“ท่านแม่ทัพขอรับ”“จัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง”“เรียบร้อยแล้วขอรับ”“ดีมาก”เมื่อรับของขวัญเสร็จแล้วก็เป็นงานเลี้ยงสังสรรค์และการแสดงของสตรีที่เข้าพิธีในวันนี้ นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเพราะแต่ละการแสดงที่แต่ละคนเลือกมาล้วนน่าสนใจทั้งการรำแบบอ่อนช้อยหรือการเล่นผีผาของหลี่หนิงฮวา รวมไปถึงการแสดงการวาดภาพเหมือนของบุตรขุนนางหลาย ๆ คน“คุณหนูเจ้าคะ ได้เวลาที่ท่านจะแสดงแล้วเจ้าค่ะ”“ได้สิขอบใจเจ้ามากอาหลัน”ลี่หลินเดินไปยังโต๊ที่วางพิณเอาไว้ เมื่อนางนั่งลงและกำลังจะเริ่ม จู่ ๆ คุณชายหย่งก็เรียกนางเอาไว้“ช้าก่อนคุณหนูเจียง”ทุกคนหันมามองบุรุษหนุ่มที่กำลังเดินเข้าไปหานางที่โต๊ะเมื่อเขาพบบางอย่างที่ผิดปกติ เฉินจวินเซียวมองไปยังใบหน้าของบัณฑิตหนุ่มอีกครั้งจนแม่ทัพเฉินผู้พ่อเอ่ยถามขึ้นมา“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือคุณชายหย่ง”ชายหนุ่มหันมาและคำนับให้กับแม่ทัพเฉินอีกครั้งพร้อมกับกล่าวขึ้นมา“ข้าต้องขออภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ว่าคุณหนูเจียงเห็นทีว่าพิณตัวนี้คงไม่พร้อมที่จะให้เจ้าบรรเลงในวันนี้เสียแล้ว”“เพราะเหตุใดกัน เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”“ดูเหมือนว่าข้าคงจะตั้งสายพิณตึงมากเกินไปจนมีสายหนึ่งที่มันเหมือนจ
ปิ่นทองถูกปัดตกพื้นพร้อมกับร่างหนาที่เดินจากไป ทิ้งให้ลี่หลินมองไปยังสิ่งที่ตกไปที่พื้น เหตุใดเขาจึงโกรธขนาดนี้เพียงเพราะนางนำสิ่งนี้มาคืนให้เขา มือเรียวค่อย ๆ หยิบปิ่นที่หล่นพื้นขึ้นมากอดเอาไว้ นางเห็นเพียงครั้งแรกก็รักมันยิ่งนักและดีใจที่สุดที่เขาเป็นผู้ปักมันให้นางด้วยตัวเองแต่เมื่อคิดได้ว่าเขาอาจจะเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังสายพิณที่เกือบขาดนั่นก็ทำให้นางโกรธเขา“ข้าจะจัดการกับความรู้สึกครึ่ง ๆ กลาง ๆ เช่นนี้อย่างไรดี”ห้องเฉินจวินเซียว“ถึงกลับกล้าคืนปิ่นนั่นให้ข้า เจ้าคงคิดดีแล้วสินะปีศาจน้อย เจ้ามัน!!…”“คุณชายขอรับ”“ว่าอย่างไรบ้าง”“ข้าน้อยไปสืบความมาแล้ว มีคนลอบตัดสายพิณของคุณหนูเจียง คุณชายหย่งผู้นั้นเป็นผู้สังเกตเห็นเขาจึงได้ยั้งนางมิให้เล่นพิณตัวนั้นในงานวันนี้ขอรับ”“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า…. เดี๋ยวก่อนนะเจ้าบอกว่าสายพิณนั่นมีปัญหางั้นหรือ”“ขอรับ หากว่าดีดพิณไปทั้ง ๆ ที่สายเกือบขาดอาจจะทำให้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น ดีหน่อยก็แค่ขาดช่วงเพลงและเล่นไม่จบ แต่หากร้ายกาจกว่านั้นสายดีดสะท้อนกลับอาจจะทำให้นิ้วของคุณหนูบาดเจ็บและไม่อาจเล่นพิณได้เลยนะขอรับ”“อะไรกัน!! เหตุใดจึงเกิดเรื่
“ข้ารู้แล้วเดี๋ยวข้าจะออกไป”“เจ้าค่ะ”ลี่หลินเดินไปยังเรือนด้านหน้าอีกครั้งเพื่อพบกับท่านลุงท่านป้า เมื่อเดินเข้าไปก็พบว่าทั้งสองนั่งรออยู่ก่อนหน้านั้นแล้วพร้อมกับบางอย่างในมือ ตรงสุดทางมีจวินเซียวนั่งอยู่“ท่านลุง ท่านป้า”“หลินเอ๋อร์นั่งก่อนสิ”“เจ้าค่ะ”ลี่หลินมองไปยังแม่ทัพเฉินผู้พ่อที่ยังถือกระดาษบางอย่างอยู่ในมือ ฮูหยินตบหลังมือลี่หลินเบา ๆ เมื่อนางมานั่งลงข้าง ๆ สีหน้าของจวินเซียวยังนิ่งเมื่อนางนั่งลงข้าง ๆ ท่านแม่ของเขา“เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ”“เจ้าฟังท่านลุงพูดเถอะนะ เรื่องนี้จวินเซียวพึ่งจะนำมาบอกพวกเรา”“เฮ้อ…หลินเอ๋อร์เรื่องพิณที่สายขาดของเจ้าบัดนี้พบตัวผู้กระทำผิดแล้ว นี่คือใบสารภาพของนางที่ลงประทับรอยนิ้วมือเรียบร้อยแล้ว”“จับคนร้ายได้แล้วงั้นหรือเจ้าคะ แต่นางเป็นเพียงแค่สาวใช้…”“หลินเอ๋อร์เจ้าเองก็รู้งั้นหรือว่าเป็นฝีมือผู้ใด”ทั้งหมดหันมามองหน้านาง และเป็นครั้งแรกที่จวินเซียวเองก็หันมามองหน้านางเช่นกัน ในเมื่อนางรู้ว่าไม่ใช่เขาแล้วเหตุใดยังเอาแต่ชักสีหน้าใส่เขาเช่นนั้น ลี่หลินไม่กล้ามองสบตาเขาและหันมาบอกท่านลุงแทน“ระ เรื่องนี้คุณชายหย่งเป็นผู้แจ้งหลานเจ้าค่ะ เขานำส
“ไม่นะ!! ปล่อยข้านะ อื้อ…”มือหนาเอื้อมมาปิดปากนางไว้ ร่างบางถูกอุ้มขึ้นมาอย่างง่ายดายและถูกพาเข้าไปวางที่เตียงในห้องด้านใน นางไม่เคยเข้ามาที่นี่มาก่อน ตอนนี้หากจะตะกายหนีก็คงหาทางออกได้ไม่ทัน“ท่านแม่ทัพ อย่าเจ้าค่ะ”“เจ้าคิดอย่างไรกับเจ้านั่น เพียงแค่เขาตามหาคนร้ายให้เจ้าได้ก็จะยอมถวายตัวให้เขางั้นหรือ เจ้านี่มันช่างร้ายกาจกว่าที่ข้าคิด”“ไม่ อย่าถอดนะ ไม่นะ!! เฉินจวินเซียวข้าเกลียดท่าน!!”นางกรีดร้องพลางตะโกนด่าเขาไม่หยุดเมื่อเขาเริ่มดึงอาภรณ์ที่นางสวมใส่ออกทีละชิ้นอย่างบ้าคลั่ง จวินเซียวในตอนนี้แทบจะไม่ได้ฟังที่นางพูดเลยเมื่อเขาถอดสายคาดเอวนางออกไปได้ก็บดขยี้ริมฝีปากนางจนเจ็บไปหมด“อื้อ…อื้อ….”นางดิ้นรนอยู่ในอ้อมกอดนั้นจนค่อย ๆ นิ่งลง รังนกที่อุตส่าห์ตุ๋นเกือบหนึ่งชั่วยามถูกวางลืมเอาไว้ที่โต๊ะ เสียงฝนตกราวกับพายุเข้าและเสียงฟ้าร้องภายนอก ต่อให้นางอยากตะโกนก็คงไม่มีผู้ใดได้ยิน น้ำตาไหลรินจากแรงกดทับของฝ่ามือที่กดตรึงนางเอาไว้และจาบจ้วงเอาความหวานจากรวงปากสีชมพู “ลี่หลิน”“ไม่นะ อย่านะข้ายัง…”“เจ้าทำให้ข้าโกรธ”นางเอาแต่ส่ายหน้าและเขาก็พยายามจะลดความโกรธลงเมื่อเห็นน้ำตานางแต่เขาย
เขาเองก็สั่นไปทั้งตัวเพราะด้านในของนางนั้นทั้งแน่นและบีบรัดจนเขาแทบจะทนไม่ไหว ลี่หลินรู้สึกว่าเขาเองก็ทรมานไม่น้อยไปกว่านางแต่ก็ยัง….“ท่านแม่ทัพ…”“อย่าพึ่ง…. อย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้ อาา…”ลี่หลินรู้แล้วว่ามิใช่แค่นางที่เจ็บ และตอนนี้นางก็เริ่มทุเลาลงแล้วเพราะเขาหยุดขยับแต่ร่างของบุรุษหนุ่มกำยำตรงหน้านางยังคงสั่นอยู่จนนางเริ่มสงสารเขา“ท่านพี่จวินเซียว”ท่ามกลางความสั่นสะท้านแล้วเสียวสุดหัวใจเมื่อถูกนางเรียกชื่อ เพียงเท่านั้นสติของเขาก็ตื่นขึ้นและหันมาสบตานาง ลี่หลินคลี่ยิ้มให้เขาเป็นครั้งแรกและยังค่อย ๆ ดึงใบหน้าของเขาลงไปหานางเพื่อจะจรดปลายริมฝีปากนั้นไปที่หน้าผากของเขา“ลี่หลิน เจ้าเรียกข้าว่า…"นางหันหน้าหนีเขาอีกครั้ง แต่การที่นางกล้าเรียกชื่อเขาตรง ๆ เช่นนี้ก็นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี เมื่อแม่ทัพหนุ่มเริ่มขยับกายเข้าใกล้นางก็เริ่มกัดฟันและใช้เล็บจิกไปที่ไหล่ของเขาเพราะความใหญ่คับแน่นนั้นทำให้นางเริ่มหายใจไม่ทัน และไม่นานก็เริ่มเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอื่น“อ๊ะ!”แต่แม่ทัพหนุ่มกลับถอยไม่ได้แล้วเมื่อดันลึกเข้ามาจนสุดปลายด้าม เขาเริ่มขยับตัวและค่อย ๆ เร่งความเร็วขึ้น ลี่หลินหันไปจับผ้
ลี่หลินยังคงไม่กล้าหันไปมองเขา นางกลัวว่าหากเผลอไปสบตาเขาเข้านางจะใจอ่อนยอมให้เขาทำตามใจ “ระ เรื่องเมื่อคืนนี้ ข้าก็แค่นำรังนกตุ๋นไปให้ท่านแม่ทัพ จากนั้นก็กลับออกมา เรื่องอื่นได้โปรดลืมไปเสียเถอะเจ้าค่ะ”“ลืมงั้นหรือ!! เจ้าคิดว่าเพียงแค่พูดมาก็จะจบงั้นหรือ นี่เจ้าคิดว่า….คิดว่าการที่เจ้าเป็นของข้าแล้วลี่หลิน เจ้า!!”“ข้าไม่อยากฟัง ได้โปรดเถอะเจ้าค่ะ”“ต่อให้เจ้าไม่อยากฟัง แต่เจ้าก็เปลี่ยนความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ไปไม่ได้ ลี่หลินแม้ในตอนนี้เจ้าจะยังไม่ยอมรับ ข้าจะทำทุกทางให้เจ้ายอมรับให้ได้”“ท่านแม่ทัพ ท่านทำเช่นนี้เพียงเพื่อต้องการให้ข้าชดใช้แก่ท่านมิใช่หรือเจ้าคะ”“เลิกพูดถึงเรื่องชดใช้อะไรนั่นเสียที เจ้านี่มันงี่เง่าไม่เข้าใจเหตุผลเอาเสียเลย”เฉินจวินเซียวเดินออกไปจากห้องของนาง ลี่หลินกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เมื่อเขาเดินพ้นจากห้องแล้วนางจึงปล่อยโฮออกมาทันที แม้ว่านางจะสมยอมแต่เขาไม่เคยบอกสิ่งใดให้นางรู้ว่าเรื่องเมื่อคืนนี้มีความหมายอันใดกับเขา“ลืมเสียเถอะ ลืมให้หมดสิ้นไปลี่หลิน”“คุณหนูเจ้าคะ ท่านร้องไห้ทำไมหรือเจ้าคะ ข้าออกไปต้มข้าวต้มมาให้ท่านกินเสียหน่อยนะเจ้าคะ”“ข้
“ท่านแม่ทัพ เรื่องนี้….”“เมื่อคืน…เจ้ามิได้เรียกข้าเช่นนี้ลี่หลิน”เมื่อเขาพูดเช่นนี้ก็ทำให้นางพลันนึกได้ หลังจากที่พวกเขาใช้เวลาด้วยกันเกือบค่อนคืน นางเรียกเขาว่า “พี่จวินเซียว” ตลอดเวลาที่เขาจูบนางและรักนางทั้งคืน ใบหน้าลี่หลินกลับมาแดงก่ำอีกครั้งเมื่อเขาเอ่ยขึ้น“เจ้าคงไม่คิดจะกลับมาเรียกข้าด้วยยศตำแหน่งที่ห่างเหินเช่นนั้นอีกใช่หรือไม่ลี่หลิน”“แต่ว่า…ท่านเคยบอกว่า…”“ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่มีน้องสาว เพราะข้าไม่เคยมองเจ้าเป็นน้องสาวเลยสักครั้งเดียว”“ท่านบอกว่าข้าเป็นปีศาจ เป็นผู้ที่ฆ่าท่านลุงของท่าน”“นี่เจ้าคงไม่คิดจะยึดติดกับคำพูดไร้สาระของข้าในวัยเด็กนั่นเป็นเรื่องจริงจังไปทั้งชีวิตหรอกนะ”“ข้า…”“เรียกสิ เรียกข้าเหมือนที่เจ้าเรียกเมื่อคืนนี้ลี่หลิน หากเจ้ายังไม่เรียกข้ามีวิธีอีกมากให้เจ้ายอมเรียกข้า”“อย่านะเจ้าคะ ข้าป่วยอยู่”“รู้ตัวว่าป่วยเช่นนั้นก็อย่าดื้อแล้วเชื่อฟังดี ๆ สิ ว่าอย่างไร”“ข้าก็แค่รู้สึกไม่คุ้นชิน”“เจ้าก็เริ่มทำให้มันชิน เพราะจากนี้ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าเรียกข้าด้วยคำว่าท่านแม่ทัพนั่นอีก”“เป็นคำสั่งหรือเจ้าคะ”จวินเซียวหันมามองหน้านางอีกครั้ง ใบหน้าของเขายื่นเข้า
“อ้อ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไปเถอะแม่กับท่านพ่อเจ้ามีเรื่องจะปรึกษากันอีก งานเลี้ยงของสกุลหลี่อีกสี่วันข้างหน้านี้....”“ขอรับ เช่นนั้นลูกขอตัวก่อน”เขาเพียงแค่หันไปมองนางที่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่เท่านั้นก่อนจะลุกนำขึ้นไปก่อน ลี่หลินลุกขึ้นพลางเดินตามเฉินจวินเซียวออกไป ตลอดทางเขามิได้เอ่ยปากหรือชวนนางคุยจนนางเดินถึงเรือนหลังและหันมาขอบคุณเขา“ขอบคุณ พี่จวินเซียวเจ้าค่ะ”“ไม่เป็นไรเจ้ารีบเข้าไปเถอะ”นางเพียงคำนับและเดินเข้าไปในเรือนพักของตนเอง สาวใช้เมื่อเห็นนางเข้าไปแล้วจึงเดินตามลี่หลินเข้าไป “คุณหนูท่านจะให้บ่าวดับไฟเลยหรือไม่เจ้าคะ”“ยังไม่ต้อง ข้าจะอ่านตำราแพทย์ต่ออีกสักหน่อยเจ้ากลับไปก่อนเถอะเดี๋ยวข้าจัดการที่เหลือเอง”“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าปิดประตูให้นะเจ้าคะ”“อืม รีบไปเถอะ”ลี่หลินนั่งอ่านตำราไปได้สักพักก็ได้ยินเสียงที่ช่องหน้าต่างด้านหลังของเรือน แม้ว่านางจะนึกสงสัยแต่ก็ไม่กล้าลุกขึ้นไปดู มือหนึ่งคว้ามีดสั้นที่ซ่อนเอาไว้อยู่ในมือ ไม่นานก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปที่หน้าต่างที่มีเสียงด้านหลัง“ขวับ!!”“ข้าเอง!! นี่คิดจะฆ่าปิดปากกันเลยงั้นหรือ”“ท่าน!!”เฉินจวินเซียวเข้ามาทางหน้าต่างที่นางล็อกเอ
“ท่านพี่!!”“อะไรอีกงั้นหรือ”“ท่าน…ต้องทำพิธีเปิดหน้าเจ้าสาวก่อนเจ้าค่ะ”“นั่นสิข้าลืมไปเลยหากเจ้าหายใจไม่สะดวกจะแย่เอานะ ไหนล่ะไม้เปิดนั่น อ้อ อยู่นี่เอง ทำไมพิธีการถึงได้เยอะเช่นนี้กันนะ”“เฉินจวินเซียวท่านบ่นตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้า มาในตอนนี้ก็ยังไม่เลิกบ่นอีก เช่นนั้นไม่แต่งดีหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่นะ!! ลี่หลินวันนี้เป็นวันมงคลใหญ่เจ้าจะพูดเช่นนี้หาได้ไม่ ข้าไม่ยอมนะ ”“ท่านเอาแต่บ่นจนข้าคิดว่าท่านไม่เต็มใจจะแต่งงาน”“ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าจะเปิดแล้วนะ”จวินเซียวมือสั่นเล็กน้อยเมื่อใช้ไม้มงคลที่ผูกโบสีแดงเอาไว้ค่อย ๆ เลื่อนเข้าไปในผ้าสีแดงและค่อย ๆ เปิดหน้าเจ้าสาวเอาไว้ เจียงลี่หลินที่ถูกแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าที่จัดจ้านกว่าเดิมด้วยสีแดงสดแต่กลับงดงามราวดอกโบตั๋นในฤดูหนาวที่เลอค่ายิ่งกว่าบุปผาใดในใต้หล้าสำหรับเฉินจวินเซียว“เจ้า…ช่างงามยิ่งนัก งามจนข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นของข้า เจียงลี่หลินข้าควรรู้มานานแล้วว่าข้ารักเจ้าและไม่สามารถปล่อยเจ้าไปที่ใดได้นับตั้งแต่เจ้าก้าวเข้ามายังสกุลเฉินแห่งนี้”“ท่านพี่ข้าเองก็เช่นกันเจ้าค่ะ วันนี้ท่านดูสง่างามในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดนี้ ช่างรูปงามยิ่งนัก
“เปล่านะขอรับ ข้าเพียงแค่ได้ยินมาว่าผู้ที่ตั้งครรภ์ควรนอนพักให้มาก ๆ จึงปล่อยให้นางนอนพักต่ออีกสักหน่อยเพราะก่อนหน้านี้นางไปทัพคงอ่อนเพลียมากอย่าไปรบกวนนางเลยขอรับ”“เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ”“ท่านแม่ข้าฝากดูแลลี่หลินก่อนนะขอรับแล้วลูกจะรีบกลับ”“เจ้ารีบไปเถอะทางนี้แม่ดูแลให้เองไม่ต้องห่วง”จวินเซียวและใต้เท้าเฉินลู่เดินทางออกจากจวนทันที พวกเขาพบกับหย่งเล่อหานที่เข้าวังมาเช่นกันก่อนที่ทั้งหมดจะเข้าเฝ้าท่านอ๋องในห้องทรงงานเล็ก“อาการขององค์ชายรองดีขึ้นมากแล้ว เขารู้เรื่องขององค์หญิงและไม่ได้คิดติดใจเอาโทษกับเราเพราะทราบสถานการณ์ครั้งนี้ดี อีกอย่างเขารู้ตั้งแต่คืนที่นางถูกพาตัวไปแล้วแม้ว่าอยากจะช่วยก็คงสุดกำลังเพราะรู้ดีว่าข้าศึกคงไม่มีทางปล่อยนางเอาไว้เป็นแน่”“เช่นนั้นเงื่อนไขการเจรจาที่ต้องสมรส…”“องค์ชายรองยอมรับเงื่อนไขที่ข้าส่งมอบให้แล้ว เขาตกลงจะครองเมืองเสิ่นที่อยู่ติดกับอี้โจวของเรา ส่วนแคว้นเว่ยก็ตกลงลงนามสัญญาสงบศึกสามสิบปีและส่งมอบค่าธรรมเนียมพ่ายทัพให้กับแคว้นข่านเล่อและชิงโจวตามที่เรียกแลกกับการส่งองค์ชายเพียงคนเดียวกลับแคว้น”“ท่านอ๋อง กระหม่อมยังอยากให้ทางเราตกลงกับข่านเล่ออี
“ถูกต้อง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องยอมรับข้อเสนออีกทั้งต้องเสียทั้งค่าธรรมเนียมพ่ายศึกอีกสองเท่าทั้งตอนแพ้ที่อี้โจวและชิงโจว”“หากเลือกจะยอมแพ้ตั้งแต่ที่อี้โจวพวกเขาคงไม่สูญเสียมากถึงเพียงนี้”“เพราะความละโมบของฮ่องเต้แคว้นเว่ยที่เกือบจะลืมศึกภายในที่รออยู่ข้างหลังดังนั้นครั้งนี้เขาคงคิดอะไรได้ ยอมเสียน้อยเพื่อได้มาก ดังนั้นชิงโจวและข่านเล่อจึงได้รับประโยชน์จากการศึกในครั้งนี้ ว่าแต่แผลของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“เกือบหายดีแล้วขอรับท่านพ่อ อีกสองสามวันก็ฝึกดาบได้แล้วขอรับ”“เจ้าก็ยังใจร้อนอีกเช่นเคย ไม่ควรหุนหันพุ่งเข้าโจมตีหนึ่งต่อสามสิบเช่นนั้นอีก ลืมไปแล้วหรือว่ามิได้ตัวคนเดียวแล้วยังมีหลินเอ๋อร์และลูกของเจ้ารออยู่”“ขอรับท่านพ่อ ท่านสั่งสอนได้ถูกต้องแล้วลูกไม่กล้าใจร้อนอีกแล้วขอรับ”“เอาเถอะ ยังดีที่เจ้าส่งม้าเร็วมาแจ้งแผนสำรองให้ท่านอ๋องได้ทันเวลา”“แต่แผนที่จะให้ลี่หลินไปที่นั่นข้ามิได้บอกเอาไว้นะขอรับ”“กุนซือของเจ้าทูลท่านอ๋องเอาไว้น่ะสิ คุณชายหย่งบอกว่าหากว่าแคว้นเว่ยใช้แผนสกปรกถึงที่สุด เราเองก็ต้องใช้แผนการที่พวกเขาคาดไม่ถึงเช่นกัน ดังนั้นจึงได้มาขอร้องหลินเอ๋อร์ด้วยพระองค์เองอีกทั้
“ฮูหยินเจ้าคะ”“ช่างเถอะ เร็วเข้ารีบเอาดอกไม้มาข้าจะโปรยรับนายท่านกับ…”“ฮูหยิน ท่านแม่ทัพกับฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ”“เซียวเอ๋อร์…. หลินเอ๋อร์กลับมากันแล้ว พวกเขากลับมาแล้ว”""ท่านแม่""จวินเซียวและลี่หลินที่เปลี่ยนมานั่งม้าของจวินเซียวค่อย ๆ บังคับบังเหียนม้ามายังหน้าประตูจวนสกุลเฉินก่อนที่จวินเซียวจะลงม้ามาก่อนและพยุงลี่หลินลงมาและคุกเข่าตรงหน้าเฉินฮูหยิน“ลูกกลับมาแล้วขอรับท่านแม่”“เซียวเอ๋อร์ เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับชัยชนะ ยอดเยี่ยมยิ่งนักแม่ภูมิใจในตัวเจ้า”“ท่านแม่ ครั้งนี้หากมิได้ลี่หลินไปช่วยลูกไว้ชิงโจวอาจจะไม่ชนะรวดเร็วเช่นนี้ขอรับ”“ท่านแม่”“เจ้านะเจ้า หากมิใช่เป็นท่านอ๋องที่เสด็จมาขอร้องถึงจวนมีหรือแม่จะยอมให้เจ้าออกไปตรากตรำข้างนอก ลุกขึ้นเร็ว ๆ เข้า ลุกขึ้น แม่นมเร็วเข้าพยุงฮูหยินน้อยเข้าไปข้างในจวนก่อนอย่าให้กระทบ…”“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง ข้าขี่ลี่เยว่มาช้า ๆ ไม่กระทบกระเทือนหลานของท่านแม่แน่ขอรับ”“เจ้า…. รู้แล้วอย่างนั้นหรือ ข้าคิดเอาไว้แล้วเชียวว่าหลินเอ๋อร์คงอยากจะบอกเจ้าด้วยตัวเองไปเถอะรีบเข้าไปข้างในกันก่อนข้าจะรอท่านพ่อของเจ้า”“ท่านพ่อเข้าวังไปกับท่านอ๋องขอรับท่
“คือว่า เรื่องของสกุลเจียง…. เมื่อสิบกว่าปีก่อนนั้น เจ้า…”“เจ้าคะ??”“สาเหตุที่แคว้นเว่ยที่ลักลอบเข้ามาขโมยตำรับยาของสกุลเจียงนั่นก็เพราะ…. สกุลเจียงสามารถช่วยเหลือกองทัพของสกุลเฉินเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงบุกสกุลเจียงเพื่อข่มขู่เอาตำรับยาไปรักษาฮ่องเต้ของแคว้นเว่ยแต่ว่า….”“พ่อข้ามิได้ให้ไปและพวกมันก็ทำทุกวิถีทาง ทั้งยื่นข้อเสนอและเงินจำนวนมากแต่เพราะคำมั่นสัญญาที่มีกับสกุลเฉินและความจงรักภักดีกับฝ่าบาทจึงไม่ยอมมอบให้ ดังนั้นสกุลเจียงของข้าจึงถูกโจมตีเพื่อแย่งตำรับยานั้น”“เจ้ารู้ทั้งหมดเลยงั้นหรือ”ลี่หลินหันมายิ้มให้จวินเซียว และนี่คงเป็นสิ่งที่จวินเซียวทราบมาก่อนแล้วและคิดว่านางคงจะไม่ทราบเพราะในครั้งนั้นนางยังเด็กมาก เขาจึงพยายามไม่เข้าใกล้นางและหาเรื่องนางเพื่อจะให้ตัวเองไม่รู้สึกผิดกับลี่หลินเพราะเขายอมรับไม่ได้ว่าสกุลเจียงต้องถูกฆ่าเพราะสกุลเฉินเป็นต้นเหตุนั่นเอง แต่ที่จริงตั้งแต่เริ่มจนจบเจียงลี่หลินรับรู้มาโดยตลอด“รู้เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่ไม่เคยปิดบังเรื่องนี้กับข้าด้วยที่สกุลเจียงทุกคนมีวิชาแพทย์ติดตัวตั้งแต่เด็ก ทุกคนรู้ว่าชีวิตของหมอล้วนแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสมอ บางครั้งการช่วย
ลี่หลินหันไปมองแม่ทัพเฉินที่ยังทำหน้าโมโหและไม่สนใจนางอีกครั้งพร้อมกับส่ายหัวให้กับคนหัวดื้ออย่างจวินเซียวอีกครั้ง“ก็ได้เจ้าค่ะในเมื่อท่านไม่ให้ข้าเช็ดตัวให้ ข้าก็จะออกไปเรียกจางเต๋อมาจัดการต่อเอง”“เดี๋ยว ๆ เดี๋ยวก่อนสิ!! เจ้าจะไปจริง ๆ หรือ”ลี่หลินลุกขึ้นเพื่อลองใจเขา จวินเซียวเห็นว่านางลุกขึ้นจะไปจึงรีบดึงแขนนางเอาไว้ เขาก็แค่ปากแข็งไปอย่างนั้นเองแม้ว่าจะโกรธนางมากแต่ก็ดีใจที่ได้เห็นนางในวันนี้“ท่านแม่ทัพมีสิ่งใดจะพูดอีก ท่านต้องรีบเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดเพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อ”“ข้า…ยอมแล้วเจ้าเช็ดตัวให้ข้าไม่ต้องออกไปเรียกจางเต๋อ”“ขออภัยท่านแม่ทัพแต่ว่าข้างนอกนั่นมีคนบาดเจ็บอีกมากและยังต้องการหมอ”“แต่ข้าเป็นแม่ทัพแล้วเจ้าก็เป็นฮูหยินของข้านะ!! ต้องดูแลข้าก่อนสิ ทหารคนอื่น ๆ พวกเขามีแพทย์สนามดูแลอยู่แล้ว”จวินเซียวดึงนางลงมานั่งที่ตักพร้อมกับสูดกลิ่นกายของนางที่ห่างหายเกือบสามเดือนจนสุดลมหายใจ ลี่หลินมิได้เบี่ยงกายหนี นางรู้ดีว่าจวินเซียวก็ทำปากดีไปเช่นนั้นเองและในตอนนี้นางเองก็รู้วิธีการจัดการคนปากดีอย่างเขาได้เรียบร้อยแล้ว“เช่นนั้นก็อยู่เฉย ๆ ข้าจะไปเตรียมของมาเช็ดตัวให้ท่าน”
“มาทันเวลาพอดีสินะ”“อะไรกัน…เฉินจวินเซียวเจ้าเล่นสกปรก!!”“ข้าน่ะหรือที่เล่นสกปรก หากท่านไม่ใช้แผนการชั่วนี่ดักซุ่มโจมตีไม่สนธรรมเนียมศึกข้าคงไม่ต้องใช้แผนการนี้หรอก องค์ชายครั้งนี้ท่านแพ้แล้ว”“โจมตี!!”ท่านอ๋องสั่งการกองทัพหลวงที่เหลือสั่งบุกโจมตีทันที อีกฝั่งเป็นกองทัพของสกุลเฉินพลหอกและทวนของกองทัพวิหคดำพุ่งเข้ามาช่วยจวินเซียวเอาไว้ได้ทัน องค์ชายสี่ของแคว้นเว่ยล่าถอยเมื่อกองทัพสกุลเฉินบุกล้อมเข้ามา“จวินเซียว เจ้าปลอดภัยดีหรือไม่”“ท่านพ่อ!!”เฉินลู่ในชุดแม่ทัพของสกุลเฉินควบม้ามารับบุตรชายด้วยตัวเอง ทั้งสองค่อย ๆ ถอยออกมา องค์ชายสี่ที่โกรธแค้นจึงหันไปคว้าธนูของรองแม่ทัพและน้าวสายสุดแรงและพุ่งเป้าไปที่เฉินจวินเซียว“จวินเซียวระวัง!!”เฉินลู่ บิดาของเขาตะโกนบอกบุตรชายแต่ไม่ทันเกาทัณฑ์ที่พุ่งมาด้วยความเร็วและแม่นยำราวจับวาง ลูกธนูนั้นปักไปที่ไหล่ขวาของเฉินจวินเซียวทันที""ท่านแม่ทัพ""กุนซือ จางลี่ จางเต๋อตะโกนออกมาพร้อมกัน เมื่อแม่ทัพเฉินถูกลูกธนูของกองทัพข้าศึกยิ่งเข้าไปที่ไหล่ ข้าศึกที่เหลือจึงฮึกเหิมขึ้นและหันกลับมาสู้ใหม่อีกครั้ง จางเต๋อและจางลี่หันกลับไปฟาดฟันศัตรูด้วยความโกรธ
ก่อนเข้าเมืองชิงโจวหนึ่งสองร้อยลี้“จางเต๋อ ระวังให้ดี”“ท่านกุนซือ ท่านคิดว่าพวกมันจะเริ่มล้อมเราตรงไหนหรือขอรับ แต่ว่าบนเขา...”“อย่าประมาทพวกมัน ท่านแม่ทัพเตือนแล้วว่าพวกมันจะบุกแบบกองโจรดังนั้นพวกมันจะไม่สนใจธรรมเนียมการศึก”“ขอรับ”“ระวัง!!”พัดจีบของหย่งเล่อหานปัดลูกธนูที่ยิงมาจากเชิงเขาเอาไว้ได้ กองทัพหน้าของชิงโจวถูกล้อมและข้าศึกประมาณสองร้อยนายค่อย ๆ โอบล้อมเข้ามา“ท่านกับท่านแม่ทัพคาดเดาไม่ผิดจริง ๆ โจมตีโดยไร้แผนการไร้ที่ตั้งและซุ่มแบบกองโจร”“ข้าเอง”“ท่านกุนซือแต่ว่า!!”“เจ้าเตรียมตัวให้ดีเถอะ รอสัญญาณจากข้าและสั่งการข้าจะหลอกล่อพวกมันก่อน”“ขอรับ”จางเต๋อไม่คิดว่าจะมีวันที่เขาต้องเป็นห่วงคุณชายผู้นี้ เขาเป็นบัณฑิต แม้ว่าจะมีคารมที่ยากจะเอาชนะและเคยประฝีปากกับท่านแม่ทัพมาแล้วแต่ในตอนนี้เขามาที่นี่ในฐานะกุนซือและสหายของท่านแม่ทัพดังนั้นจางเต๋อจะต้องปกป้องเขาอย่างดีที่สุด“พวกเจ้าตั้งค่ายกลศึกเตรียมป้องกัน”""ขอรับ""ทหารเริ่มรวมตัวกันพร้อมโล่ป้องกันและเดินโอบล้อมม้าของกุนซือส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งรวมและตั้งโล่หันไปทางข้าศึก หย่งเล่อหานออกมาสบตากับผู้นำทัพในครั้งนี้“คิดไ
จวินเซียวค่อย ๆ ยกถุงหอมนั้นขึ้นมาสูดดมอีกครั้งก่อนจะมองไปไกล ๆ ยังทิศที่เป็นที่ตั้งของเมืองชิงโจวแม้ในเวลานี้จะมืดมิดไร้แสงสว่างและหนาวเย็น แต่ในหัวใจเขากลับอบอุ่นเพราะมีสิ่งที่ลี่หลินให้เขาเอาไว้“คิดถึงเจ้าเหลือเกินปีศาจน้อยของข้า”“สกุลเจียงทำอะไรผิดต่อพวกท่าน เหตุใดครอบครัวของข้าต้องถูกฆ่า”“ไม่นะลี่หลิน ข้ามิได้ทำเช่นนั้น”“ท่านทำ!! สกุลเฉินของพวกท่านนำภัยมาสู่สกุลเรา หากไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกท่าน พ่อข้า ท่านแม่และคนอื่น ๆ ก็ไม่ต้องมาตายอย่างน่าอนาถเช่นนี้”“ลี่หลิน ข้า…”“ท่านมีสิทธิ์อันใดมาเกลียดข้า!! เป็นข้าต่างหากที่ต้องเกลียดสกุลเฉินของท่าน ฆาตกร!!”“ไม่… ลี่หลิน!! อย่าเกลียดข้านะ!!”เฉินจวินเซียวสะดุ้งตื่นขึ้นในตอนใกล้รุ่ง เหงื่อท่วมตัวหัวใจของเขาเต้นแรงผิดจังหวะเพราะฝันร้ายนั่น แม้ว่าเขาจะรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วว่าต้นเหตุที่ทำให้สกุลเจียงล่มสลายสาเหตุมาจากเกี่ยวข้องกับสกุลเฉินในการช่วยเหลือกองทัพยามมีโรคระบาดนั่น แต่เขาก็มิอาจรับได้จริง ๆ หากจะต้องพบเจอกับสายตาของเจียงลี่หลินที่เกลียดเขาเหมือนในความฝัน“ลี่หลิน อย่าเกลียดข้าเลยนะ”จวินเซียวเลือกมานั่งแช่น้ำเย็นเพื่อสงบจิตใจ เ