คำพูดนั้นสิ้นสุดลง จินหลิงเอ๋อร์ก็เตรียมตัวตั้งท่าต่อสู้!แควก!ชุดกี่เพ้าชุดนั้นที่เธอสวมใส่ก็รับไม่ไหว มันขาดเป็นรอยยาวตรงจุดแสกยาว ขอบลูกไม้สีชมพูปรากฏให้เห็นฉู่เฉินกวาดสายตามองไปที่ชุดกี่เพ้าที่ชำรุดของเธอ ยิ้มอย่างเย็นชาพร้อมพูดว่า “คุณหนูท่านนี้ ร่างกายของคุณเย็น ไม่ควรโกรธง่าย ไม่เช่นนั้นอาการของคุณจะยิ่งแย่ลง”“หากถึงเวลาประตูชีวิตปิดสนิท จะหมดทางเยียวยาแล้วนะ”เมื่อคำพูดนี้ออกไป จินหลิงเอ๋อร์ก็ดูไม่ดีฉู่เฉินไอ้เลวลามกนี่แอบสืบเรื่องเธออยู่เหรอ?แต่ปัญหาคือแม้แต่เธอก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน?“แก...แกอย่ามาพูดไร้สาระนะ คอยดูว่าฉันจะฉีกแกอย่างไร!”จินหลิงเอ๋อร์โกรธสุดขีด!ที่จริงตั้งแต่เธอยังเด็กก็พบจุดที่ตัวเองไม่เหมือนกับคนรุ่นเดียวกันคนอื่นทั้งบนและล่างพัฒนาการหมด มีแต่เธอที่พัฒนาการแค่ข้างบนเมื่อเธอโตเป็นผู้ใหญ่ เธอยิ่งแตกต่างจากผู้หญิงรุ่นเดียวกันขึ้นไปอีก โดยเฉพาะบางส่วนที่กระดากจะพูดบางทีอาจจะเป็นเพราะร่างกายที่แตกต่าง เมื่อเธอเห็นผู้ชายก็จะทำให้เธอรู้สึกขยะแขยง!แม้ว่าจะมีคนมาสู่ของถึงบ้าน หรือคนรวยจำนวนมากที่ตามจีบเธออย่างบ้าคลั่ง แต่จินหลิงเอ๋อ
ฟิ้ว!เสียงทะลุอากาศดังขึ้นทันทีฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา จินหลิงเอ๋อร์นี่จะโหดเหี้ยมไปแล้วมั้ง?หากเป็นคนอื่นคงถูกเธอฟาดจนตายไปแล้วผู้หญิงคนหนึ่งจิตใจต้องบิดเบี้ยวขนาดไหนถึงจะเป็นเหมือนจินหลิงเอ๋อร์ได้ ลงมือก็คือกระบวนท่าพิฆาต?พอคิดถึงตอนนี้ ฉู่เฉินก็ไม่ยั้งมืออีกต่อไป เบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อหลบการโจมตีถึงชีวิตของจินหลิงเอ๋อร์ ยกฝ่ามือขึ้นมา เสียงตบดังขึ้น ฝ่ามือนั่นฟาดเข้าไปอย่างแรงที่บั้นท้ายอันแอ่นงอนอวบอิ่มของจินหลิงเอ๋อร์แม้ว่าฝ่ามือของฉู่เฉินจะออกแรงแค่สองส่วนเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ใช่แรงที่จินหลิงเอ๋อร์ที่มีกำลังภายในแค่ระดับต้นสามารถรับได้พร้อมตามมาด้วยความปวดแสบปวดร้อนตรงบั้นท้าย ร่างกายของจินหลิงเอ๋อร์เซ ก้าวเดินไปข้างหน้าไม่สิบกว่าก้าวก็เกือบจะล้มลงไป“แก...”จินหลิงเอ๋อร์โกรธจนหน้าเขียวไปหมด ทั้งอายทั้งโกรธ เธอกัดฟันจนฟันแทบจะแหลกหมดแล้วคนแซ่ฉู่ไร้คุณธรรมในการต่อสู้!มันมีใครที่ไหนที่กล้าลงมือจงใจตีบั้นท้ายของผู้หญิงต่อหน้าต่อตาคนมากมายขนาดนี้ ?“นี่เป็นแค่การสั่งสอนคุณ ผมเคยบอกแล้ว ว่าคนอื่นไม่ใช่พ่อของคุณ ไม่มีใครตามใจคุณหรอกนะ!”สายตาเย็นชาของฉู
“จะฆ่าผมงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินส่ายหัวเล็กน้อย หัวเราะอย่างเรียบนิ่งพร้อมพูดว่า “ให้เวลาคุณอีกร้อยปี คุณก็ฆ่าผมไม่ได้หรอก เชื่อผม มาทางไหนกลับไปทางนั้นเถอะ”ในระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงมือที่พยุงจินหลิงเอ๋อร์ออกแต่ว่าเนื่องจากเขาและจินหลิงเอ๋อร์อยู่ในตำแหน่งที่ประจวบเหมาะ ในตอนที่เขาดึงฝ่ามือออก มือของเขาจึงถูกับหน้าอกของจินหลิงเอ๋อร์โดยไม่ได้ตั้งใจอ๊ะ!!จินหลิงเอ๋อร์โกรธจนแทบจะระเบิดแล้ว!ไอ้เจ้าฉู่เฉินนี่ มันต้องจงใจแน่ๆ!แต่ว่านอกจากที่เธอจะทำได้แค่กระทืบเท้าเล็กอย่างบ้าคลั่ง เธอก็ทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้แล้วจากการต่อสู้สั้นๆ เมื่อกี้นี้ เธอรู้ดีอยู่แล้วว่าถึงแม้จะใช้กำลังของเธออีกสิบเท่า เธอก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉู่เฉินหากยังต่อสู้ต่อไปก็มีแต่เธอที่จะอับอาย กระทั่งว่าแตะปลายก้อยของฉู่เฉินไม่ได้“แก...แกมีสิทธิ์อะไรมารังแกคนอื่น...ฉันจะไม่ปล่อยแกไปทั้งชาติแน่! ฮือๆๆ...”ในขณะที่พูดน้ำตาของจินหลิงเอ๋อร์ไหลลงมาราวกับไข่มุกที่สายขาดตั้งแต่เล็กจนโต เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกไร้หนทางแบบนี้ทั้งๆ ที่ในใจโกรธมากๆ และทั้งที่ไอ้ฉู่เฉินที่สมควรตายนั่นก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ แต่เธอกลับทำอะไ
ฉู่เฉินขมวดคิ้ว สองแม่ลูกคู่นี้กำลังทำอะไรอยู่?หลังจากที่วางสายไป ฉู่เฉินหันกลับมาแล้วพูดกับจินเจิ้นหลงและลูกสาวของเขาว่า พวกคุณค่อยๆ พิจารณาแล้วกัน ผมยังมีธุระอื่นอีก”พูดจบ ฉู่เฉินก็เดินกลับเข้าในบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ แล้วก็ปิดประตูใหญ่กลับไปที่ห้องรับแขก ฉู่เฉินกดเข้าไปที่หน้าหลักของติ๊กต็อก กดเข้าไปยังช่องไลฟ์สดรู้ทันวงการแพทย์เขาเห็นหลิ่วหรูเยียนในชุดมืออาชีพกำลังนั่งตัวตรงบนเก้าอี้และแต่งหน้าเล็กน้อยเมื่อประกอบกับใบหน้าที่สวยงามและรูปร่างที่ร้อนแรงของเธอ เธอทำให้ผู้คนรู้สึกถึงผู้หญิงที่บริสุทธิ์และมีความปรารถนาขาเรียวสวยขาวราวกับหิมะ ท่ามกลางแสงไฟส่องจะสว่างเป็นพิเศษนี่มันช่างยั่วยวนความสนใจจริงๆ คนที่นั่งข้างหน้าหลิ่วหรูเยียนคือซูซูพิธีกรดังในระยะนี้ ผมสีดำยาวของเธอปลิวไปด้านหลังศีรษะ และเธอสวมชุดสูทสีขาวนม โดยมีเสื้อยืดสีขาวเหมือนหิมะอยู่ข้างใต้ โดยนูนออกมาจากก้อนอวบอ้วนสองก้อนบนหน้าอกของเธอขาสวยในถุงน่องสีดำและรองเท้าส้นสูงสีดำคู่หนึ่งประกอบกับรูปลักษณ์ที่เงียบขรึมและสง่างามของเธอช่วยเพิ่มเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของหญิงสาววัยทำงานรู้ทันวงการแพทย์เป็นรายการทางการแพ
ในช่วงเวลาหนึ่ง แฟนๆ นับแสนในช่องไลฟ์สดต่างก็เยาะเย้ยฉู่เฉินฉู่เฉินที่มองหน้าจอโทรศัพท์อยู่ ก็หัวเราะอย่างเย็นชาพร้อมพูดว่า “งั้นเหรอ? พวกเธอสองคนแม่ลูกเคยช่วยรักษาฉันงั้นเหรอ? งั้นฉันคงต้องถามหลิ่วชิงเหอให้ชัดแล้วล่ะ”พูดจบฉู่เฉินก็เก็บโทรศัพท์ ก้าวเดินออกจากบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วในตอนนั้นเอง หลิ่วชิงเหอก็กำลังดูไลฟ์สดในห้องนอนเธอก็ยังคงคุ้นชินกับการเปลือยเปล่า ขากลมๆ สีขาวสวยงามคู่หนึ่งวางอยู่บนโต๊ะชาตรงข้ามโซฟา ห้อยเท้าอันนุ่มนวลของเธอลงมาตามมาด้วยขาสองขาที่สั่น หน้าอกที่อวบอั๋นทั้งสองข้างนั้นก็พลางสั่นไปด้วยผมที่เปียกโชกปล่อยลงมาตามไหล่ของเธออย่างเป็นธรรมชาติ เห็นได้ชัดว่าเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ยังคงมีหยดเปียกบนร่างกายที่บอบบางของเธอทันใดนั้นหลิ่วชิงเหอก็รู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกๆ จึงรีบหันหน้ามองไปที่หน้าต่างร่างที่สง่างามกำลังยืนอยู่กับหน้าต่าง ด้วยรอยยิ้มที่ไม่เป็นอันตรายบนใบหน้าของเขา และดวงตาของเขาก็จ้องมองเธอด้วยท่าทางหยอกเย้า“ฉู่เฉิน? แกไอ้สัตว์เดรัจฉาน! ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นละก็ฉันจะฆ่าแก!”แม้ว่าหลิ่วชิงเหอจะพูดออกไปแบ
“เมื่อกี้เธอถามฉันว่าจะทำอะไรไม่ใช่เหรอ?”แววตาฉู่เฉินเต็มไปด้วยแววเย้าแหย่ เขากระชากผมของหลิ่วชิงเหอ“อื้อ…อื้อ…”หลิ่วชิงเหอดิ้นขัดขืนและพยายามด่าเขา แต่ไม่นานกลับเปลี่ยนเป็นเสียงอู้อี้ในลำคอเวลานี้ ป้าอู๋ที่กำลังง่วนอยู่ด้านล่างได้ยินเสียงเคลื่อนไว้จากชั้นบนก็ตกใจ รีบพุ่งตัวขึ้นไปบนชั้นสองทันทีเห็นประตูห้องของหลิ่วชิงเหอปิดสนิท ซ้ำยังมีเสียง “กุกกักๆ” ดังมาจากข้างในอีก ป้าอู่ตกตะลึง!“คุณผู้หญิง คุณผู้หญิงคะ? ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”ป้าอู๋เคาะประตูเสียงดัง พลางตะโกนเรียกไปด้วยแต่กลับไร้เสียงตอบรับจากหลิ่วชิงเหอ ตรงกันข้าม เสียงในห้องกลับยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก“คุณผู้หญิง!”ภาพที่หลิ่วชิงเหอถูกคนเลวกระทำอย่างกำเริบเสิบสานผุดขึ้นมาในหัวของป้าอู๋ เธอร้อนรนขึ้นมา จึงใช้ตัวกระแทกประตูอย่างแรงแต่ประตูห้องที่ทำจากไม้เนื้อแท้นั้นแข็งแรงเกินไป แม้แต่ป้าอู๋ก็พังเข้าไปไม่ได้“ปะ…ป้าอู๋…ป้า…ไม่ต้องเข้า…ไม่ต้องเข้ามา รีบไป…รีบไปซะ!”ขณะที่ป้าอู่ถอยหลังไปสองสามก้าว เตรียมจะกระแทกประตูอีกครั้ง เสียงหอบหายใจของหลิ่วชิงเหอก็ดังออกมาจากในห้องก่อน“คุณผู้หญิง ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”ป้าอู๋ทำได
“ไม่ทราบว่าเรื่องราวเป็นมายังไงกันแน่คะ?”คำถามนี้เห็นได้ชัดว่าตั้งใจโจมตีหลิ่วหรูเยียนจากคำพูดของเธอ ฉู่เฉินไม่มีความสามารถสักนิด แล้วเขาช่วยชีวิตผู้อาวุโสเว่ยต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร?หรือพูดอีกอย่างก็คือ ฉู่เฉินที่ไร้ความสามารถด้านการแพทย์ จะมีทักษะด้านการแพทย์ที่สูงขนาดนั้นได้อย่างไร?“เหอะ!”หลิ่วหรูเยียนเห็นว่ากระแสวิพากษ์วิจารณ์ไหลย้อนเข้ามาหาเธอ เธอจึงเลิกเสแสร้ง และพูดด้วยสีหน้าเหยียดหยันว่า “คุณซู คนเราแม้จะอับโชคแค่ไหนก็ต้องมีสักครั้งที่โชคเข้าข้างบ้างรึเปล่าล่ะคะ?”“แมวตาบอดตัวหนึ่งบังเอิญเจอหนูนอนตายก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรมั้งคะ?”“ฉันยังยืนยันคำเดิม บริษัทยาไม่ใช่ว่าใครจะทำก็ได้ ศาสตร์ความรู้ที่เกี่ยวข้องมีมากเกินไป บริษัทของฉู่เฉินไม่มีทางพัฒนาได้ แม้จะมีเงินทุนหลายร้อยล้าน ก็ไม่มีทางเปลี่ยนความจริงที่ว่าซินฉู่ฟาร์มาซูติคอลต้องปิดตัวลง”สิ้นเสียง ผู้ชมในช่องไลฟ์สดจำนวนกว่าแสนคนต่างหันไปสนับสนุนความคิดของหลิ่วหรูเยียน“เหอะ ถ้าเขามีความสามารถด้านการแพทย์ที่สูงขนาดนั้นจริง จะเป็นอัมพาตไปถึงสามปีได้ยังไงล่ะ!”“นั่นน่ะสิ เ
“สวัสดีค่ะ คุณฉู่ ฉันชื่อสวี่ถิงถิง เป็นนักข่าวแนวหน้าของกลุ่มคอลัมน์รู้ทันวงการแพทย์ค่ะ ขอสัมภาษณ์สักครู่ได้ไหมคะ?”นักข่าวสาวสวยถามฉู่เฉิน“ผมไม่สนใจครับ!”ฉู่เฉินตอบเสียงเรียบ จากนั้นก็ดันมือของจินหลิงเอ๋อร์ที่แขนของเขาออกเบาๆ ก่อนจะหันตัวเดินเข้าบ้านไป“ปรมาจารย์ฉู่ เดี๋ยวก่อน”ขณะที่เหล่านักข่าวถูกฉู่เฉินเมินจนยืนอึ้งค้างอยู่กับที่นั้น จินเจิ้นหลงเอามือกุมหน้าอก พุ่งตัวออกไปท่ามกลางฝูงคน“คุณคะ ไม่ทราบว่าเมื่อครู่คุณเรียกคุณฉู่เหรอคะ? แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่คะ?”สวี่ถิงถิงแพลนกล้องไปทางจินเจิ้นหลงทันที“เหลวไหล ฉันไม่เรียกคุณฉู่แล้วจะให้เรียกเธอหรือไง?”จินเจิ้นหลงผลักสวี่ถิงถิงที่ยืนขวางตัวเอง ก่อนจะสบถด่า “เธอตาบอดหรือไง? ไม่เห็นเหรอว่าฉันบาดเจ็บขนาดนี้? นอกจากมาขอความช่วยเหลือ แล้วจะให้ทำอะไรได้อีก?!”พูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้ จินเจิ้นหลงก็เดินจ้ำไปทางฉู่เฉิน ก่อนจะคุกเข่าลงบนพื้น“ปรมาจารย์ฉู่ ตะ…ตระกูลจินของผมยินยอมน้อมรับคุณเป็นเจ้านาย ได้โปรดช่วยพวกเราสองพ่อลูกด้วยเถอะครับ”ขณะเอ่ย จินเจิ้นหลงดึงจินหลิงเอ๋อร์ให้คุกเข่าด้วยภาพที่เกิดขึ้นทำให้ช่องไลฟ์สดแตกตื่นฮือ
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ
“หรูเยียน ลูกพูดเหลวไหลอะไร! รีบนั่งลงเร็วเข้า!”ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วชิงเหอก็คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ในเวลานี้ เลยรีบดึงแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้“หนูไม่ได้พูดเหลวไหลเลยนะ!” หลิ่วหรูเยียนสะบัดมือของหลิ่วชิงเหอออก ก่อนจะเดินลงจากที่นั่งแขกกิตติมศักดิ์ อย่างรวดเร็ว เจียงถิงมองหลิ่วหรูเยียนที่พุ่งขึ้นมาบนเวที แล้วขมวดคิ้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนิดหน่อยว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันหวังว่าคุณจะรับผิดชอบต่อคำพูดเมื่อกี้ของคุณได้นะคะ” “การใส่ร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คนเป็นความผิดทางกฎหมายนะคะ!” หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็น แย่งไมโครโฟนมาแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉิน ก่อนจะพูดกับผู้ชมกว่าหมื่นคนด้านล่างเวทีว่า “ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉู่เฉินคนนี้เป็นแค่นักต้มตุ๋นที่ไม่มีความรู้ความสามารถ!”“พวกคุณอย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกปลอม ๆ ของเขาหลอกลวงเด็ดขาดนะคะ!”“เขาไม่เพียงไม่มีวิชาแพทย์อะไรทั้งนั้น แม้แต่สามีภรรยาเมื่อครู่นี้จะต้องเป็นหน้าม้าที่เขาจ่ายเงินจ้างมาแน่นอน!”หลังจากที่สิ้นเสียงตะโกนของเธอ ทุกคนก็หันไปมองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่กำลังอุ้มลูกเมื่อครู่นี้อีกครั้ง“พวกเราไม่รู้จักคุณ
“ตึกตัก! ตึกตัก!”ฮว่าจิ่วหยางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองใกล้จะกระโดดมาถึงลำคอแล้ว ถ้าเกิดเด็กชายตัวน้อยเอ่ยปากพูดจริง ๆ เช่นนั้นยาบำรุงสวรรค์ตัวนี้ก็จะโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตในพริบตาฉู่เฉินก็จะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งวงการแพทย์นี่ไม่ใช่การสร้างปาฏิหาริย์แล้ว แต่เป็นการท้าทายชะตากรรมชะตากรรมของผู้พิการทางการได้ยินและการพูดย่อมแตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ เด็กชายตัวน้อยค่อย ๆ อ้าปากเล็ก ร้องเรียกเบา ๆว่า “บอ” “ระ...เรียกพ่อ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นก็ตื่นเต้นจนน้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอดวงตา แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุด ส่วนบรรยากาศในงานก็ตื่นเต้นถึงที่สุด เสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นไม่อาจถือได้ว่าฉู่เฉินประสบความสำเร็จแล้ว อย่างมากก็เป็นเพียงการพูดอ้อแอ้ หรือว่าเสียงจากการครางเท่านั้น“เรียกสิ เรียกพ่อ!” ภายใต้การกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าของชายหนุ่ม เด็กชายตัวน้อยอ้าปากเล็ก ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “พะ...อา พอ...พ่อ”เสียงที่ชัดเจนดังออกมาเป็นรอบที่สอง ทั่วทั้งงานและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตแทบจะเดือดพล่านพร้อมกั
เชี่ย!ฮว่าเทียนอวี่ที่นั่งข้างหลังฮว่าจิ่วหยางอดสบถคำหยาบไม่ได้จากนั้นก็เห็นเพียงเตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินพลันเปล่งแสงสีแดงฉานออกมา ก่อนที่กลิ่นหอมของยาที่สดชื่นผ่อนคลายจะอบอวลไปทั่วทั้งสนามกีฬาระดับสวรรค์!ถึงแม้พวกฮว่าจิ่วหยางไม่เชี่ยวชาญด้านการหลอมยา แต่ว่ายังคงแยกแยะระดับได้ชัดเจนมาก แม้ว่าตัวยาเม็ดนี้หลอมขึ้นจากสูตรยาระดับล่างเท่านั้น แต่เมื่อมันไปถึงระดับสวรรค์ขึ้นไปก็ล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้เช่นเดียวกัน! อย่างไรเสียสูตรยาเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติและทิศทางการรักษาของยา แต่ความสามารถของนักหลอมโอสถเป็นตัวกำหนดระดับของตัวยา แม้ว่าจะเป็นสูตรยาระดับดิน ถ้าเกิดออกมาเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ได้ นั่นก็น่ากลัวมากนี่ก็เปรียบเหมือนกับว่าหากใช้สูตรยาหกตำรับบำรุงไตหลอมเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ ยาหกตำรับบำรุงไตหนึ่งเม็ดนี้สามารถขายได้ถึงหลายพันล้าน และยาในมือฉู่เฉินเม็ดนี้ คุณสมบัติกับการรักษาหลักยังไม่ชัดเจน หรือพูดอีกอย่างก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นยาระดับสวรรค์ที่ประเมินค่าไม่ได้ รวย!รวยเละแล้ว!พวกฮว่าจิ่วหยางรู้สึกอิจฉาฉู่เฉินไม่หยุด ไม่แน่ว่าฉู่เฉินอาศัยยาวิเศษระดับสวร
“พวกนายรีบดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?”“เชี่ย นั่นเหมือน...เหมือนก้อนเมฆเลย?” “นี่แม่งไม่สมเหตุสมผลเลย ขะ...เขาจะมีก้อนเมฆอยู่ในมือได้ยังไง?” แม้แต่เจียงถิง เวลานี้ก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือเตาหลอมโอสถของฉู่เฉินนอกจากนี้ด้านในยังมีสายฟ้าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!ซี้ด!พวกฮว่าจิ่วหยางที่อยู่บนที่นั่งกรรมการก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อหรือว่านั่นก็คือเคราะห์โอสถในตำนาน?เล่ากันว่า มีเพียงโอสถที่ไปถึงระดับท้าทายสวรรค์ถึงจะเกิดเคราะห์โอสถขึ้นมาในขณะกำลังหลอมยาเสร็จแม้แต่หลี่จวิ้นเฟิงก็มองฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นั่นมันเคราะห์โอสถเชียวนะ! เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหมอก็หลอมโอสถชั้นเลิศที่สามารถผ่านเคราะห์โอสถออกมาไม่ได้เลย ฉู่เฉินเขาทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!จะต้องประสาทหลอนแน่ ๆ! “เลิกหลอกลวงอยู่ตรงนั้นได้แล้ว!”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลายหนัก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งเตะไปที่เตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ฉู่เฉินหลอมยาได้สำเร็จ!แ
“ติ๊ง!”เวลานี้เอง ภายในสนามกีฬาเจียงจง หลี่จวิ้นเฟิงที่กำลังหลับตาพักผ่อนพลันได้ยินเสียงใสกังวานดังขึ้นข้างหูสำเร็จแล้ว!หลี่จวิ้นเฟิงลืมตาขึ้นฉับพลัน ท่าทางดูล้ำลึกจนยากจะคาดเดา เขายกเตาหลอมโอสถบนพื้นขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว แล้วเอ่ยปากพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ยาเทวดาสำเร็จแล้ว สามารถทดสอบผลลัพธ์ได้ทันที!”เมื่อสิ้นเสียงพูด หลี่จวิ้นเฟิงก็เปิดฝาเตาหลอมโอสถ ยาสีดำสามเม็ดกลิ้งจากเตาหลอมโอสถมาที่มือของหลี่จวิ้นเฟิงไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็เลือกผู้โชคดีสามคนจากที่นั่งผู้ชมด้านล่างเวที ทั้งสามคนล้วนเป็นผู้สูงวัยอายุเกิดหกสิบปี นอกจากนี้ยังมีคนหนึ่งถือผลตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาล ป่วยเป็นโรคระบบหัวใจหลอดเลือดอย่างรุนแรง ใส่ขดลวดหัวใจไว้ในร่างกายสามอันแล้วหลี่จวิ้นเฟิงส่งยาในมือให้คนผู้นั้นหนึ่งเม็ดทันที แล้วยื่นน้ำแร่ไปให้อีกหนึ่งขวดผู้สูงอายุทั้งสามคนกินยาของหลี่จวิ้นเฟิงลงไปแล้ว อาการป่วยก็ดีขึ้นมากจริง ๆ ถึงขนาดที่ผู้ป่วยอาการหนักที่สุดคนนั้น จากเดิมที่ถูกลูกชายลูกสาวประคองขึ้นเวที แต่หลังจากกินยาเข้าไปก็ยืดตัวตรง เดินลงจากเวทีด้วยตัวเอง เมื่อเห็นฉากนี้ หลายคนที่ก่อนหน้านี้วิพากษ์วิ
แต่ยาลูกกลอนที่กระถางยาของเขาหลอมออกมาได้ก็สาเหตุมาจากยันต์อักขระเหล่านั้น ราวกับผลิตออกมาจากสายการผลิตไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติหรือคุณภาพของยาที่หลอมสำเสร็จ เทียบไม่ได้กับกระถางยาทองคำม่วงที่อยู่ในมือของฉู่เฉินแม้แต่น้อยหลี่จวิ้นเฟิงอดหัวเราะขำขันออกมาไม่ได้หลังจากเห็นกระถางยาที่ขึ้นสนิมในมือฉู่เฉิน จึงชี้ไปยังกระถางยาทองคำม่วงในมือฉู่เฉินพร้อมกล่าวขึ้น “คนแซ่ฉู่ ไม่ใช่ว่ากะอีแค่กระถางยาที่ดีกว่านี้หน่อยยังซื้อไม่ไหวหรอกนะ”“นี่เก็บสินค้าแผงลอยจากตลาดขยะที่ไหนมา ยังกล้าเอามาหลอมโอสถอีก ไม่กลัวคนกินแล้วตายหรือไง”ฉู่เฉินคร้านจะสนใจเขาเลยหยิบวัตถุดิบยาสองสามชนิดออกมาจากในกองสมุนไพร แล้วใช้มือเดียวบี้บดจนวัตถุดิบเหล่านั้นเป็นผง จากนั้นจึงโยนผงยาที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ทิ้งไปขณะที่ผงสมุนไพรเข้าสู่กระถางยาทองคำม่วง ฉู่เฉินก็ถ่ายพลังวิญญาณมายังกลางฝ่ามือต่อจากนั้นเปลวไฟสีน้ำเงินเข้มก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของฉู่เฉินราวกับเล่นกลหลี่จวิ้นเฟิงไม่กล่าววาจาใดอีก คว้าวัตถุดิบยาแล้วก็นำวัตถุดิบยาทั้งหมดใส่เข้าไปในกระถางยาเป็นไปตามที่อวี้ลู่คาดการณ์ไว้เลย ในกระบวนการหลอมโอสถทั้งหมด หลี่จวิ้นเฟิง
“หรูเยียน ที่ลูกพูดมาเป็นเรื่องจริงเหรอ”หลิ่วชิงเหอได้ยินแล้วก็เริ่มรู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้างถ้าเป็นอย่างที่หลิ่วหรูเยียนพูดมาจริง ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าก็หลอกล่อเอาสูตรยาบำรุงปราณมาจากฉู่เฉินในช่วงที่ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด ฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จะได้มียาบำรุงปราณขายด้วยเช่นกันแล้วนี่?คิดเรื่องพวกนี้แล้วหลิ่วชิงเหอก็กลับมานั่งลงที่เดิม จากที่ตอนแรกกะจะลุกขึ้นเตรียมออกจากสนามแข่งขันนี้ไป“จริงแท้แน่นอน หลี่จวิ้นเฟิงบอกกับหนูเองเลยนะ อีกอย่าง ถ้าเขาไม่มั่นใจก็คงไม่เลือกการแข่งขันหลอมโอสถหรอกค่ะ”หลิ่วหรูเยียนพูดพลางยิ้มชั่วร้ายแม้ฉู่เฉินชนะไปรอบหนึ่งแล้ว ยังไงการแข่งขันรอบสองก็ถือว่าเสมอกันขอแค่หลี่จวิ้นเฟิงชนะการแข่งขันรอบที่สาม ผลก็จะออกมาเสมอกันทุกคนฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จะไม่ขายหน้า และในทางตรงกันข้ามก็ยังได้รับความนิยมและประโยชน์โดยอาศัยการแข่งขันรอบที่สามนี้ด้วย ……อีกด้านหนึ่ง ถังจิ้งจือที่นั่งอยู่ตำแหน่งกรรมการก็ไม่เสแสร้งอีกต่อไป เยาะเย้ยกล่าว “ใช่แล้วยังไงล่ะ หรือว่าการแข่งขันรอบสามนี้ไม่ยอดเยี่ยมน่าชมหรอกเหรอ”“พวกคุณอย่าลืมซะล่ะ สามารถจัดการแข่งขันแพทย์แผนจีนตลอดทั้งปีนี้ได้ก็เพร
หลินจื้อหงทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาตบโต๊ะกล่าวเสียงดังลั่น“ท่านหลิน ผมไม่เห็นด้วยกับคำพูดคุณ!”ถังจิ้งจือเบะปากกล่าว “การแข่งขันแพทย์แผนจีนคราวก่อนก็จับฉลากได้ผู้ป่วยอาการแตกต่างกัน หรือใครจับได้โรคอาการรุนแรงก็ถือว่าคนนั้นชนะเหรอ?”“กฎก็เขียนชัดเจนอยู่แล้วว่าตัดสินจากการรักษา”“ไม่ใช่ความผิดของคุณหลี่ที่หยิบได้ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ก็คงกล่าวได้ว่าคุณหลี่มีคุณธรรมสูงส่งโชคเข้าข้างเขาก็เท่านั้น”“ส่วนฉู่เฉินรักษาคนไข้โรคฝีหนองทั้งร่างนั้นหายได้ก็เป็นวาสนาของคนไข้รายนั้น ไม่ใช่ผลงานของฉู่เฉินฝ่ายเดียว ดังนั้นฉันคิดว่าการแข่งขันนี้ต้องตัดสินเสมอกันเท่านั้น”แม่ง!จางเสวี่ยเหยียนเริ่มเกิดความคิดอยากจะตบปากคน!ฮว่าจิ่วหยางสูดลมหายใจลึก ถึงยังไงพวกเขาไม่กี่คนก็ล้วนเป็นกรรมการ หากมีการทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ขึ้นมาระหว่างกรรมการด้วยกันเอง จะทำให้คนอื่นเห็นวงการแพทย์แผนจีนเป็นเรื่องตลกฮว่าจิ่วหยางคิดแล้วก็หันหน้าไปกล่าวกับฉู่เฉิน “คุณฉู่ ไม่ทราบว่าคุณยอมรับคำตัดสินของท่านถังนี้หรือไม่” ฉู่เฉินยิ้มเยาะ มองสำรวจหลี่จวิ้นเฟิงและถังจิ้งจือ แล้วพยักหน้ากล่าว “ก็ได้ ถ้าผมไม่ยอมรับ เจ้าสอ