ฟิ้ว!เสียงทะลุอากาศดังขึ้นทันทีฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา จินหลิงเอ๋อร์นี่จะโหดเหี้ยมไปแล้วมั้ง?หากเป็นคนอื่นคงถูกเธอฟาดจนตายไปแล้วผู้หญิงคนหนึ่งจิตใจต้องบิดเบี้ยวขนาดไหนถึงจะเป็นเหมือนจินหลิงเอ๋อร์ได้ ลงมือก็คือกระบวนท่าพิฆาต?พอคิดถึงตอนนี้ ฉู่เฉินก็ไม่ยั้งมืออีกต่อไป เบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อหลบการโจมตีถึงชีวิตของจินหลิงเอ๋อร์ ยกฝ่ามือขึ้นมา เสียงตบดังขึ้น ฝ่ามือนั่นฟาดเข้าไปอย่างแรงที่บั้นท้ายอันแอ่นงอนอวบอิ่มของจินหลิงเอ๋อร์แม้ว่าฝ่ามือของฉู่เฉินจะออกแรงแค่สองส่วนเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ใช่แรงที่จินหลิงเอ๋อร์ที่มีกำลังภายในแค่ระดับต้นสามารถรับได้พร้อมตามมาด้วยความปวดแสบปวดร้อนตรงบั้นท้าย ร่างกายของจินหลิงเอ๋อร์เซ ก้าวเดินไปข้างหน้าไม่สิบกว่าก้าวก็เกือบจะล้มลงไป“แก...”จินหลิงเอ๋อร์โกรธจนหน้าเขียวไปหมด ทั้งอายทั้งโกรธ เธอกัดฟันจนฟันแทบจะแหลกหมดแล้วคนแซ่ฉู่ไร้คุณธรรมในการต่อสู้!มันมีใครที่ไหนที่กล้าลงมือจงใจตีบั้นท้ายของผู้หญิงต่อหน้าต่อตาคนมากมายขนาดนี้ ?“นี่เป็นแค่การสั่งสอนคุณ ผมเคยบอกแล้ว ว่าคนอื่นไม่ใช่พ่อของคุณ ไม่มีใครตามใจคุณหรอกนะ!”สายตาเย็นชาของฉู
“จะฆ่าผมงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินส่ายหัวเล็กน้อย หัวเราะอย่างเรียบนิ่งพร้อมพูดว่า “ให้เวลาคุณอีกร้อยปี คุณก็ฆ่าผมไม่ได้หรอก เชื่อผม มาทางไหนกลับไปทางนั้นเถอะ”ในระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงมือที่พยุงจินหลิงเอ๋อร์ออกแต่ว่าเนื่องจากเขาและจินหลิงเอ๋อร์อยู่ในตำแหน่งที่ประจวบเหมาะ ในตอนที่เขาดึงฝ่ามือออก มือของเขาจึงถูกับหน้าอกของจินหลิงเอ๋อร์โดยไม่ได้ตั้งใจอ๊ะ!!จินหลิงเอ๋อร์โกรธจนแทบจะระเบิดแล้ว!ไอ้เจ้าฉู่เฉินนี่ มันต้องจงใจแน่ๆ!แต่ว่านอกจากที่เธอจะทำได้แค่กระทืบเท้าเล็กอย่างบ้าคลั่ง เธอก็ทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้แล้วจากการต่อสู้สั้นๆ เมื่อกี้นี้ เธอรู้ดีอยู่แล้วว่าถึงแม้จะใช้กำลังของเธออีกสิบเท่า เธอก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉู่เฉินหากยังต่อสู้ต่อไปก็มีแต่เธอที่จะอับอาย กระทั่งว่าแตะปลายก้อยของฉู่เฉินไม่ได้“แก...แกมีสิทธิ์อะไรมารังแกคนอื่น...ฉันจะไม่ปล่อยแกไปทั้งชาติแน่! ฮือๆๆ...”ในขณะที่พูดน้ำตาของจินหลิงเอ๋อร์ไหลลงมาราวกับไข่มุกที่สายขาดตั้งแต่เล็กจนโต เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกไร้หนทางแบบนี้ทั้งๆ ที่ในใจโกรธมากๆ และทั้งที่ไอ้ฉู่เฉินที่สมควรตายนั่นก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ แต่เธอกลับทำอะไ
ฉู่เฉินขมวดคิ้ว สองแม่ลูกคู่นี้กำลังทำอะไรอยู่?หลังจากที่วางสายไป ฉู่เฉินหันกลับมาแล้วพูดกับจินเจิ้นหลงและลูกสาวของเขาว่า พวกคุณค่อยๆ พิจารณาแล้วกัน ผมยังมีธุระอื่นอีก”พูดจบ ฉู่เฉินก็เดินกลับเข้าในบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ แล้วก็ปิดประตูใหญ่กลับไปที่ห้องรับแขก ฉู่เฉินกดเข้าไปที่หน้าหลักของติ๊กต็อก กดเข้าไปยังช่องไลฟ์สดรู้ทันวงการแพทย์เขาเห็นหลิ่วหรูเยียนในชุดมืออาชีพกำลังนั่งตัวตรงบนเก้าอี้และแต่งหน้าเล็กน้อยเมื่อประกอบกับใบหน้าที่สวยงามและรูปร่างที่ร้อนแรงของเธอ เธอทำให้ผู้คนรู้สึกถึงผู้หญิงที่บริสุทธิ์และมีความปรารถนาขาเรียวสวยขาวราวกับหิมะ ท่ามกลางแสงไฟส่องจะสว่างเป็นพิเศษนี่มันช่างยั่วยวนความสนใจจริงๆ คนที่นั่งข้างหน้าหลิ่วหรูเยียนคือซูซูพิธีกรดังในระยะนี้ ผมสีดำยาวของเธอปลิวไปด้านหลังศีรษะ และเธอสวมชุดสูทสีขาวนม โดยมีเสื้อยืดสีขาวเหมือนหิมะอยู่ข้างใต้ โดยนูนออกมาจากก้อนอวบอ้วนสองก้อนบนหน้าอกของเธอขาสวยในถุงน่องสีดำและรองเท้าส้นสูงสีดำคู่หนึ่งประกอบกับรูปลักษณ์ที่เงียบขรึมและสง่างามของเธอช่วยเพิ่มเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของหญิงสาววัยทำงานรู้ทันวงการแพทย์เป็นรายการทางการแพ
ในช่วงเวลาหนึ่ง แฟนๆ นับแสนในช่องไลฟ์สดต่างก็เยาะเย้ยฉู่เฉินฉู่เฉินที่มองหน้าจอโทรศัพท์อยู่ ก็หัวเราะอย่างเย็นชาพร้อมพูดว่า “งั้นเหรอ? พวกเธอสองคนแม่ลูกเคยช่วยรักษาฉันงั้นเหรอ? งั้นฉันคงต้องถามหลิ่วชิงเหอให้ชัดแล้วล่ะ”พูดจบฉู่เฉินก็เก็บโทรศัพท์ ก้าวเดินออกจากบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วในตอนนั้นเอง หลิ่วชิงเหอก็กำลังดูไลฟ์สดในห้องนอนเธอก็ยังคงคุ้นชินกับการเปลือยเปล่า ขากลมๆ สีขาวสวยงามคู่หนึ่งวางอยู่บนโต๊ะชาตรงข้ามโซฟา ห้อยเท้าอันนุ่มนวลของเธอลงมาตามมาด้วยขาสองขาที่สั่น หน้าอกที่อวบอั๋นทั้งสองข้างนั้นก็พลางสั่นไปด้วยผมที่เปียกโชกปล่อยลงมาตามไหล่ของเธออย่างเป็นธรรมชาติ เห็นได้ชัดว่าเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ยังคงมีหยดเปียกบนร่างกายที่บอบบางของเธอทันใดนั้นหลิ่วชิงเหอก็รู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกๆ จึงรีบหันหน้ามองไปที่หน้าต่างร่างที่สง่างามกำลังยืนอยู่กับหน้าต่าง ด้วยรอยยิ้มที่ไม่เป็นอันตรายบนใบหน้าของเขา และดวงตาของเขาก็จ้องมองเธอด้วยท่าทางหยอกเย้า“ฉู่เฉิน? แกไอ้สัตว์เดรัจฉาน! ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นละก็ฉันจะฆ่าแก!”แม้ว่าหลิ่วชิงเหอจะพูดออกไปแบ
“เมื่อกี้เธอถามฉันว่าจะทำอะไรไม่ใช่เหรอ?”แววตาฉู่เฉินเต็มไปด้วยแววเย้าแหย่ เขากระชากผมของหลิ่วชิงเหอ“อื้อ…อื้อ…”หลิ่วชิงเหอดิ้นขัดขืนและพยายามด่าเขา แต่ไม่นานกลับเปลี่ยนเป็นเสียงอู้อี้ในลำคอเวลานี้ ป้าอู๋ที่กำลังง่วนอยู่ด้านล่างได้ยินเสียงเคลื่อนไว้จากชั้นบนก็ตกใจ รีบพุ่งตัวขึ้นไปบนชั้นสองทันทีเห็นประตูห้องของหลิ่วชิงเหอปิดสนิท ซ้ำยังมีเสียง “กุกกักๆ” ดังมาจากข้างในอีก ป้าอู่ตกตะลึง!“คุณผู้หญิง คุณผู้หญิงคะ? ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”ป้าอู๋เคาะประตูเสียงดัง พลางตะโกนเรียกไปด้วยแต่กลับไร้เสียงตอบรับจากหลิ่วชิงเหอ ตรงกันข้าม เสียงในห้องกลับยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก“คุณผู้หญิง!”ภาพที่หลิ่วชิงเหอถูกคนเลวกระทำอย่างกำเริบเสิบสานผุดขึ้นมาในหัวของป้าอู๋ เธอร้อนรนขึ้นมา จึงใช้ตัวกระแทกประตูอย่างแรงแต่ประตูห้องที่ทำจากไม้เนื้อแท้นั้นแข็งแรงเกินไป แม้แต่ป้าอู๋ก็พังเข้าไปไม่ได้“ปะ…ป้าอู๋…ป้า…ไม่ต้องเข้า…ไม่ต้องเข้ามา รีบไป…รีบไปซะ!”ขณะที่ป้าอู่ถอยหลังไปสองสามก้าว เตรียมจะกระแทกประตูอีกครั้ง เสียงหอบหายใจของหลิ่วชิงเหอก็ดังออกมาจากในห้องก่อน“คุณผู้หญิง ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”ป้าอู๋ทำได
“ไม่ทราบว่าเรื่องราวเป็นมายังไงกันแน่คะ?”คำถามนี้เห็นได้ชัดว่าตั้งใจโจมตีหลิ่วหรูเยียนจากคำพูดของเธอ ฉู่เฉินไม่มีความสามารถสักนิด แล้วเขาช่วยชีวิตผู้อาวุโสเว่ยต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร?หรือพูดอีกอย่างก็คือ ฉู่เฉินที่ไร้ความสามารถด้านการแพทย์ จะมีทักษะด้านการแพทย์ที่สูงขนาดนั้นได้อย่างไร?“เหอะ!”หลิ่วหรูเยียนเห็นว่ากระแสวิพากษ์วิจารณ์ไหลย้อนเข้ามาหาเธอ เธอจึงเลิกเสแสร้ง และพูดด้วยสีหน้าเหยียดหยันว่า “คุณซู คนเราแม้จะอับโชคแค่ไหนก็ต้องมีสักครั้งที่โชคเข้าข้างบ้างรึเปล่าล่ะคะ?”“แมวตาบอดตัวหนึ่งบังเอิญเจอหนูนอนตายก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรมั้งคะ?”“ฉันยังยืนยันคำเดิม บริษัทยาไม่ใช่ว่าใครจะทำก็ได้ ศาสตร์ความรู้ที่เกี่ยวข้องมีมากเกินไป บริษัทของฉู่เฉินไม่มีทางพัฒนาได้ แม้จะมีเงินทุนหลายร้อยล้าน ก็ไม่มีทางเปลี่ยนความจริงที่ว่าซินฉู่ฟาร์มาซูติคอลต้องปิดตัวลง”สิ้นเสียง ผู้ชมในช่องไลฟ์สดจำนวนกว่าแสนคนต่างหันไปสนับสนุนความคิดของหลิ่วหรูเยียน“เหอะ ถ้าเขามีความสามารถด้านการแพทย์ที่สูงขนาดนั้นจริง จะเป็นอัมพาตไปถึงสามปีได้ยังไงล่ะ!”“นั่นน่ะสิ เ
“สวัสดีค่ะ คุณฉู่ ฉันชื่อสวี่ถิงถิง เป็นนักข่าวแนวหน้าของกลุ่มคอลัมน์รู้ทันวงการแพทย์ค่ะ ขอสัมภาษณ์สักครู่ได้ไหมคะ?”นักข่าวสาวสวยถามฉู่เฉิน“ผมไม่สนใจครับ!”ฉู่เฉินตอบเสียงเรียบ จากนั้นก็ดันมือของจินหลิงเอ๋อร์ที่แขนของเขาออกเบาๆ ก่อนจะหันตัวเดินเข้าบ้านไป“ปรมาจารย์ฉู่ เดี๋ยวก่อน”ขณะที่เหล่านักข่าวถูกฉู่เฉินเมินจนยืนอึ้งค้างอยู่กับที่นั้น จินเจิ้นหลงเอามือกุมหน้าอก พุ่งตัวออกไปท่ามกลางฝูงคน“คุณคะ ไม่ทราบว่าเมื่อครู่คุณเรียกคุณฉู่เหรอคะ? แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่คะ?”สวี่ถิงถิงแพลนกล้องไปทางจินเจิ้นหลงทันที“เหลวไหล ฉันไม่เรียกคุณฉู่แล้วจะให้เรียกเธอหรือไง?”จินเจิ้นหลงผลักสวี่ถิงถิงที่ยืนขวางตัวเอง ก่อนจะสบถด่า “เธอตาบอดหรือไง? ไม่เห็นเหรอว่าฉันบาดเจ็บขนาดนี้? นอกจากมาขอความช่วยเหลือ แล้วจะให้ทำอะไรได้อีก?!”พูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้ จินเจิ้นหลงก็เดินจ้ำไปทางฉู่เฉิน ก่อนจะคุกเข่าลงบนพื้น“ปรมาจารย์ฉู่ ตะ…ตระกูลจินของผมยินยอมน้อมรับคุณเป็นเจ้านาย ได้โปรดช่วยพวกเราสองพ่อลูกด้วยเถอะครับ”ขณะเอ่ย จินเจิ้นหลงดึงจินหลิงเอ๋อร์ให้คุกเข่าด้วยภาพที่เกิดขึ้นทำให้ช่องไลฟ์สดแตกตื่นฮือ
“ฉันคิดว่าวิญญาณของคุณอาฉู่ที่อยู่บนสวรรค์เองก็คงไม่อยากให้ฉู่เฉินตกต่ำและกลายเป็นจอมลวงโลกแบบนี้ เพราะฉะนั้นฉันมีหน้าที่เปิดโปงคำโกหกหลอกลวงของเขาค่ะ”ประโยคนี้ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างล้นหลามขึ้นอีกครั้งในช่องไลฟ์สด“คนอย่างไอ้ฉู่เฉินก็ยังกล้าเปิดบริษัทยาอีกเหรอ?”“ใช่ ต้องเปิดโปงคำโกหกหลอกลวงของเขา!”“ฉันอยากจะรู้นัก ไอ้แซ่ฉู่นี่จะปิดฉากยังไง มันเชิญนักแสดงมาไม่ใช่เหรอ? งั้นเรามารอดูกันว่ามันจะรักษาให้คนอื่นยังไง!”“ใช่ กับบริษัทที่ไร้คุณธรรมแบบนี้ ที่กล้าโปรโมตด้วยเรื่องลวงโลก ต้องแฉให้หมดเปลือก!”ชั่วขณะหนึ่ง ข้อสงสัยและคำด่าทอเต็มไปทั่วช่องไลฟ์สดกระแสความเดือดของช่องไลฟ์สดพุ่งขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ยอดผู้ชมทะลุหนึ่งแสนห้าหมื่นคนไปแล้วชาวเน็ตเกือบครึ่งมณฑลเจียง รวมถึงชาวเน็ตจากทั่วประเทศต่างก็รุมด่าฉู่เฉินซูซูเหลือบมองช่องแชตด้านล่าง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “เพื่อตอบสนองความต้องการของทุกคน รายการของเราเพิ่งตัดสินใจร่วมกัน แม้จะต้องเสี่ยงโดนฉู่เฉินฟ้องข้อหาบุกรุกสถานที่ พวกเราก็จะเปิดโปงหน้ากากที่แสร้งเป็นคนดีของเขาให้ได้ค่ะ”“ต่อจากนี้ แพลนกล้องไปฝั่งนักข่าวแนวหน้
คนที่มีคุณสมบัตินั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนี้ มีเพียงเฉียวเทียนฉี่และโฮ่วเจี้ยนอิงสองคนเท่านั้นแม้แต่โจวอวี้หมิงก็ได้แต่นั่งดื่มเป็นเพื่อนที่โต๊ะด้านข้างเท่านั้นเมื่อนับรวมเฉินเยว่เอ๋อร์ที่เป็นรองขุนพลของซ่งหนิงซวง ทั้งโต๊ะก็มีแค่สี่คนเท่านั้นฉู่เฉินไม่เกรงใจเช่นกัน เขานั่งลงตรงข้ามซ่งหนิงซวงทันที ก่อนจะยิ้มให้ซ่งหนิงซวงแล้วพูดว่า “คิดว่าถึงยังไงวันนี้ขุนพลหญิงเรียกผมมา คงไม่ได้เชิญผมมาเพื่อดื่มเหล้าแน่นอนหรอกใช่ไหม?”“ผมเป็นคนชอบพูดจาตรงไปตรงมา มีเรื่องอะไรก็ขอให้ขุนพลหญิงพูดให้ชัดเจน”ถึงแม้ว่าฉู่เฉินจะเอ่ยคำพูดนี้ด้วยความเกรงใจมาก แต่ใบหน้ากลับไม่ได้ดูเอาอกเอาใจเลยแม้แต่น้อยซ่งหนิงซวงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “ฉันก็ชอบพูดคุยกับคนฉลาดเหมือนกัน” ซ่งหนิงซวงพูดพลางล้วงใบสั่งยาแผ่นหนึ่งออกมาจากในอก แล้วส่งให้เฉินเยว่เอ๋อร์เฉินเยว่เอ๋อร์รับใบสั่งยาก่อนจะลุกขึ้นมาเดินไปหาฉู่เฉิน จากนั้นก็กางใบสั่งยาออกแล้ววางไว้ตรงหน้าฉู่เฉิน“ฉันได้ยินว่าคุณฉู่ค่อนข้างเชี่ยวชาญด้านวิชาแพทย์ ฉันคิดว่าคุณฉู่จะต้องเข้าใจใบสั่งยานี้แน่นอนเลยใช่ไหม”ซ่งหนิงซวงพูดพลางดื่มน้ำชา ฉู่เฉินกวาดตามองใบส
เมื่อคำพูดนี้ออกมา โฮ่วเจี้ยนอิงกับเฉียวเทียนฉี่ รวมไปถึงทุกคนในที่แห่งนี้ล้วนทอดสายตาไปยังฉู่เฉิน“น้องฉู่ การมองท่านขุนพลตรง ๆ มันเป็นการไม่เคารพอย่างมากเลยนะ รีบ...” ฉู่เฉินไม่รอให้ฟางอวี่เจิ้งกล่าวจบก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมป่วยเป็นโรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบ โค้งตัวไม่ได้ อีกอย่าง คุณให้พวกเขาโทรเชิญผมมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ใช่ผมอยากมาเองนะครับ” “คุณคงไม่ได้เชิญผมมาเพื่อให้ผมกราบไหว้หรอกใช่ไหม? คุณไม่ใช่เจ้าพ่อหลักเมืองเสียหน่อย”เชี่ย!เมื่อฉู่เฉินเอ่ยคำพูดนี้ออกม ทุกคนในงานต่างตกตะลึงจนตาค้าง เฉียวเทียนฉี่กับโฮ่วเจี้ยนอิงหลั่งเหงื่อเย็น ๆ ออกมาแล้ว ส่วนหลิ่วชิงเหอที่ยืนอยู่ข้างหลังซ่งหนิงซวงก็ตกใจกลัวจนดวงหน้าเล็กซีดเผือด กระทืบเท้าไม่หยุด ฉู่เฉินบุ่มบ่ามเกินไปแล้วมั้ง?กล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับขุนพลเทียนเฟิ่งได้อย่างไร?ฟางอวี่เจิ้งที่อยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินยิ่งตกใจกลัวจนขาสองข้างอ่อนแรง กระตุกชายเสื้อของฉู่เฉินไม่หยุดซ่งหนิงซวงหรี่นัยน์ตาหงส์ลงเล็กน้อย จ้องมองฉู่เฉินอย่างพิจารณาก่อนจะเอ่ยว่า “คุณก็คือฉู่เฉินสินะ?” “ถูกต้อง”ฉู่เฉินยืดหลังตรง ตอบ
ฉู่เฉินก้าวเข้ามาใกล้ฟางอวี่เจิ้ง จับมือกับฟางอวี่เจิ้ง หลังจากนั่งลงจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ประธานฟาง เรื่องยาบำรุงสวรรค์หลี่จิงจิงทางนั้นจัดการให้เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ?”ฟางอวี่เจิ้งยิ้มประจบ รินน้ำชาให้ฉู่เฉินไปพลาง พยักหน้าและกล่าวไปพลาง “เรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เดือนสิบปีนี้ ฉันก็อาจได้เลื่อนตำแหน่งไปที่ที่ว่าการมณฑลแล้ว”“เรื่องนี้ ต้องขอบคุณน้องฉู่ที่ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ต่อไป ถ้ามีอะไรที่ฉันฟางอวี่เจิ้งช่วยได้ น้องฉู่แค่เอ่ยปากมา”ทั้งสองพูดคุยกันไปพลาง ฉู่เฉินมองไปรอบๆ ไปพลาง ก่อนจะกล่าวว่า “ประธานฟางครับ งานเลี้ยงคืนนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาเลย ขุนพลเทียนเฟิ่งคนนี้มีที่มายังไงกันแน่ครับ?”พอได้ยินคำนี้ ฟางอวี่เจิ้งรีบยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้วแล้วกล่าวว่า “ชู่... เบาเสียงหน่อย”“ขุนพลเทียนเฟิ่งไม่ธรรมดาเลย นับตั้งแต่เข้ากองทัพเมื่อห้าปีก่อน ก็สร้างผลงานทางการรบมานับครั้งไม่ถ้วน และยังเป็นหนึ่งในแปดยอดขุนพลดินแดนมังกร ฉันได้ยินมาว่าอีกสามเดือนให้หลัง เธอยังต้องเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ของสี่ยอดขุนพลพิทักษ์ชาติด้วย”“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เธอควรจะเป็นคนรุ่นใหม่เพียงค
ฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ หนึ่งเสียง ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงบนก้นของหลี่จิงจิงอย่างแรงครั้ง จากนั้นเปิดหน้าต่างระบายอากาศออกและจะกระโดดลงไปทันทีซี้ด!หลี่จิงจิงเห็นฉู่เฉินกระโดดลงจากหน้าต่าง ทันใดนั้นก็ตกใจจนใบหน้าเล็กซีดเผือดนี่ชั้นหกเลยนะ!แต่ในวินาทีถัดมา เมื่อฉู่เฉินเดินไปที่ลานจอดรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลี่จิงจิงจึงเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา“ปัง!”ขณะที่หลี่จิงจิงยังตกใจจนพูดไม่ออก ประตูห้องทำงานก็ถูกคนผลักเปิดอย่างแรงชายวัยกลางคนอายุราวสามสิบสี่หรือสามสิบห้าปี ทันทีที่ผลักประตูเข้ามา คนทั้งคนก็ชะงักไปทั่วทั้งห้องทำงานอบอวลไปด้วยกลิ่นฮอร์โมน และหลี่จิงจิงสวมเพียงกางเกงชั้นในตัวเล็กตัวเดียว กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่างชะเง้อมองออกไปด้านนอกภาพนี้ทำให้ชายวัยกลางคนพลันสัมผัสได้ถึงลางร้าย เหมือนกับถูกคนสวมเขาโดยเฉพาะในห้องทำงาน เครื่องออกกำลังกายที่แม้แต่เขายังไม่รู้จักชื่อ และเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนนั้น ยิ่งทำให้ความคิดในใจเขาชัดเจนขึ้น“จิงจิง! คุณกำลังทำอะไรอยู่!”ชายวัยกลางคนโกรธจัด รีบก้าวไปที่ริมหน้าต่าง ก่อนจะยื่นมือผลักเปิดหน้าต่างระบายอากาศออก แล้วโผล่ตัวออกไปชะเง
......อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการหลี่จิงจิงย้ายเครื่องออกกำลังกายที่ตนจัดเตรียมไว้อย่างดีออกมา ขณะเดียวกันก็หยิบรองเท้าบาเลนเซียกาคู่ใหม่สองคู่จากลิ้นชักเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ นี่ก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมฉู่เฉินยังไม่มาสักที?เธอร้อนใจมากจริงๆเวลาเป็นเงินเป็นทอง เวลาคือชีวิตสิ่งสำคัญก็คือบ่ายวันนี้สามีของเธอจะมารับเธอไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลอีกด้วยรอไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง หลี่จิงจิงรีบร้อนจนรอไม่ไหว สุดท้ายจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรไปหาฉู่เฉินผ่านไปเกือบครึ่งนาที ฉู่เฉินถึงจะรับสาย แต่ในวินาทีถัดมา หลี่จิงจิงก็ได้ยินเสียงหอบหายใจคุ้นเคย และเสียงการปะทะที่รุนแรงคงไม่ใช่มั้ง?ร่างของหลี่จิงจิงแทบจะกลายเป็นหิน เพื่อการพบกันครั้งนี้ เธออุตส่าห์ตั้งใจเตรียมตัวอย่างดีมาแล้วหลายวัน แต่กลับถูกลีน่าชิงตัดหน้าไปก่อน?“รอผมอยู่ในออฟฟิศ อีกเดี๋ยวก็ถึง”ฉู่เฉินพูดจบ โดยไม่รอให้หลี่จิงจิงเอ่ยปาก ก็ตัดสายโทรศัพท์ไปขณะที่หลี่จิงจิงรออย่างกระวนกระวายใจ ทันใดนั้นประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเปิดออก และฉู่เฉินก็ผลักประตูก้าวเข้ามา“คุณก็กล้าเกินไปแล้ว ในห้องผู้ป่วยก็..
ฉึก!ขณะที่ลีน่ากำลังส่ายก้นอวบอิ่มและโพสท่าเย้ายวน ทันใดนั้นฉู่เฉินก็ดึงเข็มเงินออกมา แทงเข้าที่ภายในจุดฝังเข็มกลางยอดศีรษะของแรนด์แรนด์เพียงรู้สึกว่าเลือดลมทั้งหมดในร่างกาย ราวกับจะพุ่งไปที่ยอดศีรษะพร้อมๆ กันในทันที และสมองที่มึนงงก็เปลี่ยนเป็นตื่นตัวขึ้นไม่น้อยบางทีอาจเป็นเพราะเลือดลมสูบฉีด แรนด์เพียงรู้สึกว่าปากและลิ้นแห้งผาก ภายในปากราวกับว่ามีไฟลุกโชนอยู่“ลีน่า…”เดิมที แรนด์คิดจะขอให้ลีน่าช่วยเทน้ำให้เขาสักแก้ว แต่เมื่อหันศีรษะไป กลับเห็นก้นกลมกลึงและอวบอิ่มของลีน่า ทันใดนั้นก็สับสนไปหมด“โอ้ พระเจ้า คุณ...คุณกำลังทำอะไรอยู่!”ในวินาทีถัดมา ดวงตาของแรนด์ก็แดงก่ำเขาเกือบจะพิการแล้ว ลีน่าหญิงโสมมนี่ ถึงกับถกชายกระโปรงขึ้นและส่ายก้นงั้นเหรอ?อ๊าย?!เมื่อได้ยินเสียงของแรนด์ ลีน่าก็ตกใจเหมือนกันไม่ใช่ว่าเพิ่งวางยาชาทั้งตัวมางั้นเหรอ?ทำไมถึงฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ล่ะ?ไม่มีเวลาคิดมาก ลีน่ารีบร้อนดึงชายกระโปรงลง หันกลับมาแล้วกล่าวกับแรนด์ว่า “เอ่อ... ฉัน... ฉันรู้สึกร้อนนิดหน่อย จึงคลายร้อนสักหน่อยน่ะ”เมื่อเห็นเข็มเงินแทงลงบนไปที่จุดไป่ฮุ่ยบนยอดศีรษะของแรนด์ ลีน่าจึงเหล
เมื่อถูกสองก้อนเนื้ออ่อนนุ่มถูไปไถมาบนแขน ฉู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะตีสะโพกอวบของหลี่จิงจิงหนึ่งครั้ง“แหมๆ ชั่วร้ายจังเลย ไปดูคนไข้ก่อนเถอะค่ะ อีกเดี๋ยวฉันจะไปรอคุณอยู่ที่ออฟฟิศนะ”พูดถึงตอนนี้ หลี่จิงจิงจึงกัดริมฝีปากสีแดงโดยไม่รู้ตัวอย่างอดใจไม่ไหว ดวงตาคู่สวยเป็นประกาย ยิ่งเต็มไปด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้ผลิ“ไปเถอะ ไปดูคนไข้กัน”ฉู่เฉินโอบรอบเอวของหลี่จิงจิง แล้วเดินไปยังตึกผู้ป่วยในเมื่อมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยพิเศษชั้นห้า พบว่าหน้าประตูรายล้อมไปด้วยแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลประชาชน“ทุกคนหลีกทางหน่อยค่ะ”ทันทีที่เสียงของหลี่จิงจิงดังขึ้น เหล่าแพทย์พยาบาลต่างพากันถอยออกไปด้านหนึ่งมีเพียงผู้เชี่ยวชาญอาวุโสสวมแว่นกรอบดำวัยประมาณห้าสิบกว่าปี เขาใช้คีมคีบส่วนนั้นที่เฉาใกล้ตายของแรนด์ ก่อนจะถอนหายใจและกล่าวว่า “จากประสบการณ์ทางการแพทย์กว่าสามสิบปีของผม ทางที่ดีที่สุดคือการตัดออกครับ”“ไม่งั้น เนื้อเยื่อที่ตายแล้วอาจลุกลามไปทั่ว ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้”แรนด์ที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ถึงกับหมดอาลัยตายอยากแม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกสับสน ตอนกินข้าวกับฉู่เฉินยังดีๆ อ
ฉู่เฉินฝืนใจกล่าวว่า “ก็ได้ ก็ถือว่าให้เกียรติผู้ว่าการเฉียวแล้วกัน”“เฮ้อ น้องฉู่ เกรงใจกันเกินไปแล้ว เรียกพี่ใหญ่สิ บอกนายกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกพี่!”เฉียวเทียนฉี่วางสายด้วยความโล่งอกฉู่เฉินเพิ่งเดินกลับมาที่ห้องโถงหน้า โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าหลี่จิงจิงโทรมา ฉู่เฉินก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ขุนพลเทียนเฟิ่งท่านนี้ นี่คือสืบลำดับวงศ์ตระกูลของตนมาจนหมดแล้วสินะ?แม้แต่ความสัมพันธ์ของหลี่จิงจิงล้วนงัดมาใช้แล้ว!“ผมตอบรับคำเชิญผู้ว่าการเฉียวแล้ว คืนนี้จะไปร่วมงานเลี้ยง”ฉู่เฉินรับสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหลี่จิงจิงที่ปลายสายเงียบไปถึงสามวินาที ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “คุณฉู่ คุณพูดเรื่องอะไรคะ? ฉันไม่เข้าใจเลย?”ฉู่เฉินก็กล่าวด้วยความสับสน “คุณไม่ได้โทรมาเชิญผมไปเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับอะไรนั่นเหรอ?”“ไม่ใช่นะคะ! ฉันตั้งใจโทรมาขอความช่วยเหลือจากคุณต่างหาก”หลี่จิงจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน“เกิดอะไรขึ้น? พูดเถอะครับ”ฉู่เฉินกล่าวไปพลาง ดื่มชาหนึ่งอึกไปพลาง“คุณฉู่ เราเพิ่งรับคนไข้เข้ามา อาการวิกฤตอย่างมาก ด้วยระดับการแพทย์ของโรงพยาบาลเรา เกรงว่า… เกรงว่าจะท
งานเลี้ยง?ฉู่เฉินขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “คงไม่ใช่งานเลี้ยงของหอการค้ากิเลนอีกใช่ไหม? ถ้าใช่ล่ะก็ งั้นก็ช่างเถอะ”ในเมื่อทุกคนเปิดไพ่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาพูดจาเกรงใจกันให้มากความอีก ใช้พลังพูดแทนก็พอ“หอการค้ากิเลน? ไม่ใช่หรอก ฉู่เฉิน แกเข้าใจผิดแล้ว เป็น... งานเลี้ยงต้อนรับของขุนพลเทียนเฟิ่ง เมื่อถึงเวลา ผู้มีชื่อเสียงมากมายในเจียงจง แม้กระทั่งเจ้าเมืองต่างจะมาร่วมงานเหมือนกัน”“ฉันคิดว่า… ถ้าสามารถผูกมิตรกับขุนพลเทียนเฟิ่งได้ ก็น่าจะเป็นการข่มขวัญหอการค้ากิเลนได้ด้วย แกคิดว่าอย่างไร?”ฉู่เฉินหัวเราะเสียงเย็นแล้วกล่าวว่า “ถ้าจะแกร่งก็ต้องแกร่งให้ได้ด้วยตัวเอง การผูกมิตรกับเธอจะให้อะไรฉันได้บ้าง? โทษทีนะ ฉันไม่สนใจ”พูดจบ ฉู่เฉินก็ตัดสายโทรศัพท์ทันที......ขณะนั้น บนทางด่วนข้ามมณฑล หลิ่วชิงเหอมองโทรศัพท์ที่สายไม่ว่าง มองไปซ่งหนิงซวงด้วยสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง แล้วกล่าวว่า “ท่านขุนพลคะ ฉู่เฉินเขา...”ซ่งหนิงซวงแค่นเสียงเบาหนึงเสียง ฉู่เฉินคนนี้ช่างบ้าบิ่นไร้ขอบเขตจริงๆเมื่อกี้บทสนทนาระหว่างหลิ่วชิงเหอกับฉู่เฉิน เธอได้ยินอย่างชัดเจนทั้งหมดถ้าเป็นคนอื่น ป่านนี้คง