“หากท่านแม่ทัพไม่มีสิ่งใดแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
“เดี๋ยว…”
ลี่หลินหยุดลงทันทีเมื่อเขาสั่งแต่ก็ยังไม่กล้าเงยหน้ามองคนข้าง ๆ จวินเซียวไม่ได้ตั้งใจทำเช่นนี้ แต่เขาก็ทำให้นางร้องไห้อีกจนได้ เหตุใดน้ำตาของปีศาจน้อยนี่ช่างไหลออกมาง่ายเสียจริงเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
“เขาจะมาอีกงั้นหรือ”
“ท่านแม่ทัพหมายถึง….”
เขาหันไปมองนางด้วยความหงุดหงิด ลี่หลินที่กะพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่หยดน้ำตา นางรู้ดีว่าเขากำลังโมโหจึงได้รีบตอบ
“คะ คือว่าหากว่าการที่ข้าดีดพิณรบกวนท่านแม่ทัพ ข้ากับคุณชายหย่งไปที่สวนนอกจวนก็ได้เจ้าค่ะจะได้…”
“ใครพูดกับเจ้าว่ามันเป็นการรบกวน ข้าถามเจ้าก็แค่ตอบไม่ได้หรืออย่างไร เหตุใดเจ้าน่ารำคาญเช่นนี้กันนะ”
“ท่านแม่ทัพ คุณชายหย่งจะมาสอนข้าดีดพิณทุก ๆ วันก่อนที่จะถึงพิธีปักปิ่นเจ้าค่ะ ดังนั้นอีกสองวันต่อจากนี้….”
“มาเวลานี้ทุก ๆ วันงั้นหรือ”
“ทะ ทุก ๆ วัน วันละสองชั่วยามเจ้าค่ะ”
“เจ้าอยู่กับชายที่ยังไม่ได้แต่งงาน ตัวเจ้าเองก็ยังไม่ผ่านพิธีปักปิ่นเจ้าไม่คิดหรือว่าเรื่องนี้มันจะเสียหาย….”
“แม่เป็นคนขอร้องให้คุณชายหย่งมาสอนนางเอง เจ้ามีสิ่งใดอยากจะถามก็ถามกับแม่สิ”
เฉินฮูหยินเดินมาจากด้านหลังด้วยเพราะแม่นมและอาหลันที่รีบไปรายงานเรื่องนี้ให้นางทราบและนางลอบฟังอยู่สักพักหนึ่งแล้วและเริ่มคิดว่าบุตรชายกลับมาคราวนี้ทำตัวแปลกไป ก่อนหน้านั้นไม่ว่าลี่หลินจะทำสิ่งใดเขาไม่เคยสนใจจะสอบถามละเอียดถึงเพียงนี้
“ท่านแม่ที่นี่คือจวนแม่ทัพ นางเองก็…”
“แล้วอย่างไร ถึงแม้ว่าจะเป็นชายหญิงแต่อยู่ในจวนมิได้ลอบพบกันข้างนอก ข้ากับท่านพ่อของเจ้าก็อยู่ในจวนมีเรื่องใดที่ไม่เหมาะสม อาหลันเจ้ารีบพาคุณหนูเอาของไปเก็บ จวนจะได้เวลาตั้งโต๊ะแล้วเจ้าไปกับแม่ท่านพ่อเจ้ารออยู่”
“ขอรับ”
ลี่หลินคำนับให้เฉินฮูหยินและรีบเดินไปที่เรือนหลังพร้อมกับอาหลันทันที จวินเซียวหันไปมองนางแวบหนึ่งก่อนจะหันมามองหน้าท่านแม่ที่มองเขาอย่างรู้ทัน
“เจ้ามาหาเรื่องอะไรนางอีก ยังแกล้งน้องไม่พออีกหรือ เจ้าดูท่าทางของนางที่กลัวเจ้าสิไม่เห็นใจนางบ้างหรืออย่างไร แต่ละคนก็ถึงเวลาออกเรือนแล้วยังจะมาแกล้งข่มขู่นางเช่นนี้อีก”
“ท่านแม่ ออกเรือนหรือขอรับ!! ข้าไม่เคยคิดเรื่องนั้นสักนิด นางเองก็ยังเด็ก ไม่ควรคิดเช่นกัน”
“เจ้าจะบ้าหรือ หลินเอ๋อร์น่ะยังไม่ทันผ่านพิธีปักปิ่นก็มีคนรอส่งเทียบสู่ขอไม่ต่ำกว่าหกจวนแล้ว ข้ากับท่านพ่อเจ้าเร่งหารืออยู่นี่ว่าผู้ใดกันนะที่จะเหมาะสมกับนาง”
“อะไรนะ ท่านแม่นี่พวกท่านจะรีบร้อนเกินไปหรือไม่ นางยังไม่ทันได้เข้าพิธีผ่านวัยที่ต้องเรียนรู้อะไรอีกมากก็จะรีบส่งนางออกเรือนงั้นหรือ พวกท่านใจร้อนเกินไปแล้ว”
“เจ้าไม่เห็นคุณชายหย่งหรือ เช้าถึงเย็นถึงเขาน่ะเพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติที่เหมาะสมกับหลินเอ๋อร์ พ่อเจ้าก็ชื่นชมเขาอยู่ไม่น้อย อีกอย่างบัณฑิตอันดับหนึ่งก็ดูเหมาะสมกับสตรีงดงามอันดับต้น ๆ ของเมืองชิงโจว เจ้าว่าไหมล่ะ”
“สตรีงดงามอะไรกัน สำหรับข้านางก็แค่นางปีศาจน้อยจำศีลเท่านั้น ร้ายกาจเช่นนั้น…มากมารยาทำผู้คนหลงใหล”
“เซียวเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงเรียกขานน้องเช่นนั้น แม่ไม่อยากได้ยินเจ้าเรียกน้องเช่นนั้นอีกมิเช่นนั้นข้าจะสั่ง…”
“ท่านแม่จะสั่งโบยข้าเหมือนสิบปีที่แล้วเพื่อช่วยนางอีกเช่นนั้นหรือขอรับ ข้าล่ะนึกแปลกใจว่าผู้ใดกันแน่ที่เป็นบุตรของสกุลเฉิน หากไม่รู้คนอื่นคงคิดว่าข้าถูกเก็บมาเลี้ยง”
“เซียวเอ๋อร์เจ้านี่ก็ยังขี้อิจฉาเช่นเดิม เด็กไม่รู้จักโต”
“ปากท่านบอกว่ารักและเป็นห่วงนาง แต่กลับจะเร่งให้นางออกเรือน”
“เฮ้อ เจ้านี่นะไม่เข้าใจความคิดของพ่อแม่ นางออกเรือนได้อยู่กับคนที่ดีนั่นก็เป็นเรื่องดีของนาง พ่อแม่นับวันจะยิ่งอายุมากจะดูแลนางไปตลอดหาได้ไม่”
“ข้าก็ยังอยู่นี่ขอรับ จวนนี้มิได้มีแค่พวกท่านแล้วเสียหน่อย”
เฉินฮูหยินหันมามองหน้าบุตรชายที่เดินเอามือไพล่หลังตามมาติด ๆ
“อะไรนะเจ้าน่ะหรือจะดูแลน้อง ดูท่าทางที่เจ้าแสดงออกนั่นสิ เหมือนพี่ดูแลน้องเสียที่ไหน”
“ท่านแม่ ข้าเองก็ไม่เข้าใจปี…เอ่อ ไม่เข้าใจนางเช่นกันเหตุใดพบข้าทีไรก็เอาแต่ร้องไห้หรือไม่ก็ก้มหน้า เอาแต่กลัวจนตัวสั่นราวกับข้าเป็นคนร้ายอย่างนั้นแหละ”
“ก็ไม่แปลกหรอกที่น้องจะคิดกับเจ้าเช่นนั้น ก็เจ้าเคยพูดกับนางดี ๆ สักครั้งหรือไม่เล่า”
“ท่านแม่…”
“เจ้าจะเมินเฉยหรือจะเป็นเช่นเดิมแม่ก็คิดว่าหลินเอ๋อร์คงไม่ได้ใส่ใจมากนักหรอกเพราะถึงอย่างไรไม่ช้าก็เร็วนางก็ต้องแต่งออกจากจวนอยู่ดี แต่เจ้าจะยอมให้มันเป็นเช่นนี้จริง ๆ น่ะหรือ จะเกลียดชังนางจนถึงวันสุดท้ายจริง ๆ น่ะหรือเซียวเอ๋อร์”
“ข้าก็ไม่ได้เกลียดนางถึงเพียงนั้นเสียหน่อย”
“หืม…เช่นนั้นเจ้าก็บอกนางสิ ท่าทีเช่นนั้นหากแม่เป็นนางก็คงคิดไม่ต่างกันหรอก”
“ท่านแม่ ข้า…”
“เอาเถอะทุกอย่างต้องมีครั้งแรก เจ้าก็ค่อยเป็นค่อยไปเถอะนะ”
โต๊ะอาหาร
“หลินเอ๋อร์ ช่วงนี้เจ้าเอาแต่ซ้อมพิณจนแทบไม่ได้กินอะไรเลย เอานี่จ๊ะกินเยอะ ๆ นะ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านป้า”
“เซียวเอ๋อร์ตกลงปัญหาชายแดนที่คุยกันเมื่อเช้านี้ ยังไม่มีปัญหามากใช่หรือไม่”
“ขอรับ หากว่าทางนั้นไม่ถูกผู้ใดยุยง สงครามชายแดนทางตะวันออกก็ยังไม่น่าห่วง”
“ท่านพี่ท่านเอาอีกแล้ว ชอบเอาเรื่องในราชสำนักมาคุยบนโต๊ะอาหาร ไม่เอา ๆ เออนี่หลินเอ๋อร์คุณชายหย่งบอกหรือไม่ว่าวันทำพิธีปักปิ่นเขาจะมาได้หรือไม่”
“เรื่องนี้ ข้า…”
“ฮูหยิน ดูเหมือนว่าเจ้าจะลำเอียงเข้าข้างคุณชายหย่งผู้นี้เหลือเกินนะ อยากได้เขาเป็นหลานเขยงั้นหรือ”
“ท่านพี่ล่ะก็ เขาเป็นทั้งผู้สอนหลินเอ๋อร์ดีดพิณและยังเป็นบุรุษหนุ่มที่ผู้คนสนใจนะเจ้าคะ”
ระหว่างที่เฉินฮูหยินเอ่ยเรื่องนี้ จวินเซียวเองก็ลอบมองลี่หลินที่ก้มหน้ากินอาหารเพียงจานเดียวตรงหน้าโดยไม่กล้าตักอาหารอื่น เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับสายตาของเขาที่มองนางราวกับจะกลืนกินเสียให้ได้
“ท่านว่าจริงหรือไม่เจ้าคะ หลินเอ๋อร์เหตุใดเจ้าเอาแต่กินผัดกุ้ยช่ายแค่จานเดียว เซียวเอ๋อร์เจ้าตักหมูผัดกับปลานึ่งให้น้องสักหน่อยสิ”
“มะ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะข้าจะอิ่มแล้ว”
“หึ ดูเหมือนว่านางเพียงแค่ได้ยินเรื่องของคุณชายนั่นก็อิ่มแล้วกระมัง ลูกขอตัวก่อนขอรับ”
“อ้าว นี่เจ้าอิ่มแล้วงั้นหรือ ไม่รอของหวานสักหน่อยหรือ”
“ไม่ขอรับเท่านี้ก็ “เลี่ยน” มากพอแล้ว ไม่อยากกินแล้วขอรับ”
“เลี่ยนอะไรกัน นี่มันของโปรดเจ้าทั้งมิใช่หรือ”
“ช่างเถอะ ๆ ท่านพี่ลูกอาจจะไม่คุ้นเคยกับอาหารพวกนี้แล้วท่านลืมไปแล้วหรือว่าเขาไปอยู่ทางเหนือตั้งสิบปี”
“ลูกขอตัวก่อนนะขอรับ”
“ไปพักผ่อนเถอะลูก”
“ขอรับท่านแม่”
เขาพูดพลางหมองหน้าลี่หลินที่ยังคงก้มหน้าอยู่แต่เห็นว่าเขาลุกนางจึงเงยหน้าขึ้นมามองแวบหนึ่งจนได้เผลอสบตาเขาเข้าและต้องรีบหลบสายตาทันที แต่บิดามารดาของเขาไม่ทันได้สนใจจึงหันมาคุยกันต่อ จวินเซียวเดินออกไปแล้วลี่หลินจึงได้ตักอย่างอื่นมากินได้บ้าง พร้อมกับคุยมากขึ้นหลังจากที่เขาลุกออกไป
“หึ หากข้าไม่ลุกอาหารจานอื่นเจ้าก็คงกินไม่เป็นสินะ เหตุใดจึงเป็นสตรีที่น่ารำคาญเช่นนี้นะ….”
วันถัดมา“ยอดเยี่ยมแล้วล่ะ”“ขอบคุณเจ้าค่ะ”“คุณหนูเจียง ในตอนนี้ข้าคิดว่าคงมีผู้ที่จะดีดพิณเก่งเท่าเจ้าน้อยเต็มทีแล้ว ทำได้ดีมาก”“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกเจ้าค่ะคุณชายหย่งกล่าวเกินไปแล้ว ทั่วเมืองชิงโจวนี้ยังมีอีกหลายคนที่มีความสามารถเพียงแต่พวกนางยังไม่เคยได้ดีดพิณให้ท่านฟังเท่านั้น”“อืม เจ้าพูดเช่นนี้ก็คงจะจริง แต่ลำบากสักหน่อยเพราะว่าข้าเองก็…. เลือกที่จะฟังเช่นกัน”เขามองนางอย่างสื่อความหมายบางอย่างซึ่งทำให้ลี่หลินที่สบตาเขาก็พอจะรับรู้ว่าคุณชายหย่งผู้นี้คิดเช่นไรกับนาง เพียงแต่ว่านางเห็นเขาเป็นดั่งอาจารย์ท่านหนึ่งเท่านั้นจึงมิอาจคิดเช่นนั้นกับเขาได้“หลายวันมานี้ลำบากคุณชายหย่งแล้ว ให้ข้าได้มีโอกาสเลี้ยงขอบคุณท่านนะเจ้าคะ”“นี่ขนมที่เจ้าทำทั้งหมดเลยงั้นหรือ”“ค่าตอบแทนเล็กน้อยหวังว่าคุณชายจะไม่รังเกียจเจ้าค่ะ”“ขนมอร่อยชาชั้นดีบรรยากาศในสวนที่สดชื่น ไม่มีอะไรที่เป็นรางวัลได้ดีมากขนาดนี้อีกแล้ว”“ข้ารินน้ำชาให้นะเจ้าคะ”“อ้าวท่านแม่ทัพ ขออภัยที่ไม่ทันเห็นท่านก่อนหน้านี้”“คุณชายหย่งตามสบายเถอะ ว่าแต่กำลังทำอะไรอยู่งั้นหรือ เห็นท่านแม่บอกว่าท่านมาสอนพิณให้นาง แต่ทำไมดูแล้วเหมือนจะมางา
“ข้าก็แค่มาอาบน้ำ เจ้าทำอะไร”เขาถามเมื่อเห็นว่านางหันหลังให้และมองไปทั่วสระแต่ว่านางมิอาจกลับขึ้นไปได้เพราะนางไม่ได้เอาผ้ามาวางไว้ใกล้ ๆ“เจ้ามองหาอะไร”“ข้าเปล่าเจ้าค่ะ เหตุใดท่านจึงไม่รอให้ข้า…”“เจ้าบอกเองว่าที่นี่เป็นจวนของข้ามิใช่หรือ แล้วทำไมข้าจะมาไม่ได้ ข้าอยากจะมาตอนนี้เจ้ามีปัญหาอะไรไม่พอใจเจ้าก็ขึ้นไปสิ”“ท่าน!! เหตุใดท่านต้องทำเช่นนี้ หากไม่ชอบข้าก็เพียงแค่ปล่อยข้าไปมิได้หรือ”“ข้าน่ะหรือไม่ชอบเจ้านี่เจ้ากำลังพูดอะไรอยู่ปีศาจน้อย เจ้ามิได้กำลังวางแผนเอาใจคนทั้งจวนอยู่หรอกหรือ”เขาขยับเข้ามาใกล้นางจนลมหายใจรดที่ต้นคอ ลี่หลินรู้สึกถึงร่างกำยำที่เข้ามาจนชิด แม้ว่าจะกลัวแต่อีกความรู้สึกหนึ่งกลับผุดขึ้นมาอย่างน่าโมโห นางอยากจะลองสัมผัสร่างกายเขาสักครั้งแต่ก็…เพียงแค่คิดนางก็แทบจะเป็นลมเสียแล้ว“เจ้าเป็นอะไร คงมิใช่ว่าแค่อยู่ใกล้ชิดกับข้าก็ถึงขั้นจะเป็นลมลงไปหรอกนะ”“ท่านช่วย…. ออกไปก่อนได้หรือไม่ข้าหายใจไม่ออก”“เจียงลี่หลินเจ้าพูดเองว่าจะชดใช้ให้ข้า ตอนนี้ข้าเองก็พอจะรู้แล้วว่าจะให้เจ้าทำอะไร”“ท่าน!!….อ๊ะ!!”“อย่าขยับ หากว่าเจ้าขยับมากกว่านี้ ข้าไม่รับรองความปลอดภัยของเจ้า”
“ลี่หลิน นี่เจ้า!!….”“พิธีปักปิ่นเริ่มขึ้นได้ ณ บัดนี้”ฮูหยินแต่ละจวนเดินเข้าไปพร้อมกับถาดที่มีปิ่นวางเอาไว้ เฉินฮูหยินเดินเข้ามาพร้อมกับหยิบปิ่นเงินประดับมุกเสียบไปที่เรือนผมที่ถูกเกล้าเอาไว้อย่างเรียบร้อย“จากนี้เจ้าก็เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ขอให้เจ้าอยู่เย็นเป็นสุขมีสุขภาพแข็งแรง”“เจียงลี่หลินขอบคุณท่านป้าเจ้าค่ะ”เมื่อสตรีที่ผ่านพิธีปักปิ่นแล้วก็จะกลับไปนั่งประจำที่เพื่อรอรับของขวัญจากผู้ใหญ่และบุรุษที่หมายปอง โต๊ะของเจียงลี่หลินและหลี่หนิงฮวาเป็นสองคนที่ได้รับของขวัญมากที่สุด ไม่นานคุณชายหย่งเล่อหานก็เข้ามาในงานเลี้ยงพร้อมกับกล่องของขวัญสำหรับสตรีที่เข้าพิธีวันนี้ทุกคน“ฉลาดไม่เบาเลยนี่ นำมาแจกให้ทุกคน หึ”“นั่นคุณชายหย่งนำกล่องขนาดใหญ่นั่นมา ข้างในนั้นเป็นสิ่งใดกันนะ”หย่งเล่อหานเดินนำกล่องไม้ใบใหญ่ไปวางที่โต๊ะของลี่หลิน โดยให้คนเก็บของขวัญบนโต๊ะของนางออกจนหมดและนำกล่องไม้นั่นไปวางตรงหน้า หนิงฮวาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงกับถลึงตามองด้วยความริษยา“คุณชายหย่ง นี่คือ….”“ของขวัญในพิธีปักปิ่น เจ้าลองเปิดดูว่าชอบหรือไม่”ลี่หลินค่อย ๆ เปิดกล่องไม้นั้นดูและเห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน เป็นพิณ
“ท่านแม่ทัพขอรับ”“จัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง”“เรียบร้อยแล้วขอรับ”“ดีมาก”เมื่อรับของขวัญเสร็จแล้วก็เป็นงานเลี้ยงสังสรรค์และการแสดงของสตรีที่เข้าพิธีในวันนี้ นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเพราะแต่ละการแสดงที่แต่ละคนเลือกมาล้วนน่าสนใจทั้งการรำแบบอ่อนช้อยหรือการเล่นผีผาของหลี่หนิงฮวา รวมไปถึงการแสดงการวาดภาพเหมือนของบุตรขุนนางหลาย ๆ คน“คุณหนูเจ้าคะ ได้เวลาที่ท่านจะแสดงแล้วเจ้าค่ะ”“ได้สิขอบใจเจ้ามากอาหลัน”ลี่หลินเดินไปยังโต๊ที่วางพิณเอาไว้ เมื่อนางนั่งลงและกำลังจะเริ่ม จู่ ๆ คุณชายหย่งก็เรียกนางเอาไว้“ช้าก่อนคุณหนูเจียง”ทุกคนหันมามองบุรุษหนุ่มที่กำลังเดินเข้าไปหานางที่โต๊ะเมื่อเขาพบบางอย่างที่ผิดปกติ เฉินจวินเซียวมองไปยังใบหน้าของบัณฑิตหนุ่มอีกครั้งจนแม่ทัพเฉินผู้พ่อเอ่ยถามขึ้นมา“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือคุณชายหย่ง”ชายหนุ่มหันมาและคำนับให้กับแม่ทัพเฉินอีกครั้งพร้อมกับกล่าวขึ้นมา“ข้าต้องขออภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ว่าคุณหนูเจียงเห็นทีว่าพิณตัวนี้คงไม่พร้อมที่จะให้เจ้าบรรเลงในวันนี้เสียแล้ว”“เพราะเหตุใดกัน เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”“ดูเหมือนว่าข้าคงจะตั้งสายพิณตึงมากเกินไปจนมีสายหนึ่งที่มันเหมือนจ
ปิ่นทองถูกปัดตกพื้นพร้อมกับร่างหนาที่เดินจากไป ทิ้งให้ลี่หลินมองไปยังสิ่งที่ตกไปที่พื้น เหตุใดเขาจึงโกรธขนาดนี้เพียงเพราะนางนำสิ่งนี้มาคืนให้เขา มือเรียวค่อย ๆ หยิบปิ่นที่หล่นพื้นขึ้นมากอดเอาไว้ นางเห็นเพียงครั้งแรกก็รักมันยิ่งนักและดีใจที่สุดที่เขาเป็นผู้ปักมันให้นางด้วยตัวเองแต่เมื่อคิดได้ว่าเขาอาจจะเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังสายพิณที่เกือบขาดนั่นก็ทำให้นางโกรธเขา“ข้าจะจัดการกับความรู้สึกครึ่ง ๆ กลาง ๆ เช่นนี้อย่างไรดี”ห้องเฉินจวินเซียว“ถึงกลับกล้าคืนปิ่นนั่นให้ข้า เจ้าคงคิดดีแล้วสินะปีศาจน้อย เจ้ามัน!!…”“คุณชายขอรับ”“ว่าอย่างไรบ้าง”“ข้าน้อยไปสืบความมาแล้ว มีคนลอบตัดสายพิณของคุณหนูเจียง คุณชายหย่งผู้นั้นเป็นผู้สังเกตเห็นเขาจึงได้ยั้งนางมิให้เล่นพิณตัวนั้นในงานวันนี้ขอรับ”“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า…. เดี๋ยวก่อนนะเจ้าบอกว่าสายพิณนั่นมีปัญหางั้นหรือ”“ขอรับ หากว่าดีดพิณไปทั้ง ๆ ที่สายเกือบขาดอาจจะทำให้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น ดีหน่อยก็แค่ขาดช่วงเพลงและเล่นไม่จบ แต่หากร้ายกาจกว่านั้นสายดีดสะท้อนกลับอาจจะทำให้นิ้วของคุณหนูบาดเจ็บและไม่อาจเล่นพิณได้เลยนะขอรับ”“อะไรกัน!! เหตุใดจึงเกิดเรื่
“ข้ารู้แล้วเดี๋ยวข้าจะออกไป”“เจ้าค่ะ”ลี่หลินเดินไปยังเรือนด้านหน้าอีกครั้งเพื่อพบกับท่านลุงท่านป้า เมื่อเดินเข้าไปก็พบว่าทั้งสองนั่งรออยู่ก่อนหน้านั้นแล้วพร้อมกับบางอย่างในมือ ตรงสุดทางมีจวินเซียวนั่งอยู่“ท่านลุง ท่านป้า”“หลินเอ๋อร์นั่งก่อนสิ”“เจ้าค่ะ”ลี่หลินมองไปยังแม่ทัพเฉินผู้พ่อที่ยังถือกระดาษบางอย่างอยู่ในมือ ฮูหยินตบหลังมือลี่หลินเบา ๆ เมื่อนางมานั่งลงข้าง ๆ สีหน้าของจวินเซียวยังนิ่งเมื่อนางนั่งลงข้าง ๆ ท่านแม่ของเขา“เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ”“เจ้าฟังท่านลุงพูดเถอะนะ เรื่องนี้จวินเซียวพึ่งจะนำมาบอกพวกเรา”“เฮ้อ…หลินเอ๋อร์เรื่องพิณที่สายขาดของเจ้าบัดนี้พบตัวผู้กระทำผิดแล้ว นี่คือใบสารภาพของนางที่ลงประทับรอยนิ้วมือเรียบร้อยแล้ว”“จับคนร้ายได้แล้วงั้นหรือเจ้าคะ แต่นางเป็นเพียงแค่สาวใช้…”“หลินเอ๋อร์เจ้าเองก็รู้งั้นหรือว่าเป็นฝีมือผู้ใด”ทั้งหมดหันมามองหน้านาง และเป็นครั้งแรกที่จวินเซียวเองก็หันมามองหน้านางเช่นกัน ในเมื่อนางรู้ว่าไม่ใช่เขาแล้วเหตุใดยังเอาแต่ชักสีหน้าใส่เขาเช่นนั้น ลี่หลินไม่กล้ามองสบตาเขาและหันมาบอกท่านลุงแทน“ระ เรื่องนี้คุณชายหย่งเป็นผู้แจ้งหลานเจ้าค่ะ เขานำส
“ไม่นะ!! ปล่อยข้านะ อื้อ…”มือหนาเอื้อมมาปิดปากนางไว้ ร่างบางถูกอุ้มขึ้นมาอย่างง่ายดายและถูกพาเข้าไปวางที่เตียงในห้องด้านใน นางไม่เคยเข้ามาที่นี่มาก่อน ตอนนี้หากจะตะกายหนีก็คงหาทางออกได้ไม่ทัน“ท่านแม่ทัพ อย่าเจ้าค่ะ”“เจ้าคิดอย่างไรกับเจ้านั่น เพียงแค่เขาตามหาคนร้ายให้เจ้าได้ก็จะยอมถวายตัวให้เขางั้นหรือ เจ้านี่มันช่างร้ายกาจกว่าที่ข้าคิด”“ไม่ อย่าถอดนะ ไม่นะ!! เฉินจวินเซียวข้าเกลียดท่าน!!”นางกรีดร้องพลางตะโกนด่าเขาไม่หยุดเมื่อเขาเริ่มดึงอาภรณ์ที่นางสวมใส่ออกทีละชิ้นอย่างบ้าคลั่ง จวินเซียวในตอนนี้แทบจะไม่ได้ฟังที่นางพูดเลยเมื่อเขาถอดสายคาดเอวนางออกไปได้ก็บดขยี้ริมฝีปากนางจนเจ็บไปหมด“อื้อ…อื้อ….”นางดิ้นรนอยู่ในอ้อมกอดนั้นจนค่อย ๆ นิ่งลง รังนกที่อุตส่าห์ตุ๋นเกือบหนึ่งชั่วยามถูกวางลืมเอาไว้ที่โต๊ะ เสียงฝนตกราวกับพายุเข้าและเสียงฟ้าร้องภายนอก ต่อให้นางอยากตะโกนก็คงไม่มีผู้ใดได้ยิน น้ำตาไหลรินจากแรงกดทับของฝ่ามือที่กดตรึงนางเอาไว้และจาบจ้วงเอาความหวานจากรวงปากสีชมพู “ลี่หลิน”“ไม่นะ อย่านะข้ายัง…”“เจ้าทำให้ข้าโกรธ”นางเอาแต่ส่ายหน้าและเขาก็พยายามจะลดความโกรธลงเมื่อเห็นน้ำตานางแต่เขาย
เขาเองก็สั่นไปทั้งตัวเพราะด้านในของนางนั้นทั้งแน่นและบีบรัดจนเขาแทบจะทนไม่ไหว ลี่หลินรู้สึกว่าเขาเองก็ทรมานไม่น้อยไปกว่านางแต่ก็ยัง….“ท่านแม่ทัพ…”“อย่าพึ่ง…. อย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้ อาา…”ลี่หลินรู้แล้วว่ามิใช่แค่นางที่เจ็บ และตอนนี้นางก็เริ่มทุเลาลงแล้วเพราะเขาหยุดขยับแต่ร่างของบุรุษหนุ่มกำยำตรงหน้านางยังคงสั่นอยู่จนนางเริ่มสงสารเขา“ท่านพี่จวินเซียว”ท่ามกลางความสั่นสะท้านแล้วเสียวสุดหัวใจเมื่อถูกนางเรียกชื่อ เพียงเท่านั้นสติของเขาก็ตื่นขึ้นและหันมาสบตานาง ลี่หลินคลี่ยิ้มให้เขาเป็นครั้งแรกและยังค่อย ๆ ดึงใบหน้าของเขาลงไปหานางเพื่อจะจรดปลายริมฝีปากนั้นไปที่หน้าผากของเขา“ลี่หลิน เจ้าเรียกข้าว่า…"นางหันหน้าหนีเขาอีกครั้ง แต่การที่นางกล้าเรียกชื่อเขาตรง ๆ เช่นนี้ก็นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี เมื่อแม่ทัพหนุ่มเริ่มขยับกายเข้าใกล้นางก็เริ่มกัดฟันและใช้เล็บจิกไปที่ไหล่ของเขาเพราะความใหญ่คับแน่นนั้นทำให้นางเริ่มหายใจไม่ทัน และไม่นานก็เริ่มเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอื่น“อ๊ะ!”แต่แม่ทัพหนุ่มกลับถอยไม่ได้แล้วเมื่อดันลึกเข้ามาจนสุดปลายด้าม เขาเริ่มขยับตัวและค่อย ๆ เร่งความเร็วขึ้น ลี่หลินหันไปจับผ้
“เจียงลี่หลิน เจ้ากำลังพูดอะไรออกมาเจ้ารู้ตัวหรือไม่!!”เขาตะคอกนางเสียงดัง สายตาดุดันจนลี่หลินมือสั่น เฉินจวินเซียวคนเดิมที่นางกลัวกลับมาอีกครั้งจนทำให้ลี่หลินที่เริ่มคลายความหวาดกลัวกลับมาตกใจอีกครั้ง“ท่านพี่ข้าก็แค่....”“อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องเช่นนี้อีก อย่าแม้แต่จะคิดเจ้าคิดว่าสนามรบคือที่สำหรับสตรีหรืออย่างไรที่นั่นไม่มีอะไรที่เหมาะกับเจ้าข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าไปแน่”“แต่ที่นั่นมีท่าน ข้าก็แค่อยากทำตัวให้มีประโยชน์กับท่านกับชิงโจวข้าเป็นหมอข้าช่วย….”“หยุดเดี๋ยวนี้เจียงลี่หลิน!!”แม้ว่าน้ำตานางจะเริ่มรื้นคลอหน่วยในเวลานี้ก็มิอาจทำให้เขาใจอ่อนและดึงนางมาปลอบได้ นางกำลังคิดในสิ่งที่เขากลัวว่าจะเกิดขึ้นมากที่สุด ไม่คิดว่าจู่ ๆ นางก็จะเอ่ยเรื่องนี้ออกมาแต่ก็นั่นแหละถึงอย่างไรน้ำตาของนางก็เล่นงานกับหัวใจเขาได้ทุกเวลาไม่ว่ามันจะไหลมาเมื่อไหร่เขาจึงรีบเบือนหน้าหนี“รีบเก็บของข้าจะพาเจ้ากลับจวนไปอยู่กับท่านแม่”ลี่หลินไม่พูดอะไรอีกและหันไปปาดน้ำตาที่ใบหน้าออกด้วยตัวเองแม้ว่าว่าจวินเซียวจะรู้สึกเจ็บปวดกว่านางแต่เขาก็ต้องใจแข็ง หากว่าเขาเผลอใจอ่อนกับนางแม้แต่ครั้งเดียว เขากลัวเหลือเกินว่าห
“ข้าย่อมรู้ตัวดี หลายวันมานี้ท่านเองก็อดกลั้นมามากเพราะเห็นว่าข้ายังไม่หายดีใช่หรือไม่เจ้าคะ”“เจ้ารู้งั้นหรือ”“อีกสองวัน….”“ลี่หลิน!! เจ้าอย่าพึ่งพูดอีกเลย ค่ำคืนนี้ข้าจะเป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียวไม่อยากได้ยินสิ่งใดอีก”“เช่นนั้นให้ข้าเริ่มเองนะเจ้าคะ”“ปีศาจน้อยของข้าใจกล้าขึ้นแล้วสินะ เจ้าอยากทำสิ่งใดเล่า”ลี่หลินค่อย ๆ ถอดชุดนอนของแม่ทัพหนุ่มออกและค่อย ๆ เลื่อนกายลงไปที่แผงอกกว้าง นางพึ่งมีโอกาสสำรวจอย่างเต็มตาก็วันนี้เอง พึ่งรู้ว่าเขามีรอยแผลที่เกิดจากการทำศึกอยู่ไม่น้อยแม้ว่ามันจะเป็นแผลเป็นเล็ก ๆ แต่ก็ยังไม่สามารถบดบังความองอาจของเขาได้แม้แต่น้อยนางลูบไล้ไปทั่วและค่อย ๆ เอนกายลงไปหาเขาพร้อมจรดริมฝีปากเพื่อทักทายเขา แสงไฟในห้องยังไม่ถูกดับเพราะนางจงใจให้เขาจดจำเรือนร่างนางเอาไว้“ลี่หลิน เจ้าช่างงดงามเกินห้ามใจแน่ใจหรือว่าจะไม่ดับไฟก่อน”“อย่าพึ่งเอ่ยคำใดเจ้าค่ะกอดข้าสิเจ้าคะ”จวินเซียวพลิกกายมาสวมทับนางไว้พร้อมกับบดขยี้ริมฝีปากด้วยความเร็วขึ้นเพื่อปลุกอารมณ์ของนาง เสียงครางที่เริ่มดังขึ้นทำให้เขารู้ว่าคืนนี้ต่อให้เขาจะรังแกนางนานเท่าใดลี่หลินก็จะไม่ว่ากล่าวหรือขอร้องให้เขาห
“ขอรับท่านแม่ทัพ”“เจ้าสั่งให้คนกลับไปเอายาและของจำเป็นที่จวนมาเรียบร้อยแล้วหรือไม่”“สั่งการเรียบร้อยแล้วขอรับ”“ดี รีบไปจะได้รีบกลับข้าไม่อยากให้ลี่หลินอยู่ตามลำพังที่จวน”อาชาคู่กายควบทะยานด้วยความเร็วเพื่อออกนอกเมืองไปยังฝั่งตะวันออก ครั้งนี้ซูหลี่จินกล้าท้าทายเขาและทำร้ายฮูหยินของเขา เรื่องนี้จวินเซียวไม่มีทางปล่อยนางไว้เย็นวันนั้นลี่หลินค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นมาเพราะความเจ็บของบาดแผลที่ยังไม่ทุเลา เมื่อตื่นขึ้นก็เห็นว่าอาหลันกำลังจัดเตรียมยาเอาไว้ให้นางเมื่อหันมาเห็นว่านางตื่นแล้วจึงรีบเข้ามาประคอง“คุณหนูเจ้าคะอย่าพึ่งลุกเร็วเช่นนี้เจ้าค่ะ ข้าพยุงท่านเอง”“อาหลัน เจ้ามานานแล้วหรือ”“จางเต๋อไปแจ้งต่อข้าและให้นำยาบางส่วนมาที่นี่ ข้าจึงรีบจัดยาและชุดของท่านบางส่วนและรีบมาทันที เรื่องนี้ฮูหยินกับนายท่านทราบแล้วท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ทั้งสองท่านบอกว่าให้ท่านพักฟื้นให้หายดีส่วนเรื่องในเมืองนายท่านจะหารือกับท่านอ๋องเองเจ้าค่ะ”“งั้นหรือ เช่นนั้นก็ดีแล้วข้ายังห่วงว่าจะมีผู้ใดอยู่ดูแลท่านแม่หรือไม่”“ท่านไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะมีแม่นมถงดูแลอยู่ฮูหยินไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ นี่ยาที่ท่านบอกใ
“เฉินจวินเซียว!! เหตุใดจึงสนใจแต่นาง ข้าเองก็บาดเจ็บ”“องค์หญิง ท่านหาเรื่องท้าประลองกับคู่หมั้นข้าและทำนางบาดเจ็บถึงเพียงนี้ท่านยังกล้าถามข้างั้นหรือว่าเหตุใดต้องทำเช่นนี้ บาดแผลของนางข้าจะเอาคืนทีหลังแน่ นับจากนี้ไปราชโองการที่ท่านถือมาถือว่าข้าไม่เกี่ยวข้องอีก”“องค์หญิงครั้งนี้คงจะได้ข้อสรุปแล้วนะ” / ท่านอ๋อง“แต่ว่า!! นางโกงข้า”“องค์หญิง ครั้งแรกเป็นเจ้าที่เริ่มก่อนโดยไม่รอสัญญาณอีกอย่างเจ้าเองก็เลือกอาวุธและวิธีการประลองเอง ตอนที่เจียงลี่หลินเลือกอาวุธเจ้าก็มิได้ทักท้วงอีกทั้งยังหัวเราะเยาะและยอมให้นางใช้พิณประลองกับเจ้าเองมิใช่หรือ แล้วเจ้าจะบอกว่านางโกงเจ้าได้เช่นไร หรือว่าความหมายของเจ้า หมายจะว่าคนทั้งชิงโจวโกงเจ้างั้นหรือ!!”“หม่อมฉัน…มิได้หมายความว่าเช่นนั้นนะเพคะ”ซูหลี่จินพึ่งจะเคยเห็นอำนาจที่แท้จริงของท่านอ๋องที่ตะคอกด้วยพระสุรเสียงดุดันเป็นครั้งแรก นางลืมคิดไปว่าที่นี่เป็นแผ่นดินชิงโจวมิใช่ทุ่งหญ้าข่านเล่อของนางที่จะทำตามแต่ใจได้ ผู้คนเริ่มดูถูกและส่งสายตาเดียดฉันท์มาที่นาง“แพ้แล้วยังไม่ยอมรับอีก”“ผู้หญิงป่าเถื่อนหน้าไม่อาย ตัวเองโกงก่อนชัด ๆ พอแพ้แล้วยังมีหน้าโวยวา
“คู่ประลองเชิญเข้าสู่สนาม”ขุนนางกรมยุติธรรมได้รับมอบหมายจากท่านอ๋องเพื่อเป็นกรรมการในการควบคุมการประลองเร่งด่วนในวันนี้เดินมายังตรงกลางลาน แม้แต่สตรีอื่นในชิงโจวยังรู้สึกกลัวและตื่นเต้นแทนเจียงลี่หลิน ไม่เว้นแม้แต่หลี่หนิงฮวา“นางจะตายหรือไม่ สายตาของสตรีต่างแคว้นนั่นน่ากลัวยิ่งนัก แค่เห็นก็รู้สึกขนลุกแล้ว”“นั่นสิเหตุใดจึงจ้องหาเรื่องนางจริง ๆ ว่าแต่หนิงฮวานี่เจ้ากลัวแทนแม่นางเจียงหรือนี่เป็นไปได้เช่นไรกัน”“ผู้ใดจะไม่กลัวกันล่ะเจ้าโง่หรือเปล่า หากว่านางแพ้ก็จะกลายเป็นข้าที่องค์หญิงผู้นั้นหมายหัวน่ะสิ ข้ายังไม่อยากตายนะ”“แต่นางมีคุณชายหย่งช่วยอยู่นะ”“แต่ระหว่างพิณกับแส้ที่มีหนามนั่น เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเจียงลี่หลินจะใช้แค่พิณเอาชนะนางได้น่ะ”หนิงฮวาเริ่มรู้สึกกลัวแทนเจียงลี่หลินแม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะเคยชื่นชอบแม่ทัพเฉินจวินเซียวแต่กลับคิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ จะมีองค์หญิงต่างแคว้นที่หน้าไม่อายมากกว่านางทำเรื่องเช่นนี้ขึ้น อย่างไรเจียงลี่หลินก็ไม่เคยระรานผู้อื่นเพราะเรื่องของผู้ชาย ครั้งนี้พวกนางจึงขอเข้าข้างเจียงลี่หลิน“องค์หญิงเชิญ คุณหนูเจียงเชิญยืนตรงนี้”ทั้งคู่เดินเข้ามาตรงกลางระห
“อะไรนะ!!”“นี่นางกล้าที่จะเอาเรื่องนี้มาเดิมพันเลยงั้นหรือ”เจียงลี่หลินเพียงแค่ยกน้ำชาขึ้นดื่มและหันไปมององค์หญิงที่ยังยืนทำท่าอวดดีอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ท่านอ๋อง“ลี่หลิน!! เจ้าอยู่เฉย ๆ ข้าจัดการเอง”เฉินจวินเซียวไม่มีทางยอมให้ลี่หลินลงไปประลองกับซูหลี่จินเป็นแน่ เพราะเขารู้ดีว่าองค์หญิงผู้นี้โหดร้ายมากเพียงใด แม้ว่านางจะเป็นสตรีแต่ซูหลี่จินผู้นี้เคยฆ่านางรับใช้ของตัวเองมาแล้วดังนั้นการที่นางกล้าท้าประลองกับลี่หลิน นางต้องรู้มาก่อนแล้วว่าลี่หลินไม่มีวรยุทธ์ที่จะสู้กับนางได้จึงกล้าท้าประลองเช่นนี้“เฉินจวินเซียวท่านอย่าได้หาข้ออ้างที่จะช่วยนางเป็นอันขาด เรื่องนี้ข้าเป็นผู้ท้าก็ต้องให้นางตอบรับคำเชิญด้วยตัวเอง ว่าอย่างไรเจียงลี่หลินเจ้ากล้ารับคำท้าหรือไม่”“องค์หญิง ขออภัยแต่ข้าในฐานะผู้ครองเมืองชิงโจวคงมิอาจปล่อยให้เกิดความอยุติธรรมได้ ไม่ทราบว่าเจ้าอยากจะท้าประลองกับนางด้วยวิธีการใด”“ข้าโดดเด่นและเก่งเรื่องการต่อสู้ ย่อมต้องท้าประลองเรื่องการต่อสู้อยู่แล้วเพคะ”“เจ้าท้าประลองกับสตรีที่ไร้วรยุทธ์ เช่นนี้มิใช่เป็นการเอาเปรียบนางหรอกหรือ หากว่าเจียงลี่หลินท้าประลองกับเจ้าด้วยเรื่องเดิ
“เคล้ง!!”ซูหลี่จินผลักชามข้าวออกไปจากตัวและลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารในทันที จวินเซียวและใต้เท้าเฉินหันไปมองนางอีกครั้ง เฉินฮูหยินหันไปมองด้วยสายตาที่รังเกียจนางอย่างเปิดเผยถึงท่าทางที่ไร้มารยาทนี้“ข้าจะกลับแล้ว”“เช่นนั้น…จางเต๋อ จางอี้” / ลี่หลิน""ขอรับคุณหนูเจียง""“ให้คนพาองค์หญิงไปส่งที่ตำหนักท่านอ๋องเถอะ”“จวินเซียว!! เหตุใดท่านจึงไม่ไปส่งข้าด้วยตัวเอง”ซูหลี่จินหันไปมองที่จวินเซียวที่นั่งนิ่งมองมาที่นางด้วยสีหน้าเรียบเฉยกว่าปกติ“องค์หญิง ข้ารับหน้าที่ตามบัญชาท่านอ๋องที่ท่านกล่าวอ้างว่าให้พาท่านไปซื้อของ ตอนนี้จบภารกิจแล้วจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องไปส่งพระองค์ เชิญเสด็จกลับเถอะพ่ะย่ะค่ะ”“เฉินจวินเซียว นี่ท่านถึงกับ….”“องค์หญิงเพคะ ในเมื่อองค์หญิงเลือกที่จะกลับแล้วเหตุใดต้องเรียกให้ “คู่หมั้น” ของผู้อื่นไปส่ง หม่อมฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าที่ข่านเล่อนั้นมีธรรมเนียมที่ไร้มารยาทถึงเพียงนี้อยู่ด้วยหรือเพคะ”“นังแพศยา!! นังตัวกาลี!! เจ้ากล้าดีเช่นใดถึงได้กล้าต่อปากกับข้า”“ซูหลี่จิน!!”จวินเซียวลุกขึ้นมาและยืนบังลี่หลินเอาไว้ ลี่หลินเอียงหน้าออกมาและแสยะยิ้มเล็ก ๆ ส่งไปให้ซูหลี่จินโดยเฉพาะ น
ลี่หลินมองเข้าไปในกระจกพร้อมกับยังคงสางผมไปเรื่อย ๆ และคิดบางอย่างอยู่ อาหลันรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของคุณหนูที่เมินเฉยต่อการที่ได้รู้ว่าท่านแม่ทัพต้องพาองค์หญิงผู้นั้นออกไปข้างนอก“คุณหนู ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่เจ้าคะ”“ไม่นี่ ข้าหิวแล้วพวกเขายังไม่กลับงั้นหรือ”“ยังเลยเจ้าค่ะ”“สำรับเย็นทำอะไรงั้นหรือวันนี้”“เอ่อ….”“ข้าไปดูเองดีกว่า แม่นมเล่าอยู่ที่ใดเจ้ารีบไปบอกให้นางไปพบข้าที่โรงครัวทีเร็ว ๆ เข้าล่ะ”“เจ้าค่ะ”อาหลันทำตามคำสั่งทันทีโดยที่ไม่เอ่ยถามสิ่งใดอีก เจียงลี่หลินมองไปที่กระจกพร้อมกับหวีที่นิ่งอยู่ในมือเมื่อสาวใช้ปิดประตูลง“เจียงลี่หลิน ในเมื่อเจ้าเลือกแล้วว่าจะเป็นฮูหยินท่านแม่ทัพ เช่นนั้นจากนี้เจ้าต้องเข้มแข็งมากกว่านี้ให้เหมาะสมกับแม่ทัพพิทักษ์แดนเหนือ”เย็นวันนั้น / ห้องอาหารลี่หลินที่ทำตัวราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น นางยังคงจัดแจงนำอาหารขึ้นโต๊ะตามปกติ เฉินฮูหยินรู้สึกบอกไม่ถูกที่ต้องจำใจอนุญาตให้บุตรชายของนางออกไปกับซูหลี่จินเพราะคำสั่งที่มาจากท่านอ๋อง“ท่านแม่เจ้าคะ วันนี้ข้าสั่งให้โรงครัวเพิ่มอาหารอีกสองอย่างนะเจ้าคะช่วงนี้ดูเหมือนว่าท่านจะพักผ่อนน้อยอีกทั้งพรุ่งนี้
เฉินจวินเซียวพานางไปที่โต๊ะทำแผลและถอดชุดออกในทันที เมื่อเขาถอดชุดออกก็พลันดึงกายนางเข้ามาและเริ่มปลดสายคาดเอวของนางเช่นกันจนลี่หลินตั้งคว้ามือของเขาเอาไว้“ท่านจะทำสิ่งใดเจ้าคะ ไหนบอกว่าจะให้ข้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้อย่างไรเล่า”“ใช่ แต่เมื่อครู่เจ้าบอกว่าตัวเจ้าเหม็นน้ำหมึกข้าก็เลยคิดว่าต้องถอดชุดนี่ออกเสียหน่อย มาเถอะน่าอย่าดื้อสิ”“ไม่เจ้าค่ะท่านจงใจแกล้งข้า ไม่!! พี่จวินเซียวอย่า…อ๊ะ คนบ้าปล่อยข้านะ”“ลี่หลิน….”นางอยู่ในอ้อมกอดเขาเช่นนี้ยากที่จะต่อต้าน ทั้งสายตาและคำออดอ้อนทั้งหลายที่ไม่เคยได้ยินและไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาได้ก็ถูกประโคมกล่าวออกมาจนนางยอมใจอ่อน ไม่นานทั้งชุดของนางและเขาก็ไร้ความหมายเมื่อถูกโยนไปคนละทิศในห้องตำราของนาง“อ๊าา…. เบาหน่อยเจ้าค่ะ อื้อ….ท่านพี่!!”ลิ้นที่ดูดดึงยอดอกของนางอย่างเมามันไร้อารมณ์ใส่ใจต่อเสียงต่อต้าน เขารู้อยู่แล้วว่านางเพียงแค่ปรามเขาแต่ก็ต้องการเร่งให้เขาทำเช่นกัน จวินเซียวขยับกายและสอดใส่เข้าไปอย่างช้า ๆ แต่เน้นเล้าโลมจนลี่หลินที่เริ่มตอบรับเอนแอ่นร่างตาม“อาา…ลี่หลิน กลิ่นกายเจ้าวันนี้ช่างหอมยิ่งนักเจ้าไปทำสิ่งใดมา”“ทะ ท่านแม่ให้ข้า…อ๊าา อาบ