ลี่หลินค่อย ๆ ขยับตัวในตอนเช้า แต่เมื่อหันไปข้าง ๆ นางกลับพบเพียงหมอนข้างที่วางเอาไว้เหมือนเช่นทุกคืน เรื่องราวเมื่อคืนนี้ราวกับความฝันที่นางทำหล่นหายก็มิปาน แต่เมื่อทบทวนจากความทรงจำ นางมั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง“ออกไปตั้งแต่เมื่อใดกันนะ”“คุณหนู ท่านตื่นหรือยังเจ้าคะ”“อาหลันข้าตื่นแล้วเข้ามาสิ”“คุณหนูท่านลงกลอนเอาไว้ รบกวนท่านเปิดประตูให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ”“อะไรนะลงกลอนงั้นหรือ…. พี่จวินเซียว”นางค่อย ๆ ดึงชุดคลุมออกมาสวมและเดินมาเปิดประตูให้อาหลันเดินเข้ามาพร้อมกับสังเกตสีหน้าที่สดชื่นของผู้เป็นนายที่ไม่ได้เห็นมานานนับตั้งแต่ท่านแม่ทัพกลับมา“คุณหนูเมื่อคืนนี้คงหลับสนิทสินะเจ้าคะ ใบหน้าถึงได้ดูสดชื่นถึงเพียงนี้”“ข้าหรือ…. ก็น่าจะเป็นเช่นนั้นกระมัง คงเพราะอ่านตำรามากจนเผลอหลับไปก็เลย…”“ดีแล้วเจ้าค่ะวันนี้เรือนหน้าก็คึกคักมากทีเดียวเพราะคนสกุลหลี่ส่งคนมาคุยกับนายท่านและฮูหยินเจ้าค่ะ”“สกุลหลี่งั้นหรือ พวกเขาส่งคนมาหาท่านลุงท่านป้าด้วยเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือ”“เห็นว่าทางสกุลหลี่ส่งมาทาบทามถามเรื่องของท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”ลี่หลินหยิบผ้ามาเช็ดหน้าหลังจากบ้วนปากเสร็จแล้วและค่อย ๆ เงียบไป น
เฉินฮูหยินและสาวใช้เดินออกไปจนหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงจวินเซียวและลี่หลินที่นั่งอยู่ในห้องเพียงสองคน“เจ้าเหม่อลอยอะไรถึงเพียงนี้ ทำชาหกใส่มือตัวเองก็ทำไปได้ บ้าหรือเปล่าหรือว่าเจ้ายังมีไข้อยู่”เขารีบยกมือขึ้นอังหน้าผากของนางอย่างรวดเร็ว มือเย็น ๆ นั้นทำให้ลี่หลินตกใจจนสะดุ้งอีกครั้ง แม่ทัพหนุ่มขมวดคิ้วนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย “ดูท่าทางของเจ้าสิ นี่เจ้าไม่ได้พกสติมาจากห้องด้วยอย่างนั้นหรือลี่หลิน ลืมไว้ที่ใดข้าจะได้ไปช่วยหา”“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ขอบคุณพี่จวินเซียวที่ทำแผลให้เจ้าค่ะ”“เจ้าเป็นเช่นนี้สินะท่านแม่จึงสั่งให้ข้าไปที่งานเลี้ยงน่าเบื่อนั่นคนเดียว”“ข้า!!…”นางพูดไม่ออกและหากพูดไปก็เกรงว่าเขาจะนำเรื่องนี้ไปพูดกับท่านป้าทำให้รู้ว่านางแอบฟังอยู่ เหตุใดนางจะไม่ทราบว่าทำไมเฉินฮูหยินจึงส่งจวินเซียวไปเพียงคนเดียวโดยไม่ให้เจียงลี่หลินไปด้วย ครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้เฉินจวินเซียวกับหลี่หนิงฮวาได้มีโอกาสคุยกัน หากว่าตกลงกันได้….“ขอบคุณเจ้าค่ะ ข้าจะรีบกลับไปพักที่ห้อง”“เดี๋ยวก่อนสิลี่หลิน เจ้าดูแปลก ๆ นะเป็นอะไรหรือไม่”“ข้า…คือว่าข้าปวดท้องสตรีอยู่เจ้าค่ะ”“เจ้า!!…อ่อ เช่นนั้นข้าจะเดินไ
เฉินจวินเซียวถึงกับวางจอกสุราลงกับโต๊ะก่อนจะหันไปมองผู้ที่พึ่งเดินเข้ามาในจวนสกุลหลี่ สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่สตรีที่เดินตามบัณฑิตหนุ่มที่เดินมาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเจียงลี่หลินเมื่อหันมาเห็นเขาก็เอาแต่เลี่ยงมองทางอื่นเขาจึงเดินเข้าไปหานางในทันทีแต่ก็ถูกหย่งลี่หานกันเอาไว้“แม่ทัพเฉิน ไม่ได้พบกันนานท่านสบายดีหรือไม่”“เหตุใดท่านจึงมากับนาง”“ข้า…อ้อ ท่านคงจะหมายถึงเหตุใดข้าจึงมากับ...หลินเอ๋อร์งั้นหรือ”“อะไรนะ นี่ท่าน!!”“ไม่แปลกหรอกที่ท่านจะยังไม่ทราบ เมื่อคืนก่อนมีงานเลี้ยงในวังท่านมหาบัณฑิตเล่อเป็นตัวแทนข้าได้ทำการสู่ขอหลินเอ๋อร์กับใต้เท้าเฉิน ซึ่งใต้เท้าเฉินก็ตกปากรับคำแล้ว ตอนนี้ถือได้ว่าเจียงลี่หลินเป็นว่าที่คู่หมั้นของข้า”“ว่าที่คู่หมั้น!!”“ข้าได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่ เมื่อครู่นี้คุณชายหย่งบอกว่านางเป็นคู่หมั้น”“หนุ่มหล่อสาวงามทั้งสองคู่ ช่างเหมาะสมยิ่งนัก”“ข้ารู้สึกว่างานเลี้ยงในวันนี้คึกคักเช่นนัก ยินดีต้อนรับคุณชายหย่ง”“ขอบคุณใต้เท้าหลี่ที่มีน้ำใจเชื้อเชิญข้าน้อยมาร่วมงานเลี้ยงวันนี้ ข้าน้อยต้องขอบคุณท่านด้วยที่เป็นธุระให้ มิเช่นนั้นคงมิอาจสู่ขอหลินเอ๋อร์ได้จนสำเร็จ”แม่
“พี่จวินเซียว…”“ตามข้ามาไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”“รอเดี๋ยวก่อนแม่ทัพเฉิน”หย่งเล่อหานเดินมากันทั้งสองเอาไว้ก่อนที่จะออกจากจวนสกุลหลี่ สายตาของบัณฑิตหนุ่มมองไปยังเจียงลี่หลินที่ยืนอยู่ด้านหลังแม่ทัพหนุ่มที่ดึงนางไปอยู่ด้านหลัง“แม้ว่าท่านกับหลินเอ๋อร์จะอาศัยอยู่จวนเดียวกัน และถือได้ว่า…"เป็นพี่น้อง" แต่ทำเช่นนี้คงไม่ค่อยเหมาะเท่าใดกระมัง"“เจ้า!!”เจียงลี่หลินดึงมือเฉินจวินเซียวเอาไว้และเดินมาบังหน้าแม่ทัพหนุ่มแทน สร้างความแปลกใจให้กับทั้งหย่งเล่อหานและคนอื่น ๆ ในสกุลหลี่ที่มองมายิ่งนัก“คุณชายหย่ง!! โปรดระวังวาจาของท่าน แม้ว่าก่อนหน้านี้ข้าจะให้เกียรติท่านและยอมมาที่จวนสกุลหลี่ด้วยคำสั่งของท่านลุง แต่ก็มิได้หมายความว่าท่านสามารถมาสั่งให้ข้าทำอะไรได้เช่นกัน”“หลินเอ๋อร์ แต่ว่าท่านลุงของเจ้า….”“ไม่ว่าท่านลุงของข้าตกลงสิ่งใดกับท่านนั่นมิได้เกี่ยวกับข้า อีกอย่างคำเรียกที่ท่านกำลังใช้อยู่อย่าให้ข้าได้ยินอีก ข้าไม่คุ้นกับการที่ผู้ที่มิได้เป็นญาติผู้ใหญ่เรียก ดังนั้นโปรดเรียกข้าว่า “คุณหนูเจียง” เช่นเดิมเถอะ"“หลิน…ลี่หลิน”“คุณชายหย่งข้าจะบอกท่านเป็นครั้งสุดท้าย การที่ข้ายอมนั่งรถม้ามากับท
แม่ทัพหนุ่มเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาให้คนตรงหน้าเมื่อรู้ว่านางมิได้มีธุระของสตรี แววตาดุจพญาหมาป่าจ้องกินเนื้อกระต่ายที่หมดทางสู้ แน่ละสิที่นี่เป็นจวนลับของเขาต่อให้นางอยากจะหนีก็ใช่ว่าจะทำได้ง่าย ๆจอกชาถูกยกขึ้นมาจิบ เขารู้สึกสดชื่นราวกับได้ดื่มน้ำอำมฤตเข้าไป คิดไม่ถึงว่าชาเพียงถ้วยเดียวของเจียงลี่หลินจะทำให้เขาสดชื่นได้เพียงนี้ หรืออาจเป็นเพราะคนตรงหน้าด้วยกระมัง“ปีศาจน้อย เจ้าหัดโกหกตั้งแต่เมื่อใด”“ท่านบอกว่า!! มีเรื่องจะคุยมิใช่หรือเจ้าคะ”“หึ เปลี่ยนเรื่องเก่งเสียด้วยนั่งก่อนสิข้าไม่รีบรังแกเจ้าหรอกน่า เรายังมีเวลาอีกมาก”“แต่ว่า….”“หากเจ้ายังทำท่าเช่นนี้เราคงมิได้คุยกันเสียที”ลี่หลินนั่งลงข้าง ๆ เขาพร้อมกับรินชาอีกถ้วยและส่งให้เขา นางเองก็รินให้ตัวเองดื่มเช่นกันเมื่อวางจอกชาลงได้จวินเซียวก็เริ่มตั้งคำถามทันที“เหตุใดเจ้าจึงได้มาที่สกุลหลี่กับหย่งเล่อหาน”ลี่หลินวางจอกชาลงและหันไปมองผู้ถาม“หลังจากที่ท่านออกมาจากจวนเพื่อมาร่วมงานเลี้ยงสกุลหลี่ คุณชายหย่งไปที่จวนและนำเรื่องการสู่ขอมาทวงกับท่านลุงเจ้าค่ะ”“สู่ขอ!! เขามาสู่ขอเจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน”“เรื่องนี้….”ย้อนกลับไปจวนสกุลเฉิ
มือเรียวหันไปจับท่อนแขนเขาเอาไว้เมื่อเริ่มจะดึงอาภรณ์ที่ปิดเรือนกายของนางอยู่พร้อมกับส่ายหน้า วันนี้มิได้เหมือนค่ำคืนนั้นที่มืดมิดไร้แสงโคมไฟ ในวันนี้ยังเป็นช่วงสายใกล้เที่ยงเท่านั้น นางไม่พร้อมที่จะ….“ไม่นะเจ้าคะ ข้าอายเกินกว่า…อ๊ะ”ลิ้นหนาซอกซอนเข้าใบหูและขบเม้มเพื่อให้นางคลายความกังวล จุมพิตหลากหลายอารมณ์ที่ปรนเปรอนางสลับไปมาทำให้ลี่หลินมิอาจหยุดความวาบหวามใจนี้ได้เมื่อมือหนาเริ่มไล้เข้าไปด้านในโดยมิได้แตะต้องอาภรณ์เขาเริ่มที่ตัวเองก่อน ชุดคลุมด้านในถูกถอดออกจนหมด กล้ามเนื้อเป็นมัดเส้นแข็งตึงตรงหน้าทำเอาสตรีอย่างลี่หลินตกตะลึงในความงดงามของกล้ามแขน หน้าอกไล่ไปยังหน้าท้องและ…..“ว้าย….”“เจ้าไม่ต้องกลัวเจ้าเคยพบมันแล้วนี่”“แต่ว่าไม่ใช่กลางวันแสก ๆ เช่นนี้ ไม่เจ้าค่ะ”“ลี่หลิน…เจ้าลืมไปสินะว่าข้าเห็นมาหมดแล้วทุกส่วนของเจ้า…”“พี่จวินเซียว อย่าเลยเจ้าค่ะ ข้า อ๊าา….”“อือ…. เสียงเจ้าเพราะยิ่งนัก ให้ข้าถอดเถอะนะคนดีข้าจะอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้”“ข้าอายเจ้าค่ะ ดะ…ดับไฟ……”“เจ้าลืมไปสินะว่าตอนนี้ยังเป็นกลางวัน ต่อให้ดับไฟก็ยังคงเห็นอยู่ดี ข้าดึงม่านลงให้ก็แล้วกัน”นางไร้หนทางหนีเมื
“มะ…ไม่เจ้าค่ะ ไม่เอา ข้า…ไม่อยาก”“เจ้าไม่เบื่อหรือ หากเจ้าพอใจข้าย่อมตามใจเจ้าอยู่แล้ว บนเตียงนี้ก็อบอุ่นพอสำหรับเราทั้งคู่”“ข้า…เหนื่อยแล้วเจ้าค่ะ”“หืม…แต่ว่าข้ารู้สึกว่าเจ้ายังรับโทษไม่เพียงพอ”“เฉินจวินเซียว!! นี่ท่านเกลียดข้าขนาดไหนกันถึงได้ทรมานข้าถึงเพียงนี้”จวินเซียวก้มลงจุมพิตนางต่อเนื่องแม้ว่าลี่หลินจะเริ่มหายใจไม่ออก นี่นางยังกล้าพูดว่าเขาเกลียดนางอีกเช่นนั้นหรือ“ปีศาจน้อยของข้า นี่เจ้ายังคิดว่าข้าเกลียดเจ้าอยู่อีกงั้นหรือ คนที่เกลียดกันเขาทำเรื่องเช่นนี้กันหรืออย่างไรเหตุใดเจ้าจึงไม่คิด”“ท่าน…ทรมานข้าอยากให้ข้าตายหรือเจ้าคะ”“การที่ข้า…."รักเจ้า" มากถึงเพียงนี้ทำให้เจ้าทรมานงั้นหรือลี่หลิน"ลี่หลินนิ่งไป นางดึงผ้าห่มมาปิดเร้นกายและมองเขาด้วยความตกตะลึงและคิดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าจะ…"บอกรัก" นาง“เมื่อครู่นี้ท่าน….”“หากเจ้าอยากจะฟังข้าก็จะพูดทุกวัน ทุกเวลา ทุกครั้งที่เจ้าอยากฟัง “ลี่หลินข้ารักเจ้า” รักเจ้ามากจนไม่อยากเสียเจ้าไปเจ้าได้ยินหรือไม่ ได้ยินชัดหรือยังข้ารักเจ้า…. ข้ารักเจ้าปีศาจน้อยของข้า"เขาไม่เพียงพูดแต่ยังเริ่มดึงผ้าห่มของนางออกและจูบนางสลับกับพร่ำบอกรักตลอ
“มิใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ เพียงแต่ว่าพวกเราออกมาจากจวนสกุลหลี่โดยพลการเช่นนี้ท่านลุงกับท่านป้าคงอยากรู้ อีกอย่างเรื่องนี้ข้าเกรงว่าคุณชายหย่งคงจะไม่อยู่เฉยเป็นแน่ ข้าเพียงเป็นห่วงว่าเขาจะหาเรื่องสกุลเฉิน”จวินเซียวเงียบไปและคิดตามที่นางพูด ครั้งนี้คงจะอยู่เฉย ๆ เช่นนี้ไม่ได้จริง ๆ ในเมื่อคนกว่าครึ่งเมืองทราบกันแล้วว่าลี่หลินเป็นว่าที่คู่หมั้นของหย่งเล่อหาน เขาต้องหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้โดยเร็วก่อนจะมานอนสบายใจคิดว่าได้ครอบครองนางอยู่ที่นี่“เจ้าพูดถูกเราควรกลับไปแก้ไขปัญหาก่อน เรื่องที่เจ้าต้องถูกบังคับหมั้นหมายกับคนผู้นั้น และเรื่องที่ข้าต้องไปที่สกุลหลี่ในวันนี้ ข้าต้องหาคำตอบให้ได้”“เรื่องที่ท่านต้องไปที่สกุลหลี่ข้าพอจะทราบเจ้าค่ะ วันก่อนสกุลหลี่ส่งคนมาทาบทาม ท่านป้าอยู่เพียงคนเดียวเลยปฏิเสธไม่ได้จึงได้ให้ท่านไปที่นั่น”“อะไรนะ!! นี่เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจยังไม่บอกข้า แล้วยังให้ข้าไปที่สกุลหลี่อีกงั้นหรือ เจ้าคิดบ้าอะไรอยู่ลี่หลิน!!”“ข้าก็แค่…บังเอิญได้ยินเท่านั้น ไม่คิดว่าพวกเขาจะวางแผน…ให้ท่านหมั้นหมายกับหลี่หนิงฮวา”“เจ้านะเจ้า…เรื่องอื่นฉลาดนัก ทีตอนคิดใส่ร้ายข้าเรื่องพิณของเจ้ายังโกรธข้
“ท่านพี่!!”“อะไรอีกงั้นหรือ”“ท่าน…ต้องทำพิธีเปิดหน้าเจ้าสาวก่อนเจ้าค่ะ”“นั่นสิข้าลืมไปเลยหากเจ้าหายใจไม่สะดวกจะแย่เอานะ ไหนล่ะไม้เปิดนั่น อ้อ อยู่นี่เอง ทำไมพิธีการถึงได้เยอะเช่นนี้กันนะ”“เฉินจวินเซียวท่านบ่นตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้า มาในตอนนี้ก็ยังไม่เลิกบ่นอีก เช่นนั้นไม่แต่งดีหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่นะ!! ลี่หลินวันนี้เป็นวันมงคลใหญ่เจ้าจะพูดเช่นนี้หาได้ไม่ ข้าไม่ยอมนะ ”“ท่านเอาแต่บ่นจนข้าคิดว่าท่านไม่เต็มใจจะแต่งงาน”“ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าจะเปิดแล้วนะ”จวินเซียวมือสั่นเล็กน้อยเมื่อใช้ไม้มงคลที่ผูกโบสีแดงเอาไว้ค่อย ๆ เลื่อนเข้าไปในผ้าสีแดงและค่อย ๆ เปิดหน้าเจ้าสาวเอาไว้ เจียงลี่หลินที่ถูกแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าที่จัดจ้านกว่าเดิมด้วยสีแดงสดแต่กลับงดงามราวดอกโบตั๋นในฤดูหนาวที่เลอค่ายิ่งกว่าบุปผาใดในใต้หล้าสำหรับเฉินจวินเซียว“เจ้า…ช่างงามยิ่งนัก งามจนข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นของข้า เจียงลี่หลินข้าควรรู้มานานแล้วว่าข้ารักเจ้าและไม่สามารถปล่อยเจ้าไปที่ใดได้นับตั้งแต่เจ้าก้าวเข้ามายังสกุลเฉินแห่งนี้”“ท่านพี่ข้าเองก็เช่นกันเจ้าค่ะ วันนี้ท่านดูสง่างามในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดนี้ ช่างรูปงามยิ่งนัก
“เปล่านะขอรับ ข้าเพียงแค่ได้ยินมาว่าผู้ที่ตั้งครรภ์ควรนอนพักให้มาก ๆ จึงปล่อยให้นางนอนพักต่ออีกสักหน่อยเพราะก่อนหน้านี้นางไปทัพคงอ่อนเพลียมากอย่าไปรบกวนนางเลยขอรับ”“เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ”“ท่านแม่ข้าฝากดูแลลี่หลินก่อนนะขอรับแล้วลูกจะรีบกลับ”“เจ้ารีบไปเถอะทางนี้แม่ดูแลให้เองไม่ต้องห่วง”จวินเซียวและใต้เท้าเฉินลู่เดินทางออกจากจวนทันที พวกเขาพบกับหย่งเล่อหานที่เข้าวังมาเช่นกันก่อนที่ทั้งหมดจะเข้าเฝ้าท่านอ๋องในห้องทรงงานเล็ก“อาการขององค์ชายรองดีขึ้นมากแล้ว เขารู้เรื่องขององค์หญิงและไม่ได้คิดติดใจเอาโทษกับเราเพราะทราบสถานการณ์ครั้งนี้ดี อีกอย่างเขารู้ตั้งแต่คืนที่นางถูกพาตัวไปแล้วแม้ว่าอยากจะช่วยก็คงสุดกำลังเพราะรู้ดีว่าข้าศึกคงไม่มีทางปล่อยนางเอาไว้เป็นแน่”“เช่นนั้นเงื่อนไขการเจรจาที่ต้องสมรส…”“องค์ชายรองยอมรับเงื่อนไขที่ข้าส่งมอบให้แล้ว เขาตกลงจะครองเมืองเสิ่นที่อยู่ติดกับอี้โจวของเรา ส่วนแคว้นเว่ยก็ตกลงลงนามสัญญาสงบศึกสามสิบปีและส่งมอบค่าธรรมเนียมพ่ายทัพให้กับแคว้นข่านเล่อและชิงโจวตามที่เรียกแลกกับการส่งองค์ชายเพียงคนเดียวกลับแคว้น”“ท่านอ๋อง กระหม่อมยังอยากให้ทางเราตกลงกับข่านเล่ออี
“ถูกต้อง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องยอมรับข้อเสนออีกทั้งต้องเสียทั้งค่าธรรมเนียมพ่ายศึกอีกสองเท่าทั้งตอนแพ้ที่อี้โจวและชิงโจว”“หากเลือกจะยอมแพ้ตั้งแต่ที่อี้โจวพวกเขาคงไม่สูญเสียมากถึงเพียงนี้”“เพราะความละโมบของฮ่องเต้แคว้นเว่ยที่เกือบจะลืมศึกภายในที่รออยู่ข้างหลังดังนั้นครั้งนี้เขาคงคิดอะไรได้ ยอมเสียน้อยเพื่อได้มาก ดังนั้นชิงโจวและข่านเล่อจึงได้รับประโยชน์จากการศึกในครั้งนี้ ว่าแต่แผลของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“เกือบหายดีแล้วขอรับท่านพ่อ อีกสองสามวันก็ฝึกดาบได้แล้วขอรับ”“เจ้าก็ยังใจร้อนอีกเช่นเคย ไม่ควรหุนหันพุ่งเข้าโจมตีหนึ่งต่อสามสิบเช่นนั้นอีก ลืมไปแล้วหรือว่ามิได้ตัวคนเดียวแล้วยังมีหลินเอ๋อร์และลูกของเจ้ารออยู่”“ขอรับท่านพ่อ ท่านสั่งสอนได้ถูกต้องแล้วลูกไม่กล้าใจร้อนอีกแล้วขอรับ”“เอาเถอะ ยังดีที่เจ้าส่งม้าเร็วมาแจ้งแผนสำรองให้ท่านอ๋องได้ทันเวลา”“แต่แผนที่จะให้ลี่หลินไปที่นั่นข้ามิได้บอกเอาไว้นะขอรับ”“กุนซือของเจ้าทูลท่านอ๋องเอาไว้น่ะสิ คุณชายหย่งบอกว่าหากว่าแคว้นเว่ยใช้แผนสกปรกถึงที่สุด เราเองก็ต้องใช้แผนการที่พวกเขาคาดไม่ถึงเช่นกัน ดังนั้นจึงได้มาขอร้องหลินเอ๋อร์ด้วยพระองค์เองอีกทั้
“ฮูหยินเจ้าคะ”“ช่างเถอะ เร็วเข้ารีบเอาดอกไม้มาข้าจะโปรยรับนายท่านกับ…”“ฮูหยิน ท่านแม่ทัพกับฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ”“เซียวเอ๋อร์…. หลินเอ๋อร์กลับมากันแล้ว พวกเขากลับมาแล้ว”""ท่านแม่""จวินเซียวและลี่หลินที่เปลี่ยนมานั่งม้าของจวินเซียวค่อย ๆ บังคับบังเหียนม้ามายังหน้าประตูจวนสกุลเฉินก่อนที่จวินเซียวจะลงม้ามาก่อนและพยุงลี่หลินลงมาและคุกเข่าตรงหน้าเฉินฮูหยิน“ลูกกลับมาแล้วขอรับท่านแม่”“เซียวเอ๋อร์ เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับชัยชนะ ยอดเยี่ยมยิ่งนักแม่ภูมิใจในตัวเจ้า”“ท่านแม่ ครั้งนี้หากมิได้ลี่หลินไปช่วยลูกไว้ชิงโจวอาจจะไม่ชนะรวดเร็วเช่นนี้ขอรับ”“ท่านแม่”“เจ้านะเจ้า หากมิใช่เป็นท่านอ๋องที่เสด็จมาขอร้องถึงจวนมีหรือแม่จะยอมให้เจ้าออกไปตรากตรำข้างนอก ลุกขึ้นเร็ว ๆ เข้า ลุกขึ้น แม่นมเร็วเข้าพยุงฮูหยินน้อยเข้าไปข้างในจวนก่อนอย่าให้กระทบ…”“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง ข้าขี่ลี่เยว่มาช้า ๆ ไม่กระทบกระเทือนหลานของท่านแม่แน่ขอรับ”“เจ้า…. รู้แล้วอย่างนั้นหรือ ข้าคิดเอาไว้แล้วเชียวว่าหลินเอ๋อร์คงอยากจะบอกเจ้าด้วยตัวเองไปเถอะรีบเข้าไปข้างในกันก่อนข้าจะรอท่านพ่อของเจ้า”“ท่านพ่อเข้าวังไปกับท่านอ๋องขอรับท่
“คือว่า เรื่องของสกุลเจียง…. เมื่อสิบกว่าปีก่อนนั้น เจ้า…”“เจ้าคะ??”“สาเหตุที่แคว้นเว่ยที่ลักลอบเข้ามาขโมยตำรับยาของสกุลเจียงนั่นก็เพราะ…. สกุลเจียงสามารถช่วยเหลือกองทัพของสกุลเฉินเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงบุกสกุลเจียงเพื่อข่มขู่เอาตำรับยาไปรักษาฮ่องเต้ของแคว้นเว่ยแต่ว่า….”“พ่อข้ามิได้ให้ไปและพวกมันก็ทำทุกวิถีทาง ทั้งยื่นข้อเสนอและเงินจำนวนมากแต่เพราะคำมั่นสัญญาที่มีกับสกุลเฉินและความจงรักภักดีกับฝ่าบาทจึงไม่ยอมมอบให้ ดังนั้นสกุลเจียงของข้าจึงถูกโจมตีเพื่อแย่งตำรับยานั้น”“เจ้ารู้ทั้งหมดเลยงั้นหรือ”ลี่หลินหันมายิ้มให้จวินเซียว และนี่คงเป็นสิ่งที่จวินเซียวทราบมาก่อนแล้วและคิดว่านางคงจะไม่ทราบเพราะในครั้งนั้นนางยังเด็กมาก เขาจึงพยายามไม่เข้าใกล้นางและหาเรื่องนางเพื่อจะให้ตัวเองไม่รู้สึกผิดกับลี่หลินเพราะเขายอมรับไม่ได้ว่าสกุลเจียงต้องถูกฆ่าเพราะสกุลเฉินเป็นต้นเหตุนั่นเอง แต่ที่จริงตั้งแต่เริ่มจนจบเจียงลี่หลินรับรู้มาโดยตลอด“รู้เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่ไม่เคยปิดบังเรื่องนี้กับข้าด้วยที่สกุลเจียงทุกคนมีวิชาแพทย์ติดตัวตั้งแต่เด็ก ทุกคนรู้ว่าชีวิตของหมอล้วนแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสมอ บางครั้งการช่วย
ลี่หลินหันไปมองแม่ทัพเฉินที่ยังทำหน้าโมโหและไม่สนใจนางอีกครั้งพร้อมกับส่ายหัวให้กับคนหัวดื้ออย่างจวินเซียวอีกครั้ง“ก็ได้เจ้าค่ะในเมื่อท่านไม่ให้ข้าเช็ดตัวให้ ข้าก็จะออกไปเรียกจางเต๋อมาจัดการต่อเอง”“เดี๋ยว ๆ เดี๋ยวก่อนสิ!! เจ้าจะไปจริง ๆ หรือ”ลี่หลินลุกขึ้นเพื่อลองใจเขา จวินเซียวเห็นว่านางลุกขึ้นจะไปจึงรีบดึงแขนนางเอาไว้ เขาก็แค่ปากแข็งไปอย่างนั้นเองแม้ว่าจะโกรธนางมากแต่ก็ดีใจที่ได้เห็นนางในวันนี้“ท่านแม่ทัพมีสิ่งใดจะพูดอีก ท่านต้องรีบเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดเพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อ”“ข้า…ยอมแล้วเจ้าเช็ดตัวให้ข้าไม่ต้องออกไปเรียกจางเต๋อ”“ขออภัยท่านแม่ทัพแต่ว่าข้างนอกนั่นมีคนบาดเจ็บอีกมากและยังต้องการหมอ”“แต่ข้าเป็นแม่ทัพแล้วเจ้าก็เป็นฮูหยินของข้านะ!! ต้องดูแลข้าก่อนสิ ทหารคนอื่น ๆ พวกเขามีแพทย์สนามดูแลอยู่แล้ว”จวินเซียวดึงนางลงมานั่งที่ตักพร้อมกับสูดกลิ่นกายของนางที่ห่างหายเกือบสามเดือนจนสุดลมหายใจ ลี่หลินมิได้เบี่ยงกายหนี นางรู้ดีว่าจวินเซียวก็ทำปากดีไปเช่นนั้นเองและในตอนนี้นางเองก็รู้วิธีการจัดการคนปากดีอย่างเขาได้เรียบร้อยแล้ว“เช่นนั้นก็อยู่เฉย ๆ ข้าจะไปเตรียมของมาเช็ดตัวให้ท่าน”
“มาทันเวลาพอดีสินะ”“อะไรกัน…เฉินจวินเซียวเจ้าเล่นสกปรก!!”“ข้าน่ะหรือที่เล่นสกปรก หากท่านไม่ใช้แผนการชั่วนี่ดักซุ่มโจมตีไม่สนธรรมเนียมศึกข้าคงไม่ต้องใช้แผนการนี้หรอก องค์ชายครั้งนี้ท่านแพ้แล้ว”“โจมตี!!”ท่านอ๋องสั่งการกองทัพหลวงที่เหลือสั่งบุกโจมตีทันที อีกฝั่งเป็นกองทัพของสกุลเฉินพลหอกและทวนของกองทัพวิหคดำพุ่งเข้ามาช่วยจวินเซียวเอาไว้ได้ทัน องค์ชายสี่ของแคว้นเว่ยล่าถอยเมื่อกองทัพสกุลเฉินบุกล้อมเข้ามา“จวินเซียว เจ้าปลอดภัยดีหรือไม่”“ท่านพ่อ!!”เฉินลู่ในชุดแม่ทัพของสกุลเฉินควบม้ามารับบุตรชายด้วยตัวเอง ทั้งสองค่อย ๆ ถอยออกมา องค์ชายสี่ที่โกรธแค้นจึงหันไปคว้าธนูของรองแม่ทัพและน้าวสายสุดแรงและพุ่งเป้าไปที่เฉินจวินเซียว“จวินเซียวระวัง!!”เฉินลู่ บิดาของเขาตะโกนบอกบุตรชายแต่ไม่ทันเกาทัณฑ์ที่พุ่งมาด้วยความเร็วและแม่นยำราวจับวาง ลูกธนูนั้นปักไปที่ไหล่ขวาของเฉินจวินเซียวทันที""ท่านแม่ทัพ""กุนซือ จางลี่ จางเต๋อตะโกนออกมาพร้อมกัน เมื่อแม่ทัพเฉินถูกลูกธนูของกองทัพข้าศึกยิ่งเข้าไปที่ไหล่ ข้าศึกที่เหลือจึงฮึกเหิมขึ้นและหันกลับมาสู้ใหม่อีกครั้ง จางเต๋อและจางลี่หันกลับไปฟาดฟันศัตรูด้วยความโกรธ
ก่อนเข้าเมืองชิงโจวหนึ่งสองร้อยลี้“จางเต๋อ ระวังให้ดี”“ท่านกุนซือ ท่านคิดว่าพวกมันจะเริ่มล้อมเราตรงไหนหรือขอรับ แต่ว่าบนเขา...”“อย่าประมาทพวกมัน ท่านแม่ทัพเตือนแล้วว่าพวกมันจะบุกแบบกองโจรดังนั้นพวกมันจะไม่สนใจธรรมเนียมการศึก”“ขอรับ”“ระวัง!!”พัดจีบของหย่งเล่อหานปัดลูกธนูที่ยิงมาจากเชิงเขาเอาไว้ได้ กองทัพหน้าของชิงโจวถูกล้อมและข้าศึกประมาณสองร้อยนายค่อย ๆ โอบล้อมเข้ามา“ท่านกับท่านแม่ทัพคาดเดาไม่ผิดจริง ๆ โจมตีโดยไร้แผนการไร้ที่ตั้งและซุ่มแบบกองโจร”“ข้าเอง”“ท่านกุนซือแต่ว่า!!”“เจ้าเตรียมตัวให้ดีเถอะ รอสัญญาณจากข้าและสั่งการข้าจะหลอกล่อพวกมันก่อน”“ขอรับ”จางเต๋อไม่คิดว่าจะมีวันที่เขาต้องเป็นห่วงคุณชายผู้นี้ เขาเป็นบัณฑิต แม้ว่าจะมีคารมที่ยากจะเอาชนะและเคยประฝีปากกับท่านแม่ทัพมาแล้วแต่ในตอนนี้เขามาที่นี่ในฐานะกุนซือและสหายของท่านแม่ทัพดังนั้นจางเต๋อจะต้องปกป้องเขาอย่างดีที่สุด“พวกเจ้าตั้งค่ายกลศึกเตรียมป้องกัน”""ขอรับ""ทหารเริ่มรวมตัวกันพร้อมโล่ป้องกันและเดินโอบล้อมม้าของกุนซือส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งรวมและตั้งโล่หันไปทางข้าศึก หย่งเล่อหานออกมาสบตากับผู้นำทัพในครั้งนี้“คิดไ
จวินเซียวค่อย ๆ ยกถุงหอมนั้นขึ้นมาสูดดมอีกครั้งก่อนจะมองไปไกล ๆ ยังทิศที่เป็นที่ตั้งของเมืองชิงโจวแม้ในเวลานี้จะมืดมิดไร้แสงสว่างและหนาวเย็น แต่ในหัวใจเขากลับอบอุ่นเพราะมีสิ่งที่ลี่หลินให้เขาเอาไว้“คิดถึงเจ้าเหลือเกินปีศาจน้อยของข้า”“สกุลเจียงทำอะไรผิดต่อพวกท่าน เหตุใดครอบครัวของข้าต้องถูกฆ่า”“ไม่นะลี่หลิน ข้ามิได้ทำเช่นนั้น”“ท่านทำ!! สกุลเฉินของพวกท่านนำภัยมาสู่สกุลเรา หากไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกท่าน พ่อข้า ท่านแม่และคนอื่น ๆ ก็ไม่ต้องมาตายอย่างน่าอนาถเช่นนี้”“ลี่หลิน ข้า…”“ท่านมีสิทธิ์อันใดมาเกลียดข้า!! เป็นข้าต่างหากที่ต้องเกลียดสกุลเฉินของท่าน ฆาตกร!!”“ไม่… ลี่หลิน!! อย่าเกลียดข้านะ!!”เฉินจวินเซียวสะดุ้งตื่นขึ้นในตอนใกล้รุ่ง เหงื่อท่วมตัวหัวใจของเขาเต้นแรงผิดจังหวะเพราะฝันร้ายนั่น แม้ว่าเขาจะรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วว่าต้นเหตุที่ทำให้สกุลเจียงล่มสลายสาเหตุมาจากเกี่ยวข้องกับสกุลเฉินในการช่วยเหลือกองทัพยามมีโรคระบาดนั่น แต่เขาก็มิอาจรับได้จริง ๆ หากจะต้องพบเจอกับสายตาของเจียงลี่หลินที่เกลียดเขาเหมือนในความฝัน“ลี่หลิน อย่าเกลียดข้าเลยนะ”จวินเซียวเลือกมานั่งแช่น้ำเย็นเพื่อสงบจิตใจ เ