หลังจากที่จี้ซือหานสั่งงานจบก็วางมือถือลง แล้วฝืนร่างกายตัวเองเดินไปที่ห้องหนังสือเขาหยิบเอามือถืออีกเครื่องที่ไว้สำหรับติดต่อกับคนในองค์กร แล้วส่งข้อความไปให้กับอาเจ๋อหลังจากที่อาเจ๋อผลักหนิงหว่านเข้าไปในห้องใต้ดินแล้วก็ถอดหน้ากากออก หยิบเอามือถือที่กำลังสั่นขึ้นมามองดูแล้วตอบกลับอย่างรวดเร็ว [จับมาแล้ว]จากนั้นก็ส่งตำแหน่งให้กับจี้ซือหาน ชายหนุ่มมองดูอย่างไม่ใส่ใจจากนั้นก็ปิดเครื่อง ยกกาแฟเข้มๆ บนโต๊ะขึ้นมาดื่มเข้าไปจนหมดเขาใส่ถุงมือสีดำ หยิบหน้ากากขึ้นมาแล้วเดินออกประตูไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเดินไปทางลิฟท์ก็เหมือนจะได้ยินเสียงของเสิ่นหนานอี้ดังเข้ามา"ไอ้พวกโง่ ไม่ทุบตีฉัน ไม่ต่อว่าฉัน ทำเป็นแค่แบกฉันขึ้นลงบันได ทำอยู่อย่างนี้วนไป คิดจะทำอะไรกันแน่?!"ชายร่างใหญ่แข็งแรงสี่คน แบ่งกันจับแขนขาเขา แล้วก็เที่ยวแบกขึ้นลงบันได จนเขาตาลาย ปวดหัวไปหมดแล้ว!เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก มองเห็นชายตัวสูงใหญ่ที่แผ่ซ่านไอเย็นออกมาทั่วร่าง พวกบอดี้การ์ดก็หยุดการกลั่นแกล้งเสิ่นหนานอี้ แล้วทิ้งเขาลงไปกับพื้น"ปึก" เสิ่นหนานอี้ถูกกระแทกลงบนพื้นอย่างแรงจนตาลายไปหมด...ในขณะที่กำลังตาลายหาทิศทางไม่เ
"ซือ...ซือหาน..."ทำไมถึงเป็นเขา?คนที่ทรมานเธอมาตลอดสามปี เป็นจี้ซือหานอย่างนั้นเหรอ?!คนที่เธอหลงรักหัวปักหัวปำมาตั้งแต่เด็ก รักจนกระทั่งไปยั่วยวนพี่ชายใหญ่ของเขาเพียงเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับเขาเพียงเล็กน้อย จี้ซือหานเนี่ยนะ!เธอรักเขามากขนาดนั้น ทำไมเขาถึงได้ลงมือโหดร้ายกับคนที่รักเขาคนหนึ่งได้ขนาดนี้?!เธอไม่อยากจะเชื่อ น้ำตาไหลไปพลางก็พลางพยายามส่ายหน้าแรงๆ "ไม่ใช่ คุณไม่ใช่คนทำใช่ไหม?!"สายตาของจี้ซือหานค่อยๆ เบนไปที่หน้ากากในมือ ราวกับว่าแค่จะมองเธอนานหน่อยก็ยังรู้สึกขยะแขยงหนิงหว่านเงยหน้าขึ้น มองไปยังชายหนุ่มตรงหน้าที่เย็นชาสูงส่ง ยากที่จะเข้าถึง เธอไม่อยากเชื่อหรือว่ายอมรับความจริงนี้เลย"ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้..."จี้ซือหานไม่รีบร้อน เขาลูบหน้ากากไปพลางก็มองเธออย่างเย็นชาไปพลาง"คุณไม่เข้าใจเหรอ?"หนิงหว่านอยากจะส่ายหน้าปฏิเสธ แต่คนที่ฉลาดแบบเธอจะไม่เข้าใจเหตุผลที่เขากับแบบนี้กับเธอได้ยังไงก็คงเป็นเพราะเรื่องเมื่อสามปีก่อนที่เธอกับเหลียนซิงหรูทำร้ายซูหว่านด้วยกันในห้องน้ำห้างน่ะสิแต่ว่า...หนิงหว่านก็ยังคงตะคอกใส่จี้ซือหานอย่างโมโหรับไม่ได้อยู่ดี"เพื่อแก้แค
ผู้ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หนังก็ยังคงไม่ได้ตอบคำถามของเธอเหมือนเดิม ราวกับไม่อยากจะสนทนากับเธอมากจริงๆ เพียงแค่มาดูจุดจบของเธอก็เท่านั้นหนิงหว่านมองดูเขาที่เย็นชาแบบนี้ ความโกรธแค้นในดวงตาหายไป แล้วน้ำตาก็อดที่จะไหลรินลงมาไม่ได้"ซือหาน ขอให้เห็นแก่ที่ฉันเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กของคุณ อีกทั้งยังรักคุณมาตั้งนานหลายปี ตอบฉันมาสักครั้งเถอะ..."จี้ซือหานเบนหน้าไปเล็กน้อย ใช้สายตาเย็นชามองประเมินหนิงหว่านตั้งแต่หัวจรดเท้า"ผมไม่เคยคิดว่าเธอหน้าตาคล้ายคุณตรงไหน ถ้าหากว่าคุณเข้าใจผิด เช่นนั้นก็ทำลายใบหน้าที่คล้ายเธอไปซะเถอะ"เพื่อพูดประโยคนี้ไป น้ำตาของหนิงหว่านก็หยุดไหลทันที เบิกตาโพลง จ้องมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่ออีกครั้ง"คุณ..."ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรก็ถูกคนใส่หน้ากากสองคนกดไว้กับพื้นแล้วจากนั้นมีดเล็กๆ เล่มหนึ่งก็กรีดเป็นเลขบวกลงไปบนใบหน้าของเธออย่างโหดร้ายความรู้สึกเย็นๆ ของปลายมีดที่กรีดเปิดลงไปบนผิวหนัง ทำให้หนิงหว่านรู้สึกเจ็บปวดจนต้องกรีดร้องออกมา"อ๊าาา หน้าฉัน!"พ่อของเธอเคยบอกว่า เธอมีใบหน้าที่งดงามที่สุดในบรรดาพี่น้องทุกคน และก็เป็นสิ่งที่เธอรู้สึกภาพภูมิใจที
ในแววตาของหนิงหว่านเผยรอยยิ้มความมั่นใจ เย่อหยิ่ง และท้าทายชายหนุ่มที่วางตัวสูงส่ง อยู่เหนือผู้อื่นมาเสมอ กลับชะงักไปเพียงชั่วอึดใจ และกลับมาเลือดเย็นไร้ความปราณีอีกครั้ง"จัดการให้เรียบร้อย"!!!หนิงหว่านยังนึกว่าถ้าตัวเองบอกสาเหตุการตายของพี่ชายใหญ่ของเขา แล้วเขาจะเดินมาตรงหน้า เพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่ใครจะคิดเขาเพียงแค่ประหลาดใจไปเพียงเสี้ยววินาที ก็สั่งให้คนจัดการเธออีกครั้ง นี่เขาไม่สนใจพี่ชายใหญ่ของตัวเองเลยสักนิดหรือไง?หนิงหว่านไม่อยากจะเชื่อ แล้วก็รับไม่ได้อย่างมาก เธอเบิกตาโตจ้องชายหนุ่มที่ไม่เคยแยแสเธอตั้งแต่เด็กแต่เธอก็ยังหลงใหลเขา"นาย...ไม่อยากรู้ความจริงเรื่องการเสียชีวิตของพี่ชายใหญ่ของนายหรือไง?!"จี้ซือหานค่อยๆถอดถุงมือออกจากปลายนิ้วอย่างไม่รีบร้อน พร้อมกับกวาดสายตาเย็นชามองหนิงหว่านที่คุกเข่าอยู่บนพื้น"ถึงเธอไม่บอก ฉันก็สืบเองได้"หรือในอีกความหมายนึงก็คือ ไม่ว่าเธอจะเป็นคนเดียวที่รู้ความจริง หรือกำลังพูดพล่ามไปเรื่อยก็ตาม สำหรับเขาแล้ว เขาไม่สนใจทั้งนั้นเป้าหมายของเขาในตอนนี้คือกำจัดเธอซะ กำจัดรากเหง้าที่จะสร้างหายนะในภายหลังนี้ซะ ส่วนเรื่องอื
ณ วิลล่าของซานซาน หลังจากที่อลันวัดชีพจรให้ซูหว่านเสร็จ ในที่สุดก็รู้แล้วว่าทำไมประธานจี้ถึงอารมณ์ไม่ดีเธอมองซูหว่านที่มีสีหน้าเรียบเฉยนิดนึง สลับกับมองชีพจร ในที่สุดก็ฉีกร้อยยิ้มฝืนๆออกมา"ใช้ยาเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ตั้งครรภ์ได้ยากจริงๆ แต่คุณได้โปรดเชื่อในฝีมือแพทย์แผนจีนของฉันนะคะ"อลันเป็นแพทย์ทั่วไป เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนตะวันตก และแพทย์แผนจีน ปัญหาการตั้งครรภ์ยากของผู้หญิง เธอเองก็รักษามามากแม้ว่าสุขภาพของซูหว่านจะแย่มาก อีกทั้งยังเคยผ่านการผ่าตัดใหญ่มา แถมตอนนี้ยังต้องใช้ยาอยู่ตลอด ทำให้ค่อนข้างรักษายากจริงๆแต่อลันชื่อว่า ด้วยทักษะการแพทย์แผนจีนของเธอ น่าจะมีวิธีที่สามารถปรับสภาพร่างกายของซูหว่านให้ดีขึ้นได้...ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็ดึงมือที่วางอยู่บนหมอนตรวจชีพจรกลับมา แล้วยิ้มให้อลัน"อลัน ลำบากคุณแล้ว ต้องถ่อมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ"ทันทีที่เธอมาถึงวิลล่า อลันก็หิ้วกล่องยาจีนตามเข้ามาทันทีหลังจากที่อลันมาถึง เธอถึงได้รู้ว่าเป็นจี้ซือหานถือวิสาสะ สั่งให้อลันมาช่วยปรับสภาพร่างกายของเขาเธอรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองที่ต้องใช้ยาระยะยาวแบบนี้ ต่อให้จะปรับยังไง ก็ยาก
เธอกดรับสาย เสียงน่าสังเวชของเสิ่นหนานอี้ที่ดังมาจากอีกฝั่งก็ดังขึ้น "ลูกศิษย์ เธอยังมีชีวิตอยู่สินะ..."หลังจากที่เมื่อกี้ซูหว่านออกจากห้องที่ไนท์คลับ ก็ไม่เห็นเสิ่นหนานอี้ โทรหาก็ไม่มีคนรับเธอยังคิดว่าเสิ่นหนานอี้จ้างพวกกุ๊ยมามากมายขนาดนั้น น่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงส่งแค่ข้อความไปให้เขา แล้วก็กลับบ้านตอนนี้ได้ยินเสียงของเสิ่นหนานอี้เป็นแบบนี้ หัวใจก็หวิวขึ้นมา เธอถามอย่างร้อนรน "อาจารย์เสิ่น เป็นอะไร?"เสิ่นหนานอี้ส่ายหน้ายิ้มขมขื่น "ฉันไม่เป็นไร ก็แค่อยากจะบอกเธอว่านอกจากรองเท้าทองคำแล้ว เธอยังติดค้างมือขวาทองคำฉันด้วย"ได้ยินเขาบอกว่าไม่เป็นไร ซูหว่านก็โล่งใจ แต่แล้วก็ขมวดคิ้วถามอีก "มือขวาทองคำอะไร ทำไมฉันฟังไม่เข้าใจ..."เสิ่นหนานอี้ยกยิ้มในเส้นระนาบ แล้วหัวเราะ "เธอไม่ต้องเข้าใจหรอก คืนให้ฉันก็พอ..."คำว่า "ทองคำ" เธอฟังจนจะอ้วกแล้ว "ได้ รอค่าจ้างองค์การนาซ่าออกมาแล้ว ฉันจะไปให้เจ้าของร้านทองทำให้"เสิ่นหนานอี้เห็นว่าเธอรับปากแล้ว ในใจก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย "อย่าลืมทำมือซ้ายให้อีกข้าง ถ้าสมมาตรกันล่ะก็ จะได้ดูสวยหน่อย..."ซูหว่านรีบพยักหน้ารัวๆ "ได้ๆๆ คุณอยากได้อ
ประธานจี้จะมาเซ็นสัญญาที่บริษัทพวกเขาด้วยตัวเอง?เสิ่นหนานอี้ตกตะลึงขีดสุด ในขณะเดียวกันคิดไม่ตกประธานจี้ทิ้งซูหว่านตั้งแต่อยู่ที่วอชิงตันแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมถึงยังมาหาเธออีก?หรือว่าท่านประธานจี้ยังตัดใจจากลูกศิษย์ของเขาไม่ได้ ถึงได้อาศัยโปรเจคเพื่อใกล้ชิดเธอ?เสิ่นหนานอี้ค่อยๆก้มหน้าลง มองไปยังมือขวาของตัวเองเอาแต่รู้สึกว่ามือข้างนี้มากระดูเคลื่อนที่เอาตอนนี้มันแปลกๆ แต่เขาก็นึกไม่ออกว่าอะไรที่แปลกซูหว่านมองหน้าจอที่ดำสนิท แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยทำไมจี้ซือหานถึงจะให้เธอรับโปรเจคใหญ่ขนาดนี้?เธอขมวดคิ้วอยู่สักพัก แล้วโทรหาเสิ่นหนานอี้อีกรอบ"อาจารย์เสิ่น ไม่งั้นคุณปฏิเสธไปเถอะ ฉันต้องเร่งทำโปรเจคตั้งเยอะแยะขนาดนั้น ไม่มีเวลา..."เสิ่นหนานอี้ที่เพิ่งไปส่งรองประธานจ้าวเสร็จ ได้ยินคำนั้น รอยยิ้มสมมาตรบนใบหน้า ก็หุบลงทันที"โปรเจคอื่นๆเธอไม่ต้องไปลงพื้นที่สำรวจแล้ว เอามาให้ฉันทั้งหมด เธอตั้งใจออกแบบให้ดีก็พอ"ซูหว่านอยากจะพูดอะไรอีก เสิ่นหนานอี้ใช้ประโยคที่ว่า "ฉันตกลงกับอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว เอาตามนี้" จากนั้นก็วางสายไปเธอสูดหายใจลึก แล้วโทรหาซานซานอีกรอบ อยากถามว่าเธอจะก
ซูหว่านมองไปยังห้องทำงานขนาดใหญ่ จู่ๆหัวใจก็ค่อยๆเต้นตึกตักขึ้นมาเหมือนเลือดร้อนของพี่สาวกำลังเดือดพล่าน ส่งเสียงโห่ร้องอยู่ ทำให้เธอหันไปพยักหน้าให้เสิ่นหนานอี้อย่างไม่รู้ตัว"ตกลง..."ทันทีที่สิ้นสุดเสียงของเธอ เสียงขบวนรถบดถนนก็ดังขึ้นจากชั้นล่าง รถหรูสิบกว่าคันนําโดยคอนิกเส็กก์ จอดลงที่ประตูบอดี้การ์ดที่สวมสูทสีดําและผูกเน็คไท พากันลงจากรถ ยืนเรียงเป็นสองแถว อยู่ที่ด้านซ้ายและขวาของบริษัท...ภายในรถคอนิกเส็กก์ ซูชิงลงจากรถด้วยความรวดเร็ว อ้อมไปยังตำแหน่งข้างคนขับ เปิดประตูรถออก เชิญชายหนุ่มผู้มีเกียรติด้านในให้ออกมาภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่อง รูปร่างของชายหนุ่มสูงเพรียว กับเครื่องหน้าประณีตได้สัดส่วน งดงามไร้ที่ติภายใต้คิ้วที่ราวกับถูกวาดนั้น เป็นดวงตาคมเรียวที่สง่างามดังหมอก เป็นดวงตาสว่างสไวกับฟันขาวสะอาดที่สะกดวิญญาณผู้คนที่บริเวณสันจมูกโด่ง สวมแว่นกันขอบสีทอง เลนส์ขนาดใหญ่เพื่อปกปิดดวงตาดำขลับชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูรถ เปลี่ยนสไตล์ชุดสูทสีดําและเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เคยใส่เป็นประจำ เปลี่ยนเป็นชุดสูทสีน้ําเงินสีน้ำเงินที่สั่งทําพิเศษและดูหรูหรา ขับให้ชายหนุ่มราวกั