ซูหว่านเบนหน้าหนีไปน้อยๆ ไม่ค่อยเข้าใจจี้ซือหานเท่าไร "เป็นฉันที่พูดไม่ชัดเจนหรือว่าคุณเองที่ฟังไม่เข้าใจ?"เขาใช้นิ้วมือลูบไล้ไปที่แก้มของเธอ พูดขึ้นเรียบๆ ว่า "ผมยังไม่เคยจีบคุณมาก่อนเลย ตั้งแต่นี้ต่อไป ผมจะจีบคุณ ถ้าหากคุณยังรู้สึกว่าเราไม่เหมาะสมกัน เช่นนั้นผมก็จะยอมปล่อยมือ ไม่วุ่นวายกับคุณอีกต่อไป"เธออ้าปาก อยากจะพูดปฏิเสธ แต่จี้ซือหานกลับใช้นิ้วมือของเขามากดไว้ที่ริมฝีปากเธออีกครั้ง "คุณต้องการเวลาในการก้าวข้ามอุปสรรคในใจ เช่นนั้นในระยะนี้ผมก็จะอยู่เคียงข้างคุณจนกว่าคุณจะข้ามผ่านอุปสรรคได้ด้วยวิธีการจีบคุณนะ"ความหมายของซูหว่านคือ เติบโตขึ้นด้วยตัวเอง ไม่ได้ต้องการให้เขาอยู่เคียงข้างแต่เขากลับสรุปเองเฉย "แบบนี้แล้วกัน คุณออกไปเถอะ"ซูหว่านขมวดคิ้วน้อยๆ "คุณ..."มือที่โอบเอวบางไว้ของจี้ซือหาน ออกแรงดึงมาข้างหน้า ดึงเธอมาอยู่ตรงบริเวณท้องน้อย"ถ้าไม่ออกไป งั้นก็ช่วยผม"เมื่อรู้สึกได้ถึงอวัยวะเบื้องล่างที่กำลังค่อยๆ ขยายตัว สีหน้าของซูหว่านก็เปลี่ยนไป รีบลงมาจากตัวของเขาทันทีขนาดแค่มองเธอยังไม่กล้าจะมองเขาเลย รีบหมุนตัวเดินออกไปเลย ราวกับข้างหลังมีสัตว์ประหลาดอยู่อย่างน
หลังจากที่จี้ซือหานสั่งงานจบก็วางมือถือลง แล้วฝืนร่างกายตัวเองเดินไปที่ห้องหนังสือเขาหยิบเอามือถืออีกเครื่องที่ไว้สำหรับติดต่อกับคนในองค์กร แล้วส่งข้อความไปให้กับอาเจ๋อหลังจากที่อาเจ๋อผลักหนิงหว่านเข้าไปในห้องใต้ดินแล้วก็ถอดหน้ากากออก หยิบเอามือถือที่กำลังสั่นขึ้นมามองดูแล้วตอบกลับอย่างรวดเร็ว [จับมาแล้ว]จากนั้นก็ส่งตำแหน่งให้กับจี้ซือหาน ชายหนุ่มมองดูอย่างไม่ใส่ใจจากนั้นก็ปิดเครื่อง ยกกาแฟเข้มๆ บนโต๊ะขึ้นมาดื่มเข้าไปจนหมดเขาใส่ถุงมือสีดำ หยิบหน้ากากขึ้นมาแล้วเดินออกประตูไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเดินไปทางลิฟท์ก็เหมือนจะได้ยินเสียงของเสิ่นหนานอี้ดังเข้ามา"ไอ้พวกโง่ ไม่ทุบตีฉัน ไม่ต่อว่าฉัน ทำเป็นแค่แบกฉันขึ้นลงบันได ทำอยู่อย่างนี้วนไป คิดจะทำอะไรกันแน่?!"ชายร่างใหญ่แข็งแรงสี่คน แบ่งกันจับแขนขาเขา แล้วก็เที่ยวแบกขึ้นลงบันได จนเขาตาลาย ปวดหัวไปหมดแล้ว!เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก มองเห็นชายตัวสูงใหญ่ที่แผ่ซ่านไอเย็นออกมาทั่วร่าง พวกบอดี้การ์ดก็หยุดการกลั่นแกล้งเสิ่นหนานอี้ แล้วทิ้งเขาลงไปกับพื้น"ปึก" เสิ่นหนานอี้ถูกกระแทกลงบนพื้นอย่างแรงจนตาลายไปหมด...ในขณะที่กำลังตาลายหาทิศทางไม่เ
"ซือ...ซือหาน..."ทำไมถึงเป็นเขา?คนที่ทรมานเธอมาตลอดสามปี เป็นจี้ซือหานอย่างนั้นเหรอ?!คนที่เธอหลงรักหัวปักหัวปำมาตั้งแต่เด็ก รักจนกระทั่งไปยั่วยวนพี่ชายใหญ่ของเขาเพียงเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับเขาเพียงเล็กน้อย จี้ซือหานเนี่ยนะ!เธอรักเขามากขนาดนั้น ทำไมเขาถึงได้ลงมือโหดร้ายกับคนที่รักเขาคนหนึ่งได้ขนาดนี้?!เธอไม่อยากจะเชื่อ น้ำตาไหลไปพลางก็พลางพยายามส่ายหน้าแรงๆ "ไม่ใช่ คุณไม่ใช่คนทำใช่ไหม?!"สายตาของจี้ซือหานค่อยๆ เบนไปที่หน้ากากในมือ ราวกับว่าแค่จะมองเธอนานหน่อยก็ยังรู้สึกขยะแขยงหนิงหว่านเงยหน้าขึ้น มองไปยังชายหนุ่มตรงหน้าที่เย็นชาสูงส่ง ยากที่จะเข้าถึง เธอไม่อยากเชื่อหรือว่ายอมรับความจริงนี้เลย"ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้..."จี้ซือหานไม่รีบร้อน เขาลูบหน้ากากไปพลางก็มองเธออย่างเย็นชาไปพลาง"คุณไม่เข้าใจเหรอ?"หนิงหว่านอยากจะส่ายหน้าปฏิเสธ แต่คนที่ฉลาดแบบเธอจะไม่เข้าใจเหตุผลที่เขากับแบบนี้กับเธอได้ยังไงก็คงเป็นเพราะเรื่องเมื่อสามปีก่อนที่เธอกับเหลียนซิงหรูทำร้ายซูหว่านด้วยกันในห้องน้ำห้างน่ะสิแต่ว่า...หนิงหว่านก็ยังคงตะคอกใส่จี้ซือหานอย่างโมโหรับไม่ได้อยู่ดี"เพื่อแก้แค
ผู้ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หนังก็ยังคงไม่ได้ตอบคำถามของเธอเหมือนเดิม ราวกับไม่อยากจะสนทนากับเธอมากจริงๆ เพียงแค่มาดูจุดจบของเธอก็เท่านั้นหนิงหว่านมองดูเขาที่เย็นชาแบบนี้ ความโกรธแค้นในดวงตาหายไป แล้วน้ำตาก็อดที่จะไหลรินลงมาไม่ได้"ซือหาน ขอให้เห็นแก่ที่ฉันเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กของคุณ อีกทั้งยังรักคุณมาตั้งนานหลายปี ตอบฉันมาสักครั้งเถอะ..."จี้ซือหานเบนหน้าไปเล็กน้อย ใช้สายตาเย็นชามองประเมินหนิงหว่านตั้งแต่หัวจรดเท้า"ผมไม่เคยคิดว่าเธอหน้าตาคล้ายคุณตรงไหน ถ้าหากว่าคุณเข้าใจผิด เช่นนั้นก็ทำลายใบหน้าที่คล้ายเธอไปซะเถอะ"เพื่อพูดประโยคนี้ไป น้ำตาของหนิงหว่านก็หยุดไหลทันที เบิกตาโพลง จ้องมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่ออีกครั้ง"คุณ..."ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรก็ถูกคนใส่หน้ากากสองคนกดไว้กับพื้นแล้วจากนั้นมีดเล็กๆ เล่มหนึ่งก็กรีดเป็นเลขบวกลงไปบนใบหน้าของเธออย่างโหดร้ายความรู้สึกเย็นๆ ของปลายมีดที่กรีดเปิดลงไปบนผิวหนัง ทำให้หนิงหว่านรู้สึกเจ็บปวดจนต้องกรีดร้องออกมา"อ๊าาา หน้าฉัน!"พ่อของเธอเคยบอกว่า เธอมีใบหน้าที่งดงามที่สุดในบรรดาพี่น้องทุกคน และก็เป็นสิ่งที่เธอรู้สึกภาพภูมิใจที
ในแววตาของหนิงหว่านเผยรอยยิ้มความมั่นใจ เย่อหยิ่ง และท้าทายชายหนุ่มที่วางตัวสูงส่ง อยู่เหนือผู้อื่นมาเสมอ กลับชะงักไปเพียงชั่วอึดใจ และกลับมาเลือดเย็นไร้ความปราณีอีกครั้ง"จัดการให้เรียบร้อย"!!!หนิงหว่านยังนึกว่าถ้าตัวเองบอกสาเหตุการตายของพี่ชายใหญ่ของเขา แล้วเขาจะเดินมาตรงหน้า เพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่ใครจะคิดเขาเพียงแค่ประหลาดใจไปเพียงเสี้ยววินาที ก็สั่งให้คนจัดการเธออีกครั้ง นี่เขาไม่สนใจพี่ชายใหญ่ของตัวเองเลยสักนิดหรือไง?หนิงหว่านไม่อยากจะเชื่อ แล้วก็รับไม่ได้อย่างมาก เธอเบิกตาโตจ้องชายหนุ่มที่ไม่เคยแยแสเธอตั้งแต่เด็กแต่เธอก็ยังหลงใหลเขา"นาย...ไม่อยากรู้ความจริงเรื่องการเสียชีวิตของพี่ชายใหญ่ของนายหรือไง?!"จี้ซือหานค่อยๆถอดถุงมือออกจากปลายนิ้วอย่างไม่รีบร้อน พร้อมกับกวาดสายตาเย็นชามองหนิงหว่านที่คุกเข่าอยู่บนพื้น"ถึงเธอไม่บอก ฉันก็สืบเองได้"หรือในอีกความหมายนึงก็คือ ไม่ว่าเธอจะเป็นคนเดียวที่รู้ความจริง หรือกำลังพูดพล่ามไปเรื่อยก็ตาม สำหรับเขาแล้ว เขาไม่สนใจทั้งนั้นเป้าหมายของเขาในตอนนี้คือกำจัดเธอซะ กำจัดรากเหง้าที่จะสร้างหายนะในภายหลังนี้ซะ ส่วนเรื่องอื
ณ วิลล่าของซานซาน หลังจากที่อลันวัดชีพจรให้ซูหว่านเสร็จ ในที่สุดก็รู้แล้วว่าทำไมประธานจี้ถึงอารมณ์ไม่ดีเธอมองซูหว่านที่มีสีหน้าเรียบเฉยนิดนึง สลับกับมองชีพจร ในที่สุดก็ฉีกร้อยยิ้มฝืนๆออกมา"ใช้ยาเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ตั้งครรภ์ได้ยากจริงๆ แต่คุณได้โปรดเชื่อในฝีมือแพทย์แผนจีนของฉันนะคะ"อลันเป็นแพทย์ทั่วไป เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนตะวันตก และแพทย์แผนจีน ปัญหาการตั้งครรภ์ยากของผู้หญิง เธอเองก็รักษามามากแม้ว่าสุขภาพของซูหว่านจะแย่มาก อีกทั้งยังเคยผ่านการผ่าตัดใหญ่มา แถมตอนนี้ยังต้องใช้ยาอยู่ตลอด ทำให้ค่อนข้างรักษายากจริงๆแต่อลันชื่อว่า ด้วยทักษะการแพทย์แผนจีนของเธอ น่าจะมีวิธีที่สามารถปรับสภาพร่างกายของซูหว่านให้ดีขึ้นได้...ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็ดึงมือที่วางอยู่บนหมอนตรวจชีพจรกลับมา แล้วยิ้มให้อลัน"อลัน ลำบากคุณแล้ว ต้องถ่อมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ"ทันทีที่เธอมาถึงวิลล่า อลันก็หิ้วกล่องยาจีนตามเข้ามาทันทีหลังจากที่อลันมาถึง เธอถึงได้รู้ว่าเป็นจี้ซือหานถือวิสาสะ สั่งให้อลันมาช่วยปรับสภาพร่างกายของเขาเธอรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองที่ต้องใช้ยาระยะยาวแบบนี้ ต่อให้จะปรับยังไง ก็ยาก
เธอกดรับสาย เสียงน่าสังเวชของเสิ่นหนานอี้ที่ดังมาจากอีกฝั่งก็ดังขึ้น "ลูกศิษย์ เธอยังมีชีวิตอยู่สินะ..."หลังจากที่เมื่อกี้ซูหว่านออกจากห้องที่ไนท์คลับ ก็ไม่เห็นเสิ่นหนานอี้ โทรหาก็ไม่มีคนรับเธอยังคิดว่าเสิ่นหนานอี้จ้างพวกกุ๊ยมามากมายขนาดนั้น น่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงส่งแค่ข้อความไปให้เขา แล้วก็กลับบ้านตอนนี้ได้ยินเสียงของเสิ่นหนานอี้เป็นแบบนี้ หัวใจก็หวิวขึ้นมา เธอถามอย่างร้อนรน "อาจารย์เสิ่น เป็นอะไร?"เสิ่นหนานอี้ส่ายหน้ายิ้มขมขื่น "ฉันไม่เป็นไร ก็แค่อยากจะบอกเธอว่านอกจากรองเท้าทองคำแล้ว เธอยังติดค้างมือขวาทองคำฉันด้วย"ได้ยินเขาบอกว่าไม่เป็นไร ซูหว่านก็โล่งใจ แต่แล้วก็ขมวดคิ้วถามอีก "มือขวาทองคำอะไร ทำไมฉันฟังไม่เข้าใจ..."เสิ่นหนานอี้ยกยิ้มในเส้นระนาบ แล้วหัวเราะ "เธอไม่ต้องเข้าใจหรอก คืนให้ฉันก็พอ..."คำว่า "ทองคำ" เธอฟังจนจะอ้วกแล้ว "ได้ รอค่าจ้างองค์การนาซ่าออกมาแล้ว ฉันจะไปให้เจ้าของร้านทองทำให้"เสิ่นหนานอี้เห็นว่าเธอรับปากแล้ว ในใจก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย "อย่าลืมทำมือซ้ายให้อีกข้าง ถ้าสมมาตรกันล่ะก็ จะได้ดูสวยหน่อย..."ซูหว่านรีบพยักหน้ารัวๆ "ได้ๆๆ คุณอยากได้อ
ประธานจี้จะมาเซ็นสัญญาที่บริษัทพวกเขาด้วยตัวเอง?เสิ่นหนานอี้ตกตะลึงขีดสุด ในขณะเดียวกันคิดไม่ตกประธานจี้ทิ้งซูหว่านตั้งแต่อยู่ที่วอชิงตันแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมถึงยังมาหาเธออีก?หรือว่าท่านประธานจี้ยังตัดใจจากลูกศิษย์ของเขาไม่ได้ ถึงได้อาศัยโปรเจคเพื่อใกล้ชิดเธอ?เสิ่นหนานอี้ค่อยๆก้มหน้าลง มองไปยังมือขวาของตัวเองเอาแต่รู้สึกว่ามือข้างนี้มากระดูเคลื่อนที่เอาตอนนี้มันแปลกๆ แต่เขาก็นึกไม่ออกว่าอะไรที่แปลกซูหว่านมองหน้าจอที่ดำสนิท แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยทำไมจี้ซือหานถึงจะให้เธอรับโปรเจคใหญ่ขนาดนี้?เธอขมวดคิ้วอยู่สักพัก แล้วโทรหาเสิ่นหนานอี้อีกรอบ"อาจารย์เสิ่น ไม่งั้นคุณปฏิเสธไปเถอะ ฉันต้องเร่งทำโปรเจคตั้งเยอะแยะขนาดนั้น ไม่มีเวลา..."เสิ่นหนานอี้ที่เพิ่งไปส่งรองประธานจ้าวเสร็จ ได้ยินคำนั้น รอยยิ้มสมมาตรบนใบหน้า ก็หุบลงทันที"โปรเจคอื่นๆเธอไม่ต้องไปลงพื้นที่สำรวจแล้ว เอามาให้ฉันทั้งหมด เธอตั้งใจออกแบบให้ดีก็พอ"ซูหว่านอยากจะพูดอะไรอีก เสิ่นหนานอี้ใช้ประโยคที่ว่า "ฉันตกลงกับอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว เอาตามนี้" จากนั้นก็วางสายไปเธอสูดหายใจลึก แล้วโทรหาซานซานอีกรอบ อยากถามว่าเธอจะก
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ