ปรายฟ้ารู้ว่าเอลิสไม่ชอบขี้หน้า แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดแม้อีกฝ่ายจะหน้าตึงใส่ทุกครั้งที่เผชิญด้วยกันก็ตาม“ค่ะ แต่อย่าลืมเอกสารและข้อมูลที่คุณเอลิสต้องพูดตามที่ท่านเทวันสั่งไว้... นี่ค่ะ” แล้วยกแท็บเล็ตให้อีกฝ่ายดู ยิ่งทำให้เอลิสหัวเสีย แล้วเดินเข้ามากระชากแท็บเล็ตในมือของปรายฟ้า จากนั้นก็เดินหน้าตึงออกไป จนพนักงานคนอื่น ๆ รีบหลบสายตาก้มหน้าต่ำกันเป็นแถว ๆแสงเทียนเดินผ่านเข้ามาหน้าประตู โดยมีพนักงานยืนรอบริการเหมือนเคย เธอเพียงพยักหน้ารับคำทักทาย จากนั้นก็เดินไปตรงหน้าเคาน์เตอร์ พนักงานสาวสวยคุ้นหน้าและจำเธอได้“สวัสดีค่ะ ได้นัดคุณธัญกรไว้ไหมคะ...”“อ้อ...” เธอยังไม่ทันตอบรับหรือปฏิเสธ ก็มีเสียงสนทนาของผู้หญิงเล็ดลอดผ่านเข้ามาเหมือนระฆังดังหมดยก ทุกอย่างหยุดนิ่ง หากประโยคคำพูดของสองสาวที่ดังมาตามเส้นทางอย่างต่อเนื่อง ทำให้บุคคลที่ยืนอยู่อีกมุมได้ยินชัดเจน“ตกลงสรุปว่าไง”“จะว่าไงล่ะ รอบนี้ท่านเทวันโกธรเอาเรื่องเลยนะ เห็นว่าจะไม่ยุ่งปล่อยให้เด็ก ๆ จัดการกันเอง”“แล้วเรื่องค่าปรับล่ะ...”“แกรู้ไหม คุณเอลิสยืดอกรับผิดชอบเองเลย...”“เฮ้ยจริงเหรอ ยอดเ
มุมปากบางกระตุกยิ้มอย่างเป็นต่อ “คนเดือดร้อนไม่ใช่ฉัน ฉะนั้น สิทธิ์ที่จะเลือกและเรียกร้องมีมากกว่า คุณเทียนว่าไหม” สายตาและน้ำเสียงเยาะเย้ย เพราะเห็นทางชนะของตัวเอง แม้ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง... เพราะคนอย่างเธอไม่เคยง้อใคร ยกเว้นผู้หญิงตรงหน้า!“นั้นแหละเขาเรียกว่าเห็นแก่ตัว!” แสงเทียนต่อว่าซ้ำจากที่คิดว่าอีกฝ่ายจะตีหน้ายักษ์ชักสีหน้าใส่ กลับกันธัญกรกลับยกยิ้มแล้วยกมือขึ้นประสาน สายตามองมาที่เธอ“หรือว่าคุณเห็นแก่ได้...” เสียงนั้นหนักแน่นยามที่พูดประโยคนี้ออกมาแสงเทียนหน้าชา “คุณนั่นแหละเห็นแก่ได้ คิดว่าตัวเองแน่ ถึงได้ตั้งข้อเสนอบ้า ๆ แบบนี้ขึ้นมา” แล้วแสงเทียนก็สะบัดแผ่นกระดาษให้รู้ว่าเธอไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอ แต่ก็ขัดไม่ได้อีกต่อไปแล้ว“แล้วคิดหรือว่าที่ผ่านมาพ่อของคุณจะไปวิ่งเต้นหาทุนจากที่อื่น แล้วเป็นไง ได้ไหมล่ะ”ธัญกรเอ่ยอย่างรู้ดี เกือบปีแล้วที่นักธุรกิจที่เคยรุ่งเรืองอย่าง ปิยะต้องประคองตัวและแอบวิ่งเต้นหาเงินทุนอยู่เงียบ ๆ ซึ่งคนในวงการเดียวกันต่างรู้ดีและรู้ลึก แค่ไม่ซ้ำเติมและเอาชื่อเสียงเข้ามาพัวพัน อีกทั้งคงกลัวเหตุการณ์จะซ้ำรอยเดิมเหมือนสิบกว่าปีก่อนแสงเทียนคิดตามและคิ
เมื่อได้ฟังคำหนักแน่น ใบหน้าสวยคมของธัญกรก็ยิ้มบาง ๆ ในหน้า หากไม่ปล่อยให้คนตรงหน้าได้ปรับตัว คงโหดร้ายเกินไปล่ะ...“ได้ อย่างนั้นจะโทรหาอีกครั้ง ...หวังว่าสัญญาเป็นสัญญานะ แต่ตอนนี้ขอมัดจำก่อน...” จบประโยคคำพูดร่างบางก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วโนมตัวมาด้านหน้า ด้วยความรวดเร็วก็ใช้จมูกโด่งฝังลงไปตรงแก้มสีนวลพร้อมเสียงดังฟอด โดยที่เจ้าของแก้มสุกปลั่งยังไม่ทันตั้งรับ“คุณ!” แสงเทียนร้องเรียกเสียงหลงเมื่อตั้งสติได้ แต่อีกฝ่ายดึงตัวเองกลับไปนั่งบนเก้าอี้ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“อย่าลืมที่สั่งล่ะ ถึงแล้วโทรมารายงานด้วย” ธัญกรย้ำแสงเทียนทั้งโกรธทั้งอายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองจิกให้เขารู้ตัว แล้วถามกลับน้ำเสียงติดประชด“นี่เป็นคำสั่งใช่ไหมคะ”ธัญกรยักไหล่ จากนั้นแสงเทียนก็เดินปึงปังออกไปโดยมีสายตากรุ่มกริ่มมองตามแผ่นหลัง ธัญกรยอมรับว่าแสงเทียนทำให้หัวใจของเธอเต้นแปลก ๆ ไปตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรก และยิ่งได้สัมผัสแนบชิดยิ่งทำให้หัวใจเกือบไม่อยู่กับร่องกับรอย ‘เป็นอะไรมากไปหรือเปล่าธัญกร... ’ใบสวยที่เต็มไปด้วยความมั่นใจสะบัดหน้าค้านแรง ๆ และหันกลับไปสนใจกระดาษสีขาวที่อีกฝ่ายเซ็นทิ้งไว้และเ
ถึงอีกฝ่ายไม่เคยบอกใคร ๆ ว่าเป็นแฟน แต่เธอก็หวังไว้ว่าอีกไม่ช้าคนในห้องก็ต้องยกตำแหน่งนี้ให้เธออย่าง แน่นอน...“หรือคะ”คนทำตามหน้าที่ถามกลับสีหน้าไม่มั่นใจนัก เพราะเพิ่งได้ทำงานร่วมกับเจ้านายคนใหม่ เธอจึงไม่มั่นใจเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายมากนัก“ค่ะ คุณไม่ต้องกลัว หากเกิดอะไรขึ้นใบข้าวจะรับผิดชอบเอง” น้ำเสียงจริงจังเอ่ยอย่างมั่นใจอย่างผู้หญิงก๋ากั่น“เอ่อ... จะดีหรือคะ ขอโทรเรียนคุณธัญกรก่อนนะคะ”เลขาหน้าหวานร้องขอทั้งที่รู้ว่าคงไม่ได้ตามที่ขอแน่“อุ๊ย! หากเป็นแบบนั้น ก็ไม่เรียกว่าเซอร์ไพรส์สิคะ” น้ำเสียงเง้างอด ส่งสายตาออดอ้อนขอความเห็นใจ เผื่อผู้หญิงด้วยกันจะเข้าใจความรู้สึกผู้หญิงด้วยกันใบหน้าตกแต่งไว้อย่างดีตีหน้าเศร้า ริมฝีปากยู่ คิ้วขมวด สีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ อย่างจำยอมให้สาวสวยทำตามต้องการ “ขอบคุณนะคะ” ว่าแล้วเธอก็ยิ้มร่า แทรกกายเข้าไปในห้องทันที โดยมีสายตาละห้อยของเลขาสาวมองตามด้วยใจตุ้บ ๆ ต่อม ๆ“ใครอ่ะพี่แคท สวยเชียว” ใบหน้าอวบ ๆ โผล่ขึ้นถามอย่างอยากรู้มาแต่ไกล คนถูกถามค้อนขวับถลึงตาตอบ “ไม่รู้สักเรื่องจะได้ไหม ไป ๆ ทำงาน” ว่าแล้วเธอก็กลับไปนั
แสงเทียนรีบเดินเลี่ยงออกไปชิดริมฟุตปาธ เมื่อคิดว่าตนเองอาจเดินไปขวางทางรถ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่ที่เธอเดินอยู่ไม่น่าจะใช่ จึงหันกลับไปมองและได้เห็นใบหน้าสวยคมที่กำลังชะลอรถและเลื่อนกระจกลง โดยมีผู้หญิงนั่งคู่กันมา“จะไปไหน ขึ้นรถสิ เดี๋ยวจะไปส่ง” เมื่อได้จังหวะ สายตาประสบกันพอเหมาะพอเจาะ ธัญกรเจ้าของรถคันหรูก็ถามทันที“...” คำพูดถูกกลืนหาย แสงเทียนรู้สึกความร้อนพาดผ่านบนใบหน้า เมื่อนึกถึงการกระทำที่ผ่านมาก่อนหน้าของผู้หญิงที่กำลังควงสาวอื่นต่อหน้าต่อตาเธอใบข้าวได้แต่จิกมองซีกหน้าคนบนทางเท้า เมื่อได้ยินคำถามของผู้หญิงที่คิดว่าไม่กล้ามองสาวคนไหนนอกจากเธอ “ใครคะพี่ธัญ” เสียงเคยหวานหยดขุ่นขึ้น แต่ธัญกรไม่สน“หุ้นส่วน” เธอตอบได้เต็มปากเต็มคำ แสงเทียนได้ยินทุกถ้อยคำ ได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองไว้ ‘หุ้นส่วนงั้นเหรอ’คำตอบนั้นทำให้ใบหน้าที่แต่งไว้จัดจ้านคลายลงไปเล็กน้อย แต่ก็ใช่จะไว้วางใจ เพราะเจ้าของรูปร่างสมส่วน แม้จะเดินอยู่บนถนน ท่าทางรีบร้อนแต่ก็สง่างามจนน่าอิจฉาแสงเทียนเพ่งมองให้แน่ใจ กับคำถามที่ได้ยินจากอีกฝ่าย แต่สะดุดกับใบหน้าที่แต่งไว้จัดจ้าน โดยกรีดอายไลเนอร์ในโทนสีที่สาวๆ เกาหลีนิ
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงใส ๆ ของใบข้าวที่คอยถามไถ่ความเป็นไปของแสงเทียนตั้งแต่แยกกัน จนมาเจอกันอีกครั้งตอนนี้ไม่ขาดปาก โดยมีผู้ร่วมฟังที่ดีคอยปรับสีหน้าใคร่รู้ตาม แม้อาหารจะมีอยู่เต็มปาก หากแต่เป็นภาพที่มองดูเป็นธรรมชาติไม่ไว้ตัวเหมือนผู้หญิงบางคนที่ชอบทำตัวเหนียม ชี้นิ้วกรีดกราย ยามอยู่ต่อหน้าคนที่ชอบ “แล้วนี่ไปเป็นหุ้นส่วนกันตอนไหน... แล้วทำเกี่ยวกับอะไรคะ” เมื่อหมดคำถามจากเพื่อนสาวที่แก่กว่า ก็หันมาถามหญิงสาวที่นั่งคู่กัน โดยเธอตกลงใจจะจับให้อยู่หมัด แม้ว่าเคยตกลงกันไว้ว่าระยะที่มีความสัมพันธ์กัน ไม่มีการผูกมัดใด ๆ เพราะที่คบกันก็ด้วยความพึงพอใจทั้งสองฝ่ายและข้อตกลงทั้งหมดนั้นใบข้าวเป็นคนตั้งขึ้นเอง โดยที่ธัญกรเองก็ไม่ขัดข้อง“...”ธัญกรอึ้งไป หากแต่ใบข้าวยิ้มหน้าระรื่นรอฟัง แม้รู้ว่าไม่ใช่สิ่งที่ควรถาม แต่สิทธิ์ของความคุ้นเคยและได้ใกล้ชิดมากกว่าสาวคนไหน ๆ เธอจึงมั่นใจว่าคำนี้ ไม่เป็นที่น่าเกลียดหากเธอจะถาม “อืม ก็ไม่นานนะ...ส่วนทำอะไรก็ต้องดูเอา” “ตอบแบบนี้ต้องมีโครงการใหม่มาอีกแน่ใช่ไหมคะ” ใบข้าวคาดเดาด้วยความมั่นใจ “ก็คงงั้นแหละ”ส่ว
“พูดผิดแล้ว ใบข้าวไม่ได้เบี่ยงแบน แต่มันคือความชอบที่ใบข้าวคิดว่ามั่นใจแล้ว” สายตาไม่อนาทรคู่ขาที่บังเอิญเกิดความสัมพันธ์ทางร่างกายกันขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ หากแต่ฝ่ายชายกลับยึดติดความสัมพันธ์ฉาบฉวยเอาไว้ไม่ยอมปล่อย “โกหก ใบข้าวไม่ได้ชอบแบบนี้” “จริง แค่ตอนนั้นใบข้าวยังไม่รู้ใจตัวเอง” ใบบ้าวเถียงกลับ ธามไทกระตุกยิ้ม “จะให้ทำอีกครั้งไหม จะได้รู้ว่าใบข้าวชอบแบบไหนกันแน่” “ไม่” แล้วเธอก็สะบัดตัวออกห่าง“อย่ามาทำเป็นรังเกียจ หรือจะให้ผมแสดงตัว” ธามไทไม่ได้ขู่ เพราะแม้ใบบัวจะอยู่ใกล้ผู้หญิงเหมือนกันตัวเองก็หวง “แสดงบ้าอะไร” เธอถามเสียงตื่น “ก็แสดงตัวว่า ใบข้าวเป็นของใคร!” ริมฝีปากบางยกยิ้ม พร้อมทำเสียงอย่างหยัน ๆ ในความคิดอีกฝ่าย“หึ... คิดว่าคนอื่นเขาไม่รู้หรือไง ทำซะออกนอกหน้าขนาดนี้” “รู้แล้วยังเล่นตัว ไม่รู้ใจตัวเองอยู่อีก” “ใบข้าวไม่ได้เล่นตัว แต่แค่เลือกแล้ว” “ที่ว่าเลือกแล้ว เลือกผู้หญิงน่ะเหรอ” “ใช่!” “เพราะ?” “เพราะ... พี่ธามก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ ระหว่างนักธุรกิจพันล้านกั
ธามไทกระหยิ่มอกพองโต เธอร้อนถูกใจเขาทุกอย่าง โดยไม่รอให้ผู้หญิงเป็นรุก จึงใช้ลิ้นร้อนชื้นสอดเข้าในโพรงปากอุ่นร้อน ดูดดุนดันควานหาความหอมหวานและร้อนแรงจากริมฝีปากตรงหน้าอย่างโหยหาและพึงพอใจ “พี่ธาม ...อืมม” เสียงครางต่ำจากคนใต้ร่าง ทำให้ชายชาตรีอย่างธามไทรู้เลยว่าคนที่เขาต้องการคือเธอตลอดไปนั้นพอใจแค่ไหนเอวเล็กเริ่มยกสูง ตอบโต้เป็นจังหวะแล้วส่ายไปมา สิ่งที่ต่อเชื่อมกันกดลึกแล้วดึงออก เรียกความกระสันเสียวได้ทุกจังหวะ มือหนาทำหน้าที่บดคลึงสองเต้ากลมที่ชูชันสู้ ก่อนจะเปลี่ยนจากมือเป็นปลายลิ้นของเขา มือหนาเปลี่ยนหน้าที่ใหม่ลากไล้วนเวียนที่ใต้สะดือและสะโพกมน บีบเคล้นอย่างเมามันจนเกิดรอยแดงทิ้งไว้ทุกที่ หากแต่ไม่เจ็บใจกลางตอดรัดแก่นกาย ธามไทเริ่มเร่งมือ กดย้ำจังหวะเอวให้เร็วขึ้น ขยับถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ขาเรียวต้องยกขึ้นรัดเอวสอบไว้ เป็นจังหวะดีสะโพกเนียนยกสูงขยับเข้าหาตามจังหวะตอบรับอย่างลงตัว“บะ ใบข้าว ไม่ไหวแล้วนะ...” ริมฝีปากเรียวบางครางบอกเสียงพร่าแล้วถูกกลืนหาย เมื่อริมฝีปากหนาไม่ปล่อยให้เรียวปากบางเป็นอิสระได้นานก็ก้มจูบดูดกลืนเสียงหวานหายลงลำคอทุกส่วนในร่างกายทำหน้าที่