เชี่ย!เรียวขายาวและเนียนขาวของหลิ่วหรูเยียน รวมถึงหน้าอกอวบอิ่มที่ไหวไปตามจังหวะย่างก้าวของเธอ จงอาหู่และลูกน้องอีกคนต่างก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้หลิ่วหรูเยียนเปรียบเสมือนสินค้าพรีเมี่ยมเลยจริงๆ“อะแฮ่ม!”หลี่ก่านที่อยู่ข้างหลังหลิ่วหรูเยียน เห็นสายตาของจงอาหู่ที่เต็มไปด้วยความหื่นกระหาย จึงกระแอมเสียงดังจงอาหู่จึงได้สติกลับมา ก่อนหันไปพูดกับลูกน้องที่อยู่ข้างๆ ว่า “แกตาบอดรึไง ไม่รู้จักผู้จัดการใหญ่หลิ่วได้ยังไง?”พูดจบ เขาก็หันไปมองฉีกยิ้มให้หลิ่วหรูเยียนกับหลี่ก่าน “ทั้งสองท่านเชิญนั่งก่อนครับ”จากนั้นก็หันไปพูดกับลูกน้องที่อยู่ข้างหลังอีกว่า “ยังไม่รีบไปรินชาให้ผู้จัดการใหญ่กับหัวหน้าหลี่อีก”“ครับๆๆ!”ลูกน้องคนนั้นรีบชงชา และนำไปเสิร์ฟตรงหน้าหลิ่วหรูเยียนกับหลี่ก่าน จากนั้นก็เดินไปยืนอยู่เงียบๆ อยู่ด้านข้างจงอาหู่เดินออกมาจากด้านหลังโต๊ะทำงาน นั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับหลิ่วหรูเยียนและหลี่ก่าน เขาฉีกยิ้มพลางเอ่ยว่า “ทั้งสองท่าน ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรครับ?”“ถ้ามาหาเจ๊ใหญ่ ต้องขออภัยจริงๆ วันนี้เจ๊ใหญ่มีธุระ ค่อยมาวันหลังดีกว่านะครับ”อย่างไรเขาก็เป็นแค่คนขับรถ ในขณะที่หลิ่
เมื่อถึงตอนนั้น เธอจะลุกขึ้นมาตั้งคำถามกับฉู่เฉิน และใช้ยาบำรุงปราณในมือกำจัดบริษัทเล็กๆ ของไอ้ฉู่เฉินให้สิ้นซาก ทำให้มันไม่มีทางลุกขึ้นมาได้อีก!พอเห็นจงอาหู่เงียบไปนาน หลิ่วหรูเยียนอดหยักยิ้มมุมปากอย่างย่ามใจไม่ได้ ก่อนจะพูดต่อว่า“พี่อาหู่ พี่วางใจได้ ขอแค่พี่เอายาบำรุงปราณมาให้ฉัน ด้วยกำลังของบริษัทเรา ย่อมจัดการปัญหาทั้งหมดนี้ได้อยู่แล้ว”“เพียงแต่ ต้องแบ่งผลประโยชน์กันอย่างยุติธรรม พี่สามฉันเจ็ด”“ถ้าพี่อาหู่ตัดสินใจเองไม่ได้ อย่างนั้นพี่ก็เชิญแพทย์แผนจีนอาวุโสที่พี่พูดถึงออกมา พวกเรามาเจรจากัน ยังไงฉันก็ไม่เอาเปรียบพี่อยู่แล้ว”“ถึงพี่จะได้ส่วนแบ่งน้อยหน่อย แต่ยังไงก็ยังดีกว่าพี่ต้องเข้าคุกเพราะขายสินค้าไม่ได้มาตรฐานใช่ไหมล่ะ?”คำพูดที่เหลือของหลิ่วหรูเยียน เรียกได้ว่าแทบจะเขียนคำว่า ‘ข่มขู่’ ติดไว้บนหน้าผากเลยทีเดียวความหมายก็คือ หากจงอาหู่ไม่ยอมรับเงื่อนไขของเธอ เธอก็จะไปแจ้งเรื่องกับศูนย์การแพทย์เดี๋ยวนี้!ถึงตอนนั้น ด้วยเส้นสายและอำนาจของหลิ่วหรูเยียน เธอจะทำให้จงอาหู่ติดคุกให้ได้อวดดี!อวดดีเกินไปแล้ว!แม้แต่ลูกน้องคนนั้นที่ยืนอยู่ข้างๆ พอได้ยินคำพูดของหลิ่วหรู
“เดี๋ยวก่อน!”ขณะที่หลิ่วหรูเยียนสาวเท้าไปถึงหน้าห้อง เสียงของจงอาหู่ดังขึ้นมาอีกครั้ง“มีอะไร?”หลิ่วหรูเยียนหันไปมองจงอาหู่อย่างเย็นชา“คุณหลิ่ว คุณไม่จำเป็นต้องโกรธ อีกสามวัน ที่ล็อบบี้ของโรงแรมเทียนเฟิ่ง จะมีการจัดพิธีเปิดตัวยาบำรุงปราณ ถึงตอนนั้นคุณสามารถมาร่วมงานในฐานะตัวแทนของตระกูลฉู่ก็ได้นะครับ”“ไม่แน่ว่า แพทย์แผนจีนอาวุโสท่านนั้นอาจจะเห็นแก่ที่บริษัทของพวกคุณมีอิทธิพลในวงการแพทย์อยู่บ้าง แบ่งยาบำรุงปราณให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปของพวกคุณสักหน่อยก็ได้”จงอาหู่พูดด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ“ฮึ! เรากลับกันเถอะค่ะ!”หลิ่วหรูเยียนกระทืบเท้าเล็กๆ ของเธออย่างแรง จากนั้นก็สาวรองเท้าส้นสูงออกจากห้องทำงานของจงอาหู่อย่างกระฟัดกระเฟียด“คุณหลิ่ว รอผมด้วยครับ!”หลี่ก่านรีบหยิบยาบำรุงปราณที่อยู่บนโต๊ะ จากนั้นก็ตามออกไป……หลังจากที่หลิ่วหรูเยียนออกไป จงอาหู่โบกมือสั่งลูกน้องที่อยู่ข้างกายว่า “แกไปทำงานเถอะ ถ้ามีใครมาหาฉันอีก ให้บอกไปว่าฉันไม่อยู่”“เข้าใจแล้วครับ!”ลูกน้องคนนั้นพยักหน้า ก่อนจะโค้งหัวแล้วถอยออกจากห้องทำงานไปผ่านไปครู่ใหญ่ จงอาหู่ล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรศัพท์หาฉู่เฉินเวลานี้
แต่คนที่ยืนอยู่ข้างนอก กลับไม่ใช่หลิ่วหรูเยียน กลับเป็นไอ้เดรัจฉานฉู่เฉิน!“แหม เธอแต่งตัวเซ็กซี่มากเลยนะ”สายตาของฉู่เฉินกวาดมองเรือนร่างที่แทบจะเปลือยเปล่าของหลิ่วชิงเหอตั้งแต่หัวจรดเท้า เอื้อมมือไปจับหน้าอกของเธออย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง“ฉู่เฉิน ไอ้เดรัจฉาน แกบ้าไปแล้วเหรอ?”หลิ่วชิงเหอพยายามหลบมือของฉู่เฉิน เธอวิ่งเข้าไปในห้องรับแขก หยิบมีดปอกผลไม้ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาแต่เธอยังไม่ทันหันกลับมา ฝ่ามือใหญ่ที่ทรงพลังข้างหนึ่งก็รัดเอวเธอไปกอดจากด้านหลัง“ปล่อยฉันนะ!”หลิ่วชิงเหอพยายามดิ้นขัดขืน แต่จนใจที่ไม่ว่าจะขัดขืนขนาดไหน ก็ไม่สามารถหลุดพ้นพันธนาการจากมือใหญ่คู่นั้นได้“ฉู่เฉิน ฉันขอร้องแกล่ะ อย่าทำที่นี่ หรูเยียน…หรูเยียนใกล้จะกลับมาแล้ว อย่าให้เธอเห็นเด็ดขาด เรา…เราไปที่ห้องของฉันดีไหม?”หลิ่วชิงเหอเอ่ยด้วยสีหน้าอ้อนวอนความจริง ตั้งแต่วินาทีที่ฉู่เฉินรัดเอวเธอไปกอด เธอก็สังหรณ์ใจไม่ดีแล้วเพียงแต่ ความรู้สึกที่ทั้งกลัวและอยากนั่น แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่อาจใช้คำพูดมาบรรยายได้ราวกับว่าในใจของเธอ มีเปลวเพลิงขุมหนึ่งที่กำลังลุกไหม้แต่เธอก็กลัวอีกว่าเปลวไฟขุมนั้นจะแผดเผาเธอ
หลิ่วชิงเหอร้อนใจจนเกือบหลุดปากร้องออกมา แต่สุดท้ายก็ทนไว้ได้หลิ่วหรูเยียนเดินวนรอบห้องรับแขกหลายรอบ พอเห็นว่าในห้องรับแขกไม่มีใครอยู่เลย จึงโยนกระเป๋าลงบนโซฟา จากนั้นก็เดินบิดขี้เกียจขึ้นไปบนห้องนอนชั้นสองแม้จะผ่านไปเพียงไม่กี่นาที แต่สำหรับหลิ่วชิงเหอ มันกลับยาวนานเหมือนผ่านไปหลายปีก็ไม่ปานครั้งนี้ไม่เหมือนกับตอนนั้นที่หลิ่วหรูเยียนหมดสติ เพราะหลิ่วหรูเยียนในตอนนี้อยู่ในสภาวะมีสติครบถ้วน และพวกเขาทั้งสามคนก็อยู่บนโซฟาซึ่งห่างจากหลิ่วหรูเยียนไม่ถึงหนึ่งเมตรแม้หลิ่วหรูเยียนจะทำตัวเหมือนปกติ นั่งดูโทรทัศน์บนโซฟา ก็สามารถรับรู้ได้ถึงความผิดปกติโดยรอบแล้วทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?นี่มันอะไรกันแน่?ไอ้เดรัจฉานฉู่เฉิน!ป้าอู๋ที่อยู่ข้างๆ ตกใจจนหมดแรง นั่งตัวอ่อนอยู่บนโซฟาเมื่อกี้ตอนที่เสียงเรียกเข้าของเธอดัง เธอตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างโชคดีที่เธอไหวพริบดี รีบโยนโทรศัพท์ไปที่อีกฝั่งของโซฟา ถึงทำให้รอดไปได้อย่างหวุดหวิด……หลังผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า เงาร่างของฉู่เฉินหายลับออกไปจากหน้าต่าง ป้าอู๋รีบเก็บกวาดสิ่งสกปรกบนพื้น ก่อนจะวิ่งเข้าห้องแม่บ้านไปเหมือนคนหนีตายส่วนหลิ
นึกมาถึงตรงนี้ กู้รั่วเสวี่ยหัวเราะกับตัวเอง จากนั้นก็เดินออกจากห้อง ควานหาผ้ากันเปื้อนของสาวใช้มาสวมพอเห็นกู้รั่วเสวี่ยที่ปกติเย็นชาเย่อหยิ่ง หยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ ซ้ำยังฮัมเพลงเดินเข้าไปง่วนอยู่ในครัว แม้แต่เลขาสาวกับพวกคนรับใช้ต่างก็เบิกตากว้าง“คุณหนูคะ งานหยาบแบบนี้ให้พวกเราเป็นคนทำก็ได้ คุณหนูไปพักเถอะค่ะ”สาวรับใช้สองคนรีบเดินเข้ามาเกลี้ยกล่อมด้วยสีหน้ากังวลบอกตามตรง ลูกคุณหนูที่ไม่เคยทำอะไรด้วยตัวเองอย่างกู้รั่วเสวี่ย ไม่เหมาะกับภาพในตอนนี้เลยแค่ท่าทางที่เธอถือมีดไว้ในมือ ก็ทำให้พวกเธอตกใจกลัวจนเหงื่อท่วมได้แล้วทุกครั้งที่เธอสับมีดลงไป เหมือนส่งแรงสะเทือนถึงใจของทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ไปด้วยถ้าหากคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลกู้สับโดนนิ้วมือของตัวเอง พวกเธอไม่อยากจะนึกถึงผลที่ตามมาเลยจริงๆ“คุณหนูคะ ท่าทางการจับมีดของคุณหนูได้มาตรฐานสุดๆ ไปเลย แต่งานแบบนี้ให้พวกเสี่ยวลี่เป็นคนทำเถอะ คุณหนูคอยยืนสั่งอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว”เลขาสาวชะโงกหน้าเข้ามาหว่านล้อมกู้รั่วเสวี่ย พยายามเกลี้ยกล่อมเธออย่างใจเย็น“พวกเธอจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ มื้อค่ำวันนี้ ฉันจะทำให้ฉู่เฉินด้วยตัวเอง”กู้รั่วเสวี่ยส
ถึงแม้ว่าฉู่เฉินอยากจะให้คำตอบที่น่าพึงพอใจกับกู้รั่วเสวี่ย แต่ว่า…แม่เอ็งเถอะ นี่มันจะเค็มเกินไปไหม?แม้แต่ปลาเค็มที่ฉู่เฉินเคยกินสมัยเด็กๆ ยังไม่ตราตรึงใจเท่ากับเนื้อปลาชิ้นนี้เลย“เป็นไงบ้าง อร่อยไหม?”กู้รั่วเสวี่ยกะพริบตาปริบๆ มองหน้าฉู่เฉินอย่างประหม่ากว่าปกติ“แค่ก…”ฉู่เฉินกระแอมเบาๆ วินาทีต่อมา เขาโอบลำคอยาวระหงของกู้รั่วเสวี่ย และประทับจูบลงไปบนปากเล็กๆ ของเธอระหว่างที่พัวพันกับลิ้นอันหอมหวาน ฉู่เฉินดันเนื้อปลาชิ้นนั้นเข้าไปในปากของกู้รั่วเสวี่ยโดยตรง“อื้อ!”พอเนื้อปลาเข้าไปในปาก กู้รั่วเสวี่ยเบิกตากว้างทันที เธอส่ายหน้าสุดชีวิต อยากจะหลุดพ้นจาก ‘กรงเล็บปีศาจ’ ของฉู่เฉิน แต่ฉู่เฉินกลับไม่เปิดโอกาสให้ขัดขืนแม้จูบนี้จะดำเนินไปเพียงสิบกว่าวินาที แต่สำหรับกู้รั่วเสวี่ย มันกลับยาวนานเหมือนชั่วชีวิต“ถุย!”พอกู้รั่วเสวี่ยดิ้นหลุดออกจากอ้อมแขนของฉู่เฉินอย่างยากลำบาก เธอคายเนื้อปลาชิ้นนั้นใส่ถังขยะทันที“ทำไมเค็มอย่างนี้ ฉัน…ฉันทำตามวีดิโอนี้แล้วแท้ๆ”กู้รั่วเสวี่ยเอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ พร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้าที่จริงเธออยากได้ยินคำชมจากฉู่เฉินมาก แต่ผลลัพธ์กลับต่า
=yjวขณะหนึ่ง กู้รั่วเสวี่ยเห็นแววตาเย็นชาไปถึงกระดูกจากดวงตาของฉู่เฉินเธอสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อสายลมยามกลางคืนพัดผ่านมา กู้รั่วเสวี่ยอดตัวสั่นไม่ได้ เธอขยับตัวแนบชิดกับร่างใหญ่ของฉู่เฉินกลิ่นหอมกลิ่นหนึ่งลอยเข้ามาในจมูกของฉู่เฉินพร้อมกับสายลมกลางคืน กอปรกับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากเรือนร่างของกู้รั่วเสวี่ยที่แนบชิดติดกับตัวเขา ลมหายใจของฉู่เฉินเริ่มกระชั้นขึ้นมา“พวกเรา…กลับห้องกันเถอะ…”ปากเล็กๆ ของกู้รั่วเสวี่ยแนบชิดอยู่บนกลีบปากของฉู่เฉิน ก่อนจะกระซิบเสียงเบา พร้อมกับพ่นลมหายใจหอมๆ ออกมาไม่รู้ทำไม ตั้งแต่ที่เธอสัมผัสประสบการณ์ของการเป็นผู้หญิงที่น้ำพุร้อนครั้งนั้น กู้รั่วเสวี่ยรู้สึกราวกับตัวเองได้ถลำลึกจนไม่อาจถอนตัวแม้ไม่ได้เจอเพียงไม่กี่วัน แต่วินาทีที่ฉู่เฉินปรากฏตัวต่อหน้าเธอ หัวใจของเธอก็ราวกับมีเปลวเพลิงแห่งรักกำลังแผดเผาอยู่“อืม”ฉู่เฉินรับคำ เขาโอบเอวของกู้รั่วเสวี่ยขึ้นมาอุ้ม จากนั้นก็เดินขึ้นไปที่ห้องนอนบนชั้นสองภายในเวลาไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เสียงครวญครางดังก้องไปทั่วทั้งคฤหาสน์สาวรับใช้บางคนที่ยังไม่นอน รวมถึงเลขาสาวของกู้รั่วเสวี่ยพ