ราวกับว่าอารมณ์ที่อัดอั้นมานานเกิดปะทุขึ้นมาอย่างกระทันหัน เขาจูบเธออย่างรุนแรงแบบที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ซูหว่านต่อต้านสุดชีวิต แต่เขาก็เหมือนเป็นบ้าไปแล้วเค้าพยามฉีกชุดแต่งงานของเธอโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นวินาทีที่ชุดแต่งงานแบบเกาะอกถูกฉีกขาด ซูหว่านหน้าซีดเผือด สายตาที่เธอมองเขาแฝงไปด้วยแววเกลียดชังแต่เขายังคงจูบเธออย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนอะไร ในขณะเดียวกัน มือของเขาก็ประคองเอวเธอไว้ดึงเธอมาแนบชิดกายซูหว่านถูกบังคับให้ต้องทนกับการกระทำทั้งหมดนี้ เธอพยายามดิ้นสบัดขาแต่ก็โดนเขาเอาขามาหนีบไว้จนขยับตัวไม่ได้เหมือนตุ๊กตาที่ไม่มีชีวิตเธอทำได้เพียงต้องยอมเปิดปากที่เม้มแน่นมาตลอดและอาศัยจังหวะที่ชายหนุ่มพยายามบุกรุกเข้ามาในปากของเธอกัดเขาจี้ซือหานเจ็บจนต้องขมวดคิ้วเป็นปม แต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อย เขาจ้องมองใบหน้าเรียวเล็กของเธอด้วยดวงตาแดงก่ำ อยากดูว่าจะโหดร้ายได้ถึงแค่ไหนกันเชียว…ซูหว่านเห็นว่าเขายังไม่ยอมปล่อยตัวเอง ก็เลยออกแรงมากขึ้นอย่างกระทันหัน…ริมฝีปากบางของจี้ซือหาน กระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มที่ซีดเผือดนั้นสะท้อนเข้ามาในดวงตามันทำให้เขาผิดหวัง เขาจึงค่อย ๆ ปล่อยเธอช้า ๆ
"หมื่นห้าพันล้านที่ให้เธอ ฉันเดือดร้อนเหรอ ฉันต้องการเงินซ่งซือเยว่เหรอ ทำไมพวกเธอต้องเอาเงินมาเหยียดหยามฉันด้วย?!""ฉันยอมปล่อยมือแล้วแท้ ๆ ทำไมเธอกับเขาต้องมาตอกย้ำความรู้สึกฉันด้วย จะบีบคั้นกันให้ตายเลยหรือไง?"หลังจากจี้ซือหานตะคอกออกไปแล้ว เขาก็เอาหน้ามาแนบหน้าผากของเธอแล้วถามเธอด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "ซูหว่าน ถ้าฉันตายแล้วเธอจะมีความสุขใช่ไหม…?"พอซูหว่าน ได้ยินประโยคนี้เธอก็ใจสั่นขึ้นมา เธอเงยหน้ามองหน้าเขา "แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง คุณออกเงินให้ฉันตั้งมากขนาดนั้น มันเหมือนก้อนหินที่กดทับอยู่ในใจฉันคุณรู้ไหม หินก้อนนี้ทับจนฉันหายใจไม่ออก ฉันเลยต้องเลือกคืนเงินให้คุณไง…"จี้ซือหานส่ายหัวเบา "ฉันไม่ได้อยากให้เธอคืนเงิน ฉันต้องการแค่เธอ ซูหว่าน ฉันต้องการเธอเท่านั้น ขอร้องล่ะกลับมาอยู่กับฉันเถอะนะ…"น้ำเสียงทุ้มกังวานของเขาเต็มไปด้วยแววขอร้อง ดวงตาคู่งามจ้องเธอไม่วางตา หวังว่าเธอจะยอมใจอ่อนตอบเขาว่า "ได้" เหมือนกับที่ผ่านมาแต่เธอกลับไม่ตอบสนองใด ๆ เธอมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย "จี้ซือหาน ลืมฉันไปเถอะ"น้ำเสียงของเธอเย็นชาเป็นที่สุด เหมือนกับว่าตัดสินใจมาแล้วว่าจะไม่ย้อนกลับไป
ซูหว่านส่ายหน้าให้เขา "ไม่เอา ฉันไม่อยากให้คุณส่งฉันเข้าพิธีแต่งงาน"เธอผลักจี้ซือหานออกไปแล้วไปหลบออดอกอยู่ในมุม ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความท้อแท้จี้ซือหานคุกเข่าข้างเดียวต่อหน้าเธอ เขาจ้องเธออยู่พักหนึ่งก่อนขยับริมฝีปากบางพูดว่า "ในวันแต่งงานของเธอเจ้าบ่าวของเธอไม่ใช่ฉัน แต่อย่างน้อยให้ฉันได้เป็นคนที่ส่งเธอเข้าพิธีเถอะนะ งานแต่งของเธอ ฉันไม่ไปไม่ได้หรอก…"ซูหว่าน ยังคงสายหน้าปฏิเสธเหมือนเดิม "ไม่เอา…"ดวงตาคู่งามของจี้ซือหานค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ "หว่านหว่าน เห็นแก่ที่ฉันรักเธอมาสิบปี ให้โอกาสฉันสักครั้งเถอะนะ"น้ำตาที่ซูหว่านฝืนกลั้นเอาไว้ไหลพรากลงมาทันใด "จี้ซือหาน ฉันขอร้องล่ะนะ อย่าบังคับฉันเลย"เค้าเอื้อมนิ้วมือเรียวยาวของตัวเองออกมาปาดน้ำเค้าเอื้อมนิ้วมือเรียวยาวของตัวเองออกมาปาดน้ำปลาให้เธอแล้วบอกกับเธอว่า "เธอไม่เลือกฉันน่ะ ฉันดีแต่ทำให้เธอร้องไห้"เค้าใช้ฝ่ามือรูปใบหน้าของเธอซ้ำแล้วเค้าใช้ฝ่ามือรูปใบหน้าของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า "หว่านหว่าน ห้าปีมานี้ที่เธออยู่กับฉัน ฉันทำให้เธอต้องลำบาก…"ซูหว่านยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองร้องไห้จนแทบเสียสติเธอไม่เคยคิดเลยว่าจี้ซือหาน
ซูหว่านยังคงขดตัวอยู่ในมุมไม่ขยับเมื่อเห็นว่าเค้าถือเสื้อผ้าเสื้อผ้าเข้ามาให้ถึงขยับตาเล็กน้อยจี้ซือหานมองเธอ เขาไม่กล้าเดินไปตรงหน้าเธอก็เลยเอาชุดวางไว้ที่โซฟาด้านข้างเมื่อแผ่นหลังที่เย็นชานั้นหันหลังเดินออกไป เธอก็ถอดสายตากลับมาแล้วมองไปที่ชุดนั้นเธอเลิกผ้าห่มแล้วหยิบชุดนั้นขึ้นมา พอใส่เสร็จแล้วก็เข้าไปล้างหน้าในห้องอาบน้ำในห้องนอนเธอล้างคราบน้ำหลังคราบน้ำตาบนหน้าจนสะอาดแล้วก็จัดการผมที่ยุ่งเหยิงเสร็จแล้วถึงออกมาจากห้องเธอเห็นจี้ซือหานยืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่างกระจกยาวจรดพื้น แสงของพระอาทิตย์ตกส่องกระทบบนตัวเขาทำให้เขาดูมีออราสีทองจาง ๆพอเขาได้ยินเสียงก็หันหันหลังกลับมาดวงตาคู่งามล้ำมองชุดของเธออย่างพิจารณา"สีขาวเหมาะกับเธอที่สุดแล้ว"ตั้งแต่เธอกลับประเทศมาก็ใส่แต่ชุดสีแดงตลอดไม่เหมือนเธอเลยซูหว่านพูดด้วยความไม่เป็นตัวเองว่า "ฉันกลับก่อนนะ"จากนั้นเธอก้มหน้าแล้วเดินออกนอกประตูไปเลยจี้ซือหานกำมือแน่น วินาทีที่เธอพักประตูเปิดออกเขารีบตามไปบอกว่า "ฉันไปส่ง"ซูหว่านหันกลับมองเขาแล้วพูดกับเขาด้วยความสุภาพและห่างเหินว่า "ขอบคุณนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก"เธอกลับหลังหันปิดประตูแล
คุณหมอสวี่เป็นศัลยแพทย์ที่ค่อนข้างโดดเด่นของโรงพยาบาลเธอ ไม่เพียงเป็นคนจิตใจดี อีกทั้งยังเรียบร้อยอ่อนโยนน่าเสียดายที่เมื่อกี้พี่ชายของเธอกลีบเอาแต่ก้มหน้ากินข้าว ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเขาบ้างเลยช่างเป็นผู้ชายแท้ที่ซื่อบื้อที่สุดแต่คุณหมอสวี่ก็เข้าใจ "ไม่เป็นไร ปกติแล้วฉันเองก็งานยุ่งมากเหมือนกัน"อลันได้แต่หัวเราะแล้วก็พยักหน้าเบาๆ จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรเพื่อกอบกู้บรรยากาศที่พี่ชายของเธอได้ทำลายลงไปดีคุณหมอสวี่มองเธอทีหนึ่ง จากนั้นก็หยิบมีดกับส้อมขึ้นมาหั่นสเต๊กชิ้นหนึ่งเข้าปากกินอย่างเอร็ดอร่อย อย่างชาญฉลาด"เมื่อกี้พี่ชายของเธออยู่ที่นี่ ทำเอาฉันไม่กล้ากินอะไรเลย ดีนะที่เขาไปแล้ว ไม่งั้นฉันคงต้องหิวตายแน่..."ท่าทางการกินอาหารอย่างมูมมามของคุณหมอสวี่ ทำให้อลันรู้สึกผ่อนคลายลงไปด้วยเช่นกันในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังกินไปคุยไปอยู่นั้น ซูเหยียนก็จูงมือผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาจากประตูด้านนอกในตอนที่ได้เห็นอลัน เขาก็อยากที่จะปล่อยมือออกทันที แต่ก็ถูกอลันเห็นเข้าซะก่อนเป็นอลันที่ไม่ได้มีปฏิกริยาอะไร เบนสายตาออกไป แล้วคุยกับคุณหมอสวี่ต่อ ราวกับว่ามองไม่เห็นเมื่อซูเหยี
ซูเหยียนถึงได้กดความต้องการภายในของตัวเองไว้แล้วรีบขับรถมาที่นอกเมืองอย่างรวดเร็วหลังจากที่เขาจอดรถไว้ข้างทางเรียบร้อย ก็ย้ายตัวเองไปเบาะหลังจากนั้นก็อุ้มตัวของอลันมาจูบริมฝีปากอย่างบ้าคลั่งความคิดถึงที่ไม่ได้รับการปลดปล่อยของซูเหยียนในหลายวันมานี้ ในที่สุดก็ได้รับการปลดปล่อยอลันที่กกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา มองเขาที่กำลังมัวเมาด้วยความปรารถนาร้อนแรง จึงถามหยั่งเชิงออกไปว่า "คุณ...คิดจะแต่งงานกับฉันเมื่อไรคะ?"นิ้วมือที่กำลังลูบไล้ใบหน้าของเธออยู่ชะงักกึก ความปรารถนาในดวงตาจางหายไป แล้วตอบกลับอย่างเย็นชาไปประโยคหนึ่ง "คนในตระกูลซูคงไม่เห็นด้วยถ้าผมจะแต่งงานกับคุณ"อลันยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากอดลำคอของเขาเอาไว้ แล้วมองเขาอย่างยั่วยวน "แล้วคุณล่ะคะ?"สีหน้าของซูเหยียนชะงักไปเล็กน้อย แต่สายตากลับปรากฎร่องรอยของความอ่อนหวาน แต่ก็ไม่อยากยอมรับ "ไม่อยากแต่งด้วย"เมื่ออลันได้ยินดังนั้น ก็ผิดหวัง วางมือที่โอบรอบคอของเขาลง "ฉันเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ต้องแต่งงานแล้ว..."เมื่อซูเหยียนได้ยินว่าเธอจะแต่งงาน จู่ๆ หัวใจของเขาก็รู้สึกว่างเปล่าและเจ็บปวด จากนั้นความรู้สึกโมโหอย่างประหลาดก็ไล่ขึ้น
ที่เมืองหลวงกำลังมีฝนตกปลอยๆ กลุ่มคนที่สวมหน้ากาก กำลังล้อมรถลีมูซีนคันหนึ่งอยู่ชายวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบกว่าปีกำลังกอดชู้รักซึ่งเป็นสาววัยรุ่นอายุประมาณยี่สิบกว่าๆ ไว้ในอ้อมแขนทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ร่างกายเปลือยเปล่า พยายามซ่อนตัวอยู่ที่เบาะคนนั่งด้านหลัง มองดูกลุ่มคนที่ปรากฎตัวขึ้นอย่างกระทันหันอย่างหวาดกลัวจนตัวสั่นและที่ยิ่งทำให้ผู้ชายรู้สึกสิ้นหวังมากกว่าคือ ภรรยาของเขาก็ถูกกลุ่มชายชุดดำเชิญมาดูไลฟ์หนังสดถึงสถานที่จริงด้วยเช่นกัน..."กู้จั้วหลิน! ไอ้คนไร้ยางอาย!"ผู้หญิงกรีดร้องตะโกนออกมาเสียงดัง อยากจะพุ่งเข้าไปฆ่าชายโฉดชายชั่วคู่นี้ซะให้ตายอาเจ๋อเชิดคางเล็กน้อย แล้วมองไปทางชายที่สวมหน้ากากข้างๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ถูกปิดปากแล้วลากตัวออกไปทันทีผู้ชายที่อยู่ในรถกำลังจะมองไปที่อาเจ๋ออย่างขอบคุณ แต่ก็ถูกเขาเปิดประตูลากตัวลงมาจากรถซะก่อนผู้ชายล้มลงมาบนพื้นอย่างไม่เป็นท่า ยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นมา อาเจ๋อก็ใช้เท้าเหยียบลงไปขนหลังของเขาซะก่อนผู้ชายรู้สึกเจ็บตรงหน้าอกมาก ราวกับร่างกายของเขาถูกกดทับด้วยน้ำหนักกว่าร้อยโลก็ไม่ปาน หนักจนเขาไม่อาจจะหายใจได้...เขาเงยหน
สายตาที่กู้จั้วหลินมองเขา ไม่ใช่สายตาที่ดูแคลนอีกต่อไป แต่กลับแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัว "แกเป็นใครกันแน่?!"กู้จั้วหลินเหลือบมองเขาทีหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างไร้ความอดทนว่า "ให้เวลาแกหนึ่งนาที"เขาใช้มีดสั้นในมือชี้ไปที่สัญญาฉบับนั้น เป็นเชิงว่าให้เขาเซ็นให้เสร็จในเวลาหนึ่งนาที ไม่เช่นนั้นจุดจบเขาจะเป็นคนตัดสินใจเองตอนที่ปลายมีดพาดผ่านกระดาษบางๆ นั้น ประกายแสงจ้าสีขาวก็กระทบเข้ากับดวงตาของเขา ทำให้กู้จั้วหลินตกใจจนตัวสั่นเขามองไปยังผู้ชายคนนั้นอย่างหวาดผวา แล้วก็มองสลับไปที่ตัวเอกสารด้วยสีหน้าที่ลังเล "กลุ่มบริษัทกู้เป็นธุรกิจของตระกูลกู้ที่ทำมากว่าร้อยปี หากว่าฉันเซ็นเอกสารนี่ก็จะต้องการเป็นคนทรยศของตระกูลกู้..."จี้ซือหานที่หมดความอดทนไปนานแล้ว ไม่อยากที่จะฟังเขาพูดไร้สาระอีก เขายกมีดในมือขึ้นมาแล้วแทงลงไปที่บนไหล่ของกู้จั้วหลินทันทีหลังจากที่แทงลงไปแล้ว ก็ชักมีดกลับออกมาอย่างรวดเร็ว ตลอดการกระทำ ไม่กระพริบตาเลยแม้แต่น้อย รังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากดวงตา ช่างดูโหดเหี้ยมเหลือเกินกู้จั้วหลินเจ็บปวดจนต้องร้องออกมา เสียงดังโหยหวนท่ามกลางบรรยากาศรกร้างนอกเมือง ยิ่งทำใ