ลี่หลินค่อย ๆ ขยับตัวในตอนเช้า แต่เมื่อหันไปข้าง ๆ นางกลับพบเพียงหมอนข้างที่วางเอาไว้เหมือนเช่นทุกคืน เรื่องราวเมื่อคืนนี้ราวกับความฝันที่นางทำหล่นหายก็มิปาน แต่เมื่อทบทวนจากความทรงจำ นางมั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง“ออกไปตั้งแต่เมื่อใดกันนะ”“คุณหนู ท่านตื่นหรือยังเจ้าคะ”“อาหลันข้าตื่นแล้วเข้ามาสิ”“คุณหนูท่านลงกลอนเอาไว้ รบกวนท่านเปิดประตูให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ”“อะไรนะลงกลอนงั้นหรือ…. พี่จวินเซียว”นางค่อย ๆ ดึงชุดคลุมออกมาสวมและเดินมาเปิดประตูให้อาหลันเดินเข้ามาพร้อมกับสังเกตสีหน้าที่สดชื่นของผู้เป็นนายที่ไม่ได้เห็นมานานนับตั้งแต่ท่านแม่ทัพกลับมา“คุณหนูเมื่อคืนนี้คงหลับสนิทสินะเจ้าคะ ใบหน้าถึงได้ดูสดชื่นถึงเพียงนี้”“ข้าหรือ…. ก็น่าจะเป็นเช่นนั้นกระมัง คงเพราะอ่านตำรามากจนเผลอหลับไปก็เลย…”“ดีแล้วเจ้าค่ะวันนี้เรือนหน้าก็คึกคักมากทีเดียวเพราะคนสกุลหลี่ส่งคนมาคุยกับนายท่านและฮูหยินเจ้าค่ะ”“สกุลหลี่งั้นหรือ พวกเขาส่งคนมาหาท่านลุงท่านป้าด้วยเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือ”“เห็นว่าทางสกุลหลี่ส่งมาทาบทามถามเรื่องของท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”ลี่หลินหยิบผ้ามาเช็ดหน้าหลังจากบ้วนปากเสร็จแล้วและค่อย ๆ เงียบไป น
เฉินฮูหยินและสาวใช้เดินออกไปจนหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงจวินเซียวและลี่หลินที่นั่งอยู่ในห้องเพียงสองคน“เจ้าเหม่อลอยอะไรถึงเพียงนี้ ทำชาหกใส่มือตัวเองก็ทำไปได้ บ้าหรือเปล่าหรือว่าเจ้ายังมีไข้อยู่”เขารีบยกมือขึ้นอังหน้าผากของนางอย่างรวดเร็ว มือเย็น ๆ นั้นทำให้ลี่หลินตกใจจนสะดุ้งอีกครั้ง แม่ทัพหนุ่มขมวดคิ้วนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย “ดูท่าทางของเจ้าสิ นี่เจ้าไม่ได้พกสติมาจากห้องด้วยอย่างนั้นหรือลี่หลิน ลืมไว้ที่ใดข้าจะได้ไปช่วยหา”“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ขอบคุณพี่จวินเซียวที่ทำแผลให้เจ้าค่ะ”“เจ้าเป็นเช่นนี้สินะท่านแม่จึงสั่งให้ข้าไปที่งานเลี้ยงน่าเบื่อนั่นคนเดียว”“ข้า!!…”นางพูดไม่ออกและหากพูดไปก็เกรงว่าเขาจะนำเรื่องนี้ไปพูดกับท่านป้าทำให้รู้ว่านางแอบฟังอยู่ เหตุใดนางจะไม่ทราบว่าทำไมเฉินฮูหยินจึงส่งจวินเซียวไปเพียงคนเดียวโดยไม่ให้เจียงลี่หลินไปด้วย ครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้เฉินจวินเซียวกับหลี่หนิงฮวาได้มีโอกาสคุยกัน หากว่าตกลงกันได้….“ขอบคุณเจ้าค่ะ ข้าจะรีบกลับไปพักที่ห้อง”“เดี๋ยวก่อนสิลี่หลิน เจ้าดูแปลก ๆ นะเป็นอะไรหรือไม่”“ข้า…คือว่าข้าปวดท้องสตรีอยู่เจ้าค่ะ”“เจ้า!!…อ่อ เช่นนั้นข้าจะเดินไ
เฉินจวินเซียวถึงกับวางจอกสุราลงกับโต๊ะก่อนจะหันไปมองผู้ที่พึ่งเดินเข้ามาในจวนสกุลหลี่ สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่สตรีที่เดินตามบัณฑิตหนุ่มที่เดินมาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเจียงลี่หลินเมื่อหันมาเห็นเขาก็เอาแต่เลี่ยงมองทางอื่นเขาจึงเดินเข้าไปหานางในทันทีแต่ก็ถูกหย่งลี่หานกันเอาไว้“แม่ทัพเฉิน ไม่ได้พบกันนานท่านสบายดีหรือไม่”“เหตุใดท่านจึงมากับนาง”“ข้า…อ้อ ท่านคงจะหมายถึงเหตุใดข้าจึงมากับ...หลินเอ๋อร์งั้นหรือ”“อะไรนะ นี่ท่าน!!”“ไม่แปลกหรอกที่ท่านจะยังไม่ทราบ เมื่อคืนก่อนมีงานเลี้ยงในวังท่านมหาบัณฑิตเล่อเป็นตัวแทนข้าได้ทำการสู่ขอหลินเอ๋อร์กับใต้เท้าเฉิน ซึ่งใต้เท้าเฉินก็ตกปากรับคำแล้ว ตอนนี้ถือได้ว่าเจียงลี่หลินเป็นว่าที่คู่หมั้นของข้า”“ว่าที่คู่หมั้น!!”“ข้าได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่ เมื่อครู่นี้คุณชายหย่งบอกว่านางเป็นคู่หมั้น”“หนุ่มหล่อสาวงามทั้งสองคู่ ช่างเหมาะสมยิ่งนัก”“ข้ารู้สึกว่างานเลี้ยงในวันนี้คึกคักเช่นนัก ยินดีต้อนรับคุณชายหย่ง”“ขอบคุณใต้เท้าหลี่ที่มีน้ำใจเชื้อเชิญข้าน้อยมาร่วมงานเลี้ยงวันนี้ ข้าน้อยต้องขอบคุณท่านด้วยที่เป็นธุระให้ มิเช่นนั้นคงมิอาจสู่ขอหลินเอ๋อร์ได้จนสำเร็จ”แม่
“พี่จวินเซียว…”“ตามข้ามาไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”“รอเดี๋ยวก่อนแม่ทัพเฉิน”หย่งเล่อหานเดินมากันทั้งสองเอาไว้ก่อนที่จะออกจากจวนสกุลหลี่ สายตาของบัณฑิตหนุ่มมองไปยังเจียงลี่หลินที่ยืนอยู่ด้านหลังแม่ทัพหนุ่มที่ดึงนางไปอยู่ด้านหลัง“แม้ว่าท่านกับหลินเอ๋อร์จะอาศัยอยู่จวนเดียวกัน และถือได้ว่า…"เป็นพี่น้อง" แต่ทำเช่นนี้คงไม่ค่อยเหมาะเท่าใดกระมัง"“เจ้า!!”เจียงลี่หลินดึงมือเฉินจวินเซียวเอาไว้และเดินมาบังหน้าแม่ทัพหนุ่มแทน สร้างความแปลกใจให้กับทั้งหย่งเล่อหานและคนอื่น ๆ ในสกุลหลี่ที่มองมายิ่งนัก“คุณชายหย่ง!! โปรดระวังวาจาของท่าน แม้ว่าก่อนหน้านี้ข้าจะให้เกียรติท่านและยอมมาที่จวนสกุลหลี่ด้วยคำสั่งของท่านลุง แต่ก็มิได้หมายความว่าท่านสามารถมาสั่งให้ข้าทำอะไรได้เช่นกัน”“หลินเอ๋อร์ แต่ว่าท่านลุงของเจ้า….”“ไม่ว่าท่านลุงของข้าตกลงสิ่งใดกับท่านนั่นมิได้เกี่ยวกับข้า อีกอย่างคำเรียกที่ท่านกำลังใช้อยู่อย่าให้ข้าได้ยินอีก ข้าไม่คุ้นกับการที่ผู้ที่มิได้เป็นญาติผู้ใหญ่เรียก ดังนั้นโปรดเรียกข้าว่า “คุณหนูเจียง” เช่นเดิมเถอะ"“หลิน…ลี่หลิน”“คุณชายหย่งข้าจะบอกท่านเป็นครั้งสุดท้าย การที่ข้ายอมนั่งรถม้ามากับท
แม่ทัพหนุ่มเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาให้คนตรงหน้าเมื่อรู้ว่านางมิได้มีธุระของสตรี แววตาดุจพญาหมาป่าจ้องกินเนื้อกระต่ายที่หมดทางสู้ แน่ละสิที่นี่เป็นจวนลับของเขาต่อให้นางอยากจะหนีก็ใช่ว่าจะทำได้ง่าย ๆจอกชาถูกยกขึ้นมาจิบ เขารู้สึกสดชื่นราวกับได้ดื่มน้ำอำมฤตเข้าไป คิดไม่ถึงว่าชาเพียงถ้วยเดียวของเจียงลี่หลินจะทำให้เขาสดชื่นได้เพียงนี้ หรืออาจเป็นเพราะคนตรงหน้าด้วยกระมัง“ปีศาจน้อย เจ้าหัดโกหกตั้งแต่เมื่อใด”“ท่านบอกว่า!! มีเรื่องจะคุยมิใช่หรือเจ้าคะ”“หึ เปลี่ยนเรื่องเก่งเสียด้วยนั่งก่อนสิข้าไม่รีบรังแกเจ้าหรอกน่า เรายังมีเวลาอีกมาก”“แต่ว่า….”“หากเจ้ายังทำท่าเช่นนี้เราคงมิได้คุยกันเสียที”ลี่หลินนั่งลงข้าง ๆ เขาพร้อมกับรินชาอีกถ้วยและส่งให้เขา นางเองก็รินให้ตัวเองดื่มเช่นกันเมื่อวางจอกชาลงได้จวินเซียวก็เริ่มตั้งคำถามทันที“เหตุใดเจ้าจึงได้มาที่สกุลหลี่กับหย่งเล่อหาน”ลี่หลินวางจอกชาลงและหันไปมองผู้ถาม“หลังจากที่ท่านออกมาจากจวนเพื่อมาร่วมงานเลี้ยงสกุลหลี่ คุณชายหย่งไปที่จวนและนำเรื่องการสู่ขอมาทวงกับท่านลุงเจ้าค่ะ”“สู่ขอ!! เขามาสู่ขอเจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน”“เรื่องนี้….”ย้อนกลับไปจวนสกุลเฉิ
มือเรียวหันไปจับท่อนแขนเขาเอาไว้เมื่อเริ่มจะดึงอาภรณ์ที่ปิดเรือนกายของนางอยู่พร้อมกับส่ายหน้า วันนี้มิได้เหมือนค่ำคืนนั้นที่มืดมิดไร้แสงโคมไฟ ในวันนี้ยังเป็นช่วงสายใกล้เที่ยงเท่านั้น นางไม่พร้อมที่จะ….“ไม่นะเจ้าคะ ข้าอายเกินกว่า…อ๊ะ”ลิ้นหนาซอกซอนเข้าใบหูและขบเม้มเพื่อให้นางคลายความกังวล จุมพิตหลากหลายอารมณ์ที่ปรนเปรอนางสลับไปมาทำให้ลี่หลินมิอาจหยุดความวาบหวามใจนี้ได้เมื่อมือหนาเริ่มไล้เข้าไปด้านในโดยมิได้แตะต้องอาภรณ์เขาเริ่มที่ตัวเองก่อน ชุดคลุมด้านในถูกถอดออกจนหมด กล้ามเนื้อเป็นมัดเส้นแข็งตึงตรงหน้าทำเอาสตรีอย่างลี่หลินตกตะลึงในความงดงามของกล้ามแขน หน้าอกไล่ไปยังหน้าท้องและ…..“ว้าย….”“เจ้าไม่ต้องกลัวเจ้าเคยพบมันแล้วนี่”“แต่ว่าไม่ใช่กลางวันแสก ๆ เช่นนี้ ไม่เจ้าค่ะ”“ลี่หลิน…เจ้าลืมไปสินะว่าข้าเห็นมาหมดแล้วทุกส่วนของเจ้า…”“พี่จวินเซียว อย่าเลยเจ้าค่ะ ข้า อ๊าา….”“อือ…. เสียงเจ้าเพราะยิ่งนัก ให้ข้าถอดเถอะนะคนดีข้าจะอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้”“ข้าอายเจ้าค่ะ ดะ…ดับไฟ……”“เจ้าลืมไปสินะว่าตอนนี้ยังเป็นกลางวัน ต่อให้ดับไฟก็ยังคงเห็นอยู่ดี ข้าดึงม่านลงให้ก็แล้วกัน”นางไร้หนทางหนีเมื
“มะ…ไม่เจ้าค่ะ ไม่เอา ข้า…ไม่อยาก”“เจ้าไม่เบื่อหรือ หากเจ้าพอใจข้าย่อมตามใจเจ้าอยู่แล้ว บนเตียงนี้ก็อบอุ่นพอสำหรับเราทั้งคู่”“ข้า…เหนื่อยแล้วเจ้าค่ะ”“หืม…แต่ว่าข้ารู้สึกว่าเจ้ายังรับโทษไม่เพียงพอ”“เฉินจวินเซียว!! นี่ท่านเกลียดข้าขนาดไหนกันถึงได้ทรมานข้าถึงเพียงนี้”จวินเซียวก้มลงจุมพิตนางต่อเนื่องแม้ว่าลี่หลินจะเริ่มหายใจไม่ออก นี่นางยังกล้าพูดว่าเขาเกลียดนางอีกเช่นนั้นหรือ“ปีศาจน้อยของข้า นี่เจ้ายังคิดว่าข้าเกลียดเจ้าอยู่อีกงั้นหรือ คนที่เกลียดกันเขาทำเรื่องเช่นนี้กันหรืออย่างไรเหตุใดเจ้าจึงไม่คิด”“ท่าน…ทรมานข้าอยากให้ข้าตายหรือเจ้าคะ”“การที่ข้า…."รักเจ้า" มากถึงเพียงนี้ทำให้เจ้าทรมานงั้นหรือลี่หลิน"ลี่หลินนิ่งไป นางดึงผ้าห่มมาปิดเร้นกายและมองเขาด้วยความตกตะลึงและคิดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าจะ…"บอกรัก" นาง“เมื่อครู่นี้ท่าน….”“หากเจ้าอยากจะฟังข้าก็จะพูดทุกวัน ทุกเวลา ทุกครั้งที่เจ้าอยากฟัง “ลี่หลินข้ารักเจ้า” รักเจ้ามากจนไม่อยากเสียเจ้าไปเจ้าได้ยินหรือไม่ ได้ยินชัดหรือยังข้ารักเจ้า…. ข้ารักเจ้าปีศาจน้อยของข้า"เขาไม่เพียงพูดแต่ยังเริ่มดึงผ้าห่มของนางออกและจูบนางสลับกับพร่ำบอกรักตลอ
“มิใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ เพียงแต่ว่าพวกเราออกมาจากจวนสกุลหลี่โดยพลการเช่นนี้ท่านลุงกับท่านป้าคงอยากรู้ อีกอย่างเรื่องนี้ข้าเกรงว่าคุณชายหย่งคงจะไม่อยู่เฉยเป็นแน่ ข้าเพียงเป็นห่วงว่าเขาจะหาเรื่องสกุลเฉิน”จวินเซียวเงียบไปและคิดตามที่นางพูด ครั้งนี้คงจะอยู่เฉย ๆ เช่นนี้ไม่ได้จริง ๆ ในเมื่อคนกว่าครึ่งเมืองทราบกันแล้วว่าลี่หลินเป็นว่าที่คู่หมั้นของหย่งเล่อหาน เขาต้องหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้โดยเร็วก่อนจะมานอนสบายใจคิดว่าได้ครอบครองนางอยู่ที่นี่“เจ้าพูดถูกเราควรกลับไปแก้ไขปัญหาก่อน เรื่องที่เจ้าต้องถูกบังคับหมั้นหมายกับคนผู้นั้น และเรื่องที่ข้าต้องไปที่สกุลหลี่ในวันนี้ ข้าต้องหาคำตอบให้ได้”“เรื่องที่ท่านต้องไปที่สกุลหลี่ข้าพอจะทราบเจ้าค่ะ วันก่อนสกุลหลี่ส่งคนมาทาบทาม ท่านป้าอยู่เพียงคนเดียวเลยปฏิเสธไม่ได้จึงได้ให้ท่านไปที่นั่น”“อะไรนะ!! นี่เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจยังไม่บอกข้า แล้วยังให้ข้าไปที่สกุลหลี่อีกงั้นหรือ เจ้าคิดบ้าอะไรอยู่ลี่หลิน!!”“ข้าก็แค่…บังเอิญได้ยินเท่านั้น ไม่คิดว่าพวกเขาจะวางแผน…ให้ท่านหมั้นหมายกับหลี่หนิงฮวา”“เจ้านะเจ้า…เรื่องอื่นฉลาดนัก ทีตอนคิดใส่ร้ายข้าเรื่องพิณของเจ้ายังโกรธข้
“เจียงลี่หลิน เจ้ากำลังพูดอะไรออกมาเจ้ารู้ตัวหรือไม่!!”เขาตะคอกนางเสียงดัง สายตาดุดันจนลี่หลินมือสั่น เฉินจวินเซียวคนเดิมที่นางกลัวกลับมาอีกครั้งจนทำให้ลี่หลินที่เริ่มคลายความหวาดกลัวกลับมาตกใจอีกครั้ง“ท่านพี่ข้าก็แค่....”“อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องเช่นนี้อีก อย่าแม้แต่จะคิดเจ้าคิดว่าสนามรบคือที่สำหรับสตรีหรืออย่างไรที่นั่นไม่มีอะไรที่เหมาะกับเจ้าข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าไปแน่”“แต่ที่นั่นมีท่าน ข้าก็แค่อยากทำตัวให้มีประโยชน์กับท่านกับชิงโจวข้าเป็นหมอข้าช่วย….”“หยุดเดี๋ยวนี้เจียงลี่หลิน!!”แม้ว่าน้ำตานางจะเริ่มรื้นคลอหน่วยในเวลานี้ก็มิอาจทำให้เขาใจอ่อนและดึงนางมาปลอบได้ นางกำลังคิดในสิ่งที่เขากลัวว่าจะเกิดขึ้นมากที่สุด ไม่คิดว่าจู่ ๆ นางก็จะเอ่ยเรื่องนี้ออกมาแต่ก็นั่นแหละถึงอย่างไรน้ำตาของนางก็เล่นงานกับหัวใจเขาได้ทุกเวลาไม่ว่ามันจะไหลมาเมื่อไหร่เขาจึงรีบเบือนหน้าหนี“รีบเก็บของข้าจะพาเจ้ากลับจวนไปอยู่กับท่านแม่”ลี่หลินไม่พูดอะไรอีกและหันไปปาดน้ำตาที่ใบหน้าออกด้วยตัวเองแม้ว่าว่าจวินเซียวจะรู้สึกเจ็บปวดกว่านางแต่เขาก็ต้องใจแข็ง หากว่าเขาเผลอใจอ่อนกับนางแม้แต่ครั้งเดียว เขากลัวเหลือเกินว่าห
“ข้าย่อมรู้ตัวดี หลายวันมานี้ท่านเองก็อดกลั้นมามากเพราะเห็นว่าข้ายังไม่หายดีใช่หรือไม่เจ้าคะ”“เจ้ารู้งั้นหรือ”“อีกสองวัน….”“ลี่หลิน!! เจ้าอย่าพึ่งพูดอีกเลย ค่ำคืนนี้ข้าจะเป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียวไม่อยากได้ยินสิ่งใดอีก”“เช่นนั้นให้ข้าเริ่มเองนะเจ้าคะ”“ปีศาจน้อยของข้าใจกล้าขึ้นแล้วสินะ เจ้าอยากทำสิ่งใดเล่า”ลี่หลินค่อย ๆ ถอดชุดนอนของแม่ทัพหนุ่มออกและค่อย ๆ เลื่อนกายลงไปที่แผงอกกว้าง นางพึ่งมีโอกาสสำรวจอย่างเต็มตาก็วันนี้เอง พึ่งรู้ว่าเขามีรอยแผลที่เกิดจากการทำศึกอยู่ไม่น้อยแม้ว่ามันจะเป็นแผลเป็นเล็ก ๆ แต่ก็ยังไม่สามารถบดบังความองอาจของเขาได้แม้แต่น้อยนางลูบไล้ไปทั่วและค่อย ๆ เอนกายลงไปหาเขาพร้อมจรดริมฝีปากเพื่อทักทายเขา แสงไฟในห้องยังไม่ถูกดับเพราะนางจงใจให้เขาจดจำเรือนร่างนางเอาไว้“ลี่หลิน เจ้าช่างงดงามเกินห้ามใจแน่ใจหรือว่าจะไม่ดับไฟก่อน”“อย่าพึ่งเอ่ยคำใดเจ้าค่ะกอดข้าสิเจ้าคะ”จวินเซียวพลิกกายมาสวมทับนางไว้พร้อมกับบดขยี้ริมฝีปากด้วยความเร็วขึ้นเพื่อปลุกอารมณ์ของนาง เสียงครางที่เริ่มดังขึ้นทำให้เขารู้ว่าคืนนี้ต่อให้เขาจะรังแกนางนานเท่าใดลี่หลินก็จะไม่ว่ากล่าวหรือขอร้องให้เขาห
“ขอรับท่านแม่ทัพ”“เจ้าสั่งให้คนกลับไปเอายาและของจำเป็นที่จวนมาเรียบร้อยแล้วหรือไม่”“สั่งการเรียบร้อยแล้วขอรับ”“ดี รีบไปจะได้รีบกลับข้าไม่อยากให้ลี่หลินอยู่ตามลำพังที่จวน”อาชาคู่กายควบทะยานด้วยความเร็วเพื่อออกนอกเมืองไปยังฝั่งตะวันออก ครั้งนี้ซูหลี่จินกล้าท้าทายเขาและทำร้ายฮูหยินของเขา เรื่องนี้จวินเซียวไม่มีทางปล่อยนางไว้เย็นวันนั้นลี่หลินค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นมาเพราะความเจ็บของบาดแผลที่ยังไม่ทุเลา เมื่อตื่นขึ้นก็เห็นว่าอาหลันกำลังจัดเตรียมยาเอาไว้ให้นางเมื่อหันมาเห็นว่านางตื่นแล้วจึงรีบเข้ามาประคอง“คุณหนูเจ้าคะอย่าพึ่งลุกเร็วเช่นนี้เจ้าค่ะ ข้าพยุงท่านเอง”“อาหลัน เจ้ามานานแล้วหรือ”“จางเต๋อไปแจ้งต่อข้าและให้นำยาบางส่วนมาที่นี่ ข้าจึงรีบจัดยาและชุดของท่านบางส่วนและรีบมาทันที เรื่องนี้ฮูหยินกับนายท่านทราบแล้วท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ทั้งสองท่านบอกว่าให้ท่านพักฟื้นให้หายดีส่วนเรื่องในเมืองนายท่านจะหารือกับท่านอ๋องเองเจ้าค่ะ”“งั้นหรือ เช่นนั้นก็ดีแล้วข้ายังห่วงว่าจะมีผู้ใดอยู่ดูแลท่านแม่หรือไม่”“ท่านไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะมีแม่นมถงดูแลอยู่ฮูหยินไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ นี่ยาที่ท่านบอกใ
“เฉินจวินเซียว!! เหตุใดจึงสนใจแต่นาง ข้าเองก็บาดเจ็บ”“องค์หญิง ท่านหาเรื่องท้าประลองกับคู่หมั้นข้าและทำนางบาดเจ็บถึงเพียงนี้ท่านยังกล้าถามข้างั้นหรือว่าเหตุใดต้องทำเช่นนี้ บาดแผลของนางข้าจะเอาคืนทีหลังแน่ นับจากนี้ไปราชโองการที่ท่านถือมาถือว่าข้าไม่เกี่ยวข้องอีก”“องค์หญิงครั้งนี้คงจะได้ข้อสรุปแล้วนะ” / ท่านอ๋อง“แต่ว่า!! นางโกงข้า”“องค์หญิง ครั้งแรกเป็นเจ้าที่เริ่มก่อนโดยไม่รอสัญญาณอีกอย่างเจ้าเองก็เลือกอาวุธและวิธีการประลองเอง ตอนที่เจียงลี่หลินเลือกอาวุธเจ้าก็มิได้ทักท้วงอีกทั้งยังหัวเราะเยาะและยอมให้นางใช้พิณประลองกับเจ้าเองมิใช่หรือ แล้วเจ้าจะบอกว่านางโกงเจ้าได้เช่นไร หรือว่าความหมายของเจ้า หมายจะว่าคนทั้งชิงโจวโกงเจ้างั้นหรือ!!”“หม่อมฉัน…มิได้หมายความว่าเช่นนั้นนะเพคะ”ซูหลี่จินพึ่งจะเคยเห็นอำนาจที่แท้จริงของท่านอ๋องที่ตะคอกด้วยพระสุรเสียงดุดันเป็นครั้งแรก นางลืมคิดไปว่าที่นี่เป็นแผ่นดินชิงโจวมิใช่ทุ่งหญ้าข่านเล่อของนางที่จะทำตามแต่ใจได้ ผู้คนเริ่มดูถูกและส่งสายตาเดียดฉันท์มาที่นาง“แพ้แล้วยังไม่ยอมรับอีก”“ผู้หญิงป่าเถื่อนหน้าไม่อาย ตัวเองโกงก่อนชัด ๆ พอแพ้แล้วยังมีหน้าโวยวา
“คู่ประลองเชิญเข้าสู่สนาม”ขุนนางกรมยุติธรรมได้รับมอบหมายจากท่านอ๋องเพื่อเป็นกรรมการในการควบคุมการประลองเร่งด่วนในวันนี้เดินมายังตรงกลางลาน แม้แต่สตรีอื่นในชิงโจวยังรู้สึกกลัวและตื่นเต้นแทนเจียงลี่หลิน ไม่เว้นแม้แต่หลี่หนิงฮวา“นางจะตายหรือไม่ สายตาของสตรีต่างแคว้นนั่นน่ากลัวยิ่งนัก แค่เห็นก็รู้สึกขนลุกแล้ว”“นั่นสิเหตุใดจึงจ้องหาเรื่องนางจริง ๆ ว่าแต่หนิงฮวานี่เจ้ากลัวแทนแม่นางเจียงหรือนี่เป็นไปได้เช่นไรกัน”“ผู้ใดจะไม่กลัวกันล่ะเจ้าโง่หรือเปล่า หากว่านางแพ้ก็จะกลายเป็นข้าที่องค์หญิงผู้นั้นหมายหัวน่ะสิ ข้ายังไม่อยากตายนะ”“แต่นางมีคุณชายหย่งช่วยอยู่นะ”“แต่ระหว่างพิณกับแส้ที่มีหนามนั่น เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเจียงลี่หลินจะใช้แค่พิณเอาชนะนางได้น่ะ”หนิงฮวาเริ่มรู้สึกกลัวแทนเจียงลี่หลินแม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะเคยชื่นชอบแม่ทัพเฉินจวินเซียวแต่กลับคิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ จะมีองค์หญิงต่างแคว้นที่หน้าไม่อายมากกว่านางทำเรื่องเช่นนี้ขึ้น อย่างไรเจียงลี่หลินก็ไม่เคยระรานผู้อื่นเพราะเรื่องของผู้ชาย ครั้งนี้พวกนางจึงขอเข้าข้างเจียงลี่หลิน“องค์หญิงเชิญ คุณหนูเจียงเชิญยืนตรงนี้”ทั้งคู่เดินเข้ามาตรงกลางระห
“อะไรนะ!!”“นี่นางกล้าที่จะเอาเรื่องนี้มาเดิมพันเลยงั้นหรือ”เจียงลี่หลินเพียงแค่ยกน้ำชาขึ้นดื่มและหันไปมององค์หญิงที่ยังยืนทำท่าอวดดีอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ท่านอ๋อง“ลี่หลิน!! เจ้าอยู่เฉย ๆ ข้าจัดการเอง”เฉินจวินเซียวไม่มีทางยอมให้ลี่หลินลงไปประลองกับซูหลี่จินเป็นแน่ เพราะเขารู้ดีว่าองค์หญิงผู้นี้โหดร้ายมากเพียงใด แม้ว่านางจะเป็นสตรีแต่ซูหลี่จินผู้นี้เคยฆ่านางรับใช้ของตัวเองมาแล้วดังนั้นการที่นางกล้าท้าประลองกับลี่หลิน นางต้องรู้มาก่อนแล้วว่าลี่หลินไม่มีวรยุทธ์ที่จะสู้กับนางได้จึงกล้าท้าประลองเช่นนี้“เฉินจวินเซียวท่านอย่าได้หาข้ออ้างที่จะช่วยนางเป็นอันขาด เรื่องนี้ข้าเป็นผู้ท้าก็ต้องให้นางตอบรับคำเชิญด้วยตัวเอง ว่าอย่างไรเจียงลี่หลินเจ้ากล้ารับคำท้าหรือไม่”“องค์หญิง ขออภัยแต่ข้าในฐานะผู้ครองเมืองชิงโจวคงมิอาจปล่อยให้เกิดความอยุติธรรมได้ ไม่ทราบว่าเจ้าอยากจะท้าประลองกับนางด้วยวิธีการใด”“ข้าโดดเด่นและเก่งเรื่องการต่อสู้ ย่อมต้องท้าประลองเรื่องการต่อสู้อยู่แล้วเพคะ”“เจ้าท้าประลองกับสตรีที่ไร้วรยุทธ์ เช่นนี้มิใช่เป็นการเอาเปรียบนางหรอกหรือ หากว่าเจียงลี่หลินท้าประลองกับเจ้าด้วยเรื่องเดิ
“เคล้ง!!”ซูหลี่จินผลักชามข้าวออกไปจากตัวและลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารในทันที จวินเซียวและใต้เท้าเฉินหันไปมองนางอีกครั้ง เฉินฮูหยินหันไปมองด้วยสายตาที่รังเกียจนางอย่างเปิดเผยถึงท่าทางที่ไร้มารยาทนี้“ข้าจะกลับแล้ว”“เช่นนั้น…จางเต๋อ จางอี้” / ลี่หลิน""ขอรับคุณหนูเจียง""“ให้คนพาองค์หญิงไปส่งที่ตำหนักท่านอ๋องเถอะ”“จวินเซียว!! เหตุใดท่านจึงไม่ไปส่งข้าด้วยตัวเอง”ซูหลี่จินหันไปมองที่จวินเซียวที่นั่งนิ่งมองมาที่นางด้วยสีหน้าเรียบเฉยกว่าปกติ“องค์หญิง ข้ารับหน้าที่ตามบัญชาท่านอ๋องที่ท่านกล่าวอ้างว่าให้พาท่านไปซื้อของ ตอนนี้จบภารกิจแล้วจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องไปส่งพระองค์ เชิญเสด็จกลับเถอะพ่ะย่ะค่ะ”“เฉินจวินเซียว นี่ท่านถึงกับ….”“องค์หญิงเพคะ ในเมื่อองค์หญิงเลือกที่จะกลับแล้วเหตุใดต้องเรียกให้ “คู่หมั้น” ของผู้อื่นไปส่ง หม่อมฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าที่ข่านเล่อนั้นมีธรรมเนียมที่ไร้มารยาทถึงเพียงนี้อยู่ด้วยหรือเพคะ”“นังแพศยา!! นังตัวกาลี!! เจ้ากล้าดีเช่นใดถึงได้กล้าต่อปากกับข้า”“ซูหลี่จิน!!”จวินเซียวลุกขึ้นมาและยืนบังลี่หลินเอาไว้ ลี่หลินเอียงหน้าออกมาและแสยะยิ้มเล็ก ๆ ส่งไปให้ซูหลี่จินโดยเฉพาะ น
ลี่หลินมองเข้าไปในกระจกพร้อมกับยังคงสางผมไปเรื่อย ๆ และคิดบางอย่างอยู่ อาหลันรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของคุณหนูที่เมินเฉยต่อการที่ได้รู้ว่าท่านแม่ทัพต้องพาองค์หญิงผู้นั้นออกไปข้างนอก“คุณหนู ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่เจ้าคะ”“ไม่นี่ ข้าหิวแล้วพวกเขายังไม่กลับงั้นหรือ”“ยังเลยเจ้าค่ะ”“สำรับเย็นทำอะไรงั้นหรือวันนี้”“เอ่อ….”“ข้าไปดูเองดีกว่า แม่นมเล่าอยู่ที่ใดเจ้ารีบไปบอกให้นางไปพบข้าที่โรงครัวทีเร็ว ๆ เข้าล่ะ”“เจ้าค่ะ”อาหลันทำตามคำสั่งทันทีโดยที่ไม่เอ่ยถามสิ่งใดอีก เจียงลี่หลินมองไปที่กระจกพร้อมกับหวีที่นิ่งอยู่ในมือเมื่อสาวใช้ปิดประตูลง“เจียงลี่หลิน ในเมื่อเจ้าเลือกแล้วว่าจะเป็นฮูหยินท่านแม่ทัพ เช่นนั้นจากนี้เจ้าต้องเข้มแข็งมากกว่านี้ให้เหมาะสมกับแม่ทัพพิทักษ์แดนเหนือ”เย็นวันนั้น / ห้องอาหารลี่หลินที่ทำตัวราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น นางยังคงจัดแจงนำอาหารขึ้นโต๊ะตามปกติ เฉินฮูหยินรู้สึกบอกไม่ถูกที่ต้องจำใจอนุญาตให้บุตรชายของนางออกไปกับซูหลี่จินเพราะคำสั่งที่มาจากท่านอ๋อง“ท่านแม่เจ้าคะ วันนี้ข้าสั่งให้โรงครัวเพิ่มอาหารอีกสองอย่างนะเจ้าคะช่วงนี้ดูเหมือนว่าท่านจะพักผ่อนน้อยอีกทั้งพรุ่งนี้
เฉินจวินเซียวพานางไปที่โต๊ะทำแผลและถอดชุดออกในทันที เมื่อเขาถอดชุดออกก็พลันดึงกายนางเข้ามาและเริ่มปลดสายคาดเอวของนางเช่นกันจนลี่หลินตั้งคว้ามือของเขาเอาไว้“ท่านจะทำสิ่งใดเจ้าคะ ไหนบอกว่าจะให้ข้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้อย่างไรเล่า”“ใช่ แต่เมื่อครู่เจ้าบอกว่าตัวเจ้าเหม็นน้ำหมึกข้าก็เลยคิดว่าต้องถอดชุดนี่ออกเสียหน่อย มาเถอะน่าอย่าดื้อสิ”“ไม่เจ้าค่ะท่านจงใจแกล้งข้า ไม่!! พี่จวินเซียวอย่า…อ๊ะ คนบ้าปล่อยข้านะ”“ลี่หลิน….”นางอยู่ในอ้อมกอดเขาเช่นนี้ยากที่จะต่อต้าน ทั้งสายตาและคำออดอ้อนทั้งหลายที่ไม่เคยได้ยินและไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาได้ก็ถูกประโคมกล่าวออกมาจนนางยอมใจอ่อน ไม่นานทั้งชุดของนางและเขาก็ไร้ความหมายเมื่อถูกโยนไปคนละทิศในห้องตำราของนาง“อ๊าา…. เบาหน่อยเจ้าค่ะ อื้อ….ท่านพี่!!”ลิ้นที่ดูดดึงยอดอกของนางอย่างเมามันไร้อารมณ์ใส่ใจต่อเสียงต่อต้าน เขารู้อยู่แล้วว่านางเพียงแค่ปรามเขาแต่ก็ต้องการเร่งให้เขาทำเช่นกัน จวินเซียวขยับกายและสอดใส่เข้าไปอย่างช้า ๆ แต่เน้นเล้าโลมจนลี่หลินที่เริ่มตอบรับเอนแอ่นร่างตาม“อาา…ลี่หลิน กลิ่นกายเจ้าวันนี้ช่างหอมยิ่งนักเจ้าไปทำสิ่งใดมา”“ทะ ท่านแม่ให้ข้า…อ๊าา อาบ