เมื่อซานซานได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็โล่งอก "งั้นฉันก็ไว้ใจแล้ว แต่ฉันจะไม่เอามรดกนายหรอก"ซานซานพูดจบก็ลุกขึ้น ไม่พูดพร่ำอ้อมค้อมกับซ่งซือเยว่ซ่งซือเยว่เห็นเธอรีบเดินออกไปก็ส่ายหัวเล็กน้อยซานซานยังคงเหมือนตอนเด็ก ๆ ให้ตายยังไงก็ไม่เอาของของเขาแต่เธอดูแลเขามาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่ายังไงก็ต้องคืนบุญคุณนี้เขาหันไปมองกู้เจ๋อแล้วบอกกับเขา "เก็บไว้ก่อนเถอะ ไว้เธอมาคราวหน้าฉันค่อยให้เธออีก"กู้เจ๋อพยักหน้า หยิบซองเอกสารขึ้นมาแล้วหมุนตัวเข้าไปในห้องทำงานตอนออกมาซ่งซือเยว่ก็สั่งอีก "ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่นายต้องไปทำ..."กู้เจ๋อถาม "เรื่องอะไรครับ?"ซ่งซือเยว่มองคฤหาสน์หลังนี้และเสี่ยวโยวที่กำลังทำมื้เช้าในครัว แล้วบอกกับกู้เจ๋อว่า "สามปีมานี้ เขาให้ที่อยู่อาศัยฉัน จ้างพนักงานดูแลและยังส่งคนมากมายมาปกป้องฉันอีก ค่าใช้จ่ายพวกนี้ไม่ใช่น้อย ๆ นายคิดคำนวนดูแล้วคืนเขาซะ"สิ่งที่เขาคืนให้ได้ในตอนนี้ก็มีแค่พวกนี้ ส่วนหนี้ชีวิตถ้าวันไหนเขาต้องการให้เขาคืน เขาจะใช้ชีวิตนี้คืนเองกู้เจ๋อตอบกลับว่าครับ จากนั้นก็ไปกินมื้อเช้าง่าย ๆ ในครัวแล้วออกจากคฤหาสน์ไปทำธุระ...กลุ่มบริษัทจี้ ห้องทำงานท่านประธา
ซูชิงรู้ว่าเขาได้ยินชัดเจนแล้วแต่แค่ไม่อยากยอมรับเขามองจี้ซือหานอย่างน่าเห็นใจ "ประธานจี้ ตอนที่คุณผลักคุณซูให้กู้จิ่งเซินด้วยตัวคุณเอง ผลลัพธ์ก็ถูกกำหนดให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว"ใบหน้าหลล่อเหลาไร้ที่ติของจี้ซือหานซีดเล็กน้อย แววตาเรียบเฉยมีสีแดงสดปรากฏเขากำบัตรธนาคารใบนั้นแน่น ไฟโทสะอันท่วมท้นทำให้เขาบีบบัตรจนหักอย่างแรงจนแทบจะแหลกเป็นชิ้น"ประธานจี้..."ซูชิงมองชายหนุ่มที่สั่นสะท้านไปทั้งตัวด้วยความกังวล"เตรียมรถ!"ซูชิงผงะไปเล็กน้อยแต่ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็วแล้วตอบว่า "ครับ" จากนั้นก็รีบออกไปณ ร้านชุดแต่งงาน ม่านห้องลองชุดถูกลากออกจากสองฝั่ง ซูหว่านสวมชุดเจ้าสาวซีทรูลายยิปโซหันมาเธอคิดว่าจะได้เห็นซานซาน แต่ไม่คิดว่าคนที่ยืนอยู่ข้างนอกนั้นจะเป็น จี้ซือหานเขาสวมชุดสูทสีดำ ใบหน้าหล่อเหลาเต็ไมปด้วยความเย็นชา ดวงตาแดงคู่นั้นกำลังจ้องเธอซูหว่านเห็นสายตาแบบนั้นก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย รีบยกชายกระโปรงชุดเจ้าสาวอยากออกไปหาซานซานแต่จังหวะที่เดินสวนกับเขา จู่ ๆ เขาก็จับแขนเธอแล้วดึงเธอกลับไปในห้องลองชุดวินาทีที่ผ้าม่านปิดลงชายหนุ่มก็กดเธอไว้กับกำแพงทันทีเขาก้มหน้า กวาดต
ราวกับว่าอารมณ์ที่อัดอั้นมานานเกิดปะทุขึ้นมาอย่างกระทันหัน เขาจูบเธออย่างรุนแรงแบบที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ซูหว่านต่อต้านสุดชีวิต แต่เขาก็เหมือนเป็นบ้าไปแล้วเค้าพยามฉีกชุดแต่งงานของเธอโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นวินาทีที่ชุดแต่งงานแบบเกาะอกถูกฉีกขาด ซูหว่านหน้าซีดเผือด สายตาที่เธอมองเขาแฝงไปด้วยแววเกลียดชังแต่เขายังคงจูบเธออย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนอะไร ในขณะเดียวกัน มือของเขาก็ประคองเอวเธอไว้ดึงเธอมาแนบชิดกายซูหว่านถูกบังคับให้ต้องทนกับการกระทำทั้งหมดนี้ เธอพยายามดิ้นสบัดขาแต่ก็โดนเขาเอาขามาหนีบไว้จนขยับตัวไม่ได้เหมือนตุ๊กตาที่ไม่มีชีวิตเธอทำได้เพียงต้องยอมเปิดปากที่เม้มแน่นมาตลอดและอาศัยจังหวะที่ชายหนุ่มพยายามบุกรุกเข้ามาในปากของเธอกัดเขาจี้ซือหานเจ็บจนต้องขมวดคิ้วเป็นปม แต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อย เขาจ้องมองใบหน้าเรียวเล็กของเธอด้วยดวงตาแดงก่ำ อยากดูว่าจะโหดร้ายได้ถึงแค่ไหนกันเชียว…ซูหว่านเห็นว่าเขายังไม่ยอมปล่อยตัวเอง ก็เลยออกแรงมากขึ้นอย่างกระทันหัน…ริมฝีปากบางของจี้ซือหาน กระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มที่ซีดเผือดนั้นสะท้อนเข้ามาในดวงตามันทำให้เขาผิดหวัง เขาจึงค่อย ๆ ปล่อยเธอช้า ๆ
"หมื่นห้าพันล้านที่ให้เธอ ฉันเดือดร้อนเหรอ ฉันต้องการเงินซ่งซือเยว่เหรอ ทำไมพวกเธอต้องเอาเงินมาเหยียดหยามฉันด้วย?!""ฉันยอมปล่อยมือแล้วแท้ ๆ ทำไมเธอกับเขาต้องมาตอกย้ำความรู้สึกฉันด้วย จะบีบคั้นกันให้ตายเลยหรือไง?"หลังจากจี้ซือหานตะคอกออกไปแล้ว เขาก็เอาหน้ามาแนบหน้าผากของเธอแล้วถามเธอด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "ซูหว่าน ถ้าฉันตายแล้วเธอจะมีความสุขใช่ไหม…?"พอซูหว่าน ได้ยินประโยคนี้เธอก็ใจสั่นขึ้นมา เธอเงยหน้ามองหน้าเขา "แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง คุณออกเงินให้ฉันตั้งมากขนาดนั้น มันเหมือนก้อนหินที่กดทับอยู่ในใจฉันคุณรู้ไหม หินก้อนนี้ทับจนฉันหายใจไม่ออก ฉันเลยต้องเลือกคืนเงินให้คุณไง…"จี้ซือหานส่ายหัวเบา "ฉันไม่ได้อยากให้เธอคืนเงิน ฉันต้องการแค่เธอ ซูหว่าน ฉันต้องการเธอเท่านั้น ขอร้องล่ะกลับมาอยู่กับฉันเถอะนะ…"น้ำเสียงทุ้มกังวานของเขาเต็มไปด้วยแววขอร้อง ดวงตาคู่งามจ้องเธอไม่วางตา หวังว่าเธอจะยอมใจอ่อนตอบเขาว่า "ได้" เหมือนกับที่ผ่านมาแต่เธอกลับไม่ตอบสนองใด ๆ เธอมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย "จี้ซือหาน ลืมฉันไปเถอะ"น้ำเสียงของเธอเย็นชาเป็นที่สุด เหมือนกับว่าตัดสินใจมาแล้วว่าจะไม่ย้อนกลับไป
ซูหว่านส่ายหน้าให้เขา "ไม่เอา ฉันไม่อยากให้คุณส่งฉันเข้าพิธีแต่งงาน"เธอผลักจี้ซือหานออกไปแล้วไปหลบออดอกอยู่ในมุม ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความท้อแท้จี้ซือหานคุกเข่าข้างเดียวต่อหน้าเธอ เขาจ้องเธออยู่พักหนึ่งก่อนขยับริมฝีปากบางพูดว่า "ในวันแต่งงานของเธอเจ้าบ่าวของเธอไม่ใช่ฉัน แต่อย่างน้อยให้ฉันได้เป็นคนที่ส่งเธอเข้าพิธีเถอะนะ งานแต่งของเธอ ฉันไม่ไปไม่ได้หรอก…"ซูหว่าน ยังคงสายหน้าปฏิเสธเหมือนเดิม "ไม่เอา…"ดวงตาคู่งามของจี้ซือหานค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ "หว่านหว่าน เห็นแก่ที่ฉันรักเธอมาสิบปี ให้โอกาสฉันสักครั้งเถอะนะ"น้ำตาที่ซูหว่านฝืนกลั้นเอาไว้ไหลพรากลงมาทันใด "จี้ซือหาน ฉันขอร้องล่ะนะ อย่าบังคับฉันเลย"เค้าเอื้อมนิ้วมือเรียวยาวของตัวเองออกมาปาดน้ำเค้าเอื้อมนิ้วมือเรียวยาวของตัวเองออกมาปาดน้ำปลาให้เธอแล้วบอกกับเธอว่า "เธอไม่เลือกฉันน่ะ ฉันดีแต่ทำให้เธอร้องไห้"เค้าใช้ฝ่ามือรูปใบหน้าของเธอซ้ำแล้วเค้าใช้ฝ่ามือรูปใบหน้าของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า "หว่านหว่าน ห้าปีมานี้ที่เธออยู่กับฉัน ฉันทำให้เธอต้องลำบาก…"ซูหว่านยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองร้องไห้จนแทบเสียสติเธอไม่เคยคิดเลยว่าจี้ซือหาน
ซูหว่านยังคงขดตัวอยู่ในมุมไม่ขยับเมื่อเห็นว่าเค้าถือเสื้อผ้าเสื้อผ้าเข้ามาให้ถึงขยับตาเล็กน้อยจี้ซือหานมองเธอ เขาไม่กล้าเดินไปตรงหน้าเธอก็เลยเอาชุดวางไว้ที่โซฟาด้านข้างเมื่อแผ่นหลังที่เย็นชานั้นหันหลังเดินออกไป เธอก็ถอดสายตากลับมาแล้วมองไปที่ชุดนั้นเธอเลิกผ้าห่มแล้วหยิบชุดนั้นขึ้นมา พอใส่เสร็จแล้วก็เข้าไปล้างหน้าในห้องอาบน้ำในห้องนอนเธอล้างคราบน้ำหลังคราบน้ำตาบนหน้าจนสะอาดแล้วก็จัดการผมที่ยุ่งเหยิงเสร็จแล้วถึงออกมาจากห้องเธอเห็นจี้ซือหานยืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่างกระจกยาวจรดพื้น แสงของพระอาทิตย์ตกส่องกระทบบนตัวเขาทำให้เขาดูมีออราสีทองจาง ๆพอเขาได้ยินเสียงก็หันหันหลังกลับมาดวงตาคู่งามล้ำมองชุดของเธออย่างพิจารณา"สีขาวเหมาะกับเธอที่สุดแล้ว"ตั้งแต่เธอกลับประเทศมาก็ใส่แต่ชุดสีแดงตลอดไม่เหมือนเธอเลยซูหว่านพูดด้วยความไม่เป็นตัวเองว่า "ฉันกลับก่อนนะ"จากนั้นเธอก้มหน้าแล้วเดินออกนอกประตูไปเลยจี้ซือหานกำมือแน่น วินาทีที่เธอพักประตูเปิดออกเขารีบตามไปบอกว่า "ฉันไปส่ง"ซูหว่านหันกลับมองเขาแล้วพูดกับเขาด้วยความสุภาพและห่างเหินว่า "ขอบคุณนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก"เธอกลับหลังหันปิดประตูแล
คุณหมอสวี่เป็นศัลยแพทย์ที่ค่อนข้างโดดเด่นของโรงพยาบาลเธอ ไม่เพียงเป็นคนจิตใจดี อีกทั้งยังเรียบร้อยอ่อนโยนน่าเสียดายที่เมื่อกี้พี่ชายของเธอกลีบเอาแต่ก้มหน้ากินข้าว ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเขาบ้างเลยช่างเป็นผู้ชายแท้ที่ซื่อบื้อที่สุดแต่คุณหมอสวี่ก็เข้าใจ "ไม่เป็นไร ปกติแล้วฉันเองก็งานยุ่งมากเหมือนกัน"อลันได้แต่หัวเราะแล้วก็พยักหน้าเบาๆ จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรเพื่อกอบกู้บรรยากาศที่พี่ชายของเธอได้ทำลายลงไปดีคุณหมอสวี่มองเธอทีหนึ่ง จากนั้นก็หยิบมีดกับส้อมขึ้นมาหั่นสเต๊กชิ้นหนึ่งเข้าปากกินอย่างเอร็ดอร่อย อย่างชาญฉลาด"เมื่อกี้พี่ชายของเธออยู่ที่นี่ ทำเอาฉันไม่กล้ากินอะไรเลย ดีนะที่เขาไปแล้ว ไม่งั้นฉันคงต้องหิวตายแน่..."ท่าทางการกินอาหารอย่างมูมมามของคุณหมอสวี่ ทำให้อลันรู้สึกผ่อนคลายลงไปด้วยเช่นกันในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังกินไปคุยไปอยู่นั้น ซูเหยียนก็จูงมือผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาจากประตูด้านนอกในตอนที่ได้เห็นอลัน เขาก็อยากที่จะปล่อยมือออกทันที แต่ก็ถูกอลันเห็นเข้าซะก่อนเป็นอลันที่ไม่ได้มีปฏิกริยาอะไร เบนสายตาออกไป แล้วคุยกับคุณหมอสวี่ต่อ ราวกับว่ามองไม่เห็นเมื่อซูเหยี
ซูเหยียนถึงได้กดความต้องการภายในของตัวเองไว้แล้วรีบขับรถมาที่นอกเมืองอย่างรวดเร็วหลังจากที่เขาจอดรถไว้ข้างทางเรียบร้อย ก็ย้ายตัวเองไปเบาะหลังจากนั้นก็อุ้มตัวของอลันมาจูบริมฝีปากอย่างบ้าคลั่งความคิดถึงที่ไม่ได้รับการปลดปล่อยของซูเหยียนในหลายวันมานี้ ในที่สุดก็ได้รับการปลดปล่อยอลันที่กกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา มองเขาที่กำลังมัวเมาด้วยความปรารถนาร้อนแรง จึงถามหยั่งเชิงออกไปว่า "คุณ...คิดจะแต่งงานกับฉันเมื่อไรคะ?"นิ้วมือที่กำลังลูบไล้ใบหน้าของเธออยู่ชะงักกึก ความปรารถนาในดวงตาจางหายไป แล้วตอบกลับอย่างเย็นชาไปประโยคหนึ่ง "คนในตระกูลซูคงไม่เห็นด้วยถ้าผมจะแต่งงานกับคุณ"อลันยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากอดลำคอของเขาเอาไว้ แล้วมองเขาอย่างยั่วยวน "แล้วคุณล่ะคะ?"สีหน้าของซูเหยียนชะงักไปเล็กน้อย แต่สายตากลับปรากฎร่องรอยของความอ่อนหวาน แต่ก็ไม่อยากยอมรับ "ไม่อยากแต่งด้วย"เมื่ออลันได้ยินดังนั้น ก็ผิดหวัง วางมือที่โอบรอบคอของเขาลง "ฉันเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ต้องแต่งงานแล้ว..."เมื่อซูเหยียนได้ยินว่าเธอจะแต่งงาน จู่ๆ หัวใจของเขาก็รู้สึกว่างเปล่าและเจ็บปวด จากนั้นความรู้สึกโมโหอย่างประหลาดก็ไล่ขึ้น