“ฮูหยินเจ้าคะ”“ช่างเถอะ เร็วเข้ารีบเอาดอกไม้มาข้าจะโปรยรับนายท่านกับ…”“ฮูหยิน ท่านแม่ทัพกับฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ”“เซียวเอ๋อร์…. หลินเอ๋อร์กลับมากันแล้ว พวกเขากลับมาแล้ว”""ท่านแม่""จวินเซียวและลี่หลินที่เปลี่ยนมานั่งม้าของจวินเซียวค่อย ๆ บังคับบังเหียนม้ามายังหน้าประตูจวนสกุลเฉินก่อนที่จวินเซียวจะลงม้ามาก่อนและพยุงลี่หลินลงมาและคุกเข่าตรงหน้าเฉินฮูหยิน“ลูกกลับมาแล้วขอรับท่านแม่”“เซียวเอ๋อร์ เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับชัยชนะ ยอดเยี่ยมยิ่งนักแม่ภูมิใจในตัวเจ้า”“ท่านแม่ ครั้งนี้หากมิได้ลี่หลินไปช่วยลูกไว้ชิงโจวอาจจะไม่ชนะรวดเร็วเช่นนี้ขอรับ”“ท่านแม่”“เจ้านะเจ้า หากมิใช่เป็นท่านอ๋องที่เสด็จมาขอร้องถึงจวนมีหรือแม่จะยอมให้เจ้าออกไปตรากตรำข้างนอก ลุกขึ้นเร็ว ๆ เข้า ลุกขึ้น แม่นมเร็วเข้าพยุงฮูหยินน้อยเข้าไปข้างในจวนก่อนอย่าให้กระทบ…”“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง ข้าขี่ลี่เยว่มาช้า ๆ ไม่กระทบกระเทือนหลานของท่านแม่แน่ขอรับ”“เจ้า…. รู้แล้วอย่างนั้นหรือ ข้าคิดเอาไว้แล้วเชียวว่าหลินเอ๋อร์คงอยากจะบอกเจ้าด้วยตัวเองไปเถอะรีบเข้าไปข้างในกันก่อนข้าจะรอท่านพ่อของเจ้า”“ท่านพ่อเข้าวังไปกับท่านอ๋องขอรับท่
“ถูกต้อง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องยอมรับข้อเสนออีกทั้งต้องเสียทั้งค่าธรรมเนียมพ่ายศึกอีกสองเท่าทั้งตอนแพ้ที่อี้โจวและชิงโจว”“หากเลือกจะยอมแพ้ตั้งแต่ที่อี้โจวพวกเขาคงไม่สูญเสียมากถึงเพียงนี้”“เพราะความละโมบของฮ่องเต้แคว้นเว่ยที่เกือบจะลืมศึกภายในที่รออยู่ข้างหลังดังนั้นครั้งนี้เขาคงคิดอะไรได้ ยอมเสียน้อยเพื่อได้มาก ดังนั้นชิงโจวและข่านเล่อจึงได้รับประโยชน์จากการศึกในครั้งนี้ ว่าแต่แผลของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“เกือบหายดีแล้วขอรับท่านพ่อ อีกสองสามวันก็ฝึกดาบได้แล้วขอรับ”“เจ้าก็ยังใจร้อนอีกเช่นเคย ไม่ควรหุนหันพุ่งเข้าโจมตีหนึ่งต่อสามสิบเช่นนั้นอีก ลืมไปแล้วหรือว่ามิได้ตัวคนเดียวแล้วยังมีหลินเอ๋อร์และลูกของเจ้ารออยู่”“ขอรับท่านพ่อ ท่านสั่งสอนได้ถูกต้องแล้วลูกไม่กล้าใจร้อนอีกแล้วขอรับ”“เอาเถอะ ยังดีที่เจ้าส่งม้าเร็วมาแจ้งแผนสำรองให้ท่านอ๋องได้ทันเวลา”“แต่แผนที่จะให้ลี่หลินไปที่นั่นข้ามิได้บอกเอาไว้นะขอรับ”“กุนซือของเจ้าทูลท่านอ๋องเอาไว้น่ะสิ คุณชายหย่งบอกว่าหากว่าแคว้นเว่ยใช้แผนสกปรกถึงที่สุด เราเองก็ต้องใช้แผนการที่พวกเขาคาดไม่ถึงเช่นกัน ดังนั้นจึงได้มาขอร้องหลินเอ๋อร์ด้วยพระองค์เองอีกทั้
“เปล่านะขอรับ ข้าเพียงแค่ได้ยินมาว่าผู้ที่ตั้งครรภ์ควรนอนพักให้มาก ๆ จึงปล่อยให้นางนอนพักต่ออีกสักหน่อยเพราะก่อนหน้านี้นางไปทัพคงอ่อนเพลียมากอย่าไปรบกวนนางเลยขอรับ”“เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ”“ท่านแม่ข้าฝากดูแลลี่หลินก่อนนะขอรับแล้วลูกจะรีบกลับ”“เจ้ารีบไปเถอะทางนี้แม่ดูแลให้เองไม่ต้องห่วง”จวินเซียวและใต้เท้าเฉินลู่เดินทางออกจากจวนทันที พวกเขาพบกับหย่งเล่อหานที่เข้าวังมาเช่นกันก่อนที่ทั้งหมดจะเข้าเฝ้าท่านอ๋องในห้องทรงงานเล็ก“อาการขององค์ชายรองดีขึ้นมากแล้ว เขารู้เรื่องขององค์หญิงและไม่ได้คิดติดใจเอาโทษกับเราเพราะทราบสถานการณ์ครั้งนี้ดี อีกอย่างเขารู้ตั้งแต่คืนที่นางถูกพาตัวไปแล้วแม้ว่าอยากจะช่วยก็คงสุดกำลังเพราะรู้ดีว่าข้าศึกคงไม่มีทางปล่อยนางเอาไว้เป็นแน่”“เช่นนั้นเงื่อนไขการเจรจาที่ต้องสมรส…”“องค์ชายรองยอมรับเงื่อนไขที่ข้าส่งมอบให้แล้ว เขาตกลงจะครองเมืองเสิ่นที่อยู่ติดกับอี้โจวของเรา ส่วนแคว้นเว่ยก็ตกลงลงนามสัญญาสงบศึกสามสิบปีและส่งมอบค่าธรรมเนียมพ่ายทัพให้กับแคว้นข่านเล่อและชิงโจวตามที่เรียกแลกกับการส่งองค์ชายเพียงคนเดียวกลับแคว้น”“ท่านอ๋อง กระหม่อมยังอยากให้ทางเราตกลงกับข่านเล่ออี
“ท่านพี่!!”“อะไรอีกงั้นหรือ”“ท่าน…ต้องทำพิธีเปิดหน้าเจ้าสาวก่อนเจ้าค่ะ”“นั่นสิข้าลืมไปเลยหากเจ้าหายใจไม่สะดวกจะแย่เอานะ ไหนล่ะไม้เปิดนั่น อ้อ อยู่นี่เอง ทำไมพิธีการถึงได้เยอะเช่นนี้กันนะ”“เฉินจวินเซียวท่านบ่นตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้า มาในตอนนี้ก็ยังไม่เลิกบ่นอีก เช่นนั้นไม่แต่งดีหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่นะ!! ลี่หลินวันนี้เป็นวันมงคลใหญ่เจ้าจะพูดเช่นนี้หาได้ไม่ ข้าไม่ยอมนะ ”“ท่านเอาแต่บ่นจนข้าคิดว่าท่านไม่เต็มใจจะแต่งงาน”“ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าจะเปิดแล้วนะ”จวินเซียวมือสั่นเล็กน้อยเมื่อใช้ไม้มงคลที่ผูกโบสีแดงเอาไว้ค่อย ๆ เลื่อนเข้าไปในผ้าสีแดงและค่อย ๆ เปิดหน้าเจ้าสาวเอาไว้ เจียงลี่หลินที่ถูกแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าที่จัดจ้านกว่าเดิมด้วยสีแดงสดแต่กลับงดงามราวดอกโบตั๋นในฤดูหนาวที่เลอค่ายิ่งกว่าบุปผาใดในใต้หล้าสำหรับเฉินจวินเซียว“เจ้า…ช่างงามยิ่งนัก งามจนข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นของข้า เจียงลี่หลินข้าควรรู้มานานแล้วว่าข้ารักเจ้าและไม่สามารถปล่อยเจ้าไปที่ใดได้นับตั้งแต่เจ้าก้าวเข้ามายังสกุลเฉินแห่งนี้”“ท่านพี่ข้าเองก็เช่นกันเจ้าค่ะ วันนี้ท่านดูสง่างามในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดนี้ ช่างรูปงามยิ่งนัก
จวนแม่ทัพเฉิน / เมืองหลวง“เพี๊ยะ!!”“ฮูหยินพอเถอะเจ้าค่ะคุณชาย…กลัวแล้วเจ้าค่ะ ได้โปรดสั่งให้หยุดโบยเถิดเจ้าค่ะ”“แม่นมถง ข้ามิได้สั่งโบยเพราะจะให้เขากลัวแต่ข้าอยากให้เขาจดจำว่าไม่ควรทิ้งน้องให้ยืนตากฝนอยู่ข้างนอกนั่น!!”เสียงไม้โบยยังดังอยู่อีกสามครั้งจนจบ “เฉินจวินเซียว” ในอายุสิบสองปีหันมามองใบหน้าของมารดาที่ยืนกอดเด็กน้อยในวัยเจ็ดปีเต็มในอ้อมกอด นางร้องไห้และขอร้องมารดาของเขาให้ปล่อยเขาไปแต่มารดาของเขาที่โกรธเพราะเด็กน้อยผู้นั้นเปียกฝนไปทั้งตัว“ท่านป้าเจ้าคะ อย่าตีคุณชายอีกเลย”“เด็กน้อยเจ้ารีบเข้าไปข้างในให้อาหลันอาบน้ำให้ ทำร่างกายให้อบอุ่นเร็วเข้า”“เจียงลี่หลิน” ในวัยเพียงเจ็ดขวบหันมามองผู้เป็นพี่ชายซึ่งทั้งสองมิได้มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือด สายตาที่เขามองนางตอนนี้ยิ่งทวีความเกลียดชังขึ้นมากกว่าเดิม เขาไม่เคยเห็นว่านางเป็นน้องสาวและไม่เคยพูดจากับนางดี ๆ สักครั้งนับตั้งแต่นางก้าวเข้ามาในจวนสกุลเฉินแห่งนี้หกเดือนก่อน“หมายความว่าอย่างไร…. ท่านจะบอกว่าท่านอาจารย์ของข้า…ท่านลุงของข้าตายอยู่ที่เมืองฉางงั้นหรือ แล้วท่านพ่อข้าล่ะท่านแม่ขอรับลูกอยากจะไปหาท่านพ่อกับท่านลุง”“เซี
“ข้ามาเรียกท่านไปกินข้าว ท่านป้าบอกว่าได้เวลาอาบน้ำแล้ว”“คุณชายท่านกลับไปเถอะ คุณหนูเจียงมาเรียกแล้ว”“ใครเป็นคุณหนู แล้วเหตุใดข้าจะต้องเชื่อฟังนางด้วย ก็แค่ปีศาจตัวน้อยที่ฆ่าท่านลุงข้าเท่านั้น!!”“คุณชาย พูดแรงไปหรือไม่ขอรับ…คุณหนูเจียงข้าว่าท่าน….”จางเต๋อหันมามองใบหน้าของเด็กหญิงที่เริ่มตาแดงก่ำและตัวสั่นเมื่อมองมาที่คุณชายที่ปากร้าย ทั้งว่านางเป็นปีศาจและยังกล่าวหาว่านางฆ่าท่านลุงของเขาอีกด้วย“หากอยากจะรอก็รออยู่นี่ ข้ายังมีเรื่องต้องทำอีกเสร็จแล้วจะกลับไป”สายตาของคุณชายน้อยเริ่มอ่อนลงเมื่อเห็นว่าลี่หลินที่อายุน้อยกว่าเขาห้าปียืนเช็ดน้ำตาเงียบ ๆ อยู่ จางเต๋อและจางอี้รีบหาผ้าเช็ดหน้าให้นางเช็ดน้ำตาจนเขาต้องแผดเสียงขึ้นอีกครั้ง“พวกเจ้าอย่ายุ่งกับนาง!! ปล่อยนางเอาไว้ตรงนั้นแหละ เรายังฝึกไม่เสร็จ!!”""ขอรับ""พวกเขาจำใจต้องเดินตามคุณชายเฉินเข้าไปในโรงฝึกดาบ ทิ้งให้เด็กน้อยยืนตากแดดรออยู่ด้านนอกเพราะคำสั่งของเฉินจวินเซียวทำให้นางไม่กล้าเดินไปที่อื่น แต่เวลาเริ่มผ่านไปจวินเซียวไม่เพียงไม่ได้กลับมาทางนี้แต่เขาลืมเสียสนิทเลยว่าให้นางยืนคอยอยู่ข้างนอกเฉินจวินเซียวกลับจวนจนอาบน้ำเสร็จแ
“คุณหนูเจ้าคะ อย่าได้โทษตัวเองเช่นนั้นเลยนะเจ้าคะ ช้าหรือเร็วคุณชายก็ต้องเดินทางไปเรียนที่นั่นอยู่ดีเพราะที่สำนักดาบนั่นเป็นสำนักที่ท่านแม่ทัพและแม่ทัพใหญ่เฉินร่ำเรียนมาก่อนเจ้าค่ะ”“งั้นหรือเจ้าคะ”“อย่าคิดมากเลยนะเจ้าคะ ได้เวลาดื่มยาแล้วเจ้าค่ะ”หลังจากเรื่องในวันนั้น ผ่านเวลาไปเกือบสิบปีที่นางใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความอบอุ่นในจวนสกุลเฉิน ดูแลแม่ทัพและเฉินฮูหยินแทนบุตรชายที่ไปร่ำเรียนและข่าวร่ำลือในตอนนี้ เขาเป็นแม่ทัพแดนเหนือที่ไร้พ่ายในทุกสนามรบ ไม่ว่าจะสนามน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นล้วนได้แม่ทัพเฉินน้อยที่ปราบจนสิ้น“ประทานยศเป็นแม่ทัพพิทักษ์แดนเหนือ”“จริงหรือเจ้าคะท่านพี่ ยอดเยี่ยมไปเลยเช่นนั้นแบบนี้แสดงว่า....”“ใช่แล้วล่ะ ยศนี้ฝ่าบาทอยากจะประทานให้ข้ามานานแล้วแต่ข้าในไม่กล้ารับจริง ๆ ตอนนั้นเสียพี่ใหญ่ไป แม้ว่าศึกครั้งนั้นเราจะชนะแคว้นเว่ยได้ แต่ข้าก็ไม่อยากจะรับแต่ในตอนนี้เซียวเอ๋อร์ของเราเขาได้ตำแหน่งนี้มาด้วยฝีมือและความสามารถ เขาเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากกว่าข้า”“ท่านพี่ เช่นนี้…ลูกจะได้กลับมาเมืองชิงโจวแล้วสินะเจ้าคะ”“ใช่แล้วล่ะ เขาจะกลับมาแล้ว ได้กลับบ้านเสียที”“เพล้ง!!”สองสามี
“ท่านแม่ทัพขอรับ หรือว่าท่านยัง….”“พวกเจ้าออกไปได้แล้วข้าจะนอนพัก พรุ่งนี้ต้องรีบออกเดินทางแต่เช้า”""ขอรับ""จางเต๋อไม่กล้าถามเขาซ้ำอีกรอบ แม้ว่าพวกเขาจะจากเมืองชิงโจวไปถึงสิบปีเต็มแต่ในตอนที่พวกเขาจากมา จำได้ว่าครั้งนั้นคุณชายพึ่งจะหายจากพิษไข้ที่ถูกโบยและตากฝนเพื่อไปช่วยคุณหนูเจียงพวกเขาได้ยินคุณชายร้องไห้ตลอดทางพร้อมกับคำพูดว่า “เหตุใดต้องส่งเขามาไกลถึงเพียงนี้ เขาทำผิดถึงขนาดนี้เชียวหรือถึงให้อภัยกันไม่ได้” พวกเขาทั้งสองไม่กล้าเอ่ยปาก ทำได้เพียงแค่ปลอบใจคุณชายจนเขาสงบลงได้และเริ่มฝึกหนักอย่างตั้งใจนับแต่นั้นเป็นต้นมา“พิธีปักปิ่นงั้นหรือ”เฉินจวินเซียวเดินมาที่เตียงของเขาและค่อย ๆ หยิบบางอย่างออกมาจากห่อผ้าที่เขาสวมติดตัวเอาไว้ ในนั้นมีทั้งอาวุธและหีบไม้สีน้ำตาลเข้ม เมื่อเขาหยิบและเปิดออกมาในนั้นมีปิ่นทองที่ถูกทำขึ้นจากช่างฝีมือแดนเหนือแสงเงาสะท้อนจากปิ่นทองประดับมุกและทับทิมระย้าสีแดงถูกยกขึ้นมา“สิบปีแล้วปีศาจน้อย ข้าชดใช้ให้เจ้าโดยถูกส่งมาอยู่แดนไกลนานถึงสิบปีเชียวนะ จากนี้ถึงคราวข้า...แก้แค้นเจ้าบ้างแล้ว”ปิ่นนกยูงประดับถูกวางกลับไปในกล่องไม้ที่รองด้วยผ้ากำมะหยี่สีม่วงหรูหร
“ท่านพี่!!”“อะไรอีกงั้นหรือ”“ท่าน…ต้องทำพิธีเปิดหน้าเจ้าสาวก่อนเจ้าค่ะ”“นั่นสิข้าลืมไปเลยหากเจ้าหายใจไม่สะดวกจะแย่เอานะ ไหนล่ะไม้เปิดนั่น อ้อ อยู่นี่เอง ทำไมพิธีการถึงได้เยอะเช่นนี้กันนะ”“เฉินจวินเซียวท่านบ่นตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้า มาในตอนนี้ก็ยังไม่เลิกบ่นอีก เช่นนั้นไม่แต่งดีหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่นะ!! ลี่หลินวันนี้เป็นวันมงคลใหญ่เจ้าจะพูดเช่นนี้หาได้ไม่ ข้าไม่ยอมนะ ”“ท่านเอาแต่บ่นจนข้าคิดว่าท่านไม่เต็มใจจะแต่งงาน”“ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าจะเปิดแล้วนะ”จวินเซียวมือสั่นเล็กน้อยเมื่อใช้ไม้มงคลที่ผูกโบสีแดงเอาไว้ค่อย ๆ เลื่อนเข้าไปในผ้าสีแดงและค่อย ๆ เปิดหน้าเจ้าสาวเอาไว้ เจียงลี่หลินที่ถูกแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าที่จัดจ้านกว่าเดิมด้วยสีแดงสดแต่กลับงดงามราวดอกโบตั๋นในฤดูหนาวที่เลอค่ายิ่งกว่าบุปผาใดในใต้หล้าสำหรับเฉินจวินเซียว“เจ้า…ช่างงามยิ่งนัก งามจนข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นของข้า เจียงลี่หลินข้าควรรู้มานานแล้วว่าข้ารักเจ้าและไม่สามารถปล่อยเจ้าไปที่ใดได้นับตั้งแต่เจ้าก้าวเข้ามายังสกุลเฉินแห่งนี้”“ท่านพี่ข้าเองก็เช่นกันเจ้าค่ะ วันนี้ท่านดูสง่างามในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดนี้ ช่างรูปงามยิ่งนัก
“เปล่านะขอรับ ข้าเพียงแค่ได้ยินมาว่าผู้ที่ตั้งครรภ์ควรนอนพักให้มาก ๆ จึงปล่อยให้นางนอนพักต่ออีกสักหน่อยเพราะก่อนหน้านี้นางไปทัพคงอ่อนเพลียมากอย่าไปรบกวนนางเลยขอรับ”“เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ”“ท่านแม่ข้าฝากดูแลลี่หลินก่อนนะขอรับแล้วลูกจะรีบกลับ”“เจ้ารีบไปเถอะทางนี้แม่ดูแลให้เองไม่ต้องห่วง”จวินเซียวและใต้เท้าเฉินลู่เดินทางออกจากจวนทันที พวกเขาพบกับหย่งเล่อหานที่เข้าวังมาเช่นกันก่อนที่ทั้งหมดจะเข้าเฝ้าท่านอ๋องในห้องทรงงานเล็ก“อาการขององค์ชายรองดีขึ้นมากแล้ว เขารู้เรื่องขององค์หญิงและไม่ได้คิดติดใจเอาโทษกับเราเพราะทราบสถานการณ์ครั้งนี้ดี อีกอย่างเขารู้ตั้งแต่คืนที่นางถูกพาตัวไปแล้วแม้ว่าอยากจะช่วยก็คงสุดกำลังเพราะรู้ดีว่าข้าศึกคงไม่มีทางปล่อยนางเอาไว้เป็นแน่”“เช่นนั้นเงื่อนไขการเจรจาที่ต้องสมรส…”“องค์ชายรองยอมรับเงื่อนไขที่ข้าส่งมอบให้แล้ว เขาตกลงจะครองเมืองเสิ่นที่อยู่ติดกับอี้โจวของเรา ส่วนแคว้นเว่ยก็ตกลงลงนามสัญญาสงบศึกสามสิบปีและส่งมอบค่าธรรมเนียมพ่ายทัพให้กับแคว้นข่านเล่อและชิงโจวตามที่เรียกแลกกับการส่งองค์ชายเพียงคนเดียวกลับแคว้น”“ท่านอ๋อง กระหม่อมยังอยากให้ทางเราตกลงกับข่านเล่ออี
“ถูกต้อง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องยอมรับข้อเสนออีกทั้งต้องเสียทั้งค่าธรรมเนียมพ่ายศึกอีกสองเท่าทั้งตอนแพ้ที่อี้โจวและชิงโจว”“หากเลือกจะยอมแพ้ตั้งแต่ที่อี้โจวพวกเขาคงไม่สูญเสียมากถึงเพียงนี้”“เพราะความละโมบของฮ่องเต้แคว้นเว่ยที่เกือบจะลืมศึกภายในที่รออยู่ข้างหลังดังนั้นครั้งนี้เขาคงคิดอะไรได้ ยอมเสียน้อยเพื่อได้มาก ดังนั้นชิงโจวและข่านเล่อจึงได้รับประโยชน์จากการศึกในครั้งนี้ ว่าแต่แผลของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“เกือบหายดีแล้วขอรับท่านพ่อ อีกสองสามวันก็ฝึกดาบได้แล้วขอรับ”“เจ้าก็ยังใจร้อนอีกเช่นเคย ไม่ควรหุนหันพุ่งเข้าโจมตีหนึ่งต่อสามสิบเช่นนั้นอีก ลืมไปแล้วหรือว่ามิได้ตัวคนเดียวแล้วยังมีหลินเอ๋อร์และลูกของเจ้ารออยู่”“ขอรับท่านพ่อ ท่านสั่งสอนได้ถูกต้องแล้วลูกไม่กล้าใจร้อนอีกแล้วขอรับ”“เอาเถอะ ยังดีที่เจ้าส่งม้าเร็วมาแจ้งแผนสำรองให้ท่านอ๋องได้ทันเวลา”“แต่แผนที่จะให้ลี่หลินไปที่นั่นข้ามิได้บอกเอาไว้นะขอรับ”“กุนซือของเจ้าทูลท่านอ๋องเอาไว้น่ะสิ คุณชายหย่งบอกว่าหากว่าแคว้นเว่ยใช้แผนสกปรกถึงที่สุด เราเองก็ต้องใช้แผนการที่พวกเขาคาดไม่ถึงเช่นกัน ดังนั้นจึงได้มาขอร้องหลินเอ๋อร์ด้วยพระองค์เองอีกทั้
“ฮูหยินเจ้าคะ”“ช่างเถอะ เร็วเข้ารีบเอาดอกไม้มาข้าจะโปรยรับนายท่านกับ…”“ฮูหยิน ท่านแม่ทัพกับฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ”“เซียวเอ๋อร์…. หลินเอ๋อร์กลับมากันแล้ว พวกเขากลับมาแล้ว”""ท่านแม่""จวินเซียวและลี่หลินที่เปลี่ยนมานั่งม้าของจวินเซียวค่อย ๆ บังคับบังเหียนม้ามายังหน้าประตูจวนสกุลเฉินก่อนที่จวินเซียวจะลงม้ามาก่อนและพยุงลี่หลินลงมาและคุกเข่าตรงหน้าเฉินฮูหยิน“ลูกกลับมาแล้วขอรับท่านแม่”“เซียวเอ๋อร์ เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับชัยชนะ ยอดเยี่ยมยิ่งนักแม่ภูมิใจในตัวเจ้า”“ท่านแม่ ครั้งนี้หากมิได้ลี่หลินไปช่วยลูกไว้ชิงโจวอาจจะไม่ชนะรวดเร็วเช่นนี้ขอรับ”“ท่านแม่”“เจ้านะเจ้า หากมิใช่เป็นท่านอ๋องที่เสด็จมาขอร้องถึงจวนมีหรือแม่จะยอมให้เจ้าออกไปตรากตรำข้างนอก ลุกขึ้นเร็ว ๆ เข้า ลุกขึ้น แม่นมเร็วเข้าพยุงฮูหยินน้อยเข้าไปข้างในจวนก่อนอย่าให้กระทบ…”“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง ข้าขี่ลี่เยว่มาช้า ๆ ไม่กระทบกระเทือนหลานของท่านแม่แน่ขอรับ”“เจ้า…. รู้แล้วอย่างนั้นหรือ ข้าคิดเอาไว้แล้วเชียวว่าหลินเอ๋อร์คงอยากจะบอกเจ้าด้วยตัวเองไปเถอะรีบเข้าไปข้างในกันก่อนข้าจะรอท่านพ่อของเจ้า”“ท่านพ่อเข้าวังไปกับท่านอ๋องขอรับท่
“คือว่า เรื่องของสกุลเจียง…. เมื่อสิบกว่าปีก่อนนั้น เจ้า…”“เจ้าคะ??”“สาเหตุที่แคว้นเว่ยที่ลักลอบเข้ามาขโมยตำรับยาของสกุลเจียงนั่นก็เพราะ…. สกุลเจียงสามารถช่วยเหลือกองทัพของสกุลเฉินเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงบุกสกุลเจียงเพื่อข่มขู่เอาตำรับยาไปรักษาฮ่องเต้ของแคว้นเว่ยแต่ว่า….”“พ่อข้ามิได้ให้ไปและพวกมันก็ทำทุกวิถีทาง ทั้งยื่นข้อเสนอและเงินจำนวนมากแต่เพราะคำมั่นสัญญาที่มีกับสกุลเฉินและความจงรักภักดีกับฝ่าบาทจึงไม่ยอมมอบให้ ดังนั้นสกุลเจียงของข้าจึงถูกโจมตีเพื่อแย่งตำรับยานั้น”“เจ้ารู้ทั้งหมดเลยงั้นหรือ”ลี่หลินหันมายิ้มให้จวินเซียว และนี่คงเป็นสิ่งที่จวินเซียวทราบมาก่อนแล้วและคิดว่านางคงจะไม่ทราบเพราะในครั้งนั้นนางยังเด็กมาก เขาจึงพยายามไม่เข้าใกล้นางและหาเรื่องนางเพื่อจะให้ตัวเองไม่รู้สึกผิดกับลี่หลินเพราะเขายอมรับไม่ได้ว่าสกุลเจียงต้องถูกฆ่าเพราะสกุลเฉินเป็นต้นเหตุนั่นเอง แต่ที่จริงตั้งแต่เริ่มจนจบเจียงลี่หลินรับรู้มาโดยตลอด“รู้เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่ไม่เคยปิดบังเรื่องนี้กับข้าด้วยที่สกุลเจียงทุกคนมีวิชาแพทย์ติดตัวตั้งแต่เด็ก ทุกคนรู้ว่าชีวิตของหมอล้วนแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสมอ บางครั้งการช่วย
ลี่หลินหันไปมองแม่ทัพเฉินที่ยังทำหน้าโมโหและไม่สนใจนางอีกครั้งพร้อมกับส่ายหัวให้กับคนหัวดื้ออย่างจวินเซียวอีกครั้ง“ก็ได้เจ้าค่ะในเมื่อท่านไม่ให้ข้าเช็ดตัวให้ ข้าก็จะออกไปเรียกจางเต๋อมาจัดการต่อเอง”“เดี๋ยว ๆ เดี๋ยวก่อนสิ!! เจ้าจะไปจริง ๆ หรือ”ลี่หลินลุกขึ้นเพื่อลองใจเขา จวินเซียวเห็นว่านางลุกขึ้นจะไปจึงรีบดึงแขนนางเอาไว้ เขาก็แค่ปากแข็งไปอย่างนั้นเองแม้ว่าจะโกรธนางมากแต่ก็ดีใจที่ได้เห็นนางในวันนี้“ท่านแม่ทัพมีสิ่งใดจะพูดอีก ท่านต้องรีบเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดเพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อ”“ข้า…ยอมแล้วเจ้าเช็ดตัวให้ข้าไม่ต้องออกไปเรียกจางเต๋อ”“ขออภัยท่านแม่ทัพแต่ว่าข้างนอกนั่นมีคนบาดเจ็บอีกมากและยังต้องการหมอ”“แต่ข้าเป็นแม่ทัพแล้วเจ้าก็เป็นฮูหยินของข้านะ!! ต้องดูแลข้าก่อนสิ ทหารคนอื่น ๆ พวกเขามีแพทย์สนามดูแลอยู่แล้ว”จวินเซียวดึงนางลงมานั่งที่ตักพร้อมกับสูดกลิ่นกายของนางที่ห่างหายเกือบสามเดือนจนสุดลมหายใจ ลี่หลินมิได้เบี่ยงกายหนี นางรู้ดีว่าจวินเซียวก็ทำปากดีไปเช่นนั้นเองและในตอนนี้นางเองก็รู้วิธีการจัดการคนปากดีอย่างเขาได้เรียบร้อยแล้ว“เช่นนั้นก็อยู่เฉย ๆ ข้าจะไปเตรียมของมาเช็ดตัวให้ท่าน”
“มาทันเวลาพอดีสินะ”“อะไรกัน…เฉินจวินเซียวเจ้าเล่นสกปรก!!”“ข้าน่ะหรือที่เล่นสกปรก หากท่านไม่ใช้แผนการชั่วนี่ดักซุ่มโจมตีไม่สนธรรมเนียมศึกข้าคงไม่ต้องใช้แผนการนี้หรอก องค์ชายครั้งนี้ท่านแพ้แล้ว”“โจมตี!!”ท่านอ๋องสั่งการกองทัพหลวงที่เหลือสั่งบุกโจมตีทันที อีกฝั่งเป็นกองทัพของสกุลเฉินพลหอกและทวนของกองทัพวิหคดำพุ่งเข้ามาช่วยจวินเซียวเอาไว้ได้ทัน องค์ชายสี่ของแคว้นเว่ยล่าถอยเมื่อกองทัพสกุลเฉินบุกล้อมเข้ามา“จวินเซียว เจ้าปลอดภัยดีหรือไม่”“ท่านพ่อ!!”เฉินลู่ในชุดแม่ทัพของสกุลเฉินควบม้ามารับบุตรชายด้วยตัวเอง ทั้งสองค่อย ๆ ถอยออกมา องค์ชายสี่ที่โกรธแค้นจึงหันไปคว้าธนูของรองแม่ทัพและน้าวสายสุดแรงและพุ่งเป้าไปที่เฉินจวินเซียว“จวินเซียวระวัง!!”เฉินลู่ บิดาของเขาตะโกนบอกบุตรชายแต่ไม่ทันเกาทัณฑ์ที่พุ่งมาด้วยความเร็วและแม่นยำราวจับวาง ลูกธนูนั้นปักไปที่ไหล่ขวาของเฉินจวินเซียวทันที""ท่านแม่ทัพ""กุนซือ จางลี่ จางเต๋อตะโกนออกมาพร้อมกัน เมื่อแม่ทัพเฉินถูกลูกธนูของกองทัพข้าศึกยิ่งเข้าไปที่ไหล่ ข้าศึกที่เหลือจึงฮึกเหิมขึ้นและหันกลับมาสู้ใหม่อีกครั้ง จางเต๋อและจางลี่หันกลับไปฟาดฟันศัตรูด้วยความโกรธ
ก่อนเข้าเมืองชิงโจวหนึ่งสองร้อยลี้“จางเต๋อ ระวังให้ดี”“ท่านกุนซือ ท่านคิดว่าพวกมันจะเริ่มล้อมเราตรงไหนหรือขอรับ แต่ว่าบนเขา...”“อย่าประมาทพวกมัน ท่านแม่ทัพเตือนแล้วว่าพวกมันจะบุกแบบกองโจรดังนั้นพวกมันจะไม่สนใจธรรมเนียมการศึก”“ขอรับ”“ระวัง!!”พัดจีบของหย่งเล่อหานปัดลูกธนูที่ยิงมาจากเชิงเขาเอาไว้ได้ กองทัพหน้าของชิงโจวถูกล้อมและข้าศึกประมาณสองร้อยนายค่อย ๆ โอบล้อมเข้ามา“ท่านกับท่านแม่ทัพคาดเดาไม่ผิดจริง ๆ โจมตีโดยไร้แผนการไร้ที่ตั้งและซุ่มแบบกองโจร”“ข้าเอง”“ท่านกุนซือแต่ว่า!!”“เจ้าเตรียมตัวให้ดีเถอะ รอสัญญาณจากข้าและสั่งการข้าจะหลอกล่อพวกมันก่อน”“ขอรับ”จางเต๋อไม่คิดว่าจะมีวันที่เขาต้องเป็นห่วงคุณชายผู้นี้ เขาเป็นบัณฑิต แม้ว่าจะมีคารมที่ยากจะเอาชนะและเคยประฝีปากกับท่านแม่ทัพมาแล้วแต่ในตอนนี้เขามาที่นี่ในฐานะกุนซือและสหายของท่านแม่ทัพดังนั้นจางเต๋อจะต้องปกป้องเขาอย่างดีที่สุด“พวกเจ้าตั้งค่ายกลศึกเตรียมป้องกัน”""ขอรับ""ทหารเริ่มรวมตัวกันพร้อมโล่ป้องกันและเดินโอบล้อมม้าของกุนซือส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งรวมและตั้งโล่หันไปทางข้าศึก หย่งเล่อหานออกมาสบตากับผู้นำทัพในครั้งนี้“คิดไ
จวินเซียวค่อย ๆ ยกถุงหอมนั้นขึ้นมาสูดดมอีกครั้งก่อนจะมองไปไกล ๆ ยังทิศที่เป็นที่ตั้งของเมืองชิงโจวแม้ในเวลานี้จะมืดมิดไร้แสงสว่างและหนาวเย็น แต่ในหัวใจเขากลับอบอุ่นเพราะมีสิ่งที่ลี่หลินให้เขาเอาไว้“คิดถึงเจ้าเหลือเกินปีศาจน้อยของข้า”“สกุลเจียงทำอะไรผิดต่อพวกท่าน เหตุใดครอบครัวของข้าต้องถูกฆ่า”“ไม่นะลี่หลิน ข้ามิได้ทำเช่นนั้น”“ท่านทำ!! สกุลเฉินของพวกท่านนำภัยมาสู่สกุลเรา หากไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกท่าน พ่อข้า ท่านแม่และคนอื่น ๆ ก็ไม่ต้องมาตายอย่างน่าอนาถเช่นนี้”“ลี่หลิน ข้า…”“ท่านมีสิทธิ์อันใดมาเกลียดข้า!! เป็นข้าต่างหากที่ต้องเกลียดสกุลเฉินของท่าน ฆาตกร!!”“ไม่… ลี่หลิน!! อย่าเกลียดข้านะ!!”เฉินจวินเซียวสะดุ้งตื่นขึ้นในตอนใกล้รุ่ง เหงื่อท่วมตัวหัวใจของเขาเต้นแรงผิดจังหวะเพราะฝันร้ายนั่น แม้ว่าเขาจะรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วว่าต้นเหตุที่ทำให้สกุลเจียงล่มสลายสาเหตุมาจากเกี่ยวข้องกับสกุลเฉินในการช่วยเหลือกองทัพยามมีโรคระบาดนั่น แต่เขาก็มิอาจรับได้จริง ๆ หากจะต้องพบเจอกับสายตาของเจียงลี่หลินที่เกลียดเขาเหมือนในความฝัน“ลี่หลิน อย่าเกลียดข้าเลยนะ”จวินเซียวเลือกมานั่งแช่น้ำเย็นเพื่อสงบจิตใจ เ