“ข้ามาเรียกท่านไปกินข้าว ท่านป้าบอกว่าได้เวลาอาบน้ำแล้ว”
“คุณชายท่านกลับไปเถอะ คุณหนูเจียงมาเรียกแล้ว”
“ใครเป็นคุณหนู แล้วเหตุใดข้าจะต้องเชื่อฟังนางด้วย ก็แค่ปีศาจตัวน้อยที่ฆ่าท่านลุงข้าเท่านั้น!!”
“คุณชาย พูดแรงไปหรือไม่ขอรับ…คุณหนูเจียงข้าว่าท่าน….”
จางเต๋อหันมามองใบหน้าของเด็กหญิงที่เริ่มตาแดงก่ำและตัวสั่นเมื่อมองมาที่คุณชายที่ปากร้าย ทั้งว่านางเป็นปีศาจและยังกล่าวหาว่านางฆ่าท่านลุงของเขาอีกด้วย
“หากอยากจะรอก็รออยู่นี่ ข้ายังมีเรื่องต้องทำอีกเสร็จแล้วจะกลับไป”
สายตาของคุณชายน้อยเริ่มอ่อนลงเมื่อเห็นว่าลี่หลินที่อายุน้อยกว่าเขาห้าปียืนเช็ดน้ำตาเงียบ ๆ อยู่ จางเต๋อและจางอี้รีบหาผ้าเช็ดหน้าให้นางเช็ดน้ำตาจนเขาต้องแผดเสียงขึ้นอีกครั้ง
“พวกเจ้าอย่ายุ่งกับนาง!! ปล่อยนางเอาไว้ตรงนั้นแหละ เรายังฝึกไม่เสร็จ!!”
""ขอรับ""
พวกเขาจำใจต้องเดินตามคุณชายเฉินเข้าไปในโรงฝึกดาบ ทิ้งให้เด็กน้อยยืนตากแดดรออยู่ด้านนอกเพราะคำสั่งของเฉินจวินเซียวทำให้นางไม่กล้าเดินไปที่อื่น แต่เวลาเริ่มผ่านไปจวินเซียวไม่เพียงไม่ได้กลับมาทางนี้แต่เขาลืมเสียสนิทเลยว่าให้นางยืนคอยอยู่ข้างนอก
เฉินจวินเซียวกลับจวนจนอาบน้ำเสร็จแล้วและเริ่มได้ยินเสียงคนถามหาเจียงลี่หลินเพราะข้างนอกเริ่มมีฝนตกแล้วนั่นแหละ เขาจึงได้นึกออก
“แย่แล้ว!!”
เฉินจวินเซียววิ่งออกมาพร้อมกับไปหาสาวใช้ที่กำลังเดินตามหาคุณหนูเล็กของจวนอยู่
“แม่นม!!”
“คุณชายท่านออกมาทำไมเจ้าคะฝนตกแล้วเดี๋ยวโดนละอองฝนจะป่วยเอานะเจ้าคะ”
“พวกท่านหา.... นางเจอหรือยัง”
“คุณชาย ท่านรู้หรือเจ้าคะว่าคุณหนูหายไปที่ใด”
“ตามข้ามา!!”
เฉินจวินเซียวในวัยสิบสองปีวิ่งนำหน้าสาวใช้ไปยังลานฝึกด้านหลังจวน ที่นี่เมื่อมืดแล้วจะไม่มีคนมาดังนั้นต่อให้หาอย่างไรก็ไม่พบ เมื่อพวกเขาไปถึงก็พบเด็กน้อยวัยเจ็ดปีนั่งกอดเข่าอยู่ริมลานฝึกตัวเปียกฝนไปทั้งร่างและหนาวสั่น
“นั่น!! นางอยู่ที่นั่น…เจียงลี่หลิน!!”
เขาตะโกนเรียกชื่อนางเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือนนับตั้งแต่ที่นางมาอยู่ที่นี่ ลี่หลินเมื่อได้ยินเสียงของจวินเซียวก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองผ่านม่านสายฝนที่ตกกระหน่ำแรงขึ้น เขาวิ่งเข้ามาและดึงนางขึ้นแต่เด็กน้อยไร้เรี่ยวแรงจนล้มลง แม่นมถงรีบวิ่งมารับตัวนางทันที
“คุณหนู!! เหตุใดท่านมาอยู่ตรงนี้ได้เจ้าคะ”
“แม่นม…ข้า…”
“รีบพานางกลับเข้าไปก่อนเถอะ”
“เจ้าค่ะ ๆ”
“ข้าพานางไปเอง”
“แต่ว่าคุณชาย ตัวท่านเปียกไปหมดแล้วนะเจ้าคะ”
“รีบไปเถอะ!!”
“เจ้าค่ะ”
ทั้งหมดรีบพาลี่หลินเดินกลับไป นางขี่หลังของเฉินจวินเซียวไปเมื่อถึงหน้าเรือนใหญ่ก็พบว่าเฉินฮูหยินยืนมองด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพของทั้งคู่ที่เดินกลับมาตัวเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!”
“ฮูหยินเจ้าคะ คือว่า….”
“ข้าถามว่าเหตุใดหลินเอ๋อร์ถึงได้มีสภาพเช่นนั้น!!”
“ท่านแม่ เป็น...ความผิดของลูกเองขอรับลูกให้นาง…”
“ว่าอย่างไรนะเซียวเอ๋อร์นี่เจ้า…. เจ้าอย่าบอกนะว่าน้อง…ยืนตากฝนตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงตอนนี้ นี่เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่เฉินจวินเซียว!!”
“ฮูหยินเจ้าคะ คุณชายไม่ได้ตั้งใจนะเจ้าคะ”
“ไม่ได้ตั้งใจงั้นหรือ ตอนบ่ายแดดแรงแค่ไหนพวกเจ้าก็เห็น ข้าให้นางไปเรียกเจ้ามาอาบน้ำและกินข้าว แต่เจ้ากลับปล่อยให้นางยืนรอจนฝนตกโดนทั้งแดดและฝน นางเป็นน้องเจ้านะ!!”
“ไม่ใช่!! ข้าไม่มีน้อง!!”
“เฉินจวินเซียว!!”
สายตาที่ดื้อดึงนั้นมองมารดาด้วยความโกรธ ตอนนี้เด็กน้อยถูกพาตัวเข้าไปข้างในแล้ว แม่นมถงรีบหาผ้ามาคลุมตัวก่อนจะสั่งให้คนไปตามท่านหมอของจวนมาดูอาการให้นาง ฮูหยินที่ยืนโมโหอยู่มองมาที่บุตรชายอีกครั้งง
“แม้ว่าเจ้าจะไม่ยอมรับนาง แต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนี้กับนาง”
“ท่านแม่…ลูกก็แค่….”
“เจ้าไม่แยกแยะดีชั่ว นางเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ซ้ำยังอ่อนแอแต่เจ้าปล่อยให้นางยืนตากแดดตากฝนเจ้าคิดอะไรอยู่!!"
“ท่านแม่ลูกไม่ได้บอกให้นางทำเช่นนั้นสักหน่อย ลูกก็แค่…”
“เจ้าอย่าคิดว่าแม่ไม่รู้เรื่องว่าลับหลังเจ้าเรียกนางว่าอย่างไร อย่าคิดว่าจะไม่มีผู้ใดรู้แล้วเจ้าจะทำตามใจเจ้าได้นะ เอาไม้มาวันนี้ข้าจะต้องลงโทษเขา!!”
“ฮูหยินเจ้าคะอย่าเลยเจ้าค่ะเพียงเท่านี้ก็…”
“หุบปาก!! หากข้าไม่โบยเขาในวันนี้เขาก็คงคิดว่าจะทำอะไรตามแต่ใจได้ตลอดไป ข้าบอกให้เอาไม้มา!!”
“ท่านป้า อย่าเจ้าค่ะอย่าโบยคุณชาย…”
“นี่เจ้ายังจะขอร้องแทนเขาทั้ง ๆ ที่…หลินเอ๋อร์ รีบพานางเข้าไปข้าจะโบยเจ้าเด็กไม่รักดีคนนี้!!”
“ท่านแม่!!”
“ท่านป้าอย่าโบยเจ้าค่ะข้าผิดเองอย่าโบยคุณชาย…อย่า…”
“โบย!!”
สายตาของเฉินจวินเซียวในวันนั้นเป็นสิ่งที่เจียงลี่หลินมิอาจลืม เหมือนกับสายตาของแม่ทัพเฉินฮ่าวที่มองนางก่อนตายและสายตาของท่านพ่อท่านแม่ที่บอกลานางก่อนสิ้นใจ…..
สามวันถัดมา
“หลินเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง”
“ท่านหมอบอกว่าอาการปอดบวมทุเลาลงแล้ว ยังดีที่มียาสกุลเจียงที่ขับโรคได้ตอนนี้นางนอนพักอยู่เจ้าค่ะ”
“เฮ้อ…แล้วเซียวเอ๋อร์เล่า เป็นเช่นไรบ้าง”
“หึ เจ้าลูกไม่รักดีนั่นก็ได้ยาที่หลินเอ๋อร์หาให้ แม่นมถงเอาไปทาแล้วคิดว่าไม่เกินสี่วันก็คงจะลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นได้เช่นเดิม แต่อาการของหลินเอ๋อร์ ท่านหมอบอกว่าหากได้เคยเป็นแล้ว โรคปอดบวมนี่หลังจากนี้สภาพร่างกายนางจะอ่อนแอลงเจ้าค่ะ ต้องหมั่นดูแลนางให้ดีกว่านี้”
“เฮ้อ เจ้าไม่น่าใจร้อนโบยลูกเช่นนั้น”
“แต่ข้าโมโหนี่เจ้าคะ สภาพหลินเอ๋อร์ในวันนั้นทำให้ข้านึกถึงใบหน้าของเจียงฮูหยินขึ้นมา ข้าดูแลนางไม่ดีเท่ากับผิดต่อพวกเขา แล้วลูกของเราก็…. ท่านก็รู้ว่า…”
“ข้าตัดสินใจแล้ว ครั้งนี้ข้าต้องเดินทางออกศึกที่ชายแดนเหนือ ข้าจะพาเซียวเอ๋อร์ไปด้วย”
“ท่านพี่!! แต่ลูกยังเล็กอยู่นะเจ้าคะ”
“เดิมทีคิดว่าจะเข้ากันได้ง่ายกว่านี้ แต่ตอนนี้ดูท่าแล้วการที่เขาถูกโบยไปวันก่อน คงจะสานสัมพันธ์กันยากขึ้นแล้ว”
“ท่านจะโทษข้างั้นหรือเจ้าคะ”
“เปล่าเลยฮูหยินข้าไม่ได้โทษเจ้า แต่ช้าหรือเร็วก็ต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเซียวเอ๋อร์เองก็โตขึ้นแล้ว เขาโตพอที่จะเรียนรู้งานในกองทัพได้แล้วล่ะ”
“ท่านพี่ แล้วครั้งนี้ท่านจะไปนานเท่าใดเจ้าคะ”
“ข้าไปไม่นาน แต่ข้าจะส่งเซียวเอ๋อร์ไปร่ำเรียนที่นั่น ทางเหนือเก่งด้านวิชายุทธ์และสำนักดาบอันดับหนึ่งก็อยู่ที่นั่นด้วย ให้เขาไปเรียนรู้ข้างนอกก็ยังดีกว่าอยู่ที่นี่ เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องการศึกในเวลานี้ไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วงเท่าไหร่ ส่งลูกไปเรียนในตอนนี้ดีที่สุดแล้ว”
“เจ้าค่ะ”
หลังจากเวลานั้น เกือบสิบวันกว่าที่ลี่หลินจะลุกขึ้นจากเตียงได้ การป่วยของนางในครั้งนั้นถือว่ารุนแรงมากจริง ๆ และเมื่อนางรู้สึกตัวครึ่งเดือนถัดมาจึงได้ทราบว่าเฉินจวินเซียวไม่ได้อยู่ที่จวนสกุลเฉินนี้แล้ว
“อะไรนะเจ้าคะ ท่าน...เอ่อ คุณชายเฉินไปแล้ว”
“เจ้าค่ะคุณหนู ท่านแม่ทัพส่งคุณชายไปเรียนที่สำนักดาบทางเหนือเจ้าค่ะแต่เพราะท่านยังป่วยอยู่ วันที่คุณชายเดินทางจึงไม่ทันได้ร่ำลากัน”
“เป็นเพราะข้างั้นหรือเจ้าคะ ที่คุณชายเฉินถูกส่งไปที่อื่น เป็นเพราะเรื่องของข้า”
“คุณหนูเจ้าคะ อย่าได้โทษตัวเองเช่นนั้นเลยนะเจ้าคะ ช้าหรือเร็วคุณชายก็ต้องเดินทางไปเรียนที่นั่นอยู่ดีเพราะที่สำนักดาบนั่นเป็นสำนักที่ท่านแม่ทัพและแม่ทัพใหญ่เฉินร่ำเรียนมาก่อนเจ้าค่ะ”“งั้นหรือเจ้าคะ”“อย่าคิดมากเลยนะเจ้าคะ ได้เวลาดื่มยาแล้วเจ้าค่ะ”หลังจากเรื่องในวันนั้น ผ่านเวลาไปเกือบสิบปีที่นางใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความอบอุ่นในจวนสกุลเฉิน ดูแลแม่ทัพและเฉินฮูหยินแทนบุตรชายที่ไปร่ำเรียนและข่าวร่ำลือในตอนนี้ เขาเป็นแม่ทัพแดนเหนือที่ไร้พ่ายในทุกสนามรบ ไม่ว่าจะสนามน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นล้วนได้แม่ทัพเฉินน้อยที่ปราบจนสิ้น“ประทานยศเป็นแม่ทัพพิทักษ์แดนเหนือ”“จริงหรือเจ้าคะท่านพี่ ยอดเยี่ยมไปเลยเช่นนั้นแบบนี้แสดงว่า....”“ใช่แล้วล่ะ ยศนี้ฝ่าบาทอยากจะประทานให้ข้ามานานแล้วแต่ข้าในไม่กล้ารับจริง ๆ ตอนนั้นเสียพี่ใหญ่ไป แม้ว่าศึกครั้งนั้นเราจะชนะแคว้นเว่ยได้ แต่ข้าก็ไม่อยากจะรับแต่ในตอนนี้เซียวเอ๋อร์ของเราเขาได้ตำแหน่งนี้มาด้วยฝีมือและความสามารถ เขาเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากกว่าข้า”“ท่านพี่ เช่นนี้…ลูกจะได้กลับมาเมืองชิงโจวแล้วสินะเจ้าคะ”“ใช่แล้วล่ะ เขาจะกลับมาแล้ว ได้กลับบ้านเสียที”“เพล้ง!!”สองสามี
“ท่านแม่ทัพขอรับ หรือว่าท่านยัง….”“พวกเจ้าออกไปได้แล้วข้าจะนอนพัก พรุ่งนี้ต้องรีบออกเดินทางแต่เช้า”""ขอรับ""จางเต๋อไม่กล้าถามเขาซ้ำอีกรอบ แม้ว่าพวกเขาจะจากเมืองชิงโจวไปถึงสิบปีเต็มแต่ในตอนที่พวกเขาจากมา จำได้ว่าครั้งนั้นคุณชายพึ่งจะหายจากพิษไข้ที่ถูกโบยและตากฝนเพื่อไปช่วยคุณหนูเจียงพวกเขาได้ยินคุณชายร้องไห้ตลอดทางพร้อมกับคำพูดว่า “เหตุใดต้องส่งเขามาไกลถึงเพียงนี้ เขาทำผิดถึงขนาดนี้เชียวหรือถึงให้อภัยกันไม่ได้” พวกเขาทั้งสองไม่กล้าเอ่ยปาก ทำได้เพียงแค่ปลอบใจคุณชายจนเขาสงบลงได้และเริ่มฝึกหนักอย่างตั้งใจนับแต่นั้นเป็นต้นมา“พิธีปักปิ่นงั้นหรือ”เฉินจวินเซียวเดินมาที่เตียงของเขาและค่อย ๆ หยิบบางอย่างออกมาจากห่อผ้าที่เขาสวมติดตัวเอาไว้ ในนั้นมีทั้งอาวุธและหีบไม้สีน้ำตาลเข้ม เมื่อเขาหยิบและเปิดออกมาในนั้นมีปิ่นทองที่ถูกทำขึ้นจากช่างฝีมือแดนเหนือแสงเงาสะท้อนจากปิ่นทองประดับมุกและทับทิมระย้าสีแดงถูกยกขึ้นมา“สิบปีแล้วปีศาจน้อย ข้าชดใช้ให้เจ้าโดยถูกส่งมาอยู่แดนไกลนานถึงสิบปีเชียวนะ จากนี้ถึงคราวข้า...แก้แค้นเจ้าบ้างแล้ว”ปิ่นนกยูงประดับถูกวางกลับไปในกล่องไม้ที่รองด้วยผ้ากำมะหยี่สีม่วงหรูหร
“ปีศาจน้อย”“อะไรนะลูกเมื่อครู่นี้เจ้าบ่นพึมพำอะไรงั้นหรือ”“เปล่าขอรับท่านแม่”“รับดอกไม้สิ น้องอุตส่าห์ทำเพื่อเจ้ารับเอาไว้เป็นไมตรีสักหน่อยนะ”แม่ทัพหนุ่มมองใบหน้ายิ้มแย้มและคาดหวังของมารดาและบิดาที่พยายามยิ้มและลุ้นว่าเขาจะยังรู้สึกโกรธสตรีตรงหน้านี้อยู่หรือไม่ เขาเดินเข้าไปใกล้นางและไม่รู้ว่ากลิ่นดอกไม้หรือกลิ่นกายจากที่ต้องจมูกเขาราวกับยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ในยามเช้าทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้น สตรีตรงหน้ามือสั่นเมื่อยื่นช่อดอกไม้มาให้เขา“สิ่งนี้…เจ้าตั้งใจทำให้ข้างั้นหรือ”“จะ…เจ้าค่ะ เป็นของขวัญเพื่อต้อนรับท่านแม่ทัพกลับจวนเจ้าค่ะ”นางยื่นดอกไม้ให้เขา ชายหนุ่มเพียงนึกอยากแกล้งนางเมื่อดอกไม้ถูกส่งมาแต่เขากลับปล่อยให้มันหล่นจนนางตกใจ สีหน้านั้นทำเอาเขาตกตะลึงจนเผลอคว้าทั้งคนทั้งดอกไม้เอาไว้ ใบหน้างามเงยขึ้นมาด้วยความตกใจอีกทั้งลมหายใจของนางและริมฝีปากอิ่มสีชมพูสดตรงหน้ากลับทำให้เขาเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นซึ่งเป็นความรู้สึกที่ห่างไกลจากคำว่าเกลียด“ขออภัยเจ้าค่ะข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มันหล่น ข้าก็แค่…”“เจ้าก็ยังซุ่มซ่ามเช่นเดิม…. ปีศาจน้อยของข้า”ลี่หลินรู้สึกขนลุกทั้งตัวเมื
ใจของสาวน้อยที่พึ่งเป็นสาวเต็มตัวรู้สึกวาบหวิวแปลก ๆ เมื่อถูกร่างแกร่งนั้นประคองกอดเอาไว้ นางล้มมาทับเขาและรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ เมื่อนางดันตัวออกกายนางก็ถูกพลิกลงอีกด้าน“อย่าเจ้าค่ะ!!”“ข้าถามเจ้าอยู่นะ เจ้ายั่วยวนบุรุษทั้งเมืองชิงโจวแล้วยังคิดอยากจะยั่วยวนข้าด้วยอีกคนงั้นหรือ ยัยปีศาจน้อยช่างกล้านักนะ”“ปล่อยข้าเถอะเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำเช่นนี้ข้าเปล่ายั่วยวนท่านนะเจ้าคะ ท่านเข้าใจผิดแล้ว”เขาอยากแกล้งนางต่ออีกนิด ใบหน้านั้นเริ่มจะมีน้ำตาแล้วเพียงแต่บางอย่างที่หน้าอกนางซึ่งเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงว่าผ่านมาสิบปีมันจะโตขึ้นจนน่าสัมผัสขนาดนี้“อย่ามองนะ!! ปล่อยข้า!! ฮึก!!”“เจ้าพรวดพราดเข้ามาในนี้เองแต่กลับกล่าวโทษข้า มาในตอนนี้ยังกล้าตะคอกข้า นี่เจ้าคิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวสกุลเฉินไปแล้วหรืออย่างไร!!”“ปล่อยนะท่านแม่ทัพหากท่านไม่ปล่อยข้าจะ….”“หยุดนะนั่นเจ้าทำอะไร!!”นางคว้าเครื่องประดับบนศีรษะลงมาพาดคอตัวเองและเริ่มกรีดจนเป็นรอย แม่ทัพหนุ่มถึงกับตกใจและไม่คิดว่านางจะขู่เขาด้วยวิธีนี้“เจ้าบ้าไปแล้วงั้นหรือ”“ได้โปรด…ปล่อยข้าไป”นางยกแขนขึ้นมาปกปิดกายเท่าที่จะทำได้ เนื้อที่แนบเข้
“หากท่านแม่ทัพไม่มีสิ่งใดแล้ว ข้าขอตัวก่อน”“เดี๋ยว…”ลี่หลินหยุดลงทันทีเมื่อเขาสั่งแต่ก็ยังไม่กล้าเงยหน้ามองคนข้าง ๆ จวินเซียวไม่ได้ตั้งใจทำเช่นนี้ แต่เขาก็ทำให้นางร้องไห้อีกจนได้ เหตุใดน้ำตาของปีศาจน้อยนี่ช่างไหลออกมาง่ายเสียจริงเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา“เขาจะมาอีกงั้นหรือ”“ท่านแม่ทัพหมายถึง….”เขาหันไปมองนางด้วยความหงุดหงิด ลี่หลินที่กะพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่หยดน้ำตา นางรู้ดีว่าเขากำลังโมโหจึงได้รีบตอบ“คะ คือว่าหากว่าการที่ข้าดีดพิณรบกวนท่านแม่ทัพ ข้ากับคุณชายหย่งไปที่สวนนอกจวนก็ได้เจ้าค่ะจะได้…”“ใครพูดกับเจ้าว่ามันเป็นการรบกวน ข้าถามเจ้าก็แค่ตอบไม่ได้หรืออย่างไร เหตุใดเจ้าน่ารำคาญเช่นนี้กันนะ”“ท่านแม่ทัพ คุณชายหย่งจะมาสอนข้าดีดพิณทุก ๆ วันก่อนที่จะถึงพิธีปักปิ่นเจ้าค่ะ ดังนั้นอีกสองวันต่อจากนี้….”“มาเวลานี้ทุก ๆ วันงั้นหรือ”“ทะ ทุก ๆ วัน วันละสองชั่วยามเจ้าค่ะ”“เจ้าอยู่กับชายที่ยังไม่ได้แต่งงาน ตัวเจ้าเองก็ยังไม่ผ่านพิธีปักปิ่นเจ้าไม่คิดหรือว่าเรื่องนี้มันจะเสียหาย….”“แม่เป็นคนขอร้องให้คุณชายหย่งมาสอนนางเอง เจ้ามีสิ่งใดอยากจะถามก็ถามกับแม่สิ”เฉินฮูหยินเดินมาจากด้านหลังด้วยเพราะแม
วันถัดมา“ยอดเยี่ยมแล้วล่ะ”“ขอบคุณเจ้าค่ะ”“คุณหนูเจียง ในตอนนี้ข้าคิดว่าคงมีผู้ที่จะดีดพิณเก่งเท่าเจ้าน้อยเต็มทีแล้ว ทำได้ดีมาก”“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกเจ้าค่ะคุณชายหย่งกล่าวเกินไปแล้ว ทั่วเมืองชิงโจวนี้ยังมีอีกหลายคนที่มีความสามารถเพียงแต่พวกนางยังไม่เคยได้ดีดพิณให้ท่านฟังเท่านั้น”“อืม เจ้าพูดเช่นนี้ก็คงจะจริง แต่ลำบากสักหน่อยเพราะว่าข้าเองก็…. เลือกที่จะฟังเช่นกัน”เขามองนางอย่างสื่อความหมายบางอย่างซึ่งทำให้ลี่หลินที่สบตาเขาก็พอจะรับรู้ว่าคุณชายหย่งผู้นี้คิดเช่นไรกับนาง เพียงแต่ว่านางเห็นเขาเป็นดั่งอาจารย์ท่านหนึ่งเท่านั้นจึงมิอาจคิดเช่นนั้นกับเขาได้“หลายวันมานี้ลำบากคุณชายหย่งแล้ว ให้ข้าได้มีโอกาสเลี้ยงขอบคุณท่านนะเจ้าคะ”“นี่ขนมที่เจ้าทำทั้งหมดเลยงั้นหรือ”“ค่าตอบแทนเล็กน้อยหวังว่าคุณชายจะไม่รังเกียจเจ้าค่ะ”“ขนมอร่อยชาชั้นดีบรรยากาศในสวนที่สดชื่น ไม่มีอะไรที่เป็นรางวัลได้ดีมากขนาดนี้อีกแล้ว”“ข้ารินน้ำชาให้นะเจ้าคะ”“อ้าวท่านแม่ทัพ ขออภัยที่ไม่ทันเห็นท่านก่อนหน้านี้”“คุณชายหย่งตามสบายเถอะ ว่าแต่กำลังทำอะไรอยู่งั้นหรือ เห็นท่านแม่บอกว่าท่านมาสอนพิณให้นาง แต่ทำไมดูแล้วเหมือนจะมางา
“ข้าก็แค่มาอาบน้ำ เจ้าทำอะไร”เขาถามเมื่อเห็นว่านางหันหลังให้และมองไปทั่วสระแต่ว่านางมิอาจกลับขึ้นไปได้เพราะนางไม่ได้เอาผ้ามาวางไว้ใกล้ ๆ“เจ้ามองหาอะไร”“ข้าเปล่าเจ้าค่ะ เหตุใดท่านจึงไม่รอให้ข้า…”“เจ้าบอกเองว่าที่นี่เป็นจวนของข้ามิใช่หรือ แล้วทำไมข้าจะมาไม่ได้ ข้าอยากจะมาตอนนี้เจ้ามีปัญหาอะไรไม่พอใจเจ้าก็ขึ้นไปสิ”“ท่าน!! เหตุใดท่านต้องทำเช่นนี้ หากไม่ชอบข้าก็เพียงแค่ปล่อยข้าไปมิได้หรือ”“ข้าน่ะหรือไม่ชอบเจ้านี่เจ้ากำลังพูดอะไรอยู่ปีศาจน้อย เจ้ามิได้กำลังวางแผนเอาใจคนทั้งจวนอยู่หรอกหรือ”เขาขยับเข้ามาใกล้นางจนลมหายใจรดที่ต้นคอ ลี่หลินรู้สึกถึงร่างกำยำที่เข้ามาจนชิด แม้ว่าจะกลัวแต่อีกความรู้สึกหนึ่งกลับผุดขึ้นมาอย่างน่าโมโห นางอยากจะลองสัมผัสร่างกายเขาสักครั้งแต่ก็…เพียงแค่คิดนางก็แทบจะเป็นลมเสียแล้ว“เจ้าเป็นอะไร คงมิใช่ว่าแค่อยู่ใกล้ชิดกับข้าก็ถึงขั้นจะเป็นลมลงไปหรอกนะ”“ท่านช่วย…. ออกไปก่อนได้หรือไม่ข้าหายใจไม่ออก”“เจียงลี่หลินเจ้าพูดเองว่าจะชดใช้ให้ข้า ตอนนี้ข้าเองก็พอจะรู้แล้วว่าจะให้เจ้าทำอะไร”“ท่าน!!….อ๊ะ!!”“อย่าขยับ หากว่าเจ้าขยับมากกว่านี้ ข้าไม่รับรองความปลอดภัยของเจ้า”
“ลี่หลิน นี่เจ้า!!….”“พิธีปักปิ่นเริ่มขึ้นได้ ณ บัดนี้”ฮูหยินแต่ละจวนเดินเข้าไปพร้อมกับถาดที่มีปิ่นวางเอาไว้ เฉินฮูหยินเดินเข้ามาพร้อมกับหยิบปิ่นเงินประดับมุกเสียบไปที่เรือนผมที่ถูกเกล้าเอาไว้อย่างเรียบร้อย“จากนี้เจ้าก็เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ขอให้เจ้าอยู่เย็นเป็นสุขมีสุขภาพแข็งแรง”“เจียงลี่หลินขอบคุณท่านป้าเจ้าค่ะ”เมื่อสตรีที่ผ่านพิธีปักปิ่นแล้วก็จะกลับไปนั่งประจำที่เพื่อรอรับของขวัญจากผู้ใหญ่และบุรุษที่หมายปอง โต๊ะของเจียงลี่หลินและหลี่หนิงฮวาเป็นสองคนที่ได้รับของขวัญมากที่สุด ไม่นานคุณชายหย่งเล่อหานก็เข้ามาในงานเลี้ยงพร้อมกับกล่องของขวัญสำหรับสตรีที่เข้าพิธีวันนี้ทุกคน“ฉลาดไม่เบาเลยนี่ นำมาแจกให้ทุกคน หึ”“นั่นคุณชายหย่งนำกล่องขนาดใหญ่นั่นมา ข้างในนั้นเป็นสิ่งใดกันนะ”หย่งเล่อหานเดินนำกล่องไม้ใบใหญ่ไปวางที่โต๊ะของลี่หลิน โดยให้คนเก็บของขวัญบนโต๊ะของนางออกจนหมดและนำกล่องไม้นั่นไปวางตรงหน้า หนิงฮวาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงกับถลึงตามองด้วยความริษยา“คุณชายหย่ง นี่คือ….”“ของขวัญในพิธีปักปิ่น เจ้าลองเปิดดูว่าชอบหรือไม่”ลี่หลินค่อย ๆ เปิดกล่องไม้นั้นดูและเห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน เป็นพิณ
“เจียงลี่หลิน เจ้ากำลังพูดอะไรออกมาเจ้ารู้ตัวหรือไม่!!”เขาตะคอกนางเสียงดัง สายตาดุดันจนลี่หลินมือสั่น เฉินจวินเซียวคนเดิมที่นางกลัวกลับมาอีกครั้งจนทำให้ลี่หลินที่เริ่มคลายความหวาดกลัวกลับมาตกใจอีกครั้ง“ท่านพี่ข้าก็แค่....”“อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องเช่นนี้อีก อย่าแม้แต่จะคิดเจ้าคิดว่าสนามรบคือที่สำหรับสตรีหรืออย่างไรที่นั่นไม่มีอะไรที่เหมาะกับเจ้าข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าไปแน่”“แต่ที่นั่นมีท่าน ข้าก็แค่อยากทำตัวให้มีประโยชน์กับท่านกับชิงโจวข้าเป็นหมอข้าช่วย….”“หยุดเดี๋ยวนี้เจียงลี่หลิน!!”แม้ว่าน้ำตานางจะเริ่มรื้นคลอหน่วยในเวลานี้ก็มิอาจทำให้เขาใจอ่อนและดึงนางมาปลอบได้ นางกำลังคิดในสิ่งที่เขากลัวว่าจะเกิดขึ้นมากที่สุด ไม่คิดว่าจู่ ๆ นางก็จะเอ่ยเรื่องนี้ออกมาแต่ก็นั่นแหละถึงอย่างไรน้ำตาของนางก็เล่นงานกับหัวใจเขาได้ทุกเวลาไม่ว่ามันจะไหลมาเมื่อไหร่เขาจึงรีบเบือนหน้าหนี“รีบเก็บของข้าจะพาเจ้ากลับจวนไปอยู่กับท่านแม่”ลี่หลินไม่พูดอะไรอีกและหันไปปาดน้ำตาที่ใบหน้าออกด้วยตัวเองแม้ว่าว่าจวินเซียวจะรู้สึกเจ็บปวดกว่านางแต่เขาก็ต้องใจแข็ง หากว่าเขาเผลอใจอ่อนกับนางแม้แต่ครั้งเดียว เขากลัวเหลือเกินว่าห
“ข้าย่อมรู้ตัวดี หลายวันมานี้ท่านเองก็อดกลั้นมามากเพราะเห็นว่าข้ายังไม่หายดีใช่หรือไม่เจ้าคะ”“เจ้ารู้งั้นหรือ”“อีกสองวัน….”“ลี่หลิน!! เจ้าอย่าพึ่งพูดอีกเลย ค่ำคืนนี้ข้าจะเป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียวไม่อยากได้ยินสิ่งใดอีก”“เช่นนั้นให้ข้าเริ่มเองนะเจ้าคะ”“ปีศาจน้อยของข้าใจกล้าขึ้นแล้วสินะ เจ้าอยากทำสิ่งใดเล่า”ลี่หลินค่อย ๆ ถอดชุดนอนของแม่ทัพหนุ่มออกและค่อย ๆ เลื่อนกายลงไปที่แผงอกกว้าง นางพึ่งมีโอกาสสำรวจอย่างเต็มตาก็วันนี้เอง พึ่งรู้ว่าเขามีรอยแผลที่เกิดจากการทำศึกอยู่ไม่น้อยแม้ว่ามันจะเป็นแผลเป็นเล็ก ๆ แต่ก็ยังไม่สามารถบดบังความองอาจของเขาได้แม้แต่น้อยนางลูบไล้ไปทั่วและค่อย ๆ เอนกายลงไปหาเขาพร้อมจรดริมฝีปากเพื่อทักทายเขา แสงไฟในห้องยังไม่ถูกดับเพราะนางจงใจให้เขาจดจำเรือนร่างนางเอาไว้“ลี่หลิน เจ้าช่างงดงามเกินห้ามใจแน่ใจหรือว่าจะไม่ดับไฟก่อน”“อย่าพึ่งเอ่ยคำใดเจ้าค่ะกอดข้าสิเจ้าคะ”จวินเซียวพลิกกายมาสวมทับนางไว้พร้อมกับบดขยี้ริมฝีปากด้วยความเร็วขึ้นเพื่อปลุกอารมณ์ของนาง เสียงครางที่เริ่มดังขึ้นทำให้เขารู้ว่าคืนนี้ต่อให้เขาจะรังแกนางนานเท่าใดลี่หลินก็จะไม่ว่ากล่าวหรือขอร้องให้เขาห
“ขอรับท่านแม่ทัพ”“เจ้าสั่งให้คนกลับไปเอายาและของจำเป็นที่จวนมาเรียบร้อยแล้วหรือไม่”“สั่งการเรียบร้อยแล้วขอรับ”“ดี รีบไปจะได้รีบกลับข้าไม่อยากให้ลี่หลินอยู่ตามลำพังที่จวน”อาชาคู่กายควบทะยานด้วยความเร็วเพื่อออกนอกเมืองไปยังฝั่งตะวันออก ครั้งนี้ซูหลี่จินกล้าท้าทายเขาและทำร้ายฮูหยินของเขา เรื่องนี้จวินเซียวไม่มีทางปล่อยนางไว้เย็นวันนั้นลี่หลินค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นมาเพราะความเจ็บของบาดแผลที่ยังไม่ทุเลา เมื่อตื่นขึ้นก็เห็นว่าอาหลันกำลังจัดเตรียมยาเอาไว้ให้นางเมื่อหันมาเห็นว่านางตื่นแล้วจึงรีบเข้ามาประคอง“คุณหนูเจ้าคะอย่าพึ่งลุกเร็วเช่นนี้เจ้าค่ะ ข้าพยุงท่านเอง”“อาหลัน เจ้ามานานแล้วหรือ”“จางเต๋อไปแจ้งต่อข้าและให้นำยาบางส่วนมาที่นี่ ข้าจึงรีบจัดยาและชุดของท่านบางส่วนและรีบมาทันที เรื่องนี้ฮูหยินกับนายท่านทราบแล้วท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ทั้งสองท่านบอกว่าให้ท่านพักฟื้นให้หายดีส่วนเรื่องในเมืองนายท่านจะหารือกับท่านอ๋องเองเจ้าค่ะ”“งั้นหรือ เช่นนั้นก็ดีแล้วข้ายังห่วงว่าจะมีผู้ใดอยู่ดูแลท่านแม่หรือไม่”“ท่านไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะมีแม่นมถงดูแลอยู่ฮูหยินไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ นี่ยาที่ท่านบอกใ
“เฉินจวินเซียว!! เหตุใดจึงสนใจแต่นาง ข้าเองก็บาดเจ็บ”“องค์หญิง ท่านหาเรื่องท้าประลองกับคู่หมั้นข้าและทำนางบาดเจ็บถึงเพียงนี้ท่านยังกล้าถามข้างั้นหรือว่าเหตุใดต้องทำเช่นนี้ บาดแผลของนางข้าจะเอาคืนทีหลังแน่ นับจากนี้ไปราชโองการที่ท่านถือมาถือว่าข้าไม่เกี่ยวข้องอีก”“องค์หญิงครั้งนี้คงจะได้ข้อสรุปแล้วนะ” / ท่านอ๋อง“แต่ว่า!! นางโกงข้า”“องค์หญิง ครั้งแรกเป็นเจ้าที่เริ่มก่อนโดยไม่รอสัญญาณอีกอย่างเจ้าเองก็เลือกอาวุธและวิธีการประลองเอง ตอนที่เจียงลี่หลินเลือกอาวุธเจ้าก็มิได้ทักท้วงอีกทั้งยังหัวเราะเยาะและยอมให้นางใช้พิณประลองกับเจ้าเองมิใช่หรือ แล้วเจ้าจะบอกว่านางโกงเจ้าได้เช่นไร หรือว่าความหมายของเจ้า หมายจะว่าคนทั้งชิงโจวโกงเจ้างั้นหรือ!!”“หม่อมฉัน…มิได้หมายความว่าเช่นนั้นนะเพคะ”ซูหลี่จินพึ่งจะเคยเห็นอำนาจที่แท้จริงของท่านอ๋องที่ตะคอกด้วยพระสุรเสียงดุดันเป็นครั้งแรก นางลืมคิดไปว่าที่นี่เป็นแผ่นดินชิงโจวมิใช่ทุ่งหญ้าข่านเล่อของนางที่จะทำตามแต่ใจได้ ผู้คนเริ่มดูถูกและส่งสายตาเดียดฉันท์มาที่นาง“แพ้แล้วยังไม่ยอมรับอีก”“ผู้หญิงป่าเถื่อนหน้าไม่อาย ตัวเองโกงก่อนชัด ๆ พอแพ้แล้วยังมีหน้าโวยวา
“คู่ประลองเชิญเข้าสู่สนาม”ขุนนางกรมยุติธรรมได้รับมอบหมายจากท่านอ๋องเพื่อเป็นกรรมการในการควบคุมการประลองเร่งด่วนในวันนี้เดินมายังตรงกลางลาน แม้แต่สตรีอื่นในชิงโจวยังรู้สึกกลัวและตื่นเต้นแทนเจียงลี่หลิน ไม่เว้นแม้แต่หลี่หนิงฮวา“นางจะตายหรือไม่ สายตาของสตรีต่างแคว้นนั่นน่ากลัวยิ่งนัก แค่เห็นก็รู้สึกขนลุกแล้ว”“นั่นสิเหตุใดจึงจ้องหาเรื่องนางจริง ๆ ว่าแต่หนิงฮวานี่เจ้ากลัวแทนแม่นางเจียงหรือนี่เป็นไปได้เช่นไรกัน”“ผู้ใดจะไม่กลัวกันล่ะเจ้าโง่หรือเปล่า หากว่านางแพ้ก็จะกลายเป็นข้าที่องค์หญิงผู้นั้นหมายหัวน่ะสิ ข้ายังไม่อยากตายนะ”“แต่นางมีคุณชายหย่งช่วยอยู่นะ”“แต่ระหว่างพิณกับแส้ที่มีหนามนั่น เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเจียงลี่หลินจะใช้แค่พิณเอาชนะนางได้น่ะ”หนิงฮวาเริ่มรู้สึกกลัวแทนเจียงลี่หลินแม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะเคยชื่นชอบแม่ทัพเฉินจวินเซียวแต่กลับคิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ จะมีองค์หญิงต่างแคว้นที่หน้าไม่อายมากกว่านางทำเรื่องเช่นนี้ขึ้น อย่างไรเจียงลี่หลินก็ไม่เคยระรานผู้อื่นเพราะเรื่องของผู้ชาย ครั้งนี้พวกนางจึงขอเข้าข้างเจียงลี่หลิน“องค์หญิงเชิญ คุณหนูเจียงเชิญยืนตรงนี้”ทั้งคู่เดินเข้ามาตรงกลางระห
“อะไรนะ!!”“นี่นางกล้าที่จะเอาเรื่องนี้มาเดิมพันเลยงั้นหรือ”เจียงลี่หลินเพียงแค่ยกน้ำชาขึ้นดื่มและหันไปมององค์หญิงที่ยังยืนทำท่าอวดดีอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ท่านอ๋อง“ลี่หลิน!! เจ้าอยู่เฉย ๆ ข้าจัดการเอง”เฉินจวินเซียวไม่มีทางยอมให้ลี่หลินลงไปประลองกับซูหลี่จินเป็นแน่ เพราะเขารู้ดีว่าองค์หญิงผู้นี้โหดร้ายมากเพียงใด แม้ว่านางจะเป็นสตรีแต่ซูหลี่จินผู้นี้เคยฆ่านางรับใช้ของตัวเองมาแล้วดังนั้นการที่นางกล้าท้าประลองกับลี่หลิน นางต้องรู้มาก่อนแล้วว่าลี่หลินไม่มีวรยุทธ์ที่จะสู้กับนางได้จึงกล้าท้าประลองเช่นนี้“เฉินจวินเซียวท่านอย่าได้หาข้ออ้างที่จะช่วยนางเป็นอันขาด เรื่องนี้ข้าเป็นผู้ท้าก็ต้องให้นางตอบรับคำเชิญด้วยตัวเอง ว่าอย่างไรเจียงลี่หลินเจ้ากล้ารับคำท้าหรือไม่”“องค์หญิง ขออภัยแต่ข้าในฐานะผู้ครองเมืองชิงโจวคงมิอาจปล่อยให้เกิดความอยุติธรรมได้ ไม่ทราบว่าเจ้าอยากจะท้าประลองกับนางด้วยวิธีการใด”“ข้าโดดเด่นและเก่งเรื่องการต่อสู้ ย่อมต้องท้าประลองเรื่องการต่อสู้อยู่แล้วเพคะ”“เจ้าท้าประลองกับสตรีที่ไร้วรยุทธ์ เช่นนี้มิใช่เป็นการเอาเปรียบนางหรอกหรือ หากว่าเจียงลี่หลินท้าประลองกับเจ้าด้วยเรื่องเดิ
“เคล้ง!!”ซูหลี่จินผลักชามข้าวออกไปจากตัวและลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารในทันที จวินเซียวและใต้เท้าเฉินหันไปมองนางอีกครั้ง เฉินฮูหยินหันไปมองด้วยสายตาที่รังเกียจนางอย่างเปิดเผยถึงท่าทางที่ไร้มารยาทนี้“ข้าจะกลับแล้ว”“เช่นนั้น…จางเต๋อ จางอี้” / ลี่หลิน""ขอรับคุณหนูเจียง""“ให้คนพาองค์หญิงไปส่งที่ตำหนักท่านอ๋องเถอะ”“จวินเซียว!! เหตุใดท่านจึงไม่ไปส่งข้าด้วยตัวเอง”ซูหลี่จินหันไปมองที่จวินเซียวที่นั่งนิ่งมองมาที่นางด้วยสีหน้าเรียบเฉยกว่าปกติ“องค์หญิง ข้ารับหน้าที่ตามบัญชาท่านอ๋องที่ท่านกล่าวอ้างว่าให้พาท่านไปซื้อของ ตอนนี้จบภารกิจแล้วจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องไปส่งพระองค์ เชิญเสด็จกลับเถอะพ่ะย่ะค่ะ”“เฉินจวินเซียว นี่ท่านถึงกับ….”“องค์หญิงเพคะ ในเมื่อองค์หญิงเลือกที่จะกลับแล้วเหตุใดต้องเรียกให้ “คู่หมั้น” ของผู้อื่นไปส่ง หม่อมฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าที่ข่านเล่อนั้นมีธรรมเนียมที่ไร้มารยาทถึงเพียงนี้อยู่ด้วยหรือเพคะ”“นังแพศยา!! นังตัวกาลี!! เจ้ากล้าดีเช่นใดถึงได้กล้าต่อปากกับข้า”“ซูหลี่จิน!!”จวินเซียวลุกขึ้นมาและยืนบังลี่หลินเอาไว้ ลี่หลินเอียงหน้าออกมาและแสยะยิ้มเล็ก ๆ ส่งไปให้ซูหลี่จินโดยเฉพาะ น
ลี่หลินมองเข้าไปในกระจกพร้อมกับยังคงสางผมไปเรื่อย ๆ และคิดบางอย่างอยู่ อาหลันรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของคุณหนูที่เมินเฉยต่อการที่ได้รู้ว่าท่านแม่ทัพต้องพาองค์หญิงผู้นั้นออกไปข้างนอก“คุณหนู ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่เจ้าคะ”“ไม่นี่ ข้าหิวแล้วพวกเขายังไม่กลับงั้นหรือ”“ยังเลยเจ้าค่ะ”“สำรับเย็นทำอะไรงั้นหรือวันนี้”“เอ่อ….”“ข้าไปดูเองดีกว่า แม่นมเล่าอยู่ที่ใดเจ้ารีบไปบอกให้นางไปพบข้าที่โรงครัวทีเร็ว ๆ เข้าล่ะ”“เจ้าค่ะ”อาหลันทำตามคำสั่งทันทีโดยที่ไม่เอ่ยถามสิ่งใดอีก เจียงลี่หลินมองไปที่กระจกพร้อมกับหวีที่นิ่งอยู่ในมือเมื่อสาวใช้ปิดประตูลง“เจียงลี่หลิน ในเมื่อเจ้าเลือกแล้วว่าจะเป็นฮูหยินท่านแม่ทัพ เช่นนั้นจากนี้เจ้าต้องเข้มแข็งมากกว่านี้ให้เหมาะสมกับแม่ทัพพิทักษ์แดนเหนือ”เย็นวันนั้น / ห้องอาหารลี่หลินที่ทำตัวราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น นางยังคงจัดแจงนำอาหารขึ้นโต๊ะตามปกติ เฉินฮูหยินรู้สึกบอกไม่ถูกที่ต้องจำใจอนุญาตให้บุตรชายของนางออกไปกับซูหลี่จินเพราะคำสั่งที่มาจากท่านอ๋อง“ท่านแม่เจ้าคะ วันนี้ข้าสั่งให้โรงครัวเพิ่มอาหารอีกสองอย่างนะเจ้าคะช่วงนี้ดูเหมือนว่าท่านจะพักผ่อนน้อยอีกทั้งพรุ่งนี้
เฉินจวินเซียวพานางไปที่โต๊ะทำแผลและถอดชุดออกในทันที เมื่อเขาถอดชุดออกก็พลันดึงกายนางเข้ามาและเริ่มปลดสายคาดเอวของนางเช่นกันจนลี่หลินตั้งคว้ามือของเขาเอาไว้“ท่านจะทำสิ่งใดเจ้าคะ ไหนบอกว่าจะให้ข้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้อย่างไรเล่า”“ใช่ แต่เมื่อครู่เจ้าบอกว่าตัวเจ้าเหม็นน้ำหมึกข้าก็เลยคิดว่าต้องถอดชุดนี่ออกเสียหน่อย มาเถอะน่าอย่าดื้อสิ”“ไม่เจ้าค่ะท่านจงใจแกล้งข้า ไม่!! พี่จวินเซียวอย่า…อ๊ะ คนบ้าปล่อยข้านะ”“ลี่หลิน….”นางอยู่ในอ้อมกอดเขาเช่นนี้ยากที่จะต่อต้าน ทั้งสายตาและคำออดอ้อนทั้งหลายที่ไม่เคยได้ยินและไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาได้ก็ถูกประโคมกล่าวออกมาจนนางยอมใจอ่อน ไม่นานทั้งชุดของนางและเขาก็ไร้ความหมายเมื่อถูกโยนไปคนละทิศในห้องตำราของนาง“อ๊าา…. เบาหน่อยเจ้าค่ะ อื้อ….ท่านพี่!!”ลิ้นที่ดูดดึงยอดอกของนางอย่างเมามันไร้อารมณ์ใส่ใจต่อเสียงต่อต้าน เขารู้อยู่แล้วว่านางเพียงแค่ปรามเขาแต่ก็ต้องการเร่งให้เขาทำเช่นกัน จวินเซียวขยับกายและสอดใส่เข้าไปอย่างช้า ๆ แต่เน้นเล้าโลมจนลี่หลินที่เริ่มตอบรับเอนแอ่นร่างตาม“อาา…ลี่หลิน กลิ่นกายเจ้าวันนี้ช่างหอมยิ่งนักเจ้าไปทำสิ่งใดมา”“ทะ ท่านแม่ให้ข้า…อ๊าา อาบ