสงสัยแน่นอนครับ”“แค่รอให้พิษออกฤทธิ์ เจ้าแซ่ฉู่ก็ต้องยอมจำนนต่อพวกเราอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ? ถ้าได้สูตรหลอมยาบำรุงปราณมา แล้วค่อย…”หลี่จวิ้นเฟิงทำท่าปาดคอ ก่อนจะยิ้มอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “ถึงตอนนั้น จะมีใครรู้จักคนที่ชื่อฉู่เฉินอยู่อีก แหล่งผลิตยาบำรุงปราณก็จะตกอยู่ในกำมือสำนักหมอเซียนของเรา ถึงตอนนั้น วงการชาวย
กลับถึงห้อง จินหลิงเอ่อร์ปิดประตูห้องอย่างระมัดระวังด้วยจิตใจที่ยังคงเต้นระส่ำระสาย จากนั้นก็ตรวจสอบดูอีกหลายรอบ พอมั่นใจได้ว่าไม่มีใครบุกเข้ามาได้ จึงค่อยพาฉู่เฉินเดินเข้าไปในห้องด้านในฉู่เฉินมองน้ำยาในอ่างไม้ ก่อนจะยื่นมือไปทดลองอุณภูมิของน้ำ จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ “โอเค คุณถอดเสื้อผ้าก่อน เข้าไปแช่ในน้ำยาสิบนาที”“อีกเดี๋ยวผมค่อยฝังเข็มให้คุณ”พูดจบ ฉู่เฉินหันตัวเดินไปที่เตียง จากนั้นก็หลับตานั่งขัดสมาธิบอกตามตรง ฉู่เฉินได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจากการสู้กับหลี่เต้าผิงนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ได้รับถ่ายทอดวิชามา ที่ฉู่เฉินบาดเจ็บหนักขนาดนี้อีกทั้งหลังจากนี้ยังต้องฝังเข็มให้จินหลิงเอ่อร์ ต้องใช้พลังวิญญาณไม่ใช่น้อยๆ ด้วยเหตุนี้ ฉู่เฉินจำเป็นต้องฟื้นฟูปราณแท้ในร่างกายสักหน่อยจากนั้น ฉู่เฉินกินยาบำรุงปราณทีเดียวสามเม็ดถึงแม้อย่างนั้น ปราณแท้ในตัวของฉู่เฉินก็ยังฟื้นฟูกลับมาได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นจินหลิงเอ่อร์มองฉู่เฉินที่นั่งหลับตาสนิทอยู่บนเตียงซึ่งห่างจากอ่างไม้ไม่ถึงสองเมตร ยังคงรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูกเธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ จากนั้นก็สูดหายใจลึกๆ แล้วก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเ
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ