ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ที่จริงแล้วเป็นนิกายที่สตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือก่อตั้งหลังจากที่มายังโลกมนุษย์แล้วหากจะถามว่าตอนนี้ความก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว เธอไม่เคยแม้แต่จะสนใจเลยเพียงแค่ว่าภายในลัทธิศักดิ์สิทธิ์สิ่งที่สอนล้วนแต่เป็นวิชาที่เธอถ่ายทอดให้ทั้งหมดกลิ่นอายบนตัวอินซู่ซู่ ทำให้สตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เธอถึงสามารถจำอินซู่ซู่ได้ทันทีว่านี่คือลูกศิษย์จากลัทธิศักดิ์สิทธิ์เมื่อได้ยินคำว่าลัทธิศักดิ์สิทธิ์ อินซู่ซู่ก็ตกตะลึงไปสักพักแต่ต่อมา เธอก็รับพยักหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า “ใช่ค่ะ!”“ท่านผู้อาวุโสคือใครเหรอคะ?”เงยหน้าขึ้นไปมองสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือ แม้แต่อินซู่ซู่ได้สูดลมหายใจเข้าไปไม่ต้องบอกก็รู้ว่าด้วยความสามารถของสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือที่สามารถเดินบนอากาศได้ เธอต้องเป็นท่านอาวุโสในลัทธิศักดิ์สิทธิ์แน่นอนแต่ปัญหาคือ ลักษณะการแต่งกายของท่านอาวุโสผู้นี้ดูใจกล้าเกินไปหรือเปล่า?แม้ว่าจะเป็นตอนเย็น ก็ไม่ควรสวมบางๆ แบบนี้นะ โดยเฉพาะสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือที่ตอนนี้ลอยอยู่บนอากาศห่างจากเธอสามกว่าเมตรนี่... นี่มันทำให้คนอื่นเห็นหมดเลยไม่ใช่เหรอ?ลัทธิศัก
“ข้าบอกว่าให้เจ้านำมือวางลงไป!”ดวงตาสวยคู่ของสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือจ้องเขม็ง พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอาฆาต“ครับๆๆ ผมจะทำตามที่คุณบอก อย่าโกรธไปสิครับ ผู้หญิงโกรธง่ายทำให้แก่เร็วนะครับ”ฉู่เฉินเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและมองไปที่ ‘ชุดซีทรู’ ของสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือ จากนั้นก็ยื่นมือใหญ่ของเขาออกไปและกดลูกพีชของอินซู่ซู่“ไม่ใช่มือข้างนี้”สตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือจ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉิน ทั้งๆ ที่รู้ว่ารอยฝ่ามือนั้นเป็นมือข้างขวา ฉู่เฉินก็จงใจใช้มือข้างซ้าย นี่มันถือว่าฉวยโอกาสชัดๆ!ฉู่เฉินยิ้มเจ้าเล่ห์ หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นมืออีกข้างกดลงไปแทนขณะนั้นเอง ใบหน้าเล็กของอินซู่ซู่ก็แดงระเรื่อขึ้นมา แดงจนเหมือนลูกแอปเปิลนี่เป็นผู้อาวสุโสของสำนักท่านไหนกันแน่?ไม่ใช่แบบนี้ให้ฉู่เฉินใช้มือซ้ายและมือขวาสัมผัสต่อหน้าเธอ เธอเอากฎของสำนักไปไว้ที่ไหนกัน?ปัญหาคือนี่มันจะหยามกันเกินไปแล้วนะ?เมื่อแน่ใจว่าขนาดของมือฉู่เฉินไม่เหมือนกับรอยฝ่ามือที่ประทับอยู่บนหน้าอกของอินซู่ซู่แล้ว สตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือถึงค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าและพยักหน้าเบาๆ“ก็คือจะบอกว่าเมื่อครู่เจ้าได้ช่วยลูก
“อวี้ลู่!”ธิดาศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือยิ้มตอบอวี้ลู่?!อินซู่ซู่ย้อนนึกถึงเหล่าผู้อาวุโสในสำนัก ก็ไม่มีใครชื่อนี้นี่?หรือว่าเป็นผู้อาวุโสที่ไม่ค่อยปรากฏตัวในสำนักกันนะ?นึกมาถึงตรงนี้ อินซู่ซู่จึงประสานหมัดและเอ่ยว่า “อาวุโส ฉะ…ฉันบาดเจ็บสาหัส เกรงว่าจะไม่สามารถกลับลัทธิศักดิ์สิทธิ์ได้ตรงเวลา ถ้า…ถ้าหากเป็นไปได้ ฉันอยากรั้งอยู่ที่นี่ชั่วคราว ไม่ทราบว่า…”สตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือได้ยินอย่างนั้นก็ครุ่นคิดอย่างละเอียด ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “อืม ก็ดีเหมือนกัน เจ้ารักษาตัวอยู่กับหมอฉู่ก่อนก็แล้วกัน มีเขาคอยดูแลเจ้า ข้าก็วางใจ”“อีกอย่าง ห้ามออกไปข้องแวะกับพวกคนไม่เอาไหน เข้าใจหรือไม่?”อินซู่ซู่รีบพยักหน้ารับ “ค่ะ ศิษย์จะทำตามคำสั่งสอนของผู้อาวุโสอย่างเคร่งครัด!”นี่เป็นผลพลอยได้ที่ไม่คาดคิดจริงๆ นึกไม่ถึง ผู้อาวุโสอวี้ลู่จะเจาะจงให้เธออยู่ข้างกายนายท่าน ถ้าอย่างนั้น แสดงว่านางสามารถอยู่กับนายท่านต่อได้น่ะสิ?ถึงอย่างไรถ้าท่านอาจารย์ถามขึ้นวมา เธอก็บอกได้ว่าเป็นคำสั่งของอาวุโสอวี้ลู่หืม?ฉู่เฉินได้ยินอย่างนั้นก็อดเงยหน้ามองสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนดีเหมือนกันนะ
“แม่เอ็งเถอะ!”หลี่เต้าผิงด่ากราดอยู่ในใจอย่างเดือดดาลแม้ว่าไอ้แซ่ฉู่จะมีเง็กเซียนฮ่องเต้คุ้มกะลาหัวอยู่ ฉันก็จะชำระแค้นในวันนี้ให้ได้!อย่างไงผู้หญิงชุดขาวคนนี้ก็อยู่กับฉู่เฉินไม่ได้ตลอดหรอกมั้ง?แม้กระทั่งพยัคฆ์ยังต้องมีเวลางีบหลับ!จนเมื่อเห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือเหินตัวออกไปไกล หลี่เต้าผิงจึงค่อยผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เขาเอนตัวลงบนพุ่มหญ้า ปาดเหงื่อบนหน้าผาก ก่อนเอ่ยอย่างหวาดหวั่นว่า “เจอเคราะห์หนักแล้วไม่ตาย จะต้องมีโชคในภายหลังแน่นอน ตกใจแทบตาย!”ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง หลี่เต้าผิงหันหน้าหนีไปยังอีกทิศทางหนึ่ง……ในอีกด้าน พอเห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือเหินออกไป คำพูดของราชันมังกรแดนเหนือก็ดังก้องอยู่ในสมองของเขา “เมื่อเจ้าฝึกปราณจนได้ขึ้นสวรรค์ชั้นเก้า ต้องนอนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือผู้หยิ่งยโสแทนข้าให้ได้นะ!”สตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือเหรอ?ฉู่เฉินจมสู่ห้วงภวังค์ความคิด ขณะที่มองเงาร่างของสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือหากเขาสามารถบำเพ็ญคู่ร่วมกับผู้หญิงชุดขาวเมื่อกี้ได้ เชื่อว่าเพียงไม่กี่ปี ระดับปราณของเขาก็จะสามารถทำให้ความปรารถนาของมังกรเฒ่าเป็นจริงได้!“มังกรเฒ่า ความปรารถน
ซี้ด!เสียงของคนอื่นหลี่ก่านอาจจำไม่ได้ แต่เสียงของฉู่เฉิน ชาตินี้เขาไม่มีวันลืมแน่นอนวันนั้นที่ศาลาเจียงซิน ฝ่ามือของฉู่เฉินที่ตวัดเข้าที่กกหูของเขา เกือบส่งเขาไปเจอยมบาลในนรกแล้วฉู่เฉิน?ตอนนี้มันต้องถูกปรมาจารย์ฉินกำจัดไปแล้วไม่ใช่เหรอ?ทำไมยังรอดชีวิตเสนอหน้ามาที่นี่ได้ล่ะ?หลี่ก่านหันกลับไปมองอย่างไม่อยากเชื่อ พอเห็นเต็มตา เขาตกใจจนเหงื่อท่วมตัวทันทีสองพี่น้องจินหลิงเอ่อร์กับจินอ้าวเทียนกำลังมองเขาอย่างเข่นเคี้ยวเขี้ยวฟันด้านหลังของสองพี่น้อง คนที่กำลังยืนอย่างสง่าผ่าเผย ก็คือฉู่เฉินนั่นเอง!แม่งเอ๊ย!นะ…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?พวกมันสามคนยังไม่ตายสักคน?ปรมาจารย์ฉินล่ะ?“ปรมาจารย์ฉู่ ช่วยด้วย…”จินเจิ้นหลงเห็นฉู่เฉินราวกับเห็นพ่อแท้ๆ น้ำตาไหลอาบใบหน้าชราทันทีหลี่ก่านมองฉู่เฉินที่ตอนนี้กำลังมีสีหน้าตึงเครียด ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่หลี่ก่านรีบคุกเข่าต่อหน้าทุกคน ก่อนจะตะโกนออกมาพร้อมกับน้ำหูน้ำตาที่ไหลพรากออกมา “ปะ…ปรมาจารย์ฉู่…คุณหนูใหญ่ คุณชายใหญ่…ผม…”“ผมเองก็ทำไปเพราะถูกบังคับ ไอ้คนแซ่ฉินมันเก่งกาจขนาดไหน พวกคุณก็เห็นด้วยตาตัวเองแล้ว ต
จินหลิงเอ่อร์รับยาบำรุงปราณที่ฉู่เฉินยื่นให้ เธออดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาด้วยความซาบซึ้งณ ตอนนี้ มีใครในเมืองเจียงจงบ้างที่ไม่รู้ราคาของยาบำรุงปราณราคาสูงถึงหลายร้อยล้านก็เรื่องหนึ่ง แต่แค่ฉู่เฉินยอมใช้ยาบำรุงปราณรักษาจินเจิ้นหลงโดยไม่คิดเล็กคิดน้อยเกี่ยวกับเรื่องบาดหมางครั้งเก่า จินหลิงเอ่อร์ก็ซาบซึ้งจนน้ำตาไหลแล้ว“คุณฉู่ ผม…ผมควรจะเชื่อคุณ…เป็นความผิดของผมเอง”จินเจิ้นหลงมองยาบำรุงปราณที่ผ่านการละลายมาแล้วในถ้วย ก่อนกล่าวด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งฉู่เฉินโบกมือเล็กน้อย “เจ้าสำนักจิน ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับอดีต ตอนนี้รักษาตัวสำคัญกว่า!”จินเจิ้นหลงพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะแหงนหน้าดื่มยาในถ้วยครั้นยาไหลลงไปท้อง ความรู้สึกเย็นสดชื่นก็กระจายไปทั่วร่างกาย เส้นชีพจรที่บาดเจ็บเมื่อกี้ก็กำลังค่อยๆ ฟื้นตัวเพียงแต่ เพราะอาการบาดเจ็บของเขาค่อนข้างสาหัส ความเร็วในการฟื้นตัวจึงไม่ได้เร็วมากนักแต่ถึงแม้อย่างนั้น ประสิทธิภาพของยาบำรุงปราณก็ทำให้จินเจิ้นหลงตะลึงมากแล้วเขาไม่คาดคิดเลยว่า ยาบำรุงปราณแค่เม็ดเล็กๆ จะมีฤทธิ์มหัศจรรย์ขนาดนี้!ต้องบอกก่อนว่าอาการบาดเจ็บที่เขาได้รับ เรียกได้ว
ฉู่เฉินก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะขมวดคิ้วพูดว่า “คุณชายจิน อย่าหาว่าผมไม่เตือน เวลาของคุณเหลือไม่มากแล้ว หลังจากนี้อีกห้านาที ทุกอย่างอาจสายเกินแก้”หา?!จินอ้าวเทียนได้ยินอย่างนั้นก็หันหน้าออกตัววิ่งทันที เวลาก็คือแก่นสำคัญของชีวิตเชียวนะฉู่เฉินมองแผ่นหลังของจินอ้าวเทียน ก่อนจะถอนหายใจอย่างจนใจ จากนั้นก็วางยาบำรุงปราณไว้บนหัวเตียงของจินเจิ้นหลงอีกสองเม็ด พร้อมกับกำชับว่า “ใช้วันละหนึ่งเม็ด อีกสองวันคุณก็จะหายดีเอง”พูดจบ ฉู่เฉินก็เดินออกจากห้อง……ในอีกด้านหนึ่ง ณ พื้นที่ราบระหว่างภูเขาแห่งหนึ่งในทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลเจียง มีเรือนชาวนาเล็กๆ หลังหนึ่งตั้งอยู่อย่างสันโดษที่นี่ก็คือสถานที่นัดพบลับๆ บนโลกมนุษย์ของสำนักหมอเซียนสำนักหมอเซียนก็เป็นหนึ่งในสำนักชาวยุทธเช่นกันเพียงแต่ สำนักหมอเซียนทุ่มเทให้กับการศึกษาวิจัยด้านการแพทย์และตำราโบราณเป็นหลัก ศิษย์ในสำนักเชี่ยวชาญด้านการหลอมยาเป็นส่วนใหญ่เวลานี้ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงเพรียวคนหนึ่ง กำลังรายงานชายชราที่หลับตาทำสมาธิเสียงเบาว่า“ผู้อาวุโส ผมมั่นใจว่ายาบำรุงปราณที่กำลังเป็นที่นิยมกันอยู่ในเมืองเจียงจงตอ
“ผู้อาวุโสคิดว่า…”พูดมาถึงตรงนี้ หลี่จวิ้นเฟิงกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของเฉินเจิ้นหนานอยู่ครู่หนึ่งฟังอยู่ครู่ใหญ่ ใบหน้าของเฉินเจิ้นหนานก็ปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา เขาตบไหล่ของหลี่จวิ้นเฟิง แล้วบอกว่า “อืม ไม่เลว! สมกับที่เป็นผู้มีพรสวรรค์ของสำนักหมอเซียน เพียงแต่ ถ้าคิดจะวางยาพิษคนอย่างนี้ จะต้องระวังและรอบคอบให้มากๆ”“ไม่อย่างนั้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป จะทำลายชื่อเสียงสำนักหมอเซียนของเราได้”หลี่จวิ้นเฟิงหัวเราะในลำคอ “ผู้อาวุโสวางใจได้ ไอ้เด็กแซ่ฉู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่มีใครรักษาเขา แล้วนักพรตต่างแดนคนนั้นไปแก้แค้นเขาถึงที่ เขาต้องตายอย่างแน่นอน”“ผมรับประกันได้เลยว่าเจ้าแซ่ฉู่ไม่มีทางปฏิเสธน้ำใจของเราแน่ ขอแค่วางอุบายกับเข็มเงินที่จะใช้รักษาเขา เขาไม่มีทางสงสัยแน่นอนครับ”“แค่รอให้พิษออกฤทธิ์ เจ้าแซ่ฉู่ก็ต้องยอมจำนนต่อพวกเราอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ? ถ้าได้สูตรหลอมยาบำรุงปราณมา แล้วค่อย…”หลี่จวิ้นเฟิงทำท่าปาดคอ ก่อนจะยิ้มอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “ถึงตอนนั้น จะมีใครรู้จักคนที่ชื่อฉู่เฉินอยู่อีก แหล่งผลิตยาบำรุงปราณก็จะตกอยู่ในกำมือสำนักหมอเซียนของเรา ถึงตอนนั้น วงการชาวย