“ท่านแม่ทัพขอรับ หรือว่าท่านยัง….”
“พวกเจ้าออกไปได้แล้วข้าจะนอนพัก พรุ่งนี้ต้องรีบออกเดินทางแต่เช้า”
""ขอรับ""
จางเต๋อไม่กล้าถามเขาซ้ำอีกรอบ แม้ว่าพวกเขาจะจากเมืองชิงโจวไปถึงสิบปีเต็มแต่ในตอนที่พวกเขาจากมา จำได้ว่าครั้งนั้นคุณชายพึ่งจะหายจากพิษไข้ที่ถูกโบยและตากฝนเพื่อไปช่วยคุณหนูเจียง
พวกเขาได้ยินคุณชายร้องไห้ตลอดทางพร้อมกับคำพูดว่า “เหตุใดต้องส่งเขามาไกลถึงเพียงนี้ เขาทำผิดถึงขนาดนี้เชียวหรือถึงให้อภัยกันไม่ได้” พวกเขาทั้งสองไม่กล้าเอ่ยปาก ทำได้เพียงแค่ปลอบใจคุณชายจนเขาสงบลงได้และเริ่มฝึกหนักอย่างตั้งใจนับแต่นั้นเป็นต้นมา
“พิธีปักปิ่นงั้นหรือ”
เฉินจวินเซียวเดินมาที่เตียงของเขาและค่อย ๆ หยิบบางอย่างออกมาจากห่อผ้าที่เขาสวมติดตัวเอาไว้ ในนั้นมีทั้งอาวุธและหีบไม้สีน้ำตาลเข้ม เมื่อเขาหยิบและเปิดออกมาในนั้นมีปิ่นทองที่ถูกทำขึ้นจากช่างฝีมือแดนเหนือแสงเงาสะท้อนจากปิ่นทองประดับมุกและทับทิมระย้าสีแดงถูกยกขึ้นมา
“สิบปีแล้วปีศาจน้อย ข้าชดใช้ให้เจ้าโดยถูกส่งมาอยู่แดนไกลนานถึงสิบปีเชียวนะ จากนี้ถึงคราวข้า...แก้แค้นเจ้าบ้างแล้ว”
ปิ่นนกยูงประดับถูกวางกลับไปในกล่องไม้ที่รองด้วยผ้ากำมะหยี่สีม่วงหรูหราและปิดลง เขาห่อเก็บอีกครั้งก่อนจะล้มตัวลงนอนและนึกถึงคำพูดขององครักษ์ของเขาเมื่อครู่
“นางงดงามจนได้สมญานามว่าธิดาบุปผาเซียน มีชายหนุ่มหลายคนเตรียมมอบของขวัญให้นางในวันทำพิธี…”
“ต่อให้เจ้างดงามเพียงใดเจ้าก็ยังคงเป็นปีศาจน้อยของข้าอยู่ดี ข้าปล่อยให้เจ้าเสพสุขในจวนสกุลเฉินมานานกว่าสิบปีแล้ว ได้เวลาที่เจ้าจะต้องชดใช้คืนข้าบ้างแล้วปีศาจน้อย”
สองวันถัดมา / เมืองชิงโจว
ขบวนกองทัพของแม่ทัพคนใหม่ของเมืองชิงโจวที่ควบตำแหน่งท่านแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินชิงโจวค่อย ๆ เคลื่อนพลเข้ามาในเมืองที่ถูกประดับตกแต่งด้วยดอกเบญจมาศสีเหลืองไปทั่วเมืองตั้งแต่ประตูทางเข้า บุรุษหนุ่มในชุดเกราะสีเงินอาชาสีขาวค่อย ๆ นำกองทัพเข้าเมือง
“เขาอยู่นั่นเจ้าค่ะคุณหนู”
“คนผู้นั้นหรือคือท่านแม่ทัพเฉิน แม่ทัพคนใหม่ของเมืองชิงโจว”
“หลี่หนิงฮวา” บุตรีของใต้เท้า “หลี่เจา” ชะเง้อมองตามขบวนกองทัพที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าเมืองมาอย่างช้า ๆ แต่ใบหน้าของท่านแม่ทัพคนใหม่นั้นตราตรึงใจสตรีทั่วเมืองชิงโจวเพราะความรูปงามและสง่า ท่วงท่าที่บังคับบังเหียนอยู่นั้นมากไปด้วยเสน่ห์
อีกทั้งวันนี้แม่ทัพหนุ่มยังผูกรวบขึ้นสวมกวานสีเงินปล่อยหางม้ายาวอยู่ด้านหลัง ใบหน้าที่รูปงามดุจรูปปั้นในอารามหลวงยิ่งทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นต่างชื่นชม
“ช่างรูปงามยิ่งนัก”
“ท่านแม่ทัพเจ้าคะ”
“นั่นผู้ใดกัน”
“ดูเหมือนจะเป็นบุตรของขุนนางกรมขุนนางนะขอรับ ชื่ออะไรนะ…”
“คุณหนูหลี่ บุตรสกุลหลี่ขุนนางกรมขุนนางขอรับ”
“อ้อ งั้นหรือ”
“ท่านแม่ทัพ ดูเหมือนว่านางจะเตรียมช่อดอกเบญจมาศมาด้วย หรือว่า…นางคิดจะโยนให้กับท่าน”
“ไร้สาระ รีบไปเถอะ”
“เอ่อ ขอรับ”
“อ้าว!! เหตุใดจึงวิ่งผ่านไปรวดเร็วนักเล่า ข้ายังไม่ทันได้โยนดอกไม้ไปให้เขาเลย”
“คุณหนูเจ้าคะ จะลองไปที่หน้าจวนสกุลเฉินดูดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่เอาหรอก ถึงอย่างไรก็ต้องมีงานเลี้ยงต้อนรับอยู่แล้ว เอาไว้พบกันในวันนั้นจะดีกว่าข้าเป็นสตรีก็ต้องเก็บตัวหน่อยเจ้าว่าหรือไม่เล่า”
“เจ้าค่ะ ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเจ้าค่ะ”
“แต่ว่า!!…ที่นั่นยังมีเจียงลี่หลิน เหตุใดข้าถึงลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปได้นะ”
“แต่ว่าคุณหนูเจ้าคะ เห็นว่าท่านแม่ทัพไม่ชอบหน้าคุณหนูผู้นั้นนี่เจ้าคะ ถึงขั้นเกลียดเลยนะเจ้าคะ”
“จริงหรือ!! เป็นไปได้เช่นไรกันแล้วทำไมพวกเขาถึงต้องเกลียดกัน”
“คือเรื่องนี้….”
นับว่าสาวใช้ของหลี่หนิงฮวาเตรียมการมาเป็นอย่างดีและเล่าเรื่องในสกุลเฉินให้นางฟังจนนางเริ่มยิ้มออกมาได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะไม่เคยรู้ว่าสกุลเฉินมีบุตรชายที่เก่งกาจเช่นนี้อยู่ก็ตาม แต่ในเมื่อวันนี้ได้เห็นแม่ทัพเฉินน้อยแล้วนางก็ยิ่งรู้สึกว่าชอบเขา
“เขาช่างเหมาะสมกับข้ายิ่งนัก ทั่วเมืองชิงโจวนี้ไม่มีบุรุษใดที่ต้องตาต้องใจข้าเท่าเขาอีกแล้ว”
“คุณหนู แล้วคุณชายหย่งเล่าเจ้าคะ”
“เฮ้อ แม้ว่าจะรูปงามแต่คุณชายหย่งเป็นบัณฑิตที่เอาใจยากเมื่อเทียบกับแม่ทัพเฉินผู้นี้แล้วเขาน่าสนใจกว่ามากนัก ขอเพียงครั้งนี้ไม่มีเจียงลี่หลินมาวุ่นวาย บุรุษผู้นี้ไม่พ้นต้องเป็นเขยสกุลหลี่เป็นแน่”
หลี่หนิงฮวามองตามขบวนกองทัพที่มุ่งตรงไปยังจวนแม่ทัพเฉินพร้อมกับรอยยิ้มที่คาดหวังอยู่ไม่น้อยว่านางจะต้องเป็นสตรีในดวงใจท่านแม่ทัพคนใหม่แห่งเมืองชิงโจวผู้นี้อย่างแน่นอน
จวนสกุลเฉิน
“มาแล้วเจ้าค่ะ มาแล้ว ๆ”
“ท่านแม่ทัพมาถึงแล้ว”
“หลินเอ๋อร์ พี่เจ้ามาแล้วรีบ ๆ ออกไปรอต้อนรับเร็วเข้า”
“จะ…เจ้าค่ะท่านป้า”
ลี่หลินที่ยืนถือช่อดอกเบญจมาศสีเหลืองและขาวที่นางทำขึ้นมาด้วยตนเองด้วยมือที่สั่นและหัวใจที่เต้นรัวดุจกลองศึก เสียงอาชาของบรรดากองทัพค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้พร้อมกับธงสีแดงขาวที่มีสัญลักษณ์ราชสีห์ของสกุลเฉินอยู่
“คุณหนูเจ้าคะ เหตุใดท่านถึงได้ตัวสั่นเช่นนี้เจ้าคะ”
“คุณหนู ท่านยืนไหวอยู่หรือไม่เจ้าคะ”
“แม่นม ข้า…. ข้ายังไหวอยู่”
“เหตุใดท่านจึงได้หายใจแรง หอบถี่เช่นนี้เจ้าคะคุณหนู ท่านคงมิได้…. แม่นมแย่แล้วอาการหอบของคุณหนูกำเริบหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ ๆ ข้าไม่ได้เป็นอะไร จริง ๆ นะไม่ต้องห่วง ขบวนกองทัพมาถึงแล้ว ท่านป้ากับท่านลุง…”
“รีบไปเถอะเจ้าค่ะ นายท่านทั้งสองอยู่หน้าจวนแล้ว”
“ได้สิ ข้าไป ข้า…ไม่เป็นไร”
เจียงลี่หลินค่อย ๆ เดินก้าวออกไปด้านหน้าจวน เฉินฮูหยินดึงนางมายืนใกล้ ๆ เมื่อขบวนม้าสีขาวเข้ามาใกล้ และเพียงอึดใจเดียว บุรุษหนุ่มรูปร่างกำยำก็ลงจากหลังอาชาที่สง่างามลงมาพร้อมกับคำนับให้กับทั้งสอง
“เฉินจวินเซียว คารวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ”
“ลูกแม่!! เจ้ากลับมาแล้วจริง ๆ ไหนมาให้แม่ดูหน้าเจ้าให้ชัด ๆ หน่อยเซียวเอ๋อร์ของแม่ จากกันนับสิบปีไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเติบโตขึ้นมารูปงามเช่นนี้ เจ้าสบายดีหรือไม่เจ็บไข้ได้ป่วยบ้างหรือเปล่า เจ้าไม่ค่อยตอบจดหมายของแม่จนแม่ใจคอไม่ดีเลย”
“แม่ของเจ้าบ่นทุกวันหากว่าเจ้าไม่กลับมาเห็นทีพวกเราคงได้อพยพไปที่เมืองเหนือเพื่อไปอยู่กับเจ้าที่โน่นเป็นแน่”
“ท่านพ่อ ขออภัยจริง ๆ ขอรับทางเหนือตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเท่าใดนัก อากาศก็กำลังดีเพียงแต่ว่าการขนส่งและกว่าที่ข้าจะได้รับจดหมายอาจจะล่าช้าไปบ้างก็เท่านั้น ข้าสบายดีขอรับ”
“ยอดเยี่ยมเหลือเกินเจ้ากลับมาครั้งนี้จะไม่กลับไปแล้วใช่หรือไม่”
“ฮูหยิน ลูกเราได้รับยศแม่ทัพแล้วจากนี้จะไปที่ใดได้ก็ต้องอยู่ในเมืองชิงโจวสิ”
“ท่านแม่ ลูกอกตัญญูไม่ได้อยู่ดูแลท่าน ตลอดสิบปีนี้ท่านสบายดีหรือไม่ ได้ข่าวว่าท่านไม่สบายบ่อยครั้ง”
“แม่ไม่เป็นอะไรเลยเจ้าดูแม่สิ แม่ยังแข็งแรงดีทุกอย่างนี่หากไม่ได้หลินเอ๋อร์คอยดูแลก็คงแย่ นางน่ะเก่งสารพัดทั้งจัดยาให้และคอยดูแลสุขภาพทั้งท่านพ่อเจ้าและแม่ เจ้าดูนี่สิชุดนี้นางก็เป็นผู้ตัดเย็บและปักผ้าด้วยตัวเอง งดงามหรือไม่เล่า”
“ขอรับ งดงาม…...ยิ่งนัก”
“หลินเอ๋อร์มานี่เร็ว ๆ สิรีบมาทักทายพี่เขาหน่อย เจ้าอุตส่าห์ตื่นเพื่อจัดเตรียมของต้อนรับพี่ของเจ้าด้วยตนเองเอาไว้ตั้งมากมายมิใช่หรือ”
สตรีตัวเล็กในชุดสีม่วงอ่อนที่ขับกับผิวขาวของนางแม้จะดูบอบบางแต่นางสูงขึ้นมากแล้วจากความทรงจำของเขาในครั้งก่อน ช่อดอกเบญจมาศในมือของนางสั่นเล็กน้อยเมื่อเดินเข้ามาหาเขา
ใบหน้าที่คุ้นเคยแต่ในเวลานี้เติบโตขึ้นจนเป็นสตรีที่งดงาม แม้แต่จางเต๋อและจางอี้ก็อดตกตะลึงในความงามนั้นไม่ได้ แน่นอนว่า รวมถึงแม่ทัพหนุ่มอย่าง “เฉินจวินเซียว” ที่มองนางราวกับตกอยู่ในภวังค์อยู่สักพักเช่นกัน
“เจียงลี่หลินคารวะท่านแม่ทัพเฉิน ยินดีต้อนรับท่านกลับสู่เมืองชิงโจวเจ้าค่ะ”
“ปีศาจน้อย”“อะไรนะลูกเมื่อครู่นี้เจ้าบ่นพึมพำอะไรงั้นหรือ”“เปล่าขอรับท่านแม่”“รับดอกไม้สิ น้องอุตส่าห์ทำเพื่อเจ้ารับเอาไว้เป็นไมตรีสักหน่อยนะ”แม่ทัพหนุ่มมองใบหน้ายิ้มแย้มและคาดหวังของมารดาและบิดาที่พยายามยิ้มและลุ้นว่าเขาจะยังรู้สึกโกรธสตรีตรงหน้านี้อยู่หรือไม่ เขาเดินเข้าไปใกล้นางและไม่รู้ว่ากลิ่นดอกไม้หรือกลิ่นกายจากที่ต้องจมูกเขาราวกับยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ในยามเช้าทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้น สตรีตรงหน้ามือสั่นเมื่อยื่นช่อดอกไม้มาให้เขา“สิ่งนี้…เจ้าตั้งใจทำให้ข้างั้นหรือ”“จะ…เจ้าค่ะ เป็นของขวัญเพื่อต้อนรับท่านแม่ทัพกลับจวนเจ้าค่ะ”นางยื่นดอกไม้ให้เขา ชายหนุ่มเพียงนึกอยากแกล้งนางเมื่อดอกไม้ถูกส่งมาแต่เขากลับปล่อยให้มันหล่นจนนางตกใจ สีหน้านั้นทำเอาเขาตกตะลึงจนเผลอคว้าทั้งคนทั้งดอกไม้เอาไว้ ใบหน้างามเงยขึ้นมาด้วยความตกใจอีกทั้งลมหายใจของนางและริมฝีปากอิ่มสีชมพูสดตรงหน้ากลับทำให้เขาเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นซึ่งเป็นความรู้สึกที่ห่างไกลจากคำว่าเกลียด“ขออภัยเจ้าค่ะข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มันหล่น ข้าก็แค่…”“เจ้าก็ยังซุ่มซ่ามเช่นเดิม…. ปีศาจน้อยของข้า”ลี่หลินรู้สึกขนลุกทั้งตัวเมื
ใจของสาวน้อยที่พึ่งเป็นสาวเต็มตัวรู้สึกวาบหวิวแปลก ๆ เมื่อถูกร่างแกร่งนั้นประคองกอดเอาไว้ นางล้มมาทับเขาและรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ เมื่อนางดันตัวออกกายนางก็ถูกพลิกลงอีกด้าน“อย่าเจ้าค่ะ!!”“ข้าถามเจ้าอยู่นะ เจ้ายั่วยวนบุรุษทั้งเมืองชิงโจวแล้วยังคิดอยากจะยั่วยวนข้าด้วยอีกคนงั้นหรือ ยัยปีศาจน้อยช่างกล้านักนะ”“ปล่อยข้าเถอะเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำเช่นนี้ข้าเปล่ายั่วยวนท่านนะเจ้าคะ ท่านเข้าใจผิดแล้ว”เขาอยากแกล้งนางต่ออีกนิด ใบหน้านั้นเริ่มจะมีน้ำตาแล้วเพียงแต่บางอย่างที่หน้าอกนางซึ่งเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงว่าผ่านมาสิบปีมันจะโตขึ้นจนน่าสัมผัสขนาดนี้“อย่ามองนะ!! ปล่อยข้า!! ฮึก!!”“เจ้าพรวดพราดเข้ามาในนี้เองแต่กลับกล่าวโทษข้า มาในตอนนี้ยังกล้าตะคอกข้า นี่เจ้าคิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวสกุลเฉินไปแล้วหรืออย่างไร!!”“ปล่อยนะท่านแม่ทัพหากท่านไม่ปล่อยข้าจะ….”“หยุดนะนั่นเจ้าทำอะไร!!”นางคว้าเครื่องประดับบนศีรษะลงมาพาดคอตัวเองและเริ่มกรีดจนเป็นรอย แม่ทัพหนุ่มถึงกับตกใจและไม่คิดว่านางจะขู่เขาด้วยวิธีนี้“เจ้าบ้าไปแล้วงั้นหรือ”“ได้โปรด…ปล่อยข้าไป”นางยกแขนขึ้นมาปกปิดกายเท่าที่จะทำได้ เนื้อที่แนบเข้
“หากท่านแม่ทัพไม่มีสิ่งใดแล้ว ข้าขอตัวก่อน”“เดี๋ยว…”ลี่หลินหยุดลงทันทีเมื่อเขาสั่งแต่ก็ยังไม่กล้าเงยหน้ามองคนข้าง ๆ จวินเซียวไม่ได้ตั้งใจทำเช่นนี้ แต่เขาก็ทำให้นางร้องไห้อีกจนได้ เหตุใดน้ำตาของปีศาจน้อยนี่ช่างไหลออกมาง่ายเสียจริงเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา“เขาจะมาอีกงั้นหรือ”“ท่านแม่ทัพหมายถึง….”เขาหันไปมองนางด้วยความหงุดหงิด ลี่หลินที่กะพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่หยดน้ำตา นางรู้ดีว่าเขากำลังโมโหจึงได้รีบตอบ“คะ คือว่าหากว่าการที่ข้าดีดพิณรบกวนท่านแม่ทัพ ข้ากับคุณชายหย่งไปที่สวนนอกจวนก็ได้เจ้าค่ะจะได้…”“ใครพูดกับเจ้าว่ามันเป็นการรบกวน ข้าถามเจ้าก็แค่ตอบไม่ได้หรืออย่างไร เหตุใดเจ้าน่ารำคาญเช่นนี้กันนะ”“ท่านแม่ทัพ คุณชายหย่งจะมาสอนข้าดีดพิณทุก ๆ วันก่อนที่จะถึงพิธีปักปิ่นเจ้าค่ะ ดังนั้นอีกสองวันต่อจากนี้….”“มาเวลานี้ทุก ๆ วันงั้นหรือ”“ทะ ทุก ๆ วัน วันละสองชั่วยามเจ้าค่ะ”“เจ้าอยู่กับชายที่ยังไม่ได้แต่งงาน ตัวเจ้าเองก็ยังไม่ผ่านพิธีปักปิ่นเจ้าไม่คิดหรือว่าเรื่องนี้มันจะเสียหาย….”“แม่เป็นคนขอร้องให้คุณชายหย่งมาสอนนางเอง เจ้ามีสิ่งใดอยากจะถามก็ถามกับแม่สิ”เฉินฮูหยินเดินมาจากด้านหลังด้วยเพราะแม
วันถัดมา“ยอดเยี่ยมแล้วล่ะ”“ขอบคุณเจ้าค่ะ”“คุณหนูเจียง ในตอนนี้ข้าคิดว่าคงมีผู้ที่จะดีดพิณเก่งเท่าเจ้าน้อยเต็มทีแล้ว ทำได้ดีมาก”“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกเจ้าค่ะคุณชายหย่งกล่าวเกินไปแล้ว ทั่วเมืองชิงโจวนี้ยังมีอีกหลายคนที่มีความสามารถเพียงแต่พวกนางยังไม่เคยได้ดีดพิณให้ท่านฟังเท่านั้น”“อืม เจ้าพูดเช่นนี้ก็คงจะจริง แต่ลำบากสักหน่อยเพราะว่าข้าเองก็…. เลือกที่จะฟังเช่นกัน”เขามองนางอย่างสื่อความหมายบางอย่างซึ่งทำให้ลี่หลินที่สบตาเขาก็พอจะรับรู้ว่าคุณชายหย่งผู้นี้คิดเช่นไรกับนาง เพียงแต่ว่านางเห็นเขาเป็นดั่งอาจารย์ท่านหนึ่งเท่านั้นจึงมิอาจคิดเช่นนั้นกับเขาได้“หลายวันมานี้ลำบากคุณชายหย่งแล้ว ให้ข้าได้มีโอกาสเลี้ยงขอบคุณท่านนะเจ้าคะ”“นี่ขนมที่เจ้าทำทั้งหมดเลยงั้นหรือ”“ค่าตอบแทนเล็กน้อยหวังว่าคุณชายจะไม่รังเกียจเจ้าค่ะ”“ขนมอร่อยชาชั้นดีบรรยากาศในสวนที่สดชื่น ไม่มีอะไรที่เป็นรางวัลได้ดีมากขนาดนี้อีกแล้ว”“ข้ารินน้ำชาให้นะเจ้าคะ”“อ้าวท่านแม่ทัพ ขออภัยที่ไม่ทันเห็นท่านก่อนหน้านี้”“คุณชายหย่งตามสบายเถอะ ว่าแต่กำลังทำอะไรอยู่งั้นหรือ เห็นท่านแม่บอกว่าท่านมาสอนพิณให้นาง แต่ทำไมดูแล้วเหมือนจะมางา
“ข้าก็แค่มาอาบน้ำ เจ้าทำอะไร”เขาถามเมื่อเห็นว่านางหันหลังให้และมองไปทั่วสระแต่ว่านางมิอาจกลับขึ้นไปได้เพราะนางไม่ได้เอาผ้ามาวางไว้ใกล้ ๆ“เจ้ามองหาอะไร”“ข้าเปล่าเจ้าค่ะ เหตุใดท่านจึงไม่รอให้ข้า…”“เจ้าบอกเองว่าที่นี่เป็นจวนของข้ามิใช่หรือ แล้วทำไมข้าจะมาไม่ได้ ข้าอยากจะมาตอนนี้เจ้ามีปัญหาอะไรไม่พอใจเจ้าก็ขึ้นไปสิ”“ท่าน!! เหตุใดท่านต้องทำเช่นนี้ หากไม่ชอบข้าก็เพียงแค่ปล่อยข้าไปมิได้หรือ”“ข้าน่ะหรือไม่ชอบเจ้านี่เจ้ากำลังพูดอะไรอยู่ปีศาจน้อย เจ้ามิได้กำลังวางแผนเอาใจคนทั้งจวนอยู่หรอกหรือ”เขาขยับเข้ามาใกล้นางจนลมหายใจรดที่ต้นคอ ลี่หลินรู้สึกถึงร่างกำยำที่เข้ามาจนชิด แม้ว่าจะกลัวแต่อีกความรู้สึกหนึ่งกลับผุดขึ้นมาอย่างน่าโมโห นางอยากจะลองสัมผัสร่างกายเขาสักครั้งแต่ก็…เพียงแค่คิดนางก็แทบจะเป็นลมเสียแล้ว“เจ้าเป็นอะไร คงมิใช่ว่าแค่อยู่ใกล้ชิดกับข้าก็ถึงขั้นจะเป็นลมลงไปหรอกนะ”“ท่านช่วย…. ออกไปก่อนได้หรือไม่ข้าหายใจไม่ออก”“เจียงลี่หลินเจ้าพูดเองว่าจะชดใช้ให้ข้า ตอนนี้ข้าเองก็พอจะรู้แล้วว่าจะให้เจ้าทำอะไร”“ท่าน!!….อ๊ะ!!”“อย่าขยับ หากว่าเจ้าขยับมากกว่านี้ ข้าไม่รับรองความปลอดภัยของเจ้า”
“ลี่หลิน นี่เจ้า!!….”“พิธีปักปิ่นเริ่มขึ้นได้ ณ บัดนี้”ฮูหยินแต่ละจวนเดินเข้าไปพร้อมกับถาดที่มีปิ่นวางเอาไว้ เฉินฮูหยินเดินเข้ามาพร้อมกับหยิบปิ่นเงินประดับมุกเสียบไปที่เรือนผมที่ถูกเกล้าเอาไว้อย่างเรียบร้อย“จากนี้เจ้าก็เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ขอให้เจ้าอยู่เย็นเป็นสุขมีสุขภาพแข็งแรง”“เจียงลี่หลินขอบคุณท่านป้าเจ้าค่ะ”เมื่อสตรีที่ผ่านพิธีปักปิ่นแล้วก็จะกลับไปนั่งประจำที่เพื่อรอรับของขวัญจากผู้ใหญ่และบุรุษที่หมายปอง โต๊ะของเจียงลี่หลินและหลี่หนิงฮวาเป็นสองคนที่ได้รับของขวัญมากที่สุด ไม่นานคุณชายหย่งเล่อหานก็เข้ามาในงานเลี้ยงพร้อมกับกล่องของขวัญสำหรับสตรีที่เข้าพิธีวันนี้ทุกคน“ฉลาดไม่เบาเลยนี่ นำมาแจกให้ทุกคน หึ”“นั่นคุณชายหย่งนำกล่องขนาดใหญ่นั่นมา ข้างในนั้นเป็นสิ่งใดกันนะ”หย่งเล่อหานเดินนำกล่องไม้ใบใหญ่ไปวางที่โต๊ะของลี่หลิน โดยให้คนเก็บของขวัญบนโต๊ะของนางออกจนหมดและนำกล่องไม้นั่นไปวางตรงหน้า หนิงฮวาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงกับถลึงตามองด้วยความริษยา“คุณชายหย่ง นี่คือ….”“ของขวัญในพิธีปักปิ่น เจ้าลองเปิดดูว่าชอบหรือไม่”ลี่หลินค่อย ๆ เปิดกล่องไม้นั้นดูและเห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน เป็นพิณ
“ท่านแม่ทัพขอรับ”“จัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง”“เรียบร้อยแล้วขอรับ”“ดีมาก”เมื่อรับของขวัญเสร็จแล้วก็เป็นงานเลี้ยงสังสรรค์และการแสดงของสตรีที่เข้าพิธีในวันนี้ นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเพราะแต่ละการแสดงที่แต่ละคนเลือกมาล้วนน่าสนใจทั้งการรำแบบอ่อนช้อยหรือการเล่นผีผาของหลี่หนิงฮวา รวมไปถึงการแสดงการวาดภาพเหมือนของบุตรขุนนางหลาย ๆ คน“คุณหนูเจ้าคะ ได้เวลาที่ท่านจะแสดงแล้วเจ้าค่ะ”“ได้สิขอบใจเจ้ามากอาหลัน”ลี่หลินเดินไปยังโต๊ที่วางพิณเอาไว้ เมื่อนางนั่งลงและกำลังจะเริ่ม จู่ ๆ คุณชายหย่งก็เรียกนางเอาไว้“ช้าก่อนคุณหนูเจียง”ทุกคนหันมามองบุรุษหนุ่มที่กำลังเดินเข้าไปหานางที่โต๊ะเมื่อเขาพบบางอย่างที่ผิดปกติ เฉินจวินเซียวมองไปยังใบหน้าของบัณฑิตหนุ่มอีกครั้งจนแม่ทัพเฉินผู้พ่อเอ่ยถามขึ้นมา“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือคุณชายหย่ง”ชายหนุ่มหันมาและคำนับให้กับแม่ทัพเฉินอีกครั้งพร้อมกับกล่าวขึ้นมา“ข้าต้องขออภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ว่าคุณหนูเจียงเห็นทีว่าพิณตัวนี้คงไม่พร้อมที่จะให้เจ้าบรรเลงในวันนี้เสียแล้ว”“เพราะเหตุใดกัน เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”“ดูเหมือนว่าข้าคงจะตั้งสายพิณตึงมากเกินไปจนมีสายหนึ่งที่มันเหมือนจ
ปิ่นทองถูกปัดตกพื้นพร้อมกับร่างหนาที่เดินจากไป ทิ้งให้ลี่หลินมองไปยังสิ่งที่ตกไปที่พื้น เหตุใดเขาจึงโกรธขนาดนี้เพียงเพราะนางนำสิ่งนี้มาคืนให้เขา มือเรียวค่อย ๆ หยิบปิ่นที่หล่นพื้นขึ้นมากอดเอาไว้ นางเห็นเพียงครั้งแรกก็รักมันยิ่งนักและดีใจที่สุดที่เขาเป็นผู้ปักมันให้นางด้วยตัวเองแต่เมื่อคิดได้ว่าเขาอาจจะเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังสายพิณที่เกือบขาดนั่นก็ทำให้นางโกรธเขา“ข้าจะจัดการกับความรู้สึกครึ่ง ๆ กลาง ๆ เช่นนี้อย่างไรดี”ห้องเฉินจวินเซียว“ถึงกลับกล้าคืนปิ่นนั่นให้ข้า เจ้าคงคิดดีแล้วสินะปีศาจน้อย เจ้ามัน!!…”“คุณชายขอรับ”“ว่าอย่างไรบ้าง”“ข้าน้อยไปสืบความมาแล้ว มีคนลอบตัดสายพิณของคุณหนูเจียง คุณชายหย่งผู้นั้นเป็นผู้สังเกตเห็นเขาจึงได้ยั้งนางมิให้เล่นพิณตัวนั้นในงานวันนี้ขอรับ”“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า…. เดี๋ยวก่อนนะเจ้าบอกว่าสายพิณนั่นมีปัญหางั้นหรือ”“ขอรับ หากว่าดีดพิณไปทั้ง ๆ ที่สายเกือบขาดอาจจะทำให้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น ดีหน่อยก็แค่ขาดช่วงเพลงและเล่นไม่จบ แต่หากร้ายกาจกว่านั้นสายดีดสะท้อนกลับอาจจะทำให้นิ้วของคุณหนูบาดเจ็บและไม่อาจเล่นพิณได้เลยนะขอรับ”“อะไรกัน!! เหตุใดจึงเกิดเรื่
“เจียงลี่หลิน เจ้ากำลังพูดอะไรออกมาเจ้ารู้ตัวหรือไม่!!”เขาตะคอกนางเสียงดัง สายตาดุดันจนลี่หลินมือสั่น เฉินจวินเซียวคนเดิมที่นางกลัวกลับมาอีกครั้งจนทำให้ลี่หลินที่เริ่มคลายความหวาดกลัวกลับมาตกใจอีกครั้ง“ท่านพี่ข้าก็แค่....”“อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องเช่นนี้อีก อย่าแม้แต่จะคิดเจ้าคิดว่าสนามรบคือที่สำหรับสตรีหรืออย่างไรที่นั่นไม่มีอะไรที่เหมาะกับเจ้าข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าไปแน่”“แต่ที่นั่นมีท่าน ข้าก็แค่อยากทำตัวให้มีประโยชน์กับท่านกับชิงโจวข้าเป็นหมอข้าช่วย….”“หยุดเดี๋ยวนี้เจียงลี่หลิน!!”แม้ว่าน้ำตานางจะเริ่มรื้นคลอหน่วยในเวลานี้ก็มิอาจทำให้เขาใจอ่อนและดึงนางมาปลอบได้ นางกำลังคิดในสิ่งที่เขากลัวว่าจะเกิดขึ้นมากที่สุด ไม่คิดว่าจู่ ๆ นางก็จะเอ่ยเรื่องนี้ออกมาแต่ก็นั่นแหละถึงอย่างไรน้ำตาของนางก็เล่นงานกับหัวใจเขาได้ทุกเวลาไม่ว่ามันจะไหลมาเมื่อไหร่เขาจึงรีบเบือนหน้าหนี“รีบเก็บของข้าจะพาเจ้ากลับจวนไปอยู่กับท่านแม่”ลี่หลินไม่พูดอะไรอีกและหันไปปาดน้ำตาที่ใบหน้าออกด้วยตัวเองแม้ว่าว่าจวินเซียวจะรู้สึกเจ็บปวดกว่านางแต่เขาก็ต้องใจแข็ง หากว่าเขาเผลอใจอ่อนกับนางแม้แต่ครั้งเดียว เขากลัวเหลือเกินว่าห
“ข้าย่อมรู้ตัวดี หลายวันมานี้ท่านเองก็อดกลั้นมามากเพราะเห็นว่าข้ายังไม่หายดีใช่หรือไม่เจ้าคะ”“เจ้ารู้งั้นหรือ”“อีกสองวัน….”“ลี่หลิน!! เจ้าอย่าพึ่งพูดอีกเลย ค่ำคืนนี้ข้าจะเป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียวไม่อยากได้ยินสิ่งใดอีก”“เช่นนั้นให้ข้าเริ่มเองนะเจ้าคะ”“ปีศาจน้อยของข้าใจกล้าขึ้นแล้วสินะ เจ้าอยากทำสิ่งใดเล่า”ลี่หลินค่อย ๆ ถอดชุดนอนของแม่ทัพหนุ่มออกและค่อย ๆ เลื่อนกายลงไปที่แผงอกกว้าง นางพึ่งมีโอกาสสำรวจอย่างเต็มตาก็วันนี้เอง พึ่งรู้ว่าเขามีรอยแผลที่เกิดจากการทำศึกอยู่ไม่น้อยแม้ว่ามันจะเป็นแผลเป็นเล็ก ๆ แต่ก็ยังไม่สามารถบดบังความองอาจของเขาได้แม้แต่น้อยนางลูบไล้ไปทั่วและค่อย ๆ เอนกายลงไปหาเขาพร้อมจรดริมฝีปากเพื่อทักทายเขา แสงไฟในห้องยังไม่ถูกดับเพราะนางจงใจให้เขาจดจำเรือนร่างนางเอาไว้“ลี่หลิน เจ้าช่างงดงามเกินห้ามใจแน่ใจหรือว่าจะไม่ดับไฟก่อน”“อย่าพึ่งเอ่ยคำใดเจ้าค่ะกอดข้าสิเจ้าคะ”จวินเซียวพลิกกายมาสวมทับนางไว้พร้อมกับบดขยี้ริมฝีปากด้วยความเร็วขึ้นเพื่อปลุกอารมณ์ของนาง เสียงครางที่เริ่มดังขึ้นทำให้เขารู้ว่าคืนนี้ต่อให้เขาจะรังแกนางนานเท่าใดลี่หลินก็จะไม่ว่ากล่าวหรือขอร้องให้เขาห
“ขอรับท่านแม่ทัพ”“เจ้าสั่งให้คนกลับไปเอายาและของจำเป็นที่จวนมาเรียบร้อยแล้วหรือไม่”“สั่งการเรียบร้อยแล้วขอรับ”“ดี รีบไปจะได้รีบกลับข้าไม่อยากให้ลี่หลินอยู่ตามลำพังที่จวน”อาชาคู่กายควบทะยานด้วยความเร็วเพื่อออกนอกเมืองไปยังฝั่งตะวันออก ครั้งนี้ซูหลี่จินกล้าท้าทายเขาและทำร้ายฮูหยินของเขา เรื่องนี้จวินเซียวไม่มีทางปล่อยนางไว้เย็นวันนั้นลี่หลินค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นมาเพราะความเจ็บของบาดแผลที่ยังไม่ทุเลา เมื่อตื่นขึ้นก็เห็นว่าอาหลันกำลังจัดเตรียมยาเอาไว้ให้นางเมื่อหันมาเห็นว่านางตื่นแล้วจึงรีบเข้ามาประคอง“คุณหนูเจ้าคะอย่าพึ่งลุกเร็วเช่นนี้เจ้าค่ะ ข้าพยุงท่านเอง”“อาหลัน เจ้ามานานแล้วหรือ”“จางเต๋อไปแจ้งต่อข้าและให้นำยาบางส่วนมาที่นี่ ข้าจึงรีบจัดยาและชุดของท่านบางส่วนและรีบมาทันที เรื่องนี้ฮูหยินกับนายท่านทราบแล้วท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ทั้งสองท่านบอกว่าให้ท่านพักฟื้นให้หายดีส่วนเรื่องในเมืองนายท่านจะหารือกับท่านอ๋องเองเจ้าค่ะ”“งั้นหรือ เช่นนั้นก็ดีแล้วข้ายังห่วงว่าจะมีผู้ใดอยู่ดูแลท่านแม่หรือไม่”“ท่านไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะมีแม่นมถงดูแลอยู่ฮูหยินไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ นี่ยาที่ท่านบอกใ
“เฉินจวินเซียว!! เหตุใดจึงสนใจแต่นาง ข้าเองก็บาดเจ็บ”“องค์หญิง ท่านหาเรื่องท้าประลองกับคู่หมั้นข้าและทำนางบาดเจ็บถึงเพียงนี้ท่านยังกล้าถามข้างั้นหรือว่าเหตุใดต้องทำเช่นนี้ บาดแผลของนางข้าจะเอาคืนทีหลังแน่ นับจากนี้ไปราชโองการที่ท่านถือมาถือว่าข้าไม่เกี่ยวข้องอีก”“องค์หญิงครั้งนี้คงจะได้ข้อสรุปแล้วนะ” / ท่านอ๋อง“แต่ว่า!! นางโกงข้า”“องค์หญิง ครั้งแรกเป็นเจ้าที่เริ่มก่อนโดยไม่รอสัญญาณอีกอย่างเจ้าเองก็เลือกอาวุธและวิธีการประลองเอง ตอนที่เจียงลี่หลินเลือกอาวุธเจ้าก็มิได้ทักท้วงอีกทั้งยังหัวเราะเยาะและยอมให้นางใช้พิณประลองกับเจ้าเองมิใช่หรือ แล้วเจ้าจะบอกว่านางโกงเจ้าได้เช่นไร หรือว่าความหมายของเจ้า หมายจะว่าคนทั้งชิงโจวโกงเจ้างั้นหรือ!!”“หม่อมฉัน…มิได้หมายความว่าเช่นนั้นนะเพคะ”ซูหลี่จินพึ่งจะเคยเห็นอำนาจที่แท้จริงของท่านอ๋องที่ตะคอกด้วยพระสุรเสียงดุดันเป็นครั้งแรก นางลืมคิดไปว่าที่นี่เป็นแผ่นดินชิงโจวมิใช่ทุ่งหญ้าข่านเล่อของนางที่จะทำตามแต่ใจได้ ผู้คนเริ่มดูถูกและส่งสายตาเดียดฉันท์มาที่นาง“แพ้แล้วยังไม่ยอมรับอีก”“ผู้หญิงป่าเถื่อนหน้าไม่อาย ตัวเองโกงก่อนชัด ๆ พอแพ้แล้วยังมีหน้าโวยวา
“คู่ประลองเชิญเข้าสู่สนาม”ขุนนางกรมยุติธรรมได้รับมอบหมายจากท่านอ๋องเพื่อเป็นกรรมการในการควบคุมการประลองเร่งด่วนในวันนี้เดินมายังตรงกลางลาน แม้แต่สตรีอื่นในชิงโจวยังรู้สึกกลัวและตื่นเต้นแทนเจียงลี่หลิน ไม่เว้นแม้แต่หลี่หนิงฮวา“นางจะตายหรือไม่ สายตาของสตรีต่างแคว้นนั่นน่ากลัวยิ่งนัก แค่เห็นก็รู้สึกขนลุกแล้ว”“นั่นสิเหตุใดจึงจ้องหาเรื่องนางจริง ๆ ว่าแต่หนิงฮวานี่เจ้ากลัวแทนแม่นางเจียงหรือนี่เป็นไปได้เช่นไรกัน”“ผู้ใดจะไม่กลัวกันล่ะเจ้าโง่หรือเปล่า หากว่านางแพ้ก็จะกลายเป็นข้าที่องค์หญิงผู้นั้นหมายหัวน่ะสิ ข้ายังไม่อยากตายนะ”“แต่นางมีคุณชายหย่งช่วยอยู่นะ”“แต่ระหว่างพิณกับแส้ที่มีหนามนั่น เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเจียงลี่หลินจะใช้แค่พิณเอาชนะนางได้น่ะ”หนิงฮวาเริ่มรู้สึกกลัวแทนเจียงลี่หลินแม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะเคยชื่นชอบแม่ทัพเฉินจวินเซียวแต่กลับคิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ จะมีองค์หญิงต่างแคว้นที่หน้าไม่อายมากกว่านางทำเรื่องเช่นนี้ขึ้น อย่างไรเจียงลี่หลินก็ไม่เคยระรานผู้อื่นเพราะเรื่องของผู้ชาย ครั้งนี้พวกนางจึงขอเข้าข้างเจียงลี่หลิน“องค์หญิงเชิญ คุณหนูเจียงเชิญยืนตรงนี้”ทั้งคู่เดินเข้ามาตรงกลางระห
“อะไรนะ!!”“นี่นางกล้าที่จะเอาเรื่องนี้มาเดิมพันเลยงั้นหรือ”เจียงลี่หลินเพียงแค่ยกน้ำชาขึ้นดื่มและหันไปมององค์หญิงที่ยังยืนทำท่าอวดดีอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ท่านอ๋อง“ลี่หลิน!! เจ้าอยู่เฉย ๆ ข้าจัดการเอง”เฉินจวินเซียวไม่มีทางยอมให้ลี่หลินลงไปประลองกับซูหลี่จินเป็นแน่ เพราะเขารู้ดีว่าองค์หญิงผู้นี้โหดร้ายมากเพียงใด แม้ว่านางจะเป็นสตรีแต่ซูหลี่จินผู้นี้เคยฆ่านางรับใช้ของตัวเองมาแล้วดังนั้นการที่นางกล้าท้าประลองกับลี่หลิน นางต้องรู้มาก่อนแล้วว่าลี่หลินไม่มีวรยุทธ์ที่จะสู้กับนางได้จึงกล้าท้าประลองเช่นนี้“เฉินจวินเซียวท่านอย่าได้หาข้ออ้างที่จะช่วยนางเป็นอันขาด เรื่องนี้ข้าเป็นผู้ท้าก็ต้องให้นางตอบรับคำเชิญด้วยตัวเอง ว่าอย่างไรเจียงลี่หลินเจ้ากล้ารับคำท้าหรือไม่”“องค์หญิง ขออภัยแต่ข้าในฐานะผู้ครองเมืองชิงโจวคงมิอาจปล่อยให้เกิดความอยุติธรรมได้ ไม่ทราบว่าเจ้าอยากจะท้าประลองกับนางด้วยวิธีการใด”“ข้าโดดเด่นและเก่งเรื่องการต่อสู้ ย่อมต้องท้าประลองเรื่องการต่อสู้อยู่แล้วเพคะ”“เจ้าท้าประลองกับสตรีที่ไร้วรยุทธ์ เช่นนี้มิใช่เป็นการเอาเปรียบนางหรอกหรือ หากว่าเจียงลี่หลินท้าประลองกับเจ้าด้วยเรื่องเดิ
“เคล้ง!!”ซูหลี่จินผลักชามข้าวออกไปจากตัวและลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารในทันที จวินเซียวและใต้เท้าเฉินหันไปมองนางอีกครั้ง เฉินฮูหยินหันไปมองด้วยสายตาที่รังเกียจนางอย่างเปิดเผยถึงท่าทางที่ไร้มารยาทนี้“ข้าจะกลับแล้ว”“เช่นนั้น…จางเต๋อ จางอี้” / ลี่หลิน""ขอรับคุณหนูเจียง""“ให้คนพาองค์หญิงไปส่งที่ตำหนักท่านอ๋องเถอะ”“จวินเซียว!! เหตุใดท่านจึงไม่ไปส่งข้าด้วยตัวเอง”ซูหลี่จินหันไปมองที่จวินเซียวที่นั่งนิ่งมองมาที่นางด้วยสีหน้าเรียบเฉยกว่าปกติ“องค์หญิง ข้ารับหน้าที่ตามบัญชาท่านอ๋องที่ท่านกล่าวอ้างว่าให้พาท่านไปซื้อของ ตอนนี้จบภารกิจแล้วจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องไปส่งพระองค์ เชิญเสด็จกลับเถอะพ่ะย่ะค่ะ”“เฉินจวินเซียว นี่ท่านถึงกับ….”“องค์หญิงเพคะ ในเมื่อองค์หญิงเลือกที่จะกลับแล้วเหตุใดต้องเรียกให้ “คู่หมั้น” ของผู้อื่นไปส่ง หม่อมฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าที่ข่านเล่อนั้นมีธรรมเนียมที่ไร้มารยาทถึงเพียงนี้อยู่ด้วยหรือเพคะ”“นังแพศยา!! นังตัวกาลี!! เจ้ากล้าดีเช่นใดถึงได้กล้าต่อปากกับข้า”“ซูหลี่จิน!!”จวินเซียวลุกขึ้นมาและยืนบังลี่หลินเอาไว้ ลี่หลินเอียงหน้าออกมาและแสยะยิ้มเล็ก ๆ ส่งไปให้ซูหลี่จินโดยเฉพาะ น
ลี่หลินมองเข้าไปในกระจกพร้อมกับยังคงสางผมไปเรื่อย ๆ และคิดบางอย่างอยู่ อาหลันรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของคุณหนูที่เมินเฉยต่อการที่ได้รู้ว่าท่านแม่ทัพต้องพาองค์หญิงผู้นั้นออกไปข้างนอก“คุณหนู ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่เจ้าคะ”“ไม่นี่ ข้าหิวแล้วพวกเขายังไม่กลับงั้นหรือ”“ยังเลยเจ้าค่ะ”“สำรับเย็นทำอะไรงั้นหรือวันนี้”“เอ่อ….”“ข้าไปดูเองดีกว่า แม่นมเล่าอยู่ที่ใดเจ้ารีบไปบอกให้นางไปพบข้าที่โรงครัวทีเร็ว ๆ เข้าล่ะ”“เจ้าค่ะ”อาหลันทำตามคำสั่งทันทีโดยที่ไม่เอ่ยถามสิ่งใดอีก เจียงลี่หลินมองไปที่กระจกพร้อมกับหวีที่นิ่งอยู่ในมือเมื่อสาวใช้ปิดประตูลง“เจียงลี่หลิน ในเมื่อเจ้าเลือกแล้วว่าจะเป็นฮูหยินท่านแม่ทัพ เช่นนั้นจากนี้เจ้าต้องเข้มแข็งมากกว่านี้ให้เหมาะสมกับแม่ทัพพิทักษ์แดนเหนือ”เย็นวันนั้น / ห้องอาหารลี่หลินที่ทำตัวราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น นางยังคงจัดแจงนำอาหารขึ้นโต๊ะตามปกติ เฉินฮูหยินรู้สึกบอกไม่ถูกที่ต้องจำใจอนุญาตให้บุตรชายของนางออกไปกับซูหลี่จินเพราะคำสั่งที่มาจากท่านอ๋อง“ท่านแม่เจ้าคะ วันนี้ข้าสั่งให้โรงครัวเพิ่มอาหารอีกสองอย่างนะเจ้าคะช่วงนี้ดูเหมือนว่าท่านจะพักผ่อนน้อยอีกทั้งพรุ่งนี้
เฉินจวินเซียวพานางไปที่โต๊ะทำแผลและถอดชุดออกในทันที เมื่อเขาถอดชุดออกก็พลันดึงกายนางเข้ามาและเริ่มปลดสายคาดเอวของนางเช่นกันจนลี่หลินตั้งคว้ามือของเขาเอาไว้“ท่านจะทำสิ่งใดเจ้าคะ ไหนบอกว่าจะให้ข้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้อย่างไรเล่า”“ใช่ แต่เมื่อครู่เจ้าบอกว่าตัวเจ้าเหม็นน้ำหมึกข้าก็เลยคิดว่าต้องถอดชุดนี่ออกเสียหน่อย มาเถอะน่าอย่าดื้อสิ”“ไม่เจ้าค่ะท่านจงใจแกล้งข้า ไม่!! พี่จวินเซียวอย่า…อ๊ะ คนบ้าปล่อยข้านะ”“ลี่หลิน….”นางอยู่ในอ้อมกอดเขาเช่นนี้ยากที่จะต่อต้าน ทั้งสายตาและคำออดอ้อนทั้งหลายที่ไม่เคยได้ยินและไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาได้ก็ถูกประโคมกล่าวออกมาจนนางยอมใจอ่อน ไม่นานทั้งชุดของนางและเขาก็ไร้ความหมายเมื่อถูกโยนไปคนละทิศในห้องตำราของนาง“อ๊าา…. เบาหน่อยเจ้าค่ะ อื้อ….ท่านพี่!!”ลิ้นที่ดูดดึงยอดอกของนางอย่างเมามันไร้อารมณ์ใส่ใจต่อเสียงต่อต้าน เขารู้อยู่แล้วว่านางเพียงแค่ปรามเขาแต่ก็ต้องการเร่งให้เขาทำเช่นกัน จวินเซียวขยับกายและสอดใส่เข้าไปอย่างช้า ๆ แต่เน้นเล้าโลมจนลี่หลินที่เริ่มตอบรับเอนแอ่นร่างตาม“อาา…ลี่หลิน กลิ่นกายเจ้าวันนี้ช่างหอมยิ่งนักเจ้าไปทำสิ่งใดมา”“ทะ ท่านแม่ให้ข้า…อ๊าา อาบ