ประธานจี้จะมาเซ็นสัญญาที่บริษัทพวกเขาด้วยตัวเอง?เสิ่นหนานอี้ตกตะลึงขีดสุด ในขณะเดียวกันคิดไม่ตกประธานจี้ทิ้งซูหว่านตั้งแต่อยู่ที่วอชิงตันแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมถึงยังมาหาเธออีก?หรือว่าท่านประธานจี้ยังตัดใจจากลูกศิษย์ของเขาไม่ได้ ถึงได้อาศัยโปรเจคเพื่อใกล้ชิดเธอ?เสิ่นหนานอี้ค่อยๆก้มหน้าลง มองไปยังมือขวาของตัวเองเอาแต่รู้สึกว่ามือข้างนี้มากระดูเคลื่อนที่เอาตอนนี้มันแปลกๆ แต่เขาก็นึกไม่ออกว่าอะไรที่แปลกซูหว่านมองหน้าจอที่ดำสนิท แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยทำไมจี้ซือหานถึงจะให้เธอรับโปรเจคใหญ่ขนาดนี้?เธอขมวดคิ้วอยู่สักพัก แล้วโทรหาเสิ่นหนานอี้อีกรอบ"อาจารย์เสิ่น ไม่งั้นคุณปฏิเสธไปเถอะ ฉันต้องเร่งทำโปรเจคตั้งเยอะแยะขนาดนั้น ไม่มีเวลา..."เสิ่นหนานอี้ที่เพิ่งไปส่งรองประธานจ้าวเสร็จ ได้ยินคำนั้น รอยยิ้มสมมาตรบนใบหน้า ก็หุบลงทันที"โปรเจคอื่นๆเธอไม่ต้องไปลงพื้นที่สำรวจแล้ว เอามาให้ฉันทั้งหมด เธอตั้งใจออกแบบให้ดีก็พอ"ซูหว่านอยากจะพูดอะไรอีก เสิ่นหนานอี้ใช้ประโยคที่ว่า "ฉันตกลงกับอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว เอาตามนี้" จากนั้นก็วางสายไปเธอสูดหายใจลึก แล้วโทรหาซานซานอีกรอบ อยากถามว่าเธอจะก
ซูหว่านมองไปยังห้องทำงานขนาดใหญ่ จู่ๆหัวใจก็ค่อยๆเต้นตึกตักขึ้นมาเหมือนเลือดร้อนของพี่สาวกำลังเดือดพล่าน ส่งเสียงโห่ร้องอยู่ ทำให้เธอหันไปพยักหน้าให้เสิ่นหนานอี้อย่างไม่รู้ตัว"ตกลง..."ทันทีที่สิ้นสุดเสียงของเธอ เสียงขบวนรถบดถนนก็ดังขึ้นจากชั้นล่าง รถหรูสิบกว่าคันนําโดยคอนิกเส็กก์ จอดลงที่ประตูบอดี้การ์ดที่สวมสูทสีดําและผูกเน็คไท พากันลงจากรถ ยืนเรียงเป็นสองแถว อยู่ที่ด้านซ้ายและขวาของบริษัท...ภายในรถคอนิกเส็กก์ ซูชิงลงจากรถด้วยความรวดเร็ว อ้อมไปยังตำแหน่งข้างคนขับ เปิดประตูรถออก เชิญชายหนุ่มผู้มีเกียรติด้านในให้ออกมาภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่อง รูปร่างของชายหนุ่มสูงเพรียว กับเครื่องหน้าประณีตได้สัดส่วน งดงามไร้ที่ติภายใต้คิ้วที่ราวกับถูกวาดนั้น เป็นดวงตาคมเรียวที่สง่างามดังหมอก เป็นดวงตาสว่างสไวกับฟันขาวสะอาดที่สะกดวิญญาณผู้คนที่บริเวณสันจมูกโด่ง สวมแว่นกันขอบสีทอง เลนส์ขนาดใหญ่เพื่อปกปิดดวงตาดำขลับชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูรถ เปลี่ยนสไตล์ชุดสูทสีดําและเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เคยใส่เป็นประจำ เปลี่ยนเป็นชุดสูทสีน้ําเงินสีน้ำเงินที่สั่งทําพิเศษและดูหรูหรา ขับให้ชายหนุ่มราวกั
เขาเดินไปตรงหน้าซูหว่าน ร่างสูงโปร่งนั้น สร้างความกดดันที่มองไม่เห็นอย่างมหาศาลซูหว่านเห็นเขาเข้ามาใกล้มาก ก็ถอยหลังเล็กน้อยอย่างกดดัน ทิ้งระยะห่างของทั้งสองคนสายตาที่อยู่ภายใต้เลนส์แว่น คำนวณระยะห่างของทั้งคู่ แล้วก้าวขึ้นหน้าอีกก้าวซูหว่านถอยหลังด้วยสัญชาตญาณ แต่เขาก็ยังเดินขึ้นหน้าตามมาไม่เลิกเมื่อถอยหลังเรื่อยๆ เอวหลังก็กดลงบนโต๊ะ อีกนิดเดียวเกือบจะถูกบีบให้นั่งลงบนโต๊ะแล้วซูหว่านเงยขึ้นนวลขึ้น ช้อนสายตามองจี้ซือหานอย่างกระสับกระส่าย "คุณ..."ชายหนุ่มโน้มตัวลงกดเธอไว้บนโต๊ะ น้ำเสียงทุ้มต่ำแหบแห้งดังขึ้นแผ่วเบา "หว่านหว่าน ฉันมาหาเธอเพื่อเซ็นสัญญา"ซูหว่านเอนไปด้านหลังอีกครั้ง แล้วมองไปที่เขา "เซ็นสัญญาก็เซ็นสิ ไม่ต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้..."มุมปากของจี้ซือหานยกขึ้นยิ้มบางๆ ร่างกายกดลงมาอีกเล็กน้อย จนแนบชิดกับใบหูของซูหว่าน"ท่าที่ใกล้กว่านี้ เราก็ลองกันมาแล้ว ไม่ต้องใส่ใจกับเรื่องแค่นี้..."คำพูดอาจหาญโจ่งแจ้งนั้นคละคลุ้งไปด้วยลมหายใจอุ่นๆยั่วยวน เร่าร้อนอยู่ที่บริเวณใบหู จนรู้สึกชาเล็กน้อยซูหว่านเองศีรษะหนีอย่างอึกอัก ออกแรงผลักเขา ลงมาจากบนโต๊ะ เดินอ้อมไปยังโซนรับแ
หลังจากที่จี้ซือหานพูด "ขอโทษ" คำนึง ก็ปล่อยซูหว่านออก จากนั้นนั่งตัวตรง หันไปทางประตู"ซูชิง"ได้ยินเสียงเย็นชาลอดมาจากด้านใน ซูชิงก็รีบปล่อยเสิ่นหนานอี้ทันที หมุนตัวหยิบกระเป๋าเอกสาร เดินเข้าไปข้างในเสิ่นหนานอี้ถลึงตามองแผ่นหลังของซูชิง สาบานอยู่ในใจว่า ความเดือดดาลในวันนี้ จะต้องหาวิธีเอาคืนไอ้งี่เง่านี่ให้ได้!หลังจากที่เขากัดฟันลอบสาบานเสร็จ ก็เดินตามเข้าไป และก็เห็นซูหว่านกำลังจัดแจงเสื้อผ้าที่ยับเยินพอดี...เสิ่นหนานอี้กวาดตามองนาฬิกาที่แขวนอยู่ผนังโดยอัตโนมัติ จากนั้นมองเหยียดจี้ซือหาน เข้าไปใกล้หูซูหว่าน แล้วพูดเตือนเธอเสียงเบา"เขาเสร็จเร็วเกิน เธอพิจารณาอีกหน่อยไหม ยังไงซะเรื่องบนเตียงก็มีผลกับความยืนยาวในชีวิตคู่"ซูหว่านเกือบจะสำลักตายเพราะเขา "คุณพูดบ้าอะไร..."เสิ่นหนานอี้อยากจะเกลี้ยกล่อมซูหว่านต่อ แต่สัมผัสได้ถึงสายตาเย็นชากระหายเลือดกำลังจ้องมาที่มือซ้ายของเขาอยู่เขาค่อยๆหันกลับไป ก็เห็นดวงตาคมกริบลึกล้ำคู่นั้นกำลังจับจ้องที่มือซ้ายของเขาไม่กระพริบ...สายตาที่ท่านประธานจี้มองมือของเขานั้น ทำให้รู้สึกคุ้นๆยังไงไม่รู้ แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน...ตอนนี
ซูหว่านได้ยินว่าพวกเขาจะยืมผลงานไปเข้าร่วมแข่งขันเพื่อให้ได้กำไร ความกังวลในใจก็น้อยลงนิดหน่อย เพียงแต่...เธอหันไปมองจี้ซือหานอีกครั้ง "ฉันต้องเร่งทำโปรเจคอีกมาก อาจจะไม่ได้ออกแบบเสร็จเร็วขนาดนั้น"จี้ซือหานใช้มือข้างนึงกดเลนส์ลงอีกครั้ง "นานเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไร ฉันรอได้เสมอ"ประโยคนั้นของเขามีความนัย สายตาที่มองเธอก็ลึกล้ำมีความหมาย ซูหว่านรีบหลบสายตาของเขา แล้วหยิบปากกาเซ็นชื่อเธอยังไม่ทันได้จรดปากกา น้ำเสียงเย็นน่าฟังของจี้ซือหานก็ดังขึ้นที่เหนือศีรษะ "เซ็นชื่อซูหว่าน"มือที่จับปากกาของซูหว่านชะงักเล็กน้อย เธอมองจี้ซือหานอย่างไม่เข้าใจ"ชูยีต่างหากที่เป็นนักออกแบบชื่อดัง ฉันเป็นแค่เด็กใหม่""คุณเอาผลงานที่เป็นชื่อของฉันไปเข้าแข่งขัน ไม่มีทางได้รางวัลหรอก"อีกอย่าง คนที่ชื่อซูหว่าน ก็ตายไปตั้งแต่สามปีก่อนแล้วจี้ซือหานวางขาเรียวยาวลงอย่างเกียจคร้าย นั่งตัวตรง ยื่นมือออกมาลูบผมสั้นของซูหว่าน"เด็กดี เชื่อที่ฉันพูดสิ"ท่าทางที่เขากล่อมซูหว่านราวกับกล่อมแฟนสาวนั้น อยู่ในสายตาของเสิ่นหนานอี้ แล้วก็รู้สึกเหมือนโดนแย่งกับข้าวในจานไปหน้าตาเฉยซูหว่านรีบก้มหน้าด้วยความเกร็ง หลบส
เสิ่นหนานอี้ขึ้นชั้นบนไปด้วยความเร่งรีบ พุ่งไปตรงหน้าซูหว่านด้วยความตื่นเต้น "ห้าพันล้าน ต้องไปคนทั้งบริษัทไปฉลองหน่อย!"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็ดึงสายตากลับมามองเสิ่นหนานอี้ "คุณอยากฉลองยังไง?"เสิ่นหนานอี้กอดอก จับคางครุ่นคิดแล้วว่า "ฉันได้ยินว่าตัวท็อปของเฉียวเกาจงเด็ดกว่าไนท์คลับอีก ไม่งั้น...ก็ไปสุดเหวี่ยงกันที่ไนท์คลับของหล่อนเถอะ!"ซูหว่านเห็นว่าความตัณหาในใจของเขากลับ ก็พูดติดตลกว่า "อาจารย์เสิ่น แล้วความเป็นอาจารย์ของคุณล่ะ?"เสิ่นหนานอี้พูดด้วยความจริงจัง "เธอเข้าใจผิด ฉันไม่ใช่อาจารย์ ฉันไม่ได้เป็นคนด้วยซ้ำ ฉันเป็นแค่สัตว์ชั้นสูงก็เท่านั้น"ซูหว่านอดขำไม่ได้ หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาซานซาน ให้เธอจองห้องวีอีไอพีไว้ให้ค่าจ้างจากองค์การนาซ่าออกพอดี เสิ่นหนานอี้โอนเงินเข้าบัญชีของเธอผ่านฝ่ายบัญชีบริษัท แล้วก็มีเงินพาคนในบริษัทไปปาร์ตี้อีกด้วยเพียงแต่ ซูหว่านงยหน้ามองเสิ่นหนานอี้ "คนในบริษัท น่าจะเคยเจอพี่สาวฉันนะ จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?"เสิ่นหนานอี้โบกมือ "ชูยีอยู่อังกฤษเป็นเวลานาน ไม่ค่อยกลับมาเท่าไหร่ อีกอย่างคนในบริษัท ก็เป็นคนที่ฉันรับเข้ามาทีหลัง"ซูหว่านได้ยินดังนั
ซูหว่าน "..."เธอสงสัยว่าจี้ซือหานจงใจ ก็กัดฟันค้อนใส่เขา "คุณไม่มีมือหรือไง?"จี้ซือหานเห็นเธอหูแดงระเรื่อ มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นอ่อนๆ "ฉันอยากให้เธอช่วย"ซูหว่านสูดหายใจลึก ยกมือขาวนุ่มขึ้นถอดแว่นออกจากสันจมูกให้เขาอย่างมีความอดทนทันทีที่ถอดออก ก็เห็นชายหนุ่มหันหน้ามาจูบลงบนริมฝีปากของเธอ ริมฝีปากบางที่ดื่มด่ำอยู่นั้น สำรวจอย่างบ้าคลั่งขณะที่จูบเธอ ก็เอื้อมมือไปจับเอวของเธอ ดึงเธอให้เข้าใกล้ร่างของเขา ลมหายใจที่คลอเคลีย ลอยมาจากระหว่างริมฝีปากและฟันมือทั้งสองข้างของซูหว่านกดตรงบริเวณหน้าอกของเขา ออกแรงผลักเขาออก แต่ไม่ว่ายังไงก็ผลักไปออก จึงได้แต่ช้อนดวงตาขึ้นจ้องเขา...เมื่อจี้ซือหานจูบจนตัวเองแทบจะหมดลมหายใจแล้ว ถึงได้คลายหญิงสาวในอ้อมกอดที่ทำให้เขาเสพติดราวกับดอกป็อบปี้ออกอย่างอาวรณ์เขาลิ้มรสชาติของเธอมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งก็ทำเขาอารมณ์ค้างเสมอ คงเพราะรักผู้หญิงคนนี้จนหมดหัวใจเท่านั้น ที่จะทำให้เขาเป็นแบบนี้ได้เขามองซูหว่านที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอหอบหายใจพร้อมกับถลึงตาใส่เขาไปด้วย ในแววตาของชายหนุ่มก็เผยสีหน้าเหมือนกับชีวิตนี้เขาต้องการเธอเท่านั้น"หว่านหว่าน เอาโทรศ
ชายหนุ่มปรายตาลงมองข้อความเล็กน้อย แล้วค่อยๆช้อนสายตาขึ้นมองเธอ"เธอเป็นห่วงฉัน?"น้ำเสียงเกียจคร้านของเขา แฝงไว้ด้วยความเซ็กซี่ ราวกับจงใจสะกดเธอ ให้พูดคำตอบที่เขาอยากได้ยินออกมาแต่ซูหว่านไม่ได้ต้องมนสะกด เพียงจ้องเขาขึ้นลงอย่างประเมิน...ดวงตาคมที่ลึกล้ำ แม้จะหายแดงแล้ว แต่ก็ยังทิ้งรอยเส้นเลือดจางๆไว้อยู่ริมฝีปากบางที่ประทับลงบนริมฝีปากสีแดงของเธอ มองไม่เห็นสีเดิมเลย แต่ใบหน้าหล่อเหลานั่นยังเผยให้เห็นสีขาวซีดที่ไม่ปกติซูหว่านเห็นเขาในสภาพนี้ แววตาก็เผยความรู้สึกที่ซับซ้อน ขณะที่ริมฝีปากแดงเผยอออก อยากจะพูด จู่ๆเขาก็โน้มตัวเข้ามาหากลิ่นหอมซีดาร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาลอยเข้ามา ทำให้หัวใจของซูหว่านสั่น แนบตัวติดกับหน้าต่างด้วยความเกร็งแผ่นหลังของเธอเพิ่งจะติดกับหน้าต่างรถ ก็เห็นปลายนิ้วที่ถูกตัดแต่งอย่างเรียบร้อย ลูบผ่านแก้มเบาๆ ไปคร่อมกับหน้าต่างรถหลังจากชายหนุ่มต้อนเธอแล้ว ก็ทอดสายตาลงมา "หว่านหว่าน ตอบฉัน..."ขณะที่ใบหน้างดงามประณีตนั่นเข้ามาใกล้สายตา ซูหว่านก็เข้าไปอยู่ในดวงตาที่ระยิบระยับราวกับมีดวงดาวอยู่เต็มท้องฟ้าคู่นั้นพอดีแสงดวงดาวระยิบระยับนั่นเข้ามาในดวงตาข