ที่เมืองหลวงกำลังมีฝนตกปลอยๆ กลุ่มคนที่สวมหน้ากาก กำลังล้อมรถลีมูซีนคันหนึ่งอยู่ชายวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบกว่าปีกำลังกอดชู้รักซึ่งเป็นสาววัยรุ่นอายุประมาณยี่สิบกว่าๆ ไว้ในอ้อมแขนทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ร่างกายเปลือยเปล่า พยายามซ่อนตัวอยู่ที่เบาะคนนั่งด้านหลัง มองดูกลุ่มคนที่ปรากฎตัวขึ้นอย่างกระทันหันอย่างหวาดกลัวจนตัวสั่นและที่ยิ่งทำให้ผู้ชายรู้สึกสิ้นหวังมากกว่าคือ ภรรยาของเขาก็ถูกกลุ่มชายชุดดำเชิญมาดูไลฟ์หนังสดถึงสถานที่จริงด้วยเช่นกัน..."กู้จั้วหลิน! ไอ้คนไร้ยางอาย!"ผู้หญิงกรีดร้องตะโกนออกมาเสียงดัง อยากจะพุ่งเข้าไปฆ่าชายโฉดชายชั่วคู่นี้ซะให้ตายอาเจ๋อเชิดคางเล็กน้อย แล้วมองไปทางชายที่สวมหน้ากากข้างๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ถูกปิดปากแล้วลากตัวออกไปทันทีผู้ชายที่อยู่ในรถกำลังจะมองไปที่อาเจ๋ออย่างขอบคุณ แต่ก็ถูกเขาเปิดประตูลากตัวลงมาจากรถซะก่อนผู้ชายล้มลงมาบนพื้นอย่างไม่เป็นท่า ยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นมา อาเจ๋อก็ใช้เท้าเหยียบลงไปขนหลังของเขาซะก่อนผู้ชายรู้สึกเจ็บตรงหน้าอกมาก ราวกับร่างกายของเขาถูกกดทับด้วยน้ำหนักกว่าร้อยโลก็ไม่ปาน หนักจนเขาไม่อาจจะหายใจได้...เขาเงยหน
สายตาที่กู้จั้วหลินมองเขา ไม่ใช่สายตาที่ดูแคลนอีกต่อไป แต่กลับแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัว "แกเป็นใครกันแน่?!"กู้จั้วหลินเหลือบมองเขาทีหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างไร้ความอดทนว่า "ให้เวลาแกหนึ่งนาที"เขาใช้มีดสั้นในมือชี้ไปที่สัญญาฉบับนั้น เป็นเชิงว่าให้เขาเซ็นให้เสร็จในเวลาหนึ่งนาที ไม่เช่นนั้นจุดจบเขาจะเป็นคนตัดสินใจเองตอนที่ปลายมีดพาดผ่านกระดาษบางๆ นั้น ประกายแสงจ้าสีขาวก็กระทบเข้ากับดวงตาของเขา ทำให้กู้จั้วหลินตกใจจนตัวสั่นเขามองไปยังผู้ชายคนนั้นอย่างหวาดผวา แล้วก็มองสลับไปที่ตัวเอกสารด้วยสีหน้าที่ลังเล "กลุ่มบริษัทกู้เป็นธุรกิจของตระกูลกู้ที่ทำมากว่าร้อยปี หากว่าฉันเซ็นเอกสารนี่ก็จะต้องการเป็นคนทรยศของตระกูลกู้..."จี้ซือหานที่หมดความอดทนไปนานแล้ว ไม่อยากที่จะฟังเขาพูดไร้สาระอีก เขายกมีดในมือขึ้นมาแล้วแทงลงไปที่บนไหล่ของกู้จั้วหลินทันทีหลังจากที่แทงลงไปแล้ว ก็ชักมีดกลับออกมาอย่างรวดเร็ว ตลอดการกระทำ ไม่กระพริบตาเลยแม้แต่น้อย รังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากดวงตา ช่างดูโหดเหี้ยมเหลือเกินกู้จั้วหลินเจ็บปวดจนต้องร้องออกมา เสียงดังโหยหวนท่ามกลางบรรยากาศรกร้างนอกเมือง ยิ่งทำใ
ซูหว่านที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง นั่งมองตัวเองในกระจกอย่างเหม่อลอยซานซานที่ผลักประตูเข้ามา เมื่อเห็นว่าเธอนั่งใจลอยอยู่ก็เดินเข้าไปตบบ่าของเธอเบาๆ"หว่านหว่าน ซือเยว่สั่งให้คนเอาของมาส่งให้ เธอลงไปดูข้างล่างหน่อยเถอะ...""ได้..."ซูหว่านตอบรับอย่างว่าง่าย ลุกขึ้นแล้วเดินตามซานซานลงไปข้างล่างด้านนอกของคฤหาสน์มีรถจอดอยู่หลายคัน กู้เจ๋ออุ้มชุดเจ้าสาวเดินเข้ามา"คุณซู คุณชายผมบอกว่าชุดแต่งงานที่ร้านแต่งงานไม่ค่อยดี เขาหาคนตัดชุดเจ้าสาวมาให้คุณชุดหนึ่งโดยเฉพาะ แล้วก็ยังมีรองเท้าเจ้าสาว เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของขวัญแต่งงานต่างๆ..."พอเขาพูดจบก็กวักมือเรียกผู้ช่วย ไม่นานก็มีคนยกของมากมายลงมาจากรถ ช่วยกับยกเข้าไปไว้ในคฤหาสน์หลังจากที่กู้เจ๋อส่งชุดแต่งงานให้กับซูหว่านแล้ว ก็พูดกับเธอว่า "คุณซู วันแต่งงาน เจ้านายของผมไม่สะดวกเดินทางมาร่วมพิธี ผมจะเป็นตัวแทนเขามารับเจ้าสาวเอง ตามกำหนดการเป็นช่วงสิบโมงเช้านะครับ ก่อนจะถึงตอนนั้น คุณชายได้เชิญทีมช่างหน้าช่างผมมาช่วยคุณแต่งตัวแล้ว ไม่ต้องตื่นเช้ามากก็ได้ครับ พักผ่อนให้มากๆ เรื่องต่างๆ ในงานแต่ง คุณไม่ต้องเป็นกังวล..."ซูหว่านตอบว่า
"คุณซู คุณหนูสองสั่งผมไว้ว่า ไม่ว่ายังไงก็ต้องให้คุณรับชุดแต่งงานนี้ไว้ให้ได้ ผมจำเป็นจะต้องทำภารกิจนี้ให้เสร็จสิ้น"หลังจากที่เขาโบกมือสั่งให้คนรับใช้เอาชุดแต่งงานไปวางไว้บนโซฟาเรียบร้อยก็พูดกับซูหว่านว่า "หวังว่าคุณซูจะสวมชุดแต่งงานนี้ในวันแต่งงานนะครับ"ซูหว่านรู้สึกตื้อในใจ สีหน้าเคร่งเครียด "ลุงโจว เอากลับไปเถอะ สามีของฉัน ส่งชุดแต่งงานชุดใหม่มาให้ฉันแล้ว ชุดแต่งงานของคนอื่น ฉันไม่สนใจหรอก และก็จะไม่สวมชุดที่เขาให้ในวันแต่งงานด้วย"เธอพูดจาอย่างไร้เยื่อใย แถมยังขีดเส้นอย่างชัดเจน จนลุงโจวทั้งอึ้งทั้งโมโห "คุณซู สามปีมานี้ คุณหนูสองอาศัยกินยานอนหลับทุกวันเพื่อที่จะได้ฝันเห็นคุณ คุณทำกับเขาแบบนี้มันไม่ไม่ยุติธรรมไปหน่อยเหรอครับ?"ซูหว่านรู้สึกหายใจไม่ออก สีหน้าเคร่งเครียด ติดจะซีดน้อยๆทำไม ทำไมจะต้องมาบอกเรื่องพวกนี้กับเธอในตอนนี้ด้วย...ซานซานที่เอาแต่เงียบไม่พูดอะไรมาตั้งแต่ต้น เมื่อได้ยินประโยคนี้ เธอก็ตะลึงไปเหมือนกันแต่เมื่อเห็นท่าทีบีบบังคับของลุงโจวที่มีต่อหว่านหว่าน จึงได้กดความตกใจนั้นลงไปเธอลุกขึ้นจากโซฟา แล้วเดินมาขวางอยู่หน้าซูหว่านอย่างปกป้อง"คุณโจว หากว่าค
พริบตาเดียวก็ถึงวันแต่งงานแล้ว ทีมช่างแต่งหน้าที่ซ่งซือเยว่เชิญมา เพิ่งจะเดินทางมาถึงคฤหาสน์ตอนเก้าโมงเช้า ราวกับว่าอยากจะให้เจ้าสาวได้นอนพักนานหน่อย พวกเขาถึงได้จงใจมากันช้าแบบนี้ซานซานเชิญพวกเขาให้ขึ้นมาข้างบน ตอนที่เจอตัวเจ้าสาว ทั้งช่างหน้าช่างผม และดีไซน์เนอร์ต่างก็พากันตกตะลึงพวกเขายังคิดกันอยู่เลยว่ามีเวลาแค่ชั่วโมงเดียวไม่น่าจะพอ แต่ดูจากหน้าตาของเจ้าสาว แค่แต่งหน้าเพิ่มนิดหน่อยก็ใช้ได้แล้วทีมช่างแต่งหน้าดึงตัวซูหว่านออกมาแต่งหน้าเอย ทำผมเอย ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็แต่งหน้าทำผมเสร็จเรียบร้อยทีนี้ก็ถึงคราวดีไซน์เนอร์ที่จะต้องมาช่วยเธอแต่งตัวแล้ว ดีไซน์เนอร์มองไปที่ชุดแต่งงานที่วางไว้อยู่บนโซฟาใช้มือที่สั่นน้อยๆ ลูบไปที่ชุดแต่งงานที่ประดับไว้ด้วยเพชร แล้วพูดอย่างตกใจว่า "นี่เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของนักออกแบบชุดเจ้าสาวชื่อดังชาวฝรั่งเศส หลังจากที่เธอออกแบบชุดนี้ก็ไม่ได้จับดินสออีกเลย ชุดนี้จึงกลายเป็นชุดที่ล้ำค่าที่สุดในโลก"เธอหันไปมองซูหว่านที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งอย่างตกใจ "คุณซูคะ ทำไมชุดแต่งงานชุดนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้? สามีของคุณเป็นคนประมูลมาอย่างนั้นเหรอคะ? นี
ในจังหวะที่ประตูถูกผลักเปิดออก เขาก็มองเห็นหญิงสาวนั่งรอขบวนรับเจ้าสาวอยู่บนเตียงอย่างสงบ เธอไม่ได้สวมชุดเจ้าสาวที่เขาให้เธอเลือกใส่ชุดเจ้าสาวที่สามีของเธอเป็นคนสั่งตัดใหม่ให้ เป็นสไตล์ชุดผ้าลูกไม้เรียบหรู พอถูกสวมอยู่บนร่างกายของเธอ ยิ่งเสริมให้เธอดูบริสุทธิ์และงดงามขึ้นไปอีกเขากำช่อดอกไม้ในมือแน่น หลังจากที่พยายามสะกดความรู้สึกเจ็บปวดราวกับใจจะขาด ก็เดินเข้าไปหาเธอช้าๆ...ซูหว่านที่นั่งก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ก็เข้าใจว่ากู้เจ๋อมาถึงแล้ว แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็ประสานสายตาเข้ากับดวงตาคมสวยที่แดงระเรื่อคู่หนึ่งเข้าพอดีหัวใจของเธอกระตุกไปหนึ่งที ใบหน้าขาวซีดขึ้นมาในฉับพลันเธอบอกกับลุงโจวแล้วว่าไม่ให้เขามา แต่เขาก็ยังมาแล้วจะให้เธอวางตัวยังไง จะให้ซ่งซือเยว่วางตัวยังไง แล้วตัวเขาล่ะจะวางตัวยังไง?แต่จี้ซือหานกลับไม่สนใจ หลังจากที่เดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าของเธอช้าๆ เขาก็นั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แล้วยื่นช่อดอกไม้ไปให้เธอ"คุณซู ขอโทษด้วย ผมแย่งเอาช่อดอกไม้จากกู้เจ๋อมา หวังว่าคุณอย่าโทษผม..."เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย อีกทั้งยังดูสุภาพและเหินห่าง ราวกับแค่มาส
ซูหว่านยังคงดิ้นขัดขืน แต่จี้ซือหานกลับกอดเธอไว้ในอ้อมแขนแน่น ไม่ยอมให้เธอดิ้นได้เขายืนยันที่จะอุ้มเธอต่อไป โดยไม่สนว่าเธอจะยินยอมหรือไม่ เขาเดินลงไปข้างล่างทีละก้าวอย่างช้าๆเมื่อซานซานได้เห็นภาพนี้ ขอบตาของเธอก็พลันแดงก่ำขึ้นมา...เขาจะต้องมีความกล้ามากขนาดไหน ถึงมาส่งตัวคนรักไปแต่งงานได้ด้วยตัวเองแบบนี้จี้ซือหาน เขารักหว่านหว่านมากจริงๆ แต่ทั้งหมดนี้มันสายไปแล้ว...เขาอุ้มเธอเดินออกไปนอกคฤหาสน์ วางเธอลงบนเบาะนั่งด้านหลัง จากนั้นก็ค้อมตัวลงไปจัดกระโปรงยาวๆ ของเธอให้เรียบร้อยจากนั้นเขาก็มองไปที่ตำแหน่งข้างคนขับ ก่อนจะมองมายังเบาะที่นั่งข้างๆ เธอ สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะนั่งลงข้างๆ เธอซูชิงเป็นคนขับรถ เมื่อเขาเห็นว่าท่านประธานของตัวเองยังทำใจเรื่องคุณซูไม่ได้ เขาก็กดปุ่มปิดฉากที่กั้นลงอย่างเข้าใจเขาขับรถออกไปยังสถานที่จัดงานแต่ง ด้านหลังมีขบวนรถส่งตัวเจ้าสาวขับตามมาอีกเป็นแถวซูหว่านที่นั่งอยู่บนรถรู้สึกตัวเย็นไปทั้งตัว ใบหน้าของเธอขาวซีดจนไร้สีเลือด ร่างกายบอบบางเอาแต่สั่นระริกไม่หยุดหลังจากที่จี้ซือหานสังเกตเห็น เขาก็พูดปลอบใจเธออย่างอ่อนโยน "อีกไม่นานก็ถึงแล้ว ต่อให้คุ
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นในสวนดอกไม้ตรงข้ามกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า สถานที่โล่งแจ้ง มองไปเป็นทะเลดอกไม้สุดลูกหูลูกตานี่คือสถานที่ที่ซ่งซือเยว่เก็บซูหว่านได้ พวกเขารู้จักกันที่นี่ รักกันที่นี่ พรหมลิขิตของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นที่นี่ซ่งซือเยว่เชิญให้คนเฝ้าอยู่ใกล้ๆ กับสวนดอกไม้ ไม่ให้ใครเข้าใกล้ และก็ได้เชิญนักจัดสวนมาประดับตกแต่งสถานที่อย่างงดงามพรมแดงถูกปูยาวไกลออกไปถึงห้ากิโลเมตร เริ่มตั้งแต่นอกสวนตลอดจนยาวเข้ามาถึงตรงเวทีจัดงาน ข้างบนพรมแดงถูกโรยไว้ด้วยกลีบดอกกุหลาบสีสดในมือของเขาถือช่อดอกกุหลาบสดเก้าสิบเก้าดอกและแหวนเพชรเอาไว้ นั่งรอคอยเจ้าสาวในวัยเด็กของเขาเดินเข้ามาหาเขาบนรถเข็นอย่างสงบซูหว่านวิ่งมาตามเส้นทางพรมแดงจนมาถึงประตูทางเข้าสวนดอกไม้ จากนั้นเธอจึงได้ปล่อยชายกระโปรงลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อปรับอารมณ์...สายฝนที่ตกลงมาปรอยๆ หยดลงมาบนใบหน้าของเธอ เย็นๆ เหมือนกับอุณหภูมิร่างกายของเธอในตอนนี้กู้เจ๋อที่มาช้าไปนิดหน่อย มองไปที่ซูหว่านแล้วรีบกางร่มออกก่อนจะเดินเข้าไปหาเธอ "คุณซู ยังดีนะที่ผมมาทัน..."ซูหว่านเอียงหน้าไปมองที่กู้เจ๋อ แล้วพูดเบาๆ ว่า "ไปเถอะ..."กู้เจ๋อพยักห