บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงใส ๆ ของใบข้าวที่คอยถามไถ่ความเป็นไปของแสงเทียนตั้งแต่แยกกัน จนมาเจอกันอีกครั้งตอนนี้ไม่ขาดปาก โดยมีผู้ร่วมฟังที่ดีคอยปรับสีหน้าใคร่รู้ตาม แม้อาหารจะมีอยู่เต็มปาก หากแต่เป็นภาพที่มองดูเป็นธรรมชาติไม่ไว้ตัวเหมือนผู้หญิงบางคนที่ชอบทำตัวเหนียม ชี้นิ้วกรีดกราย ยามอยู่ต่อหน้าคนที่ชอบ “แล้วนี่ไปเป็นหุ้นส่วนกันตอนไหน... แล้วทำเกี่ยวกับอะไรคะ” เมื่อหมดคำถามจากเพื่อนสาวที่แก่กว่า ก็หันมาถามหญิงสาวที่นั่งคู่กัน โดยเธอตกลงใจจะจับให้อยู่หมัด แม้ว่าเคยตกลงกันไว้ว่าระยะที่มีความสัมพันธ์กัน ไม่มีการผูกมัดใด ๆ เพราะที่คบกันก็ด้วยความพึงพอใจทั้งสองฝ่ายและข้อตกลงทั้งหมดนั้นใบข้าวเป็นคนตั้งขึ้นเอง โดยที่ธัญกรเองก็ไม่ขัดข้อง“...”ธัญกรอึ้งไป หากแต่ใบข้าวยิ้มหน้าระรื่นรอฟัง แม้รู้ว่าไม่ใช่สิ่งที่ควรถาม แต่สิทธิ์ของความคุ้นเคยและได้ใกล้ชิดมากกว่าสาวคนไหน ๆ เธอจึงมั่นใจว่าคำนี้ ไม่เป็นที่น่าเกลียดหากเธอจะถาม “อืม ก็ไม่นานนะ...ส่วนทำอะไรก็ต้องดูเอา” “ตอบแบบนี้ต้องมีโครงการใหม่มาอีกแน่ใช่ไหมคะ” ใบข้าวคาดเดาด้วยความมั่นใจ “ก็คงงั้นแหละ”ส่ว
“พูดผิดแล้ว ใบข้าวไม่ได้เบี่ยงแบน แต่มันคือความชอบที่ใบข้าวคิดว่ามั่นใจแล้ว” สายตาไม่อนาทรคู่ขาที่บังเอิญเกิดความสัมพันธ์ทางร่างกายกันขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ หากแต่ฝ่ายชายกลับยึดติดความสัมพันธ์ฉาบฉวยเอาไว้ไม่ยอมปล่อย “โกหก ใบข้าวไม่ได้ชอบแบบนี้” “จริง แค่ตอนนั้นใบข้าวยังไม่รู้ใจตัวเอง” ใบบ้าวเถียงกลับ ธามไทกระตุกยิ้ม “จะให้ทำอีกครั้งไหม จะได้รู้ว่าใบข้าวชอบแบบไหนกันแน่” “ไม่” แล้วเธอก็สะบัดตัวออกห่าง“อย่ามาทำเป็นรังเกียจ หรือจะให้ผมแสดงตัว” ธามไทไม่ได้ขู่ เพราะแม้ใบบัวจะอยู่ใกล้ผู้หญิงเหมือนกันตัวเองก็หวง “แสดงบ้าอะไร” เธอถามเสียงตื่น “ก็แสดงตัวว่า ใบข้าวเป็นของใคร!” ริมฝีปากบางยกยิ้ม พร้อมทำเสียงอย่างหยัน ๆ ในความคิดอีกฝ่าย“หึ... คิดว่าคนอื่นเขาไม่รู้หรือไง ทำซะออกนอกหน้าขนาดนี้” “รู้แล้วยังเล่นตัว ไม่รู้ใจตัวเองอยู่อีก” “ใบข้าวไม่ได้เล่นตัว แต่แค่เลือกแล้ว” “ที่ว่าเลือกแล้ว เลือกผู้หญิงน่ะเหรอ” “ใช่!” “เพราะ?” “เพราะ... พี่ธามก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ ระหว่างนักธุรกิจพันล้านกั
ธามไทกระหยิ่มอกพองโต เธอร้อนถูกใจเขาทุกอย่าง โดยไม่รอให้ผู้หญิงเป็นรุก จึงใช้ลิ้นร้อนชื้นสอดเข้าในโพรงปากอุ่นร้อน ดูดดุนดันควานหาความหอมหวานและร้อนแรงจากริมฝีปากตรงหน้าอย่างโหยหาและพึงพอใจ “พี่ธาม ...อืมม” เสียงครางต่ำจากคนใต้ร่าง ทำให้ชายชาตรีอย่างธามไทรู้เลยว่าคนที่เขาต้องการคือเธอตลอดไปนั้นพอใจแค่ไหนเอวเล็กเริ่มยกสูง ตอบโต้เป็นจังหวะแล้วส่ายไปมา สิ่งที่ต่อเชื่อมกันกดลึกแล้วดึงออก เรียกความกระสันเสียวได้ทุกจังหวะ มือหนาทำหน้าที่บดคลึงสองเต้ากลมที่ชูชันสู้ ก่อนจะเปลี่ยนจากมือเป็นปลายลิ้นของเขา มือหนาเปลี่ยนหน้าที่ใหม่ลากไล้วนเวียนที่ใต้สะดือและสะโพกมน บีบเคล้นอย่างเมามันจนเกิดรอยแดงทิ้งไว้ทุกที่ หากแต่ไม่เจ็บใจกลางตอดรัดแก่นกาย ธามไทเริ่มเร่งมือ กดย้ำจังหวะเอวให้เร็วขึ้น ขยับถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ขาเรียวต้องยกขึ้นรัดเอวสอบไว้ เป็นจังหวะดีสะโพกเนียนยกสูงขยับเข้าหาตามจังหวะตอบรับอย่างลงตัว“บะ ใบข้าว ไม่ไหวแล้วนะ...” ริมฝีปากเรียวบางครางบอกเสียงพร่าแล้วถูกกลืนหาย เมื่อริมฝีปากหนาไม่ปล่อยให้เรียวปากบางเป็นอิสระได้นานก็ก้มจูบดูดกลืนเสียงหวานหายลงลำคอทุกส่วนในร่างกายทำหน้าที่
ก็เมื่อเธอเป็นคนลงลายเซ็นยินยอมนั้นเอง...“หรือคุณอยากให้มีการยกเลิก ก็ทำให้ได้นะ... แค่ยกมือถือแล้วโทรออกไป” คนเจ้าเล่ห์ หยั่งเชิงดู“ยกเลิก อะไร”แสงเทียนถามเสียงรน เพราะกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เธอต้องเสียความรู้สึกไปมากเท่าไหร่ แล้วเมื่อเธอกล้าข้ามผ่านจุดนั้นมาแล้ว ก็จะไม่ถอยหลังเด็ดขาด!“อ้าว สัญญาของเราทุกข้อไง”“...” แสงเทียนจ้องหน้าคนชอบขู่ รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ “ไม่ได้บอกยกเลิกนะ แต่แค่บอกว่าไม่พร้อม ขอเวลาหน่อยสิ” เธอเอ่ยเสียงเบา คล้ายคนบ่นอยู่กับตัวเอง“คุณว่าอะไรนะ… ได้ยินไม่ถนัด” ธัญกรถามพร้อมกับเอียงศีรษะเพื่อไปฟังประโยคนั้นใหม่แสงเทียนกำหมัดแน่น รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจแกล้ง “ก็ไม่ได้บอกจะให้ยกเลิกสัญญาไง”“งั้นก็ไม่มีข้ออ้างเนอะ” ธัญกรสรุป“คึ คือเทียน เอ่อไม่เคย...” น้ำเสียงขาดห้วง กระดากปาก เมื่อเธอจินตนาการไปด้วย ประสบการณ์ไม่มี อาจทำให้เขาหงุดหงิด ก็ดูเอาแต่ใจสะขนาดนั้น“ไม่น่าเชื่อ...” ธัญกรทำท่าแปลกใจ“แต่ไม่เป็นไร ครูดีไม่ต้องกลัว”“...เอ่อ” พูดไปก็มีแต่เสีย แสงเทียนจึงเก็บคำพูดไว้ค่างคนต่างเงียบ ไม่มีใครยอมอ่อนให้ ธัญกรเลยเปลี่ยนเรื่อง“โทรหาพ่อคุณสิ ป่านนี้คงเปิดแชมเป
แสงเทียนอยากลบภาพมาดนักธุรกิจก่อนหน้านี้ของธัญกรให้ออกจากสมองให้หมดเสียเดี๋ยวนั้น เพราะคนตรงหน้าตอนนี้เกือบกลายเป็นคนละคน ใจดีหัวหมอหน้ามึนหรือหื่นกระหายกันแน่! “ขอกลับบ้านไปเตรียมเสื้อผ้าก่อนได้ไหมคะ”แสงเทียนพยายามไม่ใส่อารมณ์ ทั้งที่สายตานั่นเกือบปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธออยู่ร่อมร่อ แล้วแบบนี้จะให้อยู่ใกล้ ด้วยความอุ่นใจได้ไง... เหมือนธัญกรจะอ่านความคิดแสงเทียนออก เธอจึงเดินเข้ามาใกล้ มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าใหม่ แล้วหยุดสายตาอยู่ตรงหน้าอกอวบตึง เพื่อแกล้งคนเรื่องมากใบหน้าหวานร้อนผะผ่าวเมื่อโดนสายตาอีกฝ่ายจ้องมาอย่างเปิดเผย หากแต่ไม่กล้าต่อว่า“เดือดร้อนอะไรหนักหนาคะ ก็บอกอยู่ว่าเลือกเอาไปใส่ได้เลย” เธอทำเสียงแข็งใส่แสงเทียนหน้ายู่ จิกตาค้อนขวับ หากแต่จะโวยวายก็ไร้ประโยชน์ “ก็เสื้อผ้าใส่ได้อยู่ค่ะ...แต่ชุด...” แล้วมองไปตรงจุดหนึ่งในร่างกาย ธัญกรหัวเราะพรืด “ใส่กันได้อยู่นะ” ธัญกรบอกโดยไม่มีอาการเคอะเขิน แสงเทียนหน้าซีดแล้วซีดอีก ชุดชั้นในเนี่ยนะ!“ของมีพร้อมอยู่แล้ว ด้านขวาลิ้นชักยังไม่ได้ใช้ เลือกเอาไปได้เลย แล้วรีบไปเตรียมกระเป๋าเถอะ ก่อนที่ฉัน
“หนูต้องเดินทางแล้วนะคะ”“จ้า ตั้งใจทำงานนะลูกนะ แล้วแม่จะบอกพ่อให้” เสียงแหลมเอ่ยบอกแล้วกดวางสายไปด้วยความรีบร้อนแสงเทียนมองเครื่องมือสื่อสารค้างไว้ ขอบตาร้อนผ่าวน้ำตาปลื้มปริ่ม“เรียบร้อยยัง” เจ้าของรถคันใหม่เอี่ยมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มเลื่อนลอย โดยมีทีท่าไม่สนใจเธอที่ยืนรออยู่ คนต้องปลุกจากความคิดแสงเทียนสะดุ้งมองธัญกรตาปริบ ๆ เมื่อนึกขึ้นได้“เอา ยังมองหน้าอีก ไป๊ ไปกันได้แล้วจะได้ไม่ค่ำ”แสงเทียนรีบเดินไปหาและนั่งลงในที่ของตัวเอง“คุณธัญแน่ใจหรือคะ ว่าไม่ต้องการเอาเลขาส่วนตัวจริง ๆ”เมื่อรถเคลื่อนตัวบนถนนสายหลักและความเร็วคงที่ เสียงหวานขื่น ๆ ก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงธัญกรหันมองหน้าหญิงสาวแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปมองถนนและเอ่ยขึ้น“ทำงานมานาน เป็นนายตัวเองมาก็หลายปี เลขาไม่สำคัญต้องตามติดเจ้านายไปทุกที่ เลขาก็แค่ทำงานที่มอบหมายให้สำเร็จลุล่วงตามคำสั่งก็เพียงพอ เพราะคนพวกนั้นไม่สำคัญเท่าผู้หญิงที่ต้องพกติดไปไหนทุกครั้งหรอก”“...” อย่างเช่นตอนนี้ใช่ไหม ‘ผู้หญิงที่เธอต้องพกติดตัว’ข้างกายของธัญกรไม่เคยขาดผู้หญิงสินะ แล้วเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกเลือกใช่ไหม... เธออยากจะตบปา
ธัญกรจึงก้มหยิบกระเป๋าและเอกสารบางอย่างที่เอาติดตัวมาด้วยเข้าที่พักไปเงียบ ๆเมื่อคนทำให้ใจเธอสั่นไหวเดินจากไปแล้ว บรรยากาศที่กลมกลืนกับธรรมชาติสไตล์ป่าเขาและลำธาร ไม่อาจทำให้ใจของเธอเพลิดเพลินหรือสงบลงได้ หากแต่ทนยืนมองอยู่อย่างนั้น ในใจก็ก่นด่าคนบ้านพักไปอีกหลายครั้ง“คนเอาแต่ใจ ไม่คิดสอบถามความสมัครใจหรือเห็นด้วยเลยหรือไร” เธอหันไปค้อนคนในบ้านพักตาคว่ำ เจ็บจี๊ดในใจเหมือนโดนมีดกรีดเป็นร่องลึก ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ที่เสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทองตั้งแต่จำความได้ มาบัดนี้ต้องมาขายร่างกายเพื่อทดแทนบุญคุณบุพการี เรื่องแบบนี้ใครกล้ายกย่องให้ตัวเองสูงส่งได้ล่ะ หากไม่ใช่ความรู้สึกอับอายขายหน้าจนอยากมุดผืนแผ่นดินหนีหายไปจากโลกนี้ให้รู้แล้วรู้รอด!เฮ้อ! คิดแล้วถอนหายใจหันหลังให้กับทิวทัศน์สวยงามตรงหน้า“อุ๊ย!/ เอ๊ย!” ร่างบางเซเสียหลัก และด้วยสัญชาตญาณมือของเธอก็คว้าสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวติดมือไปด้วย นั่นก็คือร่างบางที่เดินพรวดพลาดเข้ามาจนเป็นเหตุให้ชนกันเอง“ขะ ขอโทษค่ะ...” แสงเทียนรีบบอกรีบดันตัวเองออกห่าง แต่อีกฝ่ายยังกอดรัดไว้แน่น “แล้วนี่เดินเข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียงกันเลย” เธอต
แสงเทียนเดินตรงไปยังกระเป๋าเสื้อผ้าที่วางอยู่บนเตียง แล้วจัดการรื้อกระเป๋าที่ถูกรื้อไปแล้ว จัดการนำเสื้อผ้าแขวนเข้าตู้ที่ทางเจ้าของรีสอร์ทมีไว้ให้ โดยไม่สนใจเจ้าของสายตาที่นั่งกอดอกทอดมองการกระทำของเธออยู่เงียบ ๆ...อยากมองก็มองไป เธออดแหวะไม่ได้ ธัญกรเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรให้สนใจแล้ว จึงเดินออกจากห้องพักไป ในขณะที่แสงเทียนถอนหายใจออกมาดังพรืด! ตอนนี้เธอรู้สึกโล่ง รีบหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวขนาดฟรีไซส์กับกางเกงขาสั้นตัวหลวมสีหวานที่เธอเป็นคนจัดมาเองกับมือเข้าห้องน้ำไปด้วย โดยไม่ลืมคว้าผ้าขนหนูที่ทาง รีสอร์ทเตรียมไว้ให้ติดมือเข้าไปด้วยเช่นกัน ไม่ถึงสิบห้านาทีก็ออกจากห้องน้ำพร้อมกับชุดใหม่ แล้วกลิ่นฉุนของอาหารก็ลอยแตะจมูก เธอจึงหันไปมองโต๊ะด้านซ้ายที่เธอสังเกตเห็นไว้ก่อนหน้านี้ และเห็นว่าไม่ใช่เพียงแค่อาหารที่วางอยู่ตรงจุดนั้น แต่ธัญกรก็นั่งหน้าเป็นรออยู่แล้วเช่นกัน“อาบน้ำไวดีนี่ ไม่รู้จะสะอาดดีหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยแว่วลอยมาเหมือนเพ้อรำพันอยู่คนเดียว ซึ่งเธอไม่ได้จงใจเอ่ยถามหรือต้องการคำตอบจากคนร่วมห้อง โดยสายตาเหล่มองไปทิศอื่นแสงเทียนกำมือเข้าหากันจนเล็บบาง ๆ ฝังลึกไปใต้ผิวหนั