"กั่วกัวชอบอาแปลกของหนูมากเลย?""อื้อ"กั่วกัวพยักหน้าแรงๆโดยไม่ลังเลเคซีย์ยกมือขึ้นลูบปลายจมูกของกั่วกัว"ชอบก็ดีแล้ว"เคซีย์ปล่อยกั่วกัวลง แล้วพูดกับเธอว่า "กั่วกัวกับลุงบอดี้การ์ดไปเรียกคุณหมอมานะ"กั่วกัวได้ยินว่าปะปี๊จะให้ตัวเองไปเรียกคุณหมอมา ก็รีบขยับขาป้อมๆของเธอ วิ่งออกไปด้วยความดีใจจิเหยียนโจวจ้องแผ่นหลังที่วิ่งไปไกลของกั่วกัว หัวใจที่โหวงๆ ก็ค่อยๆผ่อนคลายลงทว่าเคซีย์กลับเดินมาตรงหน้าเขา ยืนอยู่เหนือกว่า และทำลายความหวังของเขาลง"นายคิดว่าฉันตั้งใจปล่อยกั่วกัว เพราะไม่อยากให้เธอเห็นเลือดสินะ?"เคซีย์ยกรองเท้าหนังขึ้น เหยียบลงบนบาดแผลของจิเหยียนโจว แล้วโน้มตัวลง"เหยียนโจว พอดูคลิปจบแล้ว ฉันค่อยพาแกกับกั่วกัวไปเล่นเกมเสี่ยงตายกัน"วิธีการของเคซีย์ จิเหยียนโจวเคยเห็นมาแล้ว แต่เขาไม่อยากให้กั่วกัวต้องพบเจอกับเรื่องแบบนี้ถึงยังไงซะกั่วกัวก็เรียกเคซีย์ว่าปะปี๊มาเกือบหกปี คิดว่าเคซีย์เป็นพ่อแท้ๆของตัวเองอย่างแท้จริงถ้าทำลายความเชื่อมั่นที่กั่วกัวมีต่อพ่อ เพราะความแค้นที่มีต่อเขาล่ะก็จิตใจในวัยเด็กของกั่วกัวไม่มีทางทนรับไหวแน่เขายอมให้กั่วกัวไม่เรียกเขาว่าพ่อ
ชูยีสวมชุดกระโปรงสีแดง นั่งอู่บนเก้าอี้โยกที่ระเบียง ลมอ่อนๆพัดเข้ามาพาเอาผมประบ่าของเธอพริ้วไสวใต้ท้องฟ้าสดใสเมฆสีขาว แสงอาทิตย์ส่องผ่านกิ่งไม้ สาดลงบนใบหน้าของเธอ ทำให้เธอดูสงบและงดงาม...ตอนเริ่มคลิป เธอไม่ได้พูดอะไร แค่มองกล้องอยู่เงียบๆราวกับมองเห็นคนที่เธอรักผ่านกล้อง ทำให้เธอรู้สึกตื้นเต้น ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสับสนหลังจากที่เธอมองนิ่งๆอยู่สักพัก มุมปากที่อ่อนโยนก็ยกขึ้นช้าๆ เผยรอยยิ้มที่สง่างามและผ่าเผย..."เหยียนโจว"เธอเอ่ยปากเรียกชื่อของเขา เสียงที่สั่นเรือราวกับเต็มไปด้วยความอาลัยจิเหยียนโจวเห็นเธอเรียกตัวเอง น้ำตาที่กลั้นเอาไว้มาตลอด จู่ๆก็ไหลลงมาชูยี เป็นชูยีของเขา เป็นชูยีที่หายไปจากโลกนี้และไม่มีวันกลับมา...ชูยีในหน้าจอ หลังจากเรียกชื่อของเขา ดวงตาก็ค่อยๆแดงก่ำ ทว่ายังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้ เธอมองกล้องยิ้มๆ"ฉันไม่รู้ว่าคลิปนี้ คุณจะได้เห็นมันหรือเปล่า แต่ฉันก็ยังอยากอธิบายกับคุณอีกครั้ง ก่อนที่จะจากไป""เหยียนโจว ที่ฉันตอบตกลงแต่งงานกับเคซีย์ ไม่ใช่เพราะว่ารักเขา แต่เป็นเพราะถ้าฉันไม่ตอบตกลง เขาจะไม่ช่วยฉัน...""คนที่คุณขับรถชน เป็นพี่ชายของเคซีย์""แล
ตอนนั้น เขาก็ถูกมัดไว้กับเก้าอี้ ได้แต่มองดูผ่านหน้าต่างสูงจรดพื้น โดยที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง!จิเหยียนโจวรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะเป็นบ้าไปแล้ว เขาพยายามขัดขืนจากการถูกมัดอย่างบ้าคลั่ง ทว่าไม่ว่ายังไงก็ดิ้นออกจากโซ่ที่ตรวนไว้ไม่หลุด!เขาจึงได้แต่ทิ้งร่างลงกับพนักเก้าอี้อย่างสิ้นหวัง ดวงตาแดงก่ำคู่นั้นจ้องชูยีที่กำลังร้องไห้จนเสียศูนย์เช่นเดียวกันผ่านหน้าจอ"เหยียนโจว ระหว่างฉันกับคุณ มีแต่ฉันที่เป็นฝ่ายไล่ตามคุณมาตลอด""ตั้งแต่อายุสิบสี่ ที่ฉันเริ่มชอบคุณ ฉันก็เอาแต่ตามตื๊อคุณไม่หยุด การกระทำของฉัน คงจะทำให้คุณทุกข์ใจมากสินะ""ตอนนี้ ฉันเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง คงจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว หลังจากที่ฉันจากไป ก็จะไม่มีใครตามตอแยคุณอีก...""ถ้าหาก ฉันก็แค่บอกว่าถ้าน่ะนะ ถ้าคุณยังนึกถึงฉันบ้าง ก็มาหาฉันที่หน้าหลุมฝังศพได้"ชูยีก้มหน้าลงมองไปยังมือที่กล้ามเนื้อฝ่อจนกลายเป็นสีเหลือง ยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างโล่งอก"ฉันจำได้ว่า ครั้งแรกที่ได้จับมือคุณ ฉันก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อนนะ""ตอนนั้น ฉันนึกว่าคุณจะสะบัดฉันออกซะอีก แต่คุณไม่ได้ทำ ฉันถึงได้กล้าที่จะไล่ตามคุณ...""ฉันน่าจะรับวัฒนธรรมของฝรั่งมา
คลิปที่ชูยีทิ้งเอาไว้ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้กล่าวโทษเขาเลยสักคำ เอาแต่ขอโทษเขาไม่หยุดระหว่างเขาและเธอ เขาอยู่สูงส่งเสมอ ส่วนเธอนั้นได้แต่ร้องขอความรักเพียงน้อยนิดด้วยความต่ำต้อยจิเหยียนโจวนึกถึงตอนที่เจอชูยีครั้งแรก เขานั่งอยู่ในรถ ลดหน้าต่างลงครึ่งนึง ทอดสายตาลงมองชูยีกับเคซีย์ที่ถูกกลุ่มคนจรจัดล้อมเอาไว้ด้วยความเรียบเฉยตอนนั้น รถจอดอยู่ข้างทาง กำลังรอสัญญาณไฟจราจร เขาที่รู้สึกเบื่อๆ ก็แค่ปรายตาไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็เห็นเข้ากับชูยีที่เอาแขนกอดศีรษะไว้ นั่งยองลงกับพื้น ขดตัวแน่นท่ามกลางกลุ่มคนสกปรกพวกนั้นจังหวะที่เขาเห็นเธอเงยหน้าขึ้นมามองเขา ในแววตาเปร่งประกายแสงสะอาดบริสุทธิ์ ความสะอาดบริสุทธิ์นั้นไม่คู่ควรที่จะมาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สกปรกและมั่วสุมแบบนั้น เขาเกิดความคิดขึ้นมา จากนั้นก็ตะโกนออกไปว่าให้หยุดเขาในตอนนั้น ยังไม่รู้ว่าเคซีย์ที่คอยปกป้องอยู่ข้างกายชูยี ก็คือลูกชายนอกสมรสของตระกูลจิ เป็นพี่ชายต่างแม่ ถ้าหากว่าเขารู้ว่าเคซีย์อยู่กับชูยี งั้นเขาก็คงไม่มีทางส่งเสียชูยีเขาเคยได้ยินชูยีบอกว่า นับตั้งแต่ที่เขาส่งเสียเธอ เธอมักจะแอบเฝ้ารออยู่หน้าประตูบ้านตระกูลจิหลังเลิ
ครั้งเดียวที่เขาเป็นฝ่ายรุกก่อน ก็คือตอนที่เห็นเคซีย์พาพี่น้องในราชวงศ์มาตามจีบชูยีอย่างบ้าคลั่ง ทั้งยังลากชูยีออกจากสนามฟุตบอลไปด้วยทั้งคู่วิ่งรับแสงในช่วงพระอาทิตย์ตกอยู่บนสนามฟุตบอล คนที่อยู่รอบๆต่างก็ส่งเสียงเชียร์พวกเขา ราวกับกำลังแสดงหนังรักแห่งยุคอะไรเทือกนั้น...จิเหยียนโจวยัดมือข้างนึงลงกระเป๋ากางเกง แล้วแค่นเสียงเย็นอย่างไม่แยแส เขาคิดว่าชูยีไม่มีทางตอบตกลงเคซีย์ จึงไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อยกระทั่งจอร์จบอกเขาว่าชูยีไม่ได้กลับบ้านเลยตอนนั้นเพื่อให้สะดวกกับการวาดรูป ชูยีจึงไปเช่าห้องที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย เป็นห้องเช่าที่เป็นของจอร์จจิเหยียนโจวกลัวว่าชูยีอยู่คนเดียวจะไม่ปลอดภัย จึงให้จอร์จที่อาศัยอยู่ข้างห้องไปคอยเยี่ยมชูยีบ่อยๆครั้งนี้จอร์จลับมาพอดี เห็นว่าในห้องของชูยีไม่เปิดไฟเลย จึงโทรไปหาจิเหยียนโจวจิเหยียนโจวได้ยินว่าชูยีไม่ได้กลับบ้าน มือที่กำลังจับพู่กันอยู่ก็ชะงักไปสิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัว ดันเป็นภาพที่ชูยีเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มเคซีย์เขาคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นบ้าไปแล้ว ชูยีชอบแค่เขา จะไปจุ๊บเคซีย์ได้ยังไงเขาปลอบใจตัวเองว่า เป็นไปไม่ได้!แต่เขาที่ยิ่งค
เขารู้สึกว่าท่าทางของเธอที่ไม่พูดอะไรแบบนี้ เย้ายวนมากกว่าเมื่อกี้นี้ซะอีก อยู่ๆก็รู้สึกอยากลิ้มรสชาติของเธอให้ดูดดื่มกว่านี้อย่างห้ามใจไม่อยู่ท่าทางของชูยีในตอนนั้น ฝังลึกอยู่ในสมองของจิเหยียนโจว ทุกครั้งที่นึกถึง เขามักจะอดยิ้มออกมาไม่ได้เธอเบิกตาโพล่ง มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาใสบริสุทธิ์คู่นั้น เริ่มจากความประหลาดใจ กลายเป็นตกใจ และเปลี่ยนเป็นความยินดี ทั้งหมดนั้นเป็นเวลาหนึ่งนาทีเต็มๆสุดท้ายตอนที่เขาปล่อยเธอออก เธอเงยหน้าขึ้น กอดคอเขาด้วยสีหน้าเบิกบาน แล้วถามด้วยรอยยิ้มเขินอาย"เหยียนโจว ถ้าเทียบกับเป้ยซือแล้ว คุณชอบฉันมากกว่าสินะ?"จิเหยียนโจวไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่จับคางของเธอไว้ เลิกคิ้วขึ้น "ถ้ายังพูดมากอีก ฉันก็จะจูบเธออีก"ทว่าชูยีกลับเขย่งปลายเท้าขึ้น ขยับเข้าไปใกล้ใบหูของเขาอย่างไม่เคอะเขิน แล้วพูดกับเขาว่า "เหยียนโจว ฉันชอบให้คุณจูบฉัน"ลมหายใจอุ่นๆ รินรดลงที่ใบหู ทำให้จิเหยียนโจวหันข้างมาในแววตากับมุมปากกลับถูกปกคลุมด้วยรอยยิ้ม เพราะประโยคเดียวของเธอคืนนั้นเอง ไม่รู้ว่าใครเป็นคนผลักใครลง แต่เอาเป็นว่าพวกเขาก็คบกันไปโดยปริยายก่อนที่จะเปิดประสบการณ์รั
เคซีย์พีบประตูห้องดูหนังออก ทันใดนั้นแสงไฟก็สว่างขึ้นเขาสวมรองเท้าบูททหาร เดินลงมาจากขั้นบันไดด้านบน มาตรงหน้าจิเหยียนโจวทีละก้าวมือที่สวมถุงมือหนัง กดปุ่มที่เบาะแถวหน้าเบาะตัวนั้นค่อยๆหมุนกลับมาช้าๆ จากนั้นเคซีย์ก็นั่งลงบนเก้าอี้ มองจิเหยียนโจวด้วยท่าทีเหยียดหยาม"นายน่าจะเดาได้แล้วสินะ ที่นายต้องเข้าคุก มันเป็นเหตุการณ์ที่ฉันจัดฉากขึ้นมาเอง"จิเหยียนโจวดึงความคิดกลับ ดวงตาที่มืดมิดค่อยๆช้อนขึ้นกวาดมองเคซีย์ด้วยความเย็นชา"ตั้งแต่เด็กจนโตอัลเลนทำดีกับแก เรียกว่าเป็นพี่ชายของแกยังได้ ทำไมแกต้องฆ่าเขา?""ใครที่มันขวางทางฉัน ก็ต้องตายให้หมด ไม่สนว่าเขาจะเป็นพี่ชายฉันไหม ที่สำคัญยังไงก็ไม่ใช่เพี่น้องแท้ๆ มีอะไรให้ต้องเมตตา"เคซีย์ยกมุมปากขึ้นยิ้มเรียบๆอย่างไม่รู้สึกรู้สา ราวกับว่าในสายตาของเขา สิ่งที่เรียกว่าชีวิตคนเดิมทีก็ไม่ต่างอะไรจากของเล่น"แกคิดว่าฆ่าอัลเลนแล้ว ราชวงศ์จะยกมรดกไว้ในมือแกหรือไง?"ลูกบุญธรรมที่ไม่มีเลือดเนื้อเชื้อไข ราชวงศ์จะให้เขาสืบทอดต่อได้ยังไง ฝันล้มๆแล้งๆ"ราชวงศ์ไม่ยกมรดกให้ฉันอยู่แล้ว ที่ฉันทำแบบนี้ จริงๆแล้วก็เพื่อนาย..."เพื่อจิเหยียนโจว เขาสร้
เคซีย์เห็นท่าทางจิเหยียนโจวที่อยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอด ก็รู้สึกสำราญใจอย่างบอกไม่ถูก เผยอริมฝีปากบางออก ค่อยๆเฉือนให้ตายทั้งเป็นต่อไป"เหยียนโจว ฉันรู้อยู่แล้วว่าจะทะลวงหัวใจของนายยังไง เพราะงั้นหลังจากที่นายออกจากคุก ฉันเลยเตรียมโชว์สุดพิเศษไว้เพื่อนายโดยเฉพาะ"เคซีย์ปรบมืออีกสองสามที หน้าจอก็สลับเปลี่ยนเป็นอีกคลิปนึง...เป็นภาพที่ชูยีกับเคซีย์ร่วมรักกันอย่างเร่าร้อนบนเตียง ส่วนเขาถูกมัดไว้กับเก้าอี้ โดนบังคับให้ดู!เส้นเลือดบนหลังมือของจิเหยียนโจวระเบิดขึ้นมาในทันที เขากำหมัดแน่นทั้งสองข้าง พุ่งเข้าไปจะต่อยหน้าเคซีย์อย่างจังแต่เขาที่ถูกล่ามโซ่เอาไว้ คว้าได้เพียงแค่ส้นผมที่ปรกตรงหน้าผากของเคซีย์ จากนั้นก็ไม่สามารถสัมผัสได้แม้แต่ผิวของเคซีย์...เขาดวงตาแดงก่ำ กัดฟันคำรามใส่เคซีย์ "ฉันจะฆ่าแก! จะต้องฆ่าแกแน่!"เคซีย์แค่นเสียงเย็นทีนึง "เหยียนโจว ถ้าฉันยังเป็นคนเร่ร่อนเหมือนเมื่อก่อน การที่แกจะฆ่าฉันก็ไม่ต่างอะไรกับเหยียบมดตัวนึง แต่น่าเสียดายที่ฉันดวงดี ใครจะไปคิดว่าฉันจะถูกราชวงศ์รับเลี้ยง แม้แต่พ่อของแกก็ยังตกใจน่าดูเลยไม่ใช่หรอ?"เคซีย์ยื่นหน้าออกมาข้างหน้า ให้มือของจิเหยีย
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ