ณ วิลล่าของซานซาน หลังจากที่อลันวัดชีพจรให้ซูหว่านเสร็จ ในที่สุดก็รู้แล้วว่าทำไมประธานจี้ถึงอารมณ์ไม่ดีเธอมองซูหว่านที่มีสีหน้าเรียบเฉยนิดนึง สลับกับมองชีพจร ในที่สุดก็ฉีกร้อยยิ้มฝืนๆออกมา"ใช้ยาเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ตั้งครรภ์ได้ยากจริงๆ แต่คุณได้โปรดเชื่อในฝีมือแพทย์แผนจีนของฉันนะคะ"อลันเป็นแพทย์ทั่วไป เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนตะวันตก และแพทย์แผนจีน ปัญหาการตั้งครรภ์ยากของผู้หญิง เธอเองก็รักษามามากแม้ว่าสุขภาพของซูหว่านจะแย่มาก อีกทั้งยังเคยผ่านการผ่าตัดใหญ่มา แถมตอนนี้ยังต้องใช้ยาอยู่ตลอด ทำให้ค่อนข้างรักษายากจริงๆแต่อลันชื่อว่า ด้วยทักษะการแพทย์แผนจีนของเธอ น่าจะมีวิธีที่สามารถปรับสภาพร่างกายของซูหว่านให้ดีขึ้นได้...ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็ดึงมือที่วางอยู่บนหมอนตรวจชีพจรกลับมา แล้วยิ้มให้อลัน"อลัน ลำบากคุณแล้ว ต้องถ่อมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ"ทันทีที่เธอมาถึงวิลล่า อลันก็หิ้วกล่องยาจีนตามเข้ามาทันทีหลังจากที่อลันมาถึง เธอถึงได้รู้ว่าเป็นจี้ซือหานถือวิสาสะ สั่งให้อลันมาช่วยปรับสภาพร่างกายของเขาเธอรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองที่ต้องใช้ยาระยะยาวแบบนี้ ต่อให้จะปรับยังไง ก็ยาก
เธอกดรับสาย เสียงน่าสังเวชของเสิ่นหนานอี้ที่ดังมาจากอีกฝั่งก็ดังขึ้น "ลูกศิษย์ เธอยังมีชีวิตอยู่สินะ..."หลังจากที่เมื่อกี้ซูหว่านออกจากห้องที่ไนท์คลับ ก็ไม่เห็นเสิ่นหนานอี้ โทรหาก็ไม่มีคนรับเธอยังคิดว่าเสิ่นหนานอี้จ้างพวกกุ๊ยมามากมายขนาดนั้น น่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงส่งแค่ข้อความไปให้เขา แล้วก็กลับบ้านตอนนี้ได้ยินเสียงของเสิ่นหนานอี้เป็นแบบนี้ หัวใจก็หวิวขึ้นมา เธอถามอย่างร้อนรน "อาจารย์เสิ่น เป็นอะไร?"เสิ่นหนานอี้ส่ายหน้ายิ้มขมขื่น "ฉันไม่เป็นไร ก็แค่อยากจะบอกเธอว่านอกจากรองเท้าทองคำแล้ว เธอยังติดค้างมือขวาทองคำฉันด้วย"ได้ยินเขาบอกว่าไม่เป็นไร ซูหว่านก็โล่งใจ แต่แล้วก็ขมวดคิ้วถามอีก "มือขวาทองคำอะไร ทำไมฉันฟังไม่เข้าใจ..."เสิ่นหนานอี้ยกยิ้มในเส้นระนาบ แล้วหัวเราะ "เธอไม่ต้องเข้าใจหรอก คืนให้ฉันก็พอ..."คำว่า "ทองคำ" เธอฟังจนจะอ้วกแล้ว "ได้ รอค่าจ้างองค์การนาซ่าออกมาแล้ว ฉันจะไปให้เจ้าของร้านทองทำให้"เสิ่นหนานอี้เห็นว่าเธอรับปากแล้ว ในใจก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย "อย่าลืมทำมือซ้ายให้อีกข้าง ถ้าสมมาตรกันล่ะก็ จะได้ดูสวยหน่อย..."ซูหว่านรีบพยักหน้ารัวๆ "ได้ๆๆ คุณอยากได้อ
ประธานจี้จะมาเซ็นสัญญาที่บริษัทพวกเขาด้วยตัวเอง?เสิ่นหนานอี้ตกตะลึงขีดสุด ในขณะเดียวกันคิดไม่ตกประธานจี้ทิ้งซูหว่านตั้งแต่อยู่ที่วอชิงตันแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมถึงยังมาหาเธออีก?หรือว่าท่านประธานจี้ยังตัดใจจากลูกศิษย์ของเขาไม่ได้ ถึงได้อาศัยโปรเจคเพื่อใกล้ชิดเธอ?เสิ่นหนานอี้ค่อยๆก้มหน้าลง มองไปยังมือขวาของตัวเองเอาแต่รู้สึกว่ามือข้างนี้มากระดูเคลื่อนที่เอาตอนนี้มันแปลกๆ แต่เขาก็นึกไม่ออกว่าอะไรที่แปลกซูหว่านมองหน้าจอที่ดำสนิท แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยทำไมจี้ซือหานถึงจะให้เธอรับโปรเจคใหญ่ขนาดนี้?เธอขมวดคิ้วอยู่สักพัก แล้วโทรหาเสิ่นหนานอี้อีกรอบ"อาจารย์เสิ่น ไม่งั้นคุณปฏิเสธไปเถอะ ฉันต้องเร่งทำโปรเจคตั้งเยอะแยะขนาดนั้น ไม่มีเวลา..."เสิ่นหนานอี้ที่เพิ่งไปส่งรองประธานจ้าวเสร็จ ได้ยินคำนั้น รอยยิ้มสมมาตรบนใบหน้า ก็หุบลงทันที"โปรเจคอื่นๆเธอไม่ต้องไปลงพื้นที่สำรวจแล้ว เอามาให้ฉันทั้งหมด เธอตั้งใจออกแบบให้ดีก็พอ"ซูหว่านอยากจะพูดอะไรอีก เสิ่นหนานอี้ใช้ประโยคที่ว่า "ฉันตกลงกับอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว เอาตามนี้" จากนั้นก็วางสายไปเธอสูดหายใจลึก แล้วโทรหาซานซานอีกรอบ อยากถามว่าเธอจะก
ซูหว่านมองไปยังห้องทำงานขนาดใหญ่ จู่ๆหัวใจก็ค่อยๆเต้นตึกตักขึ้นมาเหมือนเลือดร้อนของพี่สาวกำลังเดือดพล่าน ส่งเสียงโห่ร้องอยู่ ทำให้เธอหันไปพยักหน้าให้เสิ่นหนานอี้อย่างไม่รู้ตัว"ตกลง..."ทันทีที่สิ้นสุดเสียงของเธอ เสียงขบวนรถบดถนนก็ดังขึ้นจากชั้นล่าง รถหรูสิบกว่าคันนําโดยคอนิกเส็กก์ จอดลงที่ประตูบอดี้การ์ดที่สวมสูทสีดําและผูกเน็คไท พากันลงจากรถ ยืนเรียงเป็นสองแถว อยู่ที่ด้านซ้ายและขวาของบริษัท...ภายในรถคอนิกเส็กก์ ซูชิงลงจากรถด้วยความรวดเร็ว อ้อมไปยังตำแหน่งข้างคนขับ เปิดประตูรถออก เชิญชายหนุ่มผู้มีเกียรติด้านในให้ออกมาภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่อง รูปร่างของชายหนุ่มสูงเพรียว กับเครื่องหน้าประณีตได้สัดส่วน งดงามไร้ที่ติภายใต้คิ้วที่ราวกับถูกวาดนั้น เป็นดวงตาคมเรียวที่สง่างามดังหมอก เป็นดวงตาสว่างสไวกับฟันขาวสะอาดที่สะกดวิญญาณผู้คนที่บริเวณสันจมูกโด่ง สวมแว่นกันขอบสีทอง เลนส์ขนาดใหญ่เพื่อปกปิดดวงตาดำขลับชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูรถ เปลี่ยนสไตล์ชุดสูทสีดําและเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เคยใส่เป็นประจำ เปลี่ยนเป็นชุดสูทสีน้ําเงินสีน้ำเงินที่สั่งทําพิเศษและดูหรูหรา ขับให้ชายหนุ่มราวกั
เขาเดินไปตรงหน้าซูหว่าน ร่างสูงโปร่งนั้น สร้างความกดดันที่มองไม่เห็นอย่างมหาศาลซูหว่านเห็นเขาเข้ามาใกล้มาก ก็ถอยหลังเล็กน้อยอย่างกดดัน ทิ้งระยะห่างของทั้งสองคนสายตาที่อยู่ภายใต้เลนส์แว่น คำนวณระยะห่างของทั้งคู่ แล้วก้าวขึ้นหน้าอีกก้าวซูหว่านถอยหลังด้วยสัญชาตญาณ แต่เขาก็ยังเดินขึ้นหน้าตามมาไม่เลิกเมื่อถอยหลังเรื่อยๆ เอวหลังก็กดลงบนโต๊ะ อีกนิดเดียวเกือบจะถูกบีบให้นั่งลงบนโต๊ะแล้วซูหว่านเงยขึ้นนวลขึ้น ช้อนสายตามองจี้ซือหานอย่างกระสับกระส่าย "คุณ..."ชายหนุ่มโน้มตัวลงกดเธอไว้บนโต๊ะ น้ำเสียงทุ้มต่ำแหบแห้งดังขึ้นแผ่วเบา "หว่านหว่าน ฉันมาหาเธอเพื่อเซ็นสัญญา"ซูหว่านเอนไปด้านหลังอีกครั้ง แล้วมองไปที่เขา "เซ็นสัญญาก็เซ็นสิ ไม่ต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้..."มุมปากของจี้ซือหานยกขึ้นยิ้มบางๆ ร่างกายกดลงมาอีกเล็กน้อย จนแนบชิดกับใบหูของซูหว่าน"ท่าที่ใกล้กว่านี้ เราก็ลองกันมาแล้ว ไม่ต้องใส่ใจกับเรื่องแค่นี้..."คำพูดอาจหาญโจ่งแจ้งนั้นคละคลุ้งไปด้วยลมหายใจอุ่นๆยั่วยวน เร่าร้อนอยู่ที่บริเวณใบหู จนรู้สึกชาเล็กน้อยซูหว่านเองศีรษะหนีอย่างอึกอัก ออกแรงผลักเขา ลงมาจากบนโต๊ะ เดินอ้อมไปยังโซนรับแ
หลังจากที่จี้ซือหานพูด "ขอโทษ" คำนึง ก็ปล่อยซูหว่านออก จากนั้นนั่งตัวตรง หันไปทางประตู"ซูชิง"ได้ยินเสียงเย็นชาลอดมาจากด้านใน ซูชิงก็รีบปล่อยเสิ่นหนานอี้ทันที หมุนตัวหยิบกระเป๋าเอกสาร เดินเข้าไปข้างในเสิ่นหนานอี้ถลึงตามองแผ่นหลังของซูชิง สาบานอยู่ในใจว่า ความเดือดดาลในวันนี้ จะต้องหาวิธีเอาคืนไอ้งี่เง่านี่ให้ได้!หลังจากที่เขากัดฟันลอบสาบานเสร็จ ก็เดินตามเข้าไป และก็เห็นซูหว่านกำลังจัดแจงเสื้อผ้าที่ยับเยินพอดี...เสิ่นหนานอี้กวาดตามองนาฬิกาที่แขวนอยู่ผนังโดยอัตโนมัติ จากนั้นมองเหยียดจี้ซือหาน เข้าไปใกล้หูซูหว่าน แล้วพูดเตือนเธอเสียงเบา"เขาเสร็จเร็วเกิน เธอพิจารณาอีกหน่อยไหม ยังไงซะเรื่องบนเตียงก็มีผลกับความยืนยาวในชีวิตคู่"ซูหว่านเกือบจะสำลักตายเพราะเขา "คุณพูดบ้าอะไร..."เสิ่นหนานอี้อยากจะเกลี้ยกล่อมซูหว่านต่อ แต่สัมผัสได้ถึงสายตาเย็นชากระหายเลือดกำลังจ้องมาที่มือซ้ายของเขาอยู่เขาค่อยๆหันกลับไป ก็เห็นดวงตาคมกริบลึกล้ำคู่นั้นกำลังจับจ้องที่มือซ้ายของเขาไม่กระพริบ...สายตาที่ท่านประธานจี้มองมือของเขานั้น ทำให้รู้สึกคุ้นๆยังไงไม่รู้ แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน...ตอนนี
ซูหว่านได้ยินว่าพวกเขาจะยืมผลงานไปเข้าร่วมแข่งขันเพื่อให้ได้กำไร ความกังวลในใจก็น้อยลงนิดหน่อย เพียงแต่...เธอหันไปมองจี้ซือหานอีกครั้ง "ฉันต้องเร่งทำโปรเจคอีกมาก อาจจะไม่ได้ออกแบบเสร็จเร็วขนาดนั้น"จี้ซือหานใช้มือข้างนึงกดเลนส์ลงอีกครั้ง "นานเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไร ฉันรอได้เสมอ"ประโยคนั้นของเขามีความนัย สายตาที่มองเธอก็ลึกล้ำมีความหมาย ซูหว่านรีบหลบสายตาของเขา แล้วหยิบปากกาเซ็นชื่อเธอยังไม่ทันได้จรดปากกา น้ำเสียงเย็นน่าฟังของจี้ซือหานก็ดังขึ้นที่เหนือศีรษะ "เซ็นชื่อซูหว่าน"มือที่จับปากกาของซูหว่านชะงักเล็กน้อย เธอมองจี้ซือหานอย่างไม่เข้าใจ"ชูยีต่างหากที่เป็นนักออกแบบชื่อดัง ฉันเป็นแค่เด็กใหม่""คุณเอาผลงานที่เป็นชื่อของฉันไปเข้าแข่งขัน ไม่มีทางได้รางวัลหรอก"อีกอย่าง คนที่ชื่อซูหว่าน ก็ตายไปตั้งแต่สามปีก่อนแล้วจี้ซือหานวางขาเรียวยาวลงอย่างเกียจคร้าย นั่งตัวตรง ยื่นมือออกมาลูบผมสั้นของซูหว่าน"เด็กดี เชื่อที่ฉันพูดสิ"ท่าทางที่เขากล่อมซูหว่านราวกับกล่อมแฟนสาวนั้น อยู่ในสายตาของเสิ่นหนานอี้ แล้วก็รู้สึกเหมือนโดนแย่งกับข้าวในจานไปหน้าตาเฉยซูหว่านรีบก้มหน้าด้วยความเกร็ง หลบส
เสิ่นหนานอี้ขึ้นชั้นบนไปด้วยความเร่งรีบ พุ่งไปตรงหน้าซูหว่านด้วยความตื่นเต้น "ห้าพันล้าน ต้องไปคนทั้งบริษัทไปฉลองหน่อย!"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็ดึงสายตากลับมามองเสิ่นหนานอี้ "คุณอยากฉลองยังไง?"เสิ่นหนานอี้กอดอก จับคางครุ่นคิดแล้วว่า "ฉันได้ยินว่าตัวท็อปของเฉียวเกาจงเด็ดกว่าไนท์คลับอีก ไม่งั้น...ก็ไปสุดเหวี่ยงกันที่ไนท์คลับของหล่อนเถอะ!"ซูหว่านเห็นว่าความตัณหาในใจของเขากลับ ก็พูดติดตลกว่า "อาจารย์เสิ่น แล้วความเป็นอาจารย์ของคุณล่ะ?"เสิ่นหนานอี้พูดด้วยความจริงจัง "เธอเข้าใจผิด ฉันไม่ใช่อาจารย์ ฉันไม่ได้เป็นคนด้วยซ้ำ ฉันเป็นแค่สัตว์ชั้นสูงก็เท่านั้น"ซูหว่านอดขำไม่ได้ หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาซานซาน ให้เธอจองห้องวีอีไอพีไว้ให้ค่าจ้างจากองค์การนาซ่าออกพอดี เสิ่นหนานอี้โอนเงินเข้าบัญชีของเธอผ่านฝ่ายบัญชีบริษัท แล้วก็มีเงินพาคนในบริษัทไปปาร์ตี้อีกด้วยเพียงแต่ ซูหว่านงยหน้ามองเสิ่นหนานอี้ "คนในบริษัท น่าจะเคยเจอพี่สาวฉันนะ จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?"เสิ่นหนานอี้โบกมือ "ชูยีอยู่อังกฤษเป็นเวลานาน ไม่ค่อยกลับมาเท่าไหร่ อีกอย่างคนในบริษัท ก็เป็นคนที่ฉันรับเข้ามาทีหลัง"ซูหว่านได้ยินดังนั