“จะฆ่าผมงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินส่ายหัวเล็กน้อย หัวเราะอย่างเรียบนิ่งพร้อมพูดว่า “ให้เวลาคุณอีกร้อยปี คุณก็ฆ่าผมไม่ได้หรอก เชื่อผม มาทางไหนกลับไปทางนั้นเถอะ”ในระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงมือที่พยุงจินหลิงเอ๋อร์ออกแต่ว่าเนื่องจากเขาและจินหลิงเอ๋อร์อยู่ในตำแหน่งที่ประจวบเหมาะ ในตอนที่เขาดึงฝ่ามือออก มือของเขาจึงถูกับหน้าอกของจินหลิงเอ๋อร์โดยไม่ได้ตั้งใจอ๊ะ!!จินหลิงเอ๋อร์โกรธจนแทบจะระเบิดแล้ว!ไอ้เจ้าฉู่เฉินนี่ มันต้องจงใจแน่ๆ!แต่ว่านอกจากที่เธอจะทำได้แค่กระทืบเท้าเล็กอย่างบ้าคลั่ง เธอก็ทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้แล้วจากการต่อสู้สั้นๆ เมื่อกี้นี้ เธอรู้ดีอยู่แล้วว่าถึงแม้จะใช้กำลังของเธออีกสิบเท่า เธอก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉู่เฉินหากยังต่อสู้ต่อไปก็มีแต่เธอที่จะอับอาย กระทั่งว่าแตะปลายก้อยของฉู่เฉินไม่ได้“แก...แกมีสิทธิ์อะไรมารังแกคนอื่น...ฉันจะไม่ปล่อยแกไปทั้งชาติแน่! ฮือๆๆ...”ในขณะที่พูดน้ำตาของจินหลิงเอ๋อร์ไหลลงมาราวกับไข่มุกที่สายขาดตั้งแต่เล็กจนโต เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกไร้หนทางแบบนี้ทั้งๆ ที่ในใจโกรธมากๆ และทั้งที่ไอ้ฉู่เฉินที่สมควรตายนั่นก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ แต่เธอกลับทำอะไ
ฉู่เฉินขมวดคิ้ว สองแม่ลูกคู่นี้กำลังทำอะไรอยู่?หลังจากที่วางสายไป ฉู่เฉินหันกลับมาแล้วพูดกับจินเจิ้นหลงและลูกสาวของเขาว่า พวกคุณค่อยๆ พิจารณาแล้วกัน ผมยังมีธุระอื่นอีก”พูดจบ ฉู่เฉินก็เดินกลับเข้าในบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ แล้วก็ปิดประตูใหญ่กลับไปที่ห้องรับแขก ฉู่เฉินกดเข้าไปที่หน้าหลักของติ๊กต็อก กดเข้าไปยังช่องไลฟ์สดรู้ทันวงการแพทย์เขาเห็นหลิ่วหรูเยียนในชุดมืออาชีพกำลังนั่งตัวตรงบนเก้าอี้และแต่งหน้าเล็กน้อยเมื่อประกอบกับใบหน้าที่สวยงามและรูปร่างที่ร้อนแรงของเธอ เธอทำให้ผู้คนรู้สึกถึงผู้หญิงที่บริสุทธิ์และมีความปรารถนาขาเรียวสวยขาวราวกับหิมะ ท่ามกลางแสงไฟส่องจะสว่างเป็นพิเศษนี่มันช่างยั่วยวนความสนใจจริงๆ คนที่นั่งข้างหน้าหลิ่วหรูเยียนคือซูซูพิธีกรดังในระยะนี้ ผมสีดำยาวของเธอปลิวไปด้านหลังศีรษะ และเธอสวมชุดสูทสีขาวนม โดยมีเสื้อยืดสีขาวเหมือนหิมะอยู่ข้างใต้ โดยนูนออกมาจากก้อนอวบอ้วนสองก้อนบนหน้าอกของเธอขาสวยในถุงน่องสีดำและรองเท้าส้นสูงสีดำคู่หนึ่งประกอบกับรูปลักษณ์ที่เงียบขรึมและสง่างามของเธอช่วยเพิ่มเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของหญิงสาววัยทำงานรู้ทันวงการแพทย์เป็นรายการทางการแพ
ในช่วงเวลาหนึ่ง แฟนๆ นับแสนในช่องไลฟ์สดต่างก็เยาะเย้ยฉู่เฉินฉู่เฉินที่มองหน้าจอโทรศัพท์อยู่ ก็หัวเราะอย่างเย็นชาพร้อมพูดว่า “งั้นเหรอ? พวกเธอสองคนแม่ลูกเคยช่วยรักษาฉันงั้นเหรอ? งั้นฉันคงต้องถามหลิ่วชิงเหอให้ชัดแล้วล่ะ”พูดจบฉู่เฉินก็เก็บโทรศัพท์ ก้าวเดินออกจากบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วในตอนนั้นเอง หลิ่วชิงเหอก็กำลังดูไลฟ์สดในห้องนอนเธอก็ยังคงคุ้นชินกับการเปลือยเปล่า ขากลมๆ สีขาวสวยงามคู่หนึ่งวางอยู่บนโต๊ะชาตรงข้ามโซฟา ห้อยเท้าอันนุ่มนวลของเธอลงมาตามมาด้วยขาสองขาที่สั่น หน้าอกที่อวบอั๋นทั้งสองข้างนั้นก็พลางสั่นไปด้วยผมที่เปียกโชกปล่อยลงมาตามไหล่ของเธออย่างเป็นธรรมชาติ เห็นได้ชัดว่าเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ยังคงมีหยดเปียกบนร่างกายที่บอบบางของเธอทันใดนั้นหลิ่วชิงเหอก็รู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกๆ จึงรีบหันหน้ามองไปที่หน้าต่างร่างที่สง่างามกำลังยืนอยู่กับหน้าต่าง ด้วยรอยยิ้มที่ไม่เป็นอันตรายบนใบหน้าของเขา และดวงตาของเขาก็จ้องมองเธอด้วยท่าทางหยอกเย้า“ฉู่เฉิน? แกไอ้สัตว์เดรัจฉาน! ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นละก็ฉันจะฆ่าแก!”แม้ว่าหลิ่วชิงเหอจะพูดออกไปแบ
“เมื่อกี้เธอถามฉันว่าจะทำอะไรไม่ใช่เหรอ?”แววตาฉู่เฉินเต็มไปด้วยแววเย้าแหย่ เขากระชากผมของหลิ่วชิงเหอ“อื้อ…อื้อ…”หลิ่วชิงเหอดิ้นขัดขืนและพยายามด่าเขา แต่ไม่นานกลับเปลี่ยนเป็นเสียงอู้อี้ในลำคอเวลานี้ ป้าอู๋ที่กำลังง่วนอยู่ด้านล่างได้ยินเสียงเคลื่อนไว้จากชั้นบนก็ตกใจ รีบพุ่งตัวขึ้นไปบนชั้นสองทันทีเห็นประตูห้องของหลิ่วชิงเหอปิดสนิท ซ้ำยังมีเสียง “กุกกักๆ” ดังมาจากข้างในอีก ป้าอู่ตกตะลึง!“คุณผู้หญิง คุณผู้หญิงคะ? ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”ป้าอู๋เคาะประตูเสียงดัง พลางตะโกนเรียกไปด้วยแต่กลับไร้เสียงตอบรับจากหลิ่วชิงเหอ ตรงกันข้าม เสียงในห้องกลับยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก“คุณผู้หญิง!”ภาพที่หลิ่วชิงเหอถูกคนเลวกระทำอย่างกำเริบเสิบสานผุดขึ้นมาในหัวของป้าอู๋ เธอร้อนรนขึ้นมา จึงใช้ตัวกระแทกประตูอย่างแรงแต่ประตูห้องที่ทำจากไม้เนื้อแท้นั้นแข็งแรงเกินไป แม้แต่ป้าอู๋ก็พังเข้าไปไม่ได้“ปะ…ป้าอู๋…ป้า…ไม่ต้องเข้า…ไม่ต้องเข้ามา รีบไป…รีบไปซะ!”ขณะที่ป้าอู่ถอยหลังไปสองสามก้าว เตรียมจะกระแทกประตูอีกครั้ง เสียงหอบหายใจของหลิ่วชิงเหอก็ดังออกมาจากในห้องก่อน“คุณผู้หญิง ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”ป้าอู๋ทำได
“ไม่ทราบว่าเรื่องราวเป็นมายังไงกันแน่คะ?”คำถามนี้เห็นได้ชัดว่าตั้งใจโจมตีหลิ่วหรูเยียนจากคำพูดของเธอ ฉู่เฉินไม่มีความสามารถสักนิด แล้วเขาช่วยชีวิตผู้อาวุโสเว่ยต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร?หรือพูดอีกอย่างก็คือ ฉู่เฉินที่ไร้ความสามารถด้านการแพทย์ จะมีทักษะด้านการแพทย์ที่สูงขนาดนั้นได้อย่างไร?“เหอะ!”หลิ่วหรูเยียนเห็นว่ากระแสวิพากษ์วิจารณ์ไหลย้อนเข้ามาหาเธอ เธอจึงเลิกเสแสร้ง และพูดด้วยสีหน้าเหยียดหยันว่า “คุณซู คนเราแม้จะอับโชคแค่ไหนก็ต้องมีสักครั้งที่โชคเข้าข้างบ้างรึเปล่าล่ะคะ?”“แมวตาบอดตัวหนึ่งบังเอิญเจอหนูนอนตายก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรมั้งคะ?”“ฉันยังยืนยันคำเดิม บริษัทยาไม่ใช่ว่าใครจะทำก็ได้ ศาสตร์ความรู้ที่เกี่ยวข้องมีมากเกินไป บริษัทของฉู่เฉินไม่มีทางพัฒนาได้ แม้จะมีเงินทุนหลายร้อยล้าน ก็ไม่มีทางเปลี่ยนความจริงที่ว่าซินฉู่ฟาร์มาซูติคอลต้องปิดตัวลง”สิ้นเสียง ผู้ชมในช่องไลฟ์สดจำนวนกว่าแสนคนต่างหันไปสนับสนุนความคิดของหลิ่วหรูเยียน“เหอะ ถ้าเขามีความสามารถด้านการแพทย์ที่สูงขนาดนั้นจริง จะเป็นอัมพาตไปถึงสามปีได้ยังไงล่ะ!”“นั่นน่ะสิ เ
“สวัสดีค่ะ คุณฉู่ ฉันชื่อสวี่ถิงถิง เป็นนักข่าวแนวหน้าของกลุ่มคอลัมน์รู้ทันวงการแพทย์ค่ะ ขอสัมภาษณ์สักครู่ได้ไหมคะ?”นักข่าวสาวสวยถามฉู่เฉิน“ผมไม่สนใจครับ!”ฉู่เฉินตอบเสียงเรียบ จากนั้นก็ดันมือของจินหลิงเอ๋อร์ที่แขนของเขาออกเบาๆ ก่อนจะหันตัวเดินเข้าบ้านไป“ปรมาจารย์ฉู่ เดี๋ยวก่อน”ขณะที่เหล่านักข่าวถูกฉู่เฉินเมินจนยืนอึ้งค้างอยู่กับที่นั้น จินเจิ้นหลงเอามือกุมหน้าอก พุ่งตัวออกไปท่ามกลางฝูงคน“คุณคะ ไม่ทราบว่าเมื่อครู่คุณเรียกคุณฉู่เหรอคะ? แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่คะ?”สวี่ถิงถิงแพลนกล้องไปทางจินเจิ้นหลงทันที“เหลวไหล ฉันไม่เรียกคุณฉู่แล้วจะให้เรียกเธอหรือไง?”จินเจิ้นหลงผลักสวี่ถิงถิงที่ยืนขวางตัวเอง ก่อนจะสบถด่า “เธอตาบอดหรือไง? ไม่เห็นเหรอว่าฉันบาดเจ็บขนาดนี้? นอกจากมาขอความช่วยเหลือ แล้วจะให้ทำอะไรได้อีก?!”พูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้ จินเจิ้นหลงก็เดินจ้ำไปทางฉู่เฉิน ก่อนจะคุกเข่าลงบนพื้น“ปรมาจารย์ฉู่ ตะ…ตระกูลจินของผมยินยอมน้อมรับคุณเป็นเจ้านาย ได้โปรดช่วยพวกเราสองพ่อลูกด้วยเถอะครับ”ขณะเอ่ย จินเจิ้นหลงดึงจินหลิงเอ๋อร์ให้คุกเข่าด้วยภาพที่เกิดขึ้นทำให้ช่องไลฟ์สดแตกตื่นฮือ
“ฉันคิดว่าวิญญาณของคุณอาฉู่ที่อยู่บนสวรรค์เองก็คงไม่อยากให้ฉู่เฉินตกต่ำและกลายเป็นจอมลวงโลกแบบนี้ เพราะฉะนั้นฉันมีหน้าที่เปิดโปงคำโกหกหลอกลวงของเขาค่ะ”ประโยคนี้ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างล้นหลามขึ้นอีกครั้งในช่องไลฟ์สด“คนอย่างไอ้ฉู่เฉินก็ยังกล้าเปิดบริษัทยาอีกเหรอ?”“ใช่ ต้องเปิดโปงคำโกหกหลอกลวงของเขา!”“ฉันอยากจะรู้นัก ไอ้แซ่ฉู่นี่จะปิดฉากยังไง มันเชิญนักแสดงมาไม่ใช่เหรอ? งั้นเรามารอดูกันว่ามันจะรักษาให้คนอื่นยังไง!”“ใช่ กับบริษัทที่ไร้คุณธรรมแบบนี้ ที่กล้าโปรโมตด้วยเรื่องลวงโลก ต้องแฉให้หมดเปลือก!”ชั่วขณะหนึ่ง ข้อสงสัยและคำด่าทอเต็มไปทั่วช่องไลฟ์สดกระแสความเดือดของช่องไลฟ์สดพุ่งขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ยอดผู้ชมทะลุหนึ่งแสนห้าหมื่นคนไปแล้วชาวเน็ตเกือบครึ่งมณฑลเจียง รวมถึงชาวเน็ตจากทั่วประเทศต่างก็รุมด่าฉู่เฉินซูซูเหลือบมองช่องแชตด้านล่าง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “เพื่อตอบสนองความต้องการของทุกคน รายการของเราเพิ่งตัดสินใจร่วมกัน แม้จะต้องเสี่ยงโดนฉู่เฉินฟ้องข้อหาบุกรุกสถานที่ พวกเราก็จะเปิดโปงหน้ากากที่แสร้งเป็นคนดีของเขาให้ได้ค่ะ”“ต่อจากนี้ แพลนกล้องไปฝั่งนักข่าวแนวหน้
เรือนร่างอันเย้ายวนของสวี่ถิงถิงดึงดูดความสนใจจากผู้ชมส่วนใหญ่ในช่องไลฟ์สดทันทีประโยคที่เธอพูดเมื่อกี้จึงยิ่งเพิ่มเชื้อเพลิงให้กับผู้ชมในห้องไลฟ์สดให้เดือดพล่านกว่าเดิม!แอคเคาท์ที่ชื่อจักรพรรดิเสินเยวี่ยแห่งเจียงจง สาดคอมเมนท์ใส่หน้าจอว่า “ถ้าไอ้แซ่ฉู่นี่มีความรู้ด้านการแพทย์จริง ฉันยอมไลฟ์สดกินขี้เลย!”พอประโยคนี้ปรากฏบนหน้าจอ ชาวเน็ตหลายคนก็สาดคอมเมนต์เยาะเย้ยตามมาติดๆ“แหม จักรพรรดิเสินเยวี่ยมาหาแสงอีกแล้ว”“เหอะ ถ้ามันมีความรู้ทางการแพทย์จริง ฉันยอมไลฟ์สดตีลังกาขี้เลย”“พวกเอ็งเอาซะขี้มีคุณค่าขึ้นมาเลย!”ขณะเดียวกัน ฉู่เฉินพาจินเจิ้นหลงและจินหลิงเอ๋อร์สองพ่อลูกเข้าไปในห้องรับแขกจินเจิ้นหลงนั่งลงตรงมุมเล็กๆ ของโซฟาด้วยท่าทางนอบน้อม ก่อนจะพูดกับฉู่เฉินด้วยสีหน้าอ้อนวอน “ปรมาจารย์ฉู่ ผมไม่สำคัญเท่าไร ถ้าเป็นไปได้ คุณช่วยรักษาโรคเรื้อรังของลูกสาวผมให้ก่อนได้ไหมครับ”เขาคิดดีแล้ว ถึงตระกูลจินจะนับถือฉู่เฉินเป็นเจ้านายแล้วยังไง?ขอแค่ลูกสาวมีสุขภาพแข็งแรง แล้วแต่งงานกับเจ้าบ่าวที่เหมาะสมเร็วๆ เขาก็มีหน้าไปเจอแม่ของจินหลิงเอ๋อร์ที่จากไปแล้ว ฉู่เฉินขมวดคิ้วบอกว่า “อาการป่วยของ