เคซีย์มองจิเหยียนโจวที่คุกเข่าลงตรงหน้าป้ายหลุมศพ สีหน้าเต็มไปด้วยความสำนึกผิด มุมปากก็ยกขึ้นยิ่มสง่า"เหยียนโจว เมื่อกี้ฉันพูดว่าชีวิตนี้ของนาย ต้องพ่ายแพ้ให้กับปากของตัวเอง นายยังไม่ยอมแพ้ ตอนนี้ยอมแล้วหรอ?"ถ้าไม่ใช่เพราะจิเหยียนโจวปากไม่ตรงกับใจ คิดว่าตัวเองนั้นแน่ว่าใครๆ จะเพิ่งมารู้ว่ากั่วกัวเป็นลูกสาวของเขาเอาป่านนี้หรอ?จิเหยียนโจวใช้อำนาจในฐานะคุณชายของตระกูลจิ วางท่าประหนึ่งตัวเองเป็นเทพเจ้า อยู่เหนือคนอื่น ทำเหมือนกับโลกทั้งใบนี้เป็นของเขาเคซีย์ที่ถูกขังไวในกรงตอนนั้น ก็คิดอยู่เหมือนกันนะ ทั้งที่เขาต่างหากที่เป็นลูกชายคนโตของตระกูลจิ ทำไมเขาถึงถูกขังเอาไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน ในขณะที่จิเหยียนโจวกลับเฉิดฉาย เหมือนดวงดาวที่ถูกห้อมล้อมเอาไว้ด้วยผู้คน หรือเพราะว่าแม่ของเขาเป็นหญิงโสเภณี?เคซีย์ในตอนเด็กไม่เข้าใจ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจเขาคิดว่าความผิดทั้งหมด มันเกิดจากที่จิเหยียนโจวเกิดขึ้นมา และแย่งทุกอย่างที่ควรเป็นของเขาไปถ้าไม่ใช่เพราะจิเหยียนโจว เขาจะถูกไล่ออกจากตระกูลจิ แล้วกลายเป็นคนเร่ร่อนได้ยังไง?เขายังจำได้ว่า สมัยตอนที่ยังเป็นคนเร่ร่อน เขาเกือบถูกตีจนตา
เฮลิคอปเตอร์จอดลงหน้าวิลล่าแห่งหนึ่ง เคซีย์สั่งให้จับจิเหยียนโจวโยนเข้าไปในห้องใต้ดินห้องใต้ดินที่มืดสลัวและอับชื้น ไม่มีแสงใดส่องเข้ามาถึง และไม่มีสัญญาณโทรศัพท์จิเหยียนโจวที่มีโอกาสหนีหลายครั้ง ครั้งนี้ดูเหมือนเขาจะทิ้งความหวังที่จะมีชีวิต และเลือกที่จะเงียบจอร์จที่ถูกมัดมือมัดเท้าแล้วโยนเข้าห้องใต้ดิน เห็นจิเหยียนโจวที่นอนขดตัวอยู่บนพื้น ดวงตาก็แดงก่ำ"จิ..."เมื่อได้ยินเสียงของจอร์จ จิเหยียนโจวที่ไร้การตอบสนองมาโดยตลอด ก็ค่อยๆช้อนดวงตาที่ล้ำลึกขึ้นมองใบหน้าซีดของจอร์จ"ทำไม?"ทำไมถึงเอาผลตรวจปลอมมาหลอกเขา?เขาเชื่อใจจอร์จมากมายขนาดนั้น ทำไมต้องหลอกเขาแบบนี้?จอร์จที่ได้รู้ผลการตรวจแล้ว เห็นจิเหยียนโจวมองมาที่ตัวเองด้วยสายตาที่ผิดหวัง ก็รีบส่ายหน้า"จิ ฉันไม่ได้ปลอมแปลงผลตรวจ ฉันไม่ได้หลอกนาย!""นายเป็นคนเก็บเลือดไป นายเป็นคนทำการทดสอบด้วยตัวเอง จะมาบอกว่าไม่ได้หลอกฉัน?!"ชูยีอธิบายกับเขาหลายครั้ง ว่ากั่วกัวเป็นลูกของเขา เขาก็ย่อมไปตรวจอยู่แล้วแต่ผลที่ออกมากลับไม่ใช่!เขาไม่เคยนึกสงสัยรายงานผลตรวจเลย!เพราะนั่นเป็นการตรวจของจอร์จ เป็นเพื่อนคนเดียวของเขากับชูยีที่ไ
"กั่วกัวชอบอาแปลกของหนูมากเลย?""อื้อ"กั่วกัวพยักหน้าแรงๆโดยไม่ลังเลเคซีย์ยกมือขึ้นลูบปลายจมูกของกั่วกัว"ชอบก็ดีแล้ว"เคซีย์ปล่อยกั่วกัวลง แล้วพูดกับเธอว่า "กั่วกัวกับลุงบอดี้การ์ดไปเรียกคุณหมอมานะ"กั่วกัวได้ยินว่าปะปี๊จะให้ตัวเองไปเรียกคุณหมอมา ก็รีบขยับขาป้อมๆของเธอ วิ่งออกไปด้วยความดีใจจิเหยียนโจวจ้องแผ่นหลังที่วิ่งไปไกลของกั่วกัว หัวใจที่โหวงๆ ก็ค่อยๆผ่อนคลายลงทว่าเคซีย์กลับเดินมาตรงหน้าเขา ยืนอยู่เหนือกว่า และทำลายความหวังของเขาลง"นายคิดว่าฉันตั้งใจปล่อยกั่วกัว เพราะไม่อยากให้เธอเห็นเลือดสินะ?"เคซีย์ยกรองเท้าหนังขึ้น เหยียบลงบนบาดแผลของจิเหยียนโจว แล้วโน้มตัวลง"เหยียนโจว พอดูคลิปจบแล้ว ฉันค่อยพาแกกับกั่วกัวไปเล่นเกมเสี่ยงตายกัน"วิธีการของเคซีย์ จิเหยียนโจวเคยเห็นมาแล้ว แต่เขาไม่อยากให้กั่วกัวต้องพบเจอกับเรื่องแบบนี้ถึงยังไงซะกั่วกัวก็เรียกเคซีย์ว่าปะปี๊มาเกือบหกปี คิดว่าเคซีย์เป็นพ่อแท้ๆของตัวเองอย่างแท้จริงถ้าทำลายความเชื่อมั่นที่กั่วกัวมีต่อพ่อ เพราะความแค้นที่มีต่อเขาล่ะก็จิตใจในวัยเด็กของกั่วกัวไม่มีทางทนรับไหวแน่เขายอมให้กั่วกัวไม่เรียกเขาว่าพ่อ
ชูยีสวมชุดกระโปรงสีแดง นั่งอู่บนเก้าอี้โยกที่ระเบียง ลมอ่อนๆพัดเข้ามาพาเอาผมประบ่าของเธอพริ้วไสวใต้ท้องฟ้าสดใสเมฆสีขาว แสงอาทิตย์ส่องผ่านกิ่งไม้ สาดลงบนใบหน้าของเธอ ทำให้เธอดูสงบและงดงาม...ตอนเริ่มคลิป เธอไม่ได้พูดอะไร แค่มองกล้องอยู่เงียบๆราวกับมองเห็นคนที่เธอรักผ่านกล้อง ทำให้เธอรู้สึกตื้นเต้น ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสับสนหลังจากที่เธอมองนิ่งๆอยู่สักพัก มุมปากที่อ่อนโยนก็ยกขึ้นช้าๆ เผยรอยยิ้มที่สง่างามและผ่าเผย..."เหยียนโจว"เธอเอ่ยปากเรียกชื่อของเขา เสียงที่สั่นเรือราวกับเต็มไปด้วยความอาลัยจิเหยียนโจวเห็นเธอเรียกตัวเอง น้ำตาที่กลั้นเอาไว้มาตลอด จู่ๆก็ไหลลงมาชูยี เป็นชูยีของเขา เป็นชูยีที่หายไปจากโลกนี้และไม่มีวันกลับมา...ชูยีในหน้าจอ หลังจากเรียกชื่อของเขา ดวงตาก็ค่อยๆแดงก่ำ ทว่ายังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้ เธอมองกล้องยิ้มๆ"ฉันไม่รู้ว่าคลิปนี้ คุณจะได้เห็นมันหรือเปล่า แต่ฉันก็ยังอยากอธิบายกับคุณอีกครั้ง ก่อนที่จะจากไป""เหยียนโจว ที่ฉันตอบตกลงแต่งงานกับเคซีย์ ไม่ใช่เพราะว่ารักเขา แต่เป็นเพราะถ้าฉันไม่ตอบตกลง เขาจะไม่ช่วยฉัน...""คนที่คุณขับรถชน เป็นพี่ชายของเคซีย์""แล
ตอนนั้น เขาก็ถูกมัดไว้กับเก้าอี้ ได้แต่มองดูผ่านหน้าต่างสูงจรดพื้น โดยที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง!จิเหยียนโจวรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะเป็นบ้าไปแล้ว เขาพยายามขัดขืนจากการถูกมัดอย่างบ้าคลั่ง ทว่าไม่ว่ายังไงก็ดิ้นออกจากโซ่ที่ตรวนไว้ไม่หลุด!เขาจึงได้แต่ทิ้งร่างลงกับพนักเก้าอี้อย่างสิ้นหวัง ดวงตาแดงก่ำคู่นั้นจ้องชูยีที่กำลังร้องไห้จนเสียศูนย์เช่นเดียวกันผ่านหน้าจอ"เหยียนโจว ระหว่างฉันกับคุณ มีแต่ฉันที่เป็นฝ่ายไล่ตามคุณมาตลอด""ตั้งแต่อายุสิบสี่ ที่ฉันเริ่มชอบคุณ ฉันก็เอาแต่ตามตื๊อคุณไม่หยุด การกระทำของฉัน คงจะทำให้คุณทุกข์ใจมากสินะ""ตอนนี้ ฉันเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง คงจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว หลังจากที่ฉันจากไป ก็จะไม่มีใครตามตอแยคุณอีก...""ถ้าหาก ฉันก็แค่บอกว่าถ้าน่ะนะ ถ้าคุณยังนึกถึงฉันบ้าง ก็มาหาฉันที่หน้าหลุมฝังศพได้"ชูยีก้มหน้าลงมองไปยังมือที่กล้ามเนื้อฝ่อจนกลายเป็นสีเหลือง ยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างโล่งอก"ฉันจำได้ว่า ครั้งแรกที่ได้จับมือคุณ ฉันก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อนนะ""ตอนนั้น ฉันนึกว่าคุณจะสะบัดฉันออกซะอีก แต่คุณไม่ได้ทำ ฉันถึงได้กล้าที่จะไล่ตามคุณ...""ฉันน่าจะรับวัฒนธรรมของฝรั่งมา
คลิปที่ชูยีทิ้งเอาไว้ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้กล่าวโทษเขาเลยสักคำ เอาแต่ขอโทษเขาไม่หยุดระหว่างเขาและเธอ เขาอยู่สูงส่งเสมอ ส่วนเธอนั้นได้แต่ร้องขอความรักเพียงน้อยนิดด้วยความต่ำต้อยจิเหยียนโจวนึกถึงตอนที่เจอชูยีครั้งแรก เขานั่งอยู่ในรถ ลดหน้าต่างลงครึ่งนึง ทอดสายตาลงมองชูยีกับเคซีย์ที่ถูกกลุ่มคนจรจัดล้อมเอาไว้ด้วยความเรียบเฉยตอนนั้น รถจอดอยู่ข้างทาง กำลังรอสัญญาณไฟจราจร เขาที่รู้สึกเบื่อๆ ก็แค่ปรายตาไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็เห็นเข้ากับชูยีที่เอาแขนกอดศีรษะไว้ นั่งยองลงกับพื้น ขดตัวแน่นท่ามกลางกลุ่มคนสกปรกพวกนั้นจังหวะที่เขาเห็นเธอเงยหน้าขึ้นมามองเขา ในแววตาเปร่งประกายแสงสะอาดบริสุทธิ์ ความสะอาดบริสุทธิ์นั้นไม่คู่ควรที่จะมาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สกปรกและมั่วสุมแบบนั้น เขาเกิดความคิดขึ้นมา จากนั้นก็ตะโกนออกไปว่าให้หยุดเขาในตอนนั้น ยังไม่รู้ว่าเคซีย์ที่คอยปกป้องอยู่ข้างกายชูยี ก็คือลูกชายนอกสมรสของตระกูลจิ เป็นพี่ชายต่างแม่ ถ้าหากว่าเขารู้ว่าเคซีย์อยู่กับชูยี งั้นเขาก็คงไม่มีทางส่งเสียชูยีเขาเคยได้ยินชูยีบอกว่า นับตั้งแต่ที่เขาส่งเสียเธอ เธอมักจะแอบเฝ้ารออยู่หน้าประตูบ้านตระกูลจิหลังเลิ
ครั้งเดียวที่เขาเป็นฝ่ายรุกก่อน ก็คือตอนที่เห็นเคซีย์พาพี่น้องในราชวงศ์มาตามจีบชูยีอย่างบ้าคลั่ง ทั้งยังลากชูยีออกจากสนามฟุตบอลไปด้วยทั้งคู่วิ่งรับแสงในช่วงพระอาทิตย์ตกอยู่บนสนามฟุตบอล คนที่อยู่รอบๆต่างก็ส่งเสียงเชียร์พวกเขา ราวกับกำลังแสดงหนังรักแห่งยุคอะไรเทือกนั้น...จิเหยียนโจวยัดมือข้างนึงลงกระเป๋ากางเกง แล้วแค่นเสียงเย็นอย่างไม่แยแส เขาคิดว่าชูยีไม่มีทางตอบตกลงเคซีย์ จึงไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อยกระทั่งจอร์จบอกเขาว่าชูยีไม่ได้กลับบ้านเลยตอนนั้นเพื่อให้สะดวกกับการวาดรูป ชูยีจึงไปเช่าห้องที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย เป็นห้องเช่าที่เป็นของจอร์จจิเหยียนโจวกลัวว่าชูยีอยู่คนเดียวจะไม่ปลอดภัย จึงให้จอร์จที่อาศัยอยู่ข้างห้องไปคอยเยี่ยมชูยีบ่อยๆครั้งนี้จอร์จลับมาพอดี เห็นว่าในห้องของชูยีไม่เปิดไฟเลย จึงโทรไปหาจิเหยียนโจวจิเหยียนโจวได้ยินว่าชูยีไม่ได้กลับบ้าน มือที่กำลังจับพู่กันอยู่ก็ชะงักไปสิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัว ดันเป็นภาพที่ชูยีเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มเคซีย์เขาคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นบ้าไปแล้ว ชูยีชอบแค่เขา จะไปจุ๊บเคซีย์ได้ยังไงเขาปลอบใจตัวเองว่า เป็นไปไม่ได้!แต่เขาที่ยิ่งค
เขารู้สึกว่าท่าทางของเธอที่ไม่พูดอะไรแบบนี้ เย้ายวนมากกว่าเมื่อกี้นี้ซะอีก อยู่ๆก็รู้สึกอยากลิ้มรสชาติของเธอให้ดูดดื่มกว่านี้อย่างห้ามใจไม่อยู่ท่าทางของชูยีในตอนนั้น ฝังลึกอยู่ในสมองของจิเหยียนโจว ทุกครั้งที่นึกถึง เขามักจะอดยิ้มออกมาไม่ได้เธอเบิกตาโพล่ง มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาใสบริสุทธิ์คู่นั้น เริ่มจากความประหลาดใจ กลายเป็นตกใจ และเปลี่ยนเป็นความยินดี ทั้งหมดนั้นเป็นเวลาหนึ่งนาทีเต็มๆสุดท้ายตอนที่เขาปล่อยเธอออก เธอเงยหน้าขึ้น กอดคอเขาด้วยสีหน้าเบิกบาน แล้วถามด้วยรอยยิ้มเขินอาย"เหยียนโจว ถ้าเทียบกับเป้ยซือแล้ว คุณชอบฉันมากกว่าสินะ?"จิเหยียนโจวไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่จับคางของเธอไว้ เลิกคิ้วขึ้น "ถ้ายังพูดมากอีก ฉันก็จะจูบเธออีก"ทว่าชูยีกลับเขย่งปลายเท้าขึ้น ขยับเข้าไปใกล้ใบหูของเขาอย่างไม่เคอะเขิน แล้วพูดกับเขาว่า "เหยียนโจว ฉันชอบให้คุณจูบฉัน"ลมหายใจอุ่นๆ รินรดลงที่ใบหู ทำให้จิเหยียนโจวหันข้างมาในแววตากับมุมปากกลับถูกปกคลุมด้วยรอยยิ้ม เพราะประโยคเดียวของเธอคืนนั้นเอง ไม่รู้ว่าใครเป็นคนผลักใครลง แต่เอาเป็นว่าพวกเขาก็คบกันไปโดยปริยายก่อนที่จะเปิดประสบการณ์รั