มือเรียวหันไปจับท่อนแขนเขาเอาไว้เมื่อเริ่มจะดึงอาภรณ์ที่ปิดเรือนกายของนางอยู่พร้อมกับส่ายหน้า วันนี้มิได้เหมือนค่ำคืนนั้นที่มืดมิดไร้แสงโคมไฟ ในวันนี้ยังเป็นช่วงสายใกล้เที่ยงเท่านั้น นางไม่พร้อมที่จะ….“ไม่นะเจ้าคะ ข้าอายเกินกว่า…อ๊ะ”ลิ้นหนาซอกซอนเข้าใบหูและขบเม้มเพื่อให้นางคลายความกังวล จุมพิตหลากหลายอารมณ์ที่ปรนเปรอนางสลับไปมาทำให้ลี่หลินมิอาจหยุดความวาบหวามใจนี้ได้เมื่อมือหนาเริ่มไล้เข้าไปด้านในโดยมิได้แตะต้องอาภรณ์เขาเริ่มที่ตัวเองก่อน ชุดคลุมด้านในถูกถอดออกจนหมด กล้ามเนื้อเป็นมัดเส้นแข็งตึงตรงหน้าทำเอาสตรีอย่างลี่หลินตกตะลึงในความงดงามของกล้ามแขน หน้าอกไล่ไปยังหน้าท้องและ…..“ว้าย….”“เจ้าไม่ต้องกลัวเจ้าเคยพบมันแล้วนี่”“แต่ว่าไม่ใช่กลางวันแสก ๆ เช่นนี้ ไม่เจ้าค่ะ”“ลี่หลิน…เจ้าลืมไปสินะว่าข้าเห็นมาหมดแล้วทุกส่วนของเจ้า…”“พี่จวินเซียว อย่าเลยเจ้าค่ะ ข้า อ๊าา….”“อือ…. เสียงเจ้าเพราะยิ่งนัก ให้ข้าถอดเถอะนะคนดีข้าจะอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้”“ข้าอายเจ้าค่ะ ดะ…ดับไฟ……”“เจ้าลืมไปสินะว่าตอนนี้ยังเป็นกลางวัน ต่อให้ดับไฟก็ยังคงเห็นอยู่ดี ข้าดึงม่านลงให้ก็แล้วกัน”นางไร้หนทางหนีเมื
“มะ…ไม่เจ้าค่ะ ไม่เอา ข้า…ไม่อยาก”“เจ้าไม่เบื่อหรือ หากเจ้าพอใจข้าย่อมตามใจเจ้าอยู่แล้ว บนเตียงนี้ก็อบอุ่นพอสำหรับเราทั้งคู่”“ข้า…เหนื่อยแล้วเจ้าค่ะ”“หืม…แต่ว่าข้ารู้สึกว่าเจ้ายังรับโทษไม่เพียงพอ”“เฉินจวินเซียว!! นี่ท่านเกลียดข้าขนาดไหนกันถึงได้ทรมานข้าถึงเพียงนี้”จวินเซียวก้มลงจุมพิตนางต่อเนื่องแม้ว่าลี่หลินจะเริ่มหายใจไม่ออก นี่นางยังกล้าพูดว่าเขาเกลียดนางอีกเช่นนั้นหรือ“ปีศาจน้อยของข้า นี่เจ้ายังคิดว่าข้าเกลียดเจ้าอยู่อีกงั้นหรือ คนที่เกลียดกันเขาทำเรื่องเช่นนี้กันหรืออย่างไรเหตุใดเจ้าจึงไม่คิด”“ท่าน…ทรมานข้าอยากให้ข้าตายหรือเจ้าคะ”“การที่ข้า…."รักเจ้า" มากถึงเพียงนี้ทำให้เจ้าทรมานงั้นหรือลี่หลิน"ลี่หลินนิ่งไป นางดึงผ้าห่มมาปิดเร้นกายและมองเขาด้วยความตกตะลึงและคิดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าจะ…"บอกรัก" นาง“เมื่อครู่นี้ท่าน….”“หากเจ้าอยากจะฟังข้าก็จะพูดทุกวัน ทุกเวลา ทุกครั้งที่เจ้าอยากฟัง “ลี่หลินข้ารักเจ้า” รักเจ้ามากจนไม่อยากเสียเจ้าไปเจ้าได้ยินหรือไม่ ได้ยินชัดหรือยังข้ารักเจ้า…. ข้ารักเจ้าปีศาจน้อยของข้า"เขาไม่เพียงพูดแต่ยังเริ่มดึงผ้าห่มของนางออกและจูบนางสลับกับพร่ำบอกรักตลอ
“มิใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ เพียงแต่ว่าพวกเราออกมาจากจวนสกุลหลี่โดยพลการเช่นนี้ท่านลุงกับท่านป้าคงอยากรู้ อีกอย่างเรื่องนี้ข้าเกรงว่าคุณชายหย่งคงจะไม่อยู่เฉยเป็นแน่ ข้าเพียงเป็นห่วงว่าเขาจะหาเรื่องสกุลเฉิน”จวินเซียวเงียบไปและคิดตามที่นางพูด ครั้งนี้คงจะอยู่เฉย ๆ เช่นนี้ไม่ได้จริง ๆ ในเมื่อคนกว่าครึ่งเมืองทราบกันแล้วว่าลี่หลินเป็นว่าที่คู่หมั้นของหย่งเล่อหาน เขาต้องหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้โดยเร็วก่อนจะมานอนสบายใจคิดว่าได้ครอบครองนางอยู่ที่นี่“เจ้าพูดถูกเราควรกลับไปแก้ไขปัญหาก่อน เรื่องที่เจ้าต้องถูกบังคับหมั้นหมายกับคนผู้นั้น และเรื่องที่ข้าต้องไปที่สกุลหลี่ในวันนี้ ข้าต้องหาคำตอบให้ได้”“เรื่องที่ท่านต้องไปที่สกุลหลี่ข้าพอจะทราบเจ้าค่ะ วันก่อนสกุลหลี่ส่งคนมาทาบทาม ท่านป้าอยู่เพียงคนเดียวเลยปฏิเสธไม่ได้จึงได้ให้ท่านไปที่นั่น”“อะไรนะ!! นี่เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจยังไม่บอกข้า แล้วยังให้ข้าไปที่สกุลหลี่อีกงั้นหรือ เจ้าคิดบ้าอะไรอยู่ลี่หลิน!!”“ข้าก็แค่…บังเอิญได้ยินเท่านั้น ไม่คิดว่าพวกเขาจะวางแผน…ให้ท่านหมั้นหมายกับหลี่หนิงฮวา”“เจ้านะเจ้า…เรื่องอื่นฉลาดนัก ทีตอนคิดใส่ร้ายข้าเรื่องพิณของเจ้ายังโกรธข้
“เฉินจวินเซียวท่านเป็นบ้าไปแล้ว ข้าจะ….”“รีบกลับเถอะทางกลับค่อนข้างมืด หากเจ้ายังกลัวอยู่ก็กอดเอาไว้แน่น ๆ”นางไม่พูดสิ่งใดอีกจนถึงจวนสกุลเฉิน ที่จริงเขาจงใจขี่ม้าให้ช้าลงเพื่อจะได้อยู่กับนางได้นานขึ้นอีกสักหน่อย ลี่หลินเองก็เช่นกันก่อนที่จะถึงปากทางตรอกเข้าจวน เฉินจวินเซียวจึงได้ชะลอความเร็วอีกครั้ง“ลี่หลิน..”“เจ้าคะ”“คืนนี้หน้าต่างบานที่สามถอดกลอนออกด้วยนะ ข้าไม่อยากพังเข้าไปเหมือนคืนนั้น”ลี่หลินไม่ตอบเขา ได้แต่จับปกชายเสื้อเขาเอาไว้แน่นและตีไปที่อกเขาเบา ๆ “ข้าถือว่าเจ้ารับรู้แล้ว หากว่ายังกล้าล็อกอีกดูสิว่าพรุ่งนี้ผู้ใดจะลุกจากเตียงไม่ได้จริง ๆ”“ทานอย่าทำเช่นนั้นเลย ข้ากลัว….”“เจ้าใช้ชีวิตอยู่ในสกุลเฉินมานานเท่าใดแล้วลี่หลิน”“ปีนี้เข้าปีที่สิบห้าแล้วเจ้าค่ะ”“นอกจากสกุลเฉินและตลาดในเมืองชิงโจว เจ้าเคยไปที่ใดอีกหรือไม่”“ไม่เจ้าค่ะ”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าสตรีที่นอกเมือง ต่างแคว้นบางคนก็มิได้ใช้ชีวิตที่น่าเบื่ออย่างสตรีในชิงโจวที่ให้ผู้หญิงอยู่แต่กับเรือน บางคนเป็นคนสอนวิชาในสำนักศึกษา บางคนที่มีความรู้ทางการแพทย์นางก็รับรักษาคน บางคนเก่งวรยุทธ์ก็ได้เป็นแม่ทัพนายกอง”“จริงหรือเ
“ท่านป้า!! ท่านลุงเจ้าคะ พี่จวินเซียวคงจะหมายความว่า…ในวันนั้นเป็นวันสำคัญ หากมีผู้ที่มอบของล้ำค่าให้ต่อให้เป็นสิ่งล้ำค่าเพียงใดพวกข้าก็ทำได้เพียงต้องรับไว้มิอาจหักหน้าผู้มอบได้ ใช่หรือไม่เจ้าคะพี่จวินเซียว”สายตานางกึ่งอ้อนวอนและร้องขอมิให้แม่ทัพหนุ่มพูดอะไรไปมากกว่านี้ เขานึกหงุดหงิดอยู่ในใจแต่ก็ยอมที่จะไม่พูดอะไร สายตานั่นแม้ว่าจะเป็นสายตาวิงวอนแต่กลับทำให้เขายอมแพ้ได้อย่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก(คอยดูไปเถอะลี่หลิน…ข้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะทำให้เจ้าง้างปากสารภาพเรื่องของเราออกไปได้)“อืม ถ้าเจ้าพูดเช่นนั้น…ลุงก็พอเข้าใจ ดังนั้นเรื่องนี้…”“ท่านพี่ ในตอนนี้ข่าวเรื่องของคุณชายผู้นี้กับหลินเอ๋อร์แพร่กระจายไปทั่วเมืองชิงโจวแล้ว จะปฏิเสธในตอนนี้อาจจะเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก”“ท่านแม่ที่ท่านพูดหมายความว่าอย่างไรขอรับ เจ้าบ้านั่นถึงกับกล้าปล่อยข่าวลือเท็จเลยงั้นหรือ”“ไม่ว่าเขาจะปล่อยข่าวหรือไม่แต่ในตอนนี้คนทั้งชิงโจวก็ล้วนคิดว่าน้องของเจ้าเป็นว่าที่คู่หมั้นของเขาแล้ว ดังนั้น…นอกจากเราจะต้องหาวิธี….”“ข้าเข้าใจแล้ว ที่แท้พวกท่านเรียกพวกข้ามาก็แค่จะบอกให้นางยอมรับเรื่องการหมั้นหมายเท่านั้นสินะขอรับ ม
จวินเซียวนิ่งไป เขาไม่ได้ตอบอะไรนางกลับไปเพียงแค่กอดนางเอาไว้และลูบผมนางเล่นเท่านั้น“เพราะแบบนั้น วันที่ข้ากลับมาเจ้าจึงได้กลัวข้าถึงเพียงนั้นสินะ”“แม้ว่าจะผ่านไปกว่าสิบปีข้าก็ยังรู้สึกผิดอยู่เช่นเดิมเจ้าค่ะ เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้พูด หากว่าพูดไปก็กลัวว่าท่านจะโกรธและตะคอกใส่ข้าเหมือนตอนเด็กอีก ก็เลย…”“เลี่ยงที่จะไม่พบไม่พูดคุยกับข้าและเรียกข้าด้วยคำพูดห่างเหินนั่นงั้นหรือ”“ข้าเกรงว่าท่านจะไล่ข้าออกจากจวนหลังจากที่กลับมา ที่จริงแล้วข้าเองก็เคยคิดเรื่องนี้อยู่เช่นกัน”“อะไรนะ เจ้าหมายความว่าเจ้าอยากจะออกไปจากสกุลเฉินงั้นหรือ”“เจ้าค่ะ ข้ามิอาจทนอยู่ในจวนเดียวกับผู้ที่เกลียดข้าได้ เดิมทีคิดว่าหากท่านกลับมาแล้วยังเกลียดข้าเช่นเดิม ข้าจะขอท่านป้ากลับไปที่เมืองฉาง…บ้านเดิมของสกุลเจียง”“เจ้าโง่หรือเปล่าที่นั่นเจ้าไม่เหลือใครแล้วนะ เจ้าเป็นสตรีตัวคนเดียวยังคิดจะออกไปจากที่นี่งั้นหรือ เจ้าช่างกล้าคิดนัก”“ก็ยังดีกว่าต้องทนมองสายตาเกลียดชังจากท่าน…. ข้า….”จวินเซียวเริ่มซุกจมูกฝังไปทั่วซอกคอและใบหน้าของนางไม่ยั้ง เขาคิดไม่ถึงเลยว่านางจะใจเด็ดเช่นนี้ หากว่าเขาบอกนางช้ากว่านี้คงจะเสียลี่หลินไ
จวินเซียวกลับมาจากห้องของลี่หลินเกือบจะรุ่งสางแล้วเมื่อ จางเต๋อและจางอี้นำข่าวสำคัญมาแจ้ง เขาเลือกจะไปนั่งแช่น้ำอุ่นเพื่อคิดอะไรบางเรื่องและคลี่ยิ้มออกมาอย่างสบายใจก่อนจะลุกขึ้นไปแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวเข้าวังพร้อมกับใต้เท้าเฉิน“ท่านพ่อ”“เจ้ามาแต่เช้าเลย ฮูหยินที่เหลือข้าจัดการเอง”“เจ้าค่ะเช่นนั้นข้าจะไปดูสำรับเช้าให้”“อืม รีบไปเถอะ”เฉินฮูหยินเดินออกมา จวินเซียวเพียงแค่คำนับให้มารดาก่อนที่นางจะแค่ตบบ่าเขาเพื่อเป็นการรับรู้และเดินออกจากห้องไปทันที จวินเซียวเมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบหันมาแจ้งบิดาทันที“เจ้ามีอะไรงั้นหรือ”“ท่านพ่อ ข้าจะขอออกไปทำธุระก่อนและจะรีบตามท่านไปเข้าเฝ้าให้ทัน ข้ารีบมาเพื่อจะมาบอกท่านพ่อก่อนขอรับ”“อะไรนะ แต่ว่าวันนี้…”“ลูกทราบขอรับแต่ลูกไปเพียงไม่นานก็จะรีบกลับมาขอรับ”“อืม เช่นนั้นก็รีบตามไปอย่าให้เสียการใหญ่ ท่านอ๋องมิใช่ผู้ที่เจ้าจะบิดพลิ้วเวลาเข้าเฝ้าได้”“ขอรับ ลูกทราบแล้ว”จวนสกุลหย่ง“ที่นี่แหละขอรับคุณชาย”“อืม ไปกันเถอะ”เฉินจวินเซียวก้าวเท้าเข้าไปในจวนสกุลหย่ง เขาไม่คิดอยากจะมาที่นี่หากไม่มีเรื่องจำเป็นแต่เพราะหย่งเล่อหานที่กล้าแตะต้องคนรักของเขาดังนั้
“ใช่ ที่จริงหากวันนี้เจ้าไม่มาพร้อมกับใต้เท้าเฉิน ข้าเองก็คงต้องเรียกเจ้ามาทีหลังเพื่อปรึกษาเรื่องการศึกนี้อยู่ดี ศึกนี้เกิดทางใต้ของข่านเล่อเป็นทางตะวันออกของชิงโจว “เมืองอี้โจว” กองทัพหลวงจะส่งทัพมาช่วยซึ่งตอนนี้ก็เริ่มทยอยออกมาจากเมืองหลวงแล้วเช่นกัน รวมกับกองทัพของชิงโจวก็น่าจะได้สักห้าหมื่นคน”จวนสกุลเฉิน“อะไรนะเจ้าคะ สงครามหรือเจ้าคะท่านพี่เช่นนี้เซียวเอ๋อร์…...”“ฮูหยินเจ้าใจเย็น ๆ หน่อย ข่าวว่ากองทัพหลวงเร่งไปที่นั่นก่อนแล้วหากว่าสามารถรวมกับทหารของข่านเล่อได้บางทีจวินเซียวอาจจะไม่ต้องออกศึกก็ได้ ทัพหลวงมีองค์ชายสองพระองค์นำทัพมาเอง”ลี่หลินเริ่มหน้าซีดและมือเริ่มสั่นเมื่อรับรู้ว่ากำลังจะมีศึกสงครามอีกครั้งอีกทั้งครั้งนี้จวินเซียวยังต้องไปออกศึกด้วยตัวเองด้วยรับสั่งจากท่านอ๋อง นางไม่แตะต้องน้ำชาเลยตั้งแต่ทราบเรื่องนี้เมื่อใต้เท้าเฉินเรียกทุกคนมาคุยในห้องหนังสือ จวินเซียวหันไปมองหน้าลี่หลินโดยที่มิได้กล่าวอันใด ฮูหยินเห็นสายตาที่เปลี่ยนไปของบุตรชายอย่างชัดเจนแต่ก็มิได้เอ่ยสิ่งใดเช่นกัน“ท่านพี่เช่นนั้นแล้วเรื่องงานหมั้น…”“อ้อ ท่านอ๋องจะไม่ทรงยุ่งกับเรื่องงานหมั้นขอรับ อีกอย่
“เจียงลี่หลิน เจ้ากำลังพูดอะไรออกมาเจ้ารู้ตัวหรือไม่!!”เขาตะคอกนางเสียงดัง สายตาดุดันจนลี่หลินมือสั่น เฉินจวินเซียวคนเดิมที่นางกลัวกลับมาอีกครั้งจนทำให้ลี่หลินที่เริ่มคลายความหวาดกลัวกลับมาตกใจอีกครั้ง“ท่านพี่ข้าก็แค่....”“อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องเช่นนี้อีก อย่าแม้แต่จะคิดเจ้าคิดว่าสนามรบคือที่สำหรับสตรีหรืออย่างไรที่นั่นไม่มีอะไรที่เหมาะกับเจ้าข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าไปแน่”“แต่ที่นั่นมีท่าน ข้าก็แค่อยากทำตัวให้มีประโยชน์กับท่านกับชิงโจวข้าเป็นหมอข้าช่วย….”“หยุดเดี๋ยวนี้เจียงลี่หลิน!!”แม้ว่าน้ำตานางจะเริ่มรื้นคลอหน่วยในเวลานี้ก็มิอาจทำให้เขาใจอ่อนและดึงนางมาปลอบได้ นางกำลังคิดในสิ่งที่เขากลัวว่าจะเกิดขึ้นมากที่สุด ไม่คิดว่าจู่ ๆ นางก็จะเอ่ยเรื่องนี้ออกมาแต่ก็นั่นแหละถึงอย่างไรน้ำตาของนางก็เล่นงานกับหัวใจเขาได้ทุกเวลาไม่ว่ามันจะไหลมาเมื่อไหร่เขาจึงรีบเบือนหน้าหนี“รีบเก็บของข้าจะพาเจ้ากลับจวนไปอยู่กับท่านแม่”ลี่หลินไม่พูดอะไรอีกและหันไปปาดน้ำตาที่ใบหน้าออกด้วยตัวเองแม้ว่าว่าจวินเซียวจะรู้สึกเจ็บปวดกว่านางแต่เขาก็ต้องใจแข็ง หากว่าเขาเผลอใจอ่อนกับนางแม้แต่ครั้งเดียว เขากลัวเหลือเกินว่าห
“ข้าย่อมรู้ตัวดี หลายวันมานี้ท่านเองก็อดกลั้นมามากเพราะเห็นว่าข้ายังไม่หายดีใช่หรือไม่เจ้าคะ”“เจ้ารู้งั้นหรือ”“อีกสองวัน….”“ลี่หลิน!! เจ้าอย่าพึ่งพูดอีกเลย ค่ำคืนนี้ข้าจะเป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียวไม่อยากได้ยินสิ่งใดอีก”“เช่นนั้นให้ข้าเริ่มเองนะเจ้าคะ”“ปีศาจน้อยของข้าใจกล้าขึ้นแล้วสินะ เจ้าอยากทำสิ่งใดเล่า”ลี่หลินค่อย ๆ ถอดชุดนอนของแม่ทัพหนุ่มออกและค่อย ๆ เลื่อนกายลงไปที่แผงอกกว้าง นางพึ่งมีโอกาสสำรวจอย่างเต็มตาก็วันนี้เอง พึ่งรู้ว่าเขามีรอยแผลที่เกิดจากการทำศึกอยู่ไม่น้อยแม้ว่ามันจะเป็นแผลเป็นเล็ก ๆ แต่ก็ยังไม่สามารถบดบังความองอาจของเขาได้แม้แต่น้อยนางลูบไล้ไปทั่วและค่อย ๆ เอนกายลงไปหาเขาพร้อมจรดริมฝีปากเพื่อทักทายเขา แสงไฟในห้องยังไม่ถูกดับเพราะนางจงใจให้เขาจดจำเรือนร่างนางเอาไว้“ลี่หลิน เจ้าช่างงดงามเกินห้ามใจแน่ใจหรือว่าจะไม่ดับไฟก่อน”“อย่าพึ่งเอ่ยคำใดเจ้าค่ะกอดข้าสิเจ้าคะ”จวินเซียวพลิกกายมาสวมทับนางไว้พร้อมกับบดขยี้ริมฝีปากด้วยความเร็วขึ้นเพื่อปลุกอารมณ์ของนาง เสียงครางที่เริ่มดังขึ้นทำให้เขารู้ว่าคืนนี้ต่อให้เขาจะรังแกนางนานเท่าใดลี่หลินก็จะไม่ว่ากล่าวหรือขอร้องให้เขาห
“ขอรับท่านแม่ทัพ”“เจ้าสั่งให้คนกลับไปเอายาและของจำเป็นที่จวนมาเรียบร้อยแล้วหรือไม่”“สั่งการเรียบร้อยแล้วขอรับ”“ดี รีบไปจะได้รีบกลับข้าไม่อยากให้ลี่หลินอยู่ตามลำพังที่จวน”อาชาคู่กายควบทะยานด้วยความเร็วเพื่อออกนอกเมืองไปยังฝั่งตะวันออก ครั้งนี้ซูหลี่จินกล้าท้าทายเขาและทำร้ายฮูหยินของเขา เรื่องนี้จวินเซียวไม่มีทางปล่อยนางไว้เย็นวันนั้นลี่หลินค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นมาเพราะความเจ็บของบาดแผลที่ยังไม่ทุเลา เมื่อตื่นขึ้นก็เห็นว่าอาหลันกำลังจัดเตรียมยาเอาไว้ให้นางเมื่อหันมาเห็นว่านางตื่นแล้วจึงรีบเข้ามาประคอง“คุณหนูเจ้าคะอย่าพึ่งลุกเร็วเช่นนี้เจ้าค่ะ ข้าพยุงท่านเอง”“อาหลัน เจ้ามานานแล้วหรือ”“จางเต๋อไปแจ้งต่อข้าและให้นำยาบางส่วนมาที่นี่ ข้าจึงรีบจัดยาและชุดของท่านบางส่วนและรีบมาทันที เรื่องนี้ฮูหยินกับนายท่านทราบแล้วท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ทั้งสองท่านบอกว่าให้ท่านพักฟื้นให้หายดีส่วนเรื่องในเมืองนายท่านจะหารือกับท่านอ๋องเองเจ้าค่ะ”“งั้นหรือ เช่นนั้นก็ดีแล้วข้ายังห่วงว่าจะมีผู้ใดอยู่ดูแลท่านแม่หรือไม่”“ท่านไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะมีแม่นมถงดูแลอยู่ฮูหยินไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ นี่ยาที่ท่านบอกใ
“เฉินจวินเซียว!! เหตุใดจึงสนใจแต่นาง ข้าเองก็บาดเจ็บ”“องค์หญิง ท่านหาเรื่องท้าประลองกับคู่หมั้นข้าและทำนางบาดเจ็บถึงเพียงนี้ท่านยังกล้าถามข้างั้นหรือว่าเหตุใดต้องทำเช่นนี้ บาดแผลของนางข้าจะเอาคืนทีหลังแน่ นับจากนี้ไปราชโองการที่ท่านถือมาถือว่าข้าไม่เกี่ยวข้องอีก”“องค์หญิงครั้งนี้คงจะได้ข้อสรุปแล้วนะ” / ท่านอ๋อง“แต่ว่า!! นางโกงข้า”“องค์หญิง ครั้งแรกเป็นเจ้าที่เริ่มก่อนโดยไม่รอสัญญาณอีกอย่างเจ้าเองก็เลือกอาวุธและวิธีการประลองเอง ตอนที่เจียงลี่หลินเลือกอาวุธเจ้าก็มิได้ทักท้วงอีกทั้งยังหัวเราะเยาะและยอมให้นางใช้พิณประลองกับเจ้าเองมิใช่หรือ แล้วเจ้าจะบอกว่านางโกงเจ้าได้เช่นไร หรือว่าความหมายของเจ้า หมายจะว่าคนทั้งชิงโจวโกงเจ้างั้นหรือ!!”“หม่อมฉัน…มิได้หมายความว่าเช่นนั้นนะเพคะ”ซูหลี่จินพึ่งจะเคยเห็นอำนาจที่แท้จริงของท่านอ๋องที่ตะคอกด้วยพระสุรเสียงดุดันเป็นครั้งแรก นางลืมคิดไปว่าที่นี่เป็นแผ่นดินชิงโจวมิใช่ทุ่งหญ้าข่านเล่อของนางที่จะทำตามแต่ใจได้ ผู้คนเริ่มดูถูกและส่งสายตาเดียดฉันท์มาที่นาง“แพ้แล้วยังไม่ยอมรับอีก”“ผู้หญิงป่าเถื่อนหน้าไม่อาย ตัวเองโกงก่อนชัด ๆ พอแพ้แล้วยังมีหน้าโวยวา
“คู่ประลองเชิญเข้าสู่สนาม”ขุนนางกรมยุติธรรมได้รับมอบหมายจากท่านอ๋องเพื่อเป็นกรรมการในการควบคุมการประลองเร่งด่วนในวันนี้เดินมายังตรงกลางลาน แม้แต่สตรีอื่นในชิงโจวยังรู้สึกกลัวและตื่นเต้นแทนเจียงลี่หลิน ไม่เว้นแม้แต่หลี่หนิงฮวา“นางจะตายหรือไม่ สายตาของสตรีต่างแคว้นนั่นน่ากลัวยิ่งนัก แค่เห็นก็รู้สึกขนลุกแล้ว”“นั่นสิเหตุใดจึงจ้องหาเรื่องนางจริง ๆ ว่าแต่หนิงฮวานี่เจ้ากลัวแทนแม่นางเจียงหรือนี่เป็นไปได้เช่นไรกัน”“ผู้ใดจะไม่กลัวกันล่ะเจ้าโง่หรือเปล่า หากว่านางแพ้ก็จะกลายเป็นข้าที่องค์หญิงผู้นั้นหมายหัวน่ะสิ ข้ายังไม่อยากตายนะ”“แต่นางมีคุณชายหย่งช่วยอยู่นะ”“แต่ระหว่างพิณกับแส้ที่มีหนามนั่น เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเจียงลี่หลินจะใช้แค่พิณเอาชนะนางได้น่ะ”หนิงฮวาเริ่มรู้สึกกลัวแทนเจียงลี่หลินแม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะเคยชื่นชอบแม่ทัพเฉินจวินเซียวแต่กลับคิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ จะมีองค์หญิงต่างแคว้นที่หน้าไม่อายมากกว่านางทำเรื่องเช่นนี้ขึ้น อย่างไรเจียงลี่หลินก็ไม่เคยระรานผู้อื่นเพราะเรื่องของผู้ชาย ครั้งนี้พวกนางจึงขอเข้าข้างเจียงลี่หลิน“องค์หญิงเชิญ คุณหนูเจียงเชิญยืนตรงนี้”ทั้งคู่เดินเข้ามาตรงกลางระห
“อะไรนะ!!”“นี่นางกล้าที่จะเอาเรื่องนี้มาเดิมพันเลยงั้นหรือ”เจียงลี่หลินเพียงแค่ยกน้ำชาขึ้นดื่มและหันไปมององค์หญิงที่ยังยืนทำท่าอวดดีอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ท่านอ๋อง“ลี่หลิน!! เจ้าอยู่เฉย ๆ ข้าจัดการเอง”เฉินจวินเซียวไม่มีทางยอมให้ลี่หลินลงไปประลองกับซูหลี่จินเป็นแน่ เพราะเขารู้ดีว่าองค์หญิงผู้นี้โหดร้ายมากเพียงใด แม้ว่านางจะเป็นสตรีแต่ซูหลี่จินผู้นี้เคยฆ่านางรับใช้ของตัวเองมาแล้วดังนั้นการที่นางกล้าท้าประลองกับลี่หลิน นางต้องรู้มาก่อนแล้วว่าลี่หลินไม่มีวรยุทธ์ที่จะสู้กับนางได้จึงกล้าท้าประลองเช่นนี้“เฉินจวินเซียวท่านอย่าได้หาข้ออ้างที่จะช่วยนางเป็นอันขาด เรื่องนี้ข้าเป็นผู้ท้าก็ต้องให้นางตอบรับคำเชิญด้วยตัวเอง ว่าอย่างไรเจียงลี่หลินเจ้ากล้ารับคำท้าหรือไม่”“องค์หญิง ขออภัยแต่ข้าในฐานะผู้ครองเมืองชิงโจวคงมิอาจปล่อยให้เกิดความอยุติธรรมได้ ไม่ทราบว่าเจ้าอยากจะท้าประลองกับนางด้วยวิธีการใด”“ข้าโดดเด่นและเก่งเรื่องการต่อสู้ ย่อมต้องท้าประลองเรื่องการต่อสู้อยู่แล้วเพคะ”“เจ้าท้าประลองกับสตรีที่ไร้วรยุทธ์ เช่นนี้มิใช่เป็นการเอาเปรียบนางหรอกหรือ หากว่าเจียงลี่หลินท้าประลองกับเจ้าด้วยเรื่องเดิ
“เคล้ง!!”ซูหลี่จินผลักชามข้าวออกไปจากตัวและลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารในทันที จวินเซียวและใต้เท้าเฉินหันไปมองนางอีกครั้ง เฉินฮูหยินหันไปมองด้วยสายตาที่รังเกียจนางอย่างเปิดเผยถึงท่าทางที่ไร้มารยาทนี้“ข้าจะกลับแล้ว”“เช่นนั้น…จางเต๋อ จางอี้” / ลี่หลิน""ขอรับคุณหนูเจียง""“ให้คนพาองค์หญิงไปส่งที่ตำหนักท่านอ๋องเถอะ”“จวินเซียว!! เหตุใดท่านจึงไม่ไปส่งข้าด้วยตัวเอง”ซูหลี่จินหันไปมองที่จวินเซียวที่นั่งนิ่งมองมาที่นางด้วยสีหน้าเรียบเฉยกว่าปกติ“องค์หญิง ข้ารับหน้าที่ตามบัญชาท่านอ๋องที่ท่านกล่าวอ้างว่าให้พาท่านไปซื้อของ ตอนนี้จบภารกิจแล้วจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องไปส่งพระองค์ เชิญเสด็จกลับเถอะพ่ะย่ะค่ะ”“เฉินจวินเซียว นี่ท่านถึงกับ….”“องค์หญิงเพคะ ในเมื่อองค์หญิงเลือกที่จะกลับแล้วเหตุใดต้องเรียกให้ “คู่หมั้น” ของผู้อื่นไปส่ง หม่อมฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าที่ข่านเล่อนั้นมีธรรมเนียมที่ไร้มารยาทถึงเพียงนี้อยู่ด้วยหรือเพคะ”“นังแพศยา!! นังตัวกาลี!! เจ้ากล้าดีเช่นใดถึงได้กล้าต่อปากกับข้า”“ซูหลี่จิน!!”จวินเซียวลุกขึ้นมาและยืนบังลี่หลินเอาไว้ ลี่หลินเอียงหน้าออกมาและแสยะยิ้มเล็ก ๆ ส่งไปให้ซูหลี่จินโดยเฉพาะ น
ลี่หลินมองเข้าไปในกระจกพร้อมกับยังคงสางผมไปเรื่อย ๆ และคิดบางอย่างอยู่ อาหลันรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของคุณหนูที่เมินเฉยต่อการที่ได้รู้ว่าท่านแม่ทัพต้องพาองค์หญิงผู้นั้นออกไปข้างนอก“คุณหนู ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่เจ้าคะ”“ไม่นี่ ข้าหิวแล้วพวกเขายังไม่กลับงั้นหรือ”“ยังเลยเจ้าค่ะ”“สำรับเย็นทำอะไรงั้นหรือวันนี้”“เอ่อ….”“ข้าไปดูเองดีกว่า แม่นมเล่าอยู่ที่ใดเจ้ารีบไปบอกให้นางไปพบข้าที่โรงครัวทีเร็ว ๆ เข้าล่ะ”“เจ้าค่ะ”อาหลันทำตามคำสั่งทันทีโดยที่ไม่เอ่ยถามสิ่งใดอีก เจียงลี่หลินมองไปที่กระจกพร้อมกับหวีที่นิ่งอยู่ในมือเมื่อสาวใช้ปิดประตูลง“เจียงลี่หลิน ในเมื่อเจ้าเลือกแล้วว่าจะเป็นฮูหยินท่านแม่ทัพ เช่นนั้นจากนี้เจ้าต้องเข้มแข็งมากกว่านี้ให้เหมาะสมกับแม่ทัพพิทักษ์แดนเหนือ”เย็นวันนั้น / ห้องอาหารลี่หลินที่ทำตัวราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น นางยังคงจัดแจงนำอาหารขึ้นโต๊ะตามปกติ เฉินฮูหยินรู้สึกบอกไม่ถูกที่ต้องจำใจอนุญาตให้บุตรชายของนางออกไปกับซูหลี่จินเพราะคำสั่งที่มาจากท่านอ๋อง“ท่านแม่เจ้าคะ วันนี้ข้าสั่งให้โรงครัวเพิ่มอาหารอีกสองอย่างนะเจ้าคะช่วงนี้ดูเหมือนว่าท่านจะพักผ่อนน้อยอีกทั้งพรุ่งนี้
เฉินจวินเซียวพานางไปที่โต๊ะทำแผลและถอดชุดออกในทันที เมื่อเขาถอดชุดออกก็พลันดึงกายนางเข้ามาและเริ่มปลดสายคาดเอวของนางเช่นกันจนลี่หลินตั้งคว้ามือของเขาเอาไว้“ท่านจะทำสิ่งใดเจ้าคะ ไหนบอกว่าจะให้ข้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้อย่างไรเล่า”“ใช่ แต่เมื่อครู่เจ้าบอกว่าตัวเจ้าเหม็นน้ำหมึกข้าก็เลยคิดว่าต้องถอดชุดนี่ออกเสียหน่อย มาเถอะน่าอย่าดื้อสิ”“ไม่เจ้าค่ะท่านจงใจแกล้งข้า ไม่!! พี่จวินเซียวอย่า…อ๊ะ คนบ้าปล่อยข้านะ”“ลี่หลิน….”นางอยู่ในอ้อมกอดเขาเช่นนี้ยากที่จะต่อต้าน ทั้งสายตาและคำออดอ้อนทั้งหลายที่ไม่เคยได้ยินและไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาได้ก็ถูกประโคมกล่าวออกมาจนนางยอมใจอ่อน ไม่นานทั้งชุดของนางและเขาก็ไร้ความหมายเมื่อถูกโยนไปคนละทิศในห้องตำราของนาง“อ๊าา…. เบาหน่อยเจ้าค่ะ อื้อ….ท่านพี่!!”ลิ้นที่ดูดดึงยอดอกของนางอย่างเมามันไร้อารมณ์ใส่ใจต่อเสียงต่อต้าน เขารู้อยู่แล้วว่านางเพียงแค่ปรามเขาแต่ก็ต้องการเร่งให้เขาทำเช่นกัน จวินเซียวขยับกายและสอดใส่เข้าไปอย่างช้า ๆ แต่เน้นเล้าโลมจนลี่หลินที่เริ่มตอบรับเอนแอ่นร่างตาม“อาา…ลี่หลิน กลิ่นกายเจ้าวันนี้ช่างหอมยิ่งนักเจ้าไปทำสิ่งใดมา”“ทะ ท่านแม่ให้ข้า…อ๊าา อาบ