พริบตาเดียวก็ถึงวันแต่งงานแล้ว ทีมช่างแต่งหน้าที่ซ่งซือเยว่เชิญมา เพิ่งจะเดินทางมาถึงคฤหาสน์ตอนเก้าโมงเช้า ราวกับว่าอยากจะให้เจ้าสาวได้นอนพักนานหน่อย พวกเขาถึงได้จงใจมากันช้าแบบนี้ซานซานเชิญพวกเขาให้ขึ้นมาข้างบน ตอนที่เจอตัวเจ้าสาว ทั้งช่างหน้าช่างผม และดีไซน์เนอร์ต่างก็พากันตกตะลึงพวกเขายังคิดกันอยู่เลยว่ามีเวลาแค่ชั่วโมงเดียวไม่น่าจะพอ แต่ดูจากหน้าตาของเจ้าสาว แค่แต่งหน้าเพิ่มนิดหน่อยก็ใช้ได้แล้วทีมช่างแต่งหน้าดึงตัวซูหว่านออกมาแต่งหน้าเอย ทำผมเอย ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็แต่งหน้าทำผมเสร็จเรียบร้อยทีนี้ก็ถึงคราวดีไซน์เนอร์ที่จะต้องมาช่วยเธอแต่งตัวแล้ว ดีไซน์เนอร์มองไปที่ชุดแต่งงานที่วางไว้อยู่บนโซฟาใช้มือที่สั่นน้อยๆ ลูบไปที่ชุดแต่งงานที่ประดับไว้ด้วยเพชร แล้วพูดอย่างตกใจว่า "นี่เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของนักออกแบบชุดเจ้าสาวชื่อดังชาวฝรั่งเศส หลังจากที่เธอออกแบบชุดนี้ก็ไม่ได้จับดินสออีกเลย ชุดนี้จึงกลายเป็นชุดที่ล้ำค่าที่สุดในโลก"เธอหันไปมองซูหว่านที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งอย่างตกใจ "คุณซูคะ ทำไมชุดแต่งงานชุดนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้? สามีของคุณเป็นคนประมูลมาอย่างนั้นเหรอคะ? นี
ในจังหวะที่ประตูถูกผลักเปิดออก เขาก็มองเห็นหญิงสาวนั่งรอขบวนรับเจ้าสาวอยู่บนเตียงอย่างสงบ เธอไม่ได้สวมชุดเจ้าสาวที่เขาให้เธอเลือกใส่ชุดเจ้าสาวที่สามีของเธอเป็นคนสั่งตัดใหม่ให้ เป็นสไตล์ชุดผ้าลูกไม้เรียบหรู พอถูกสวมอยู่บนร่างกายของเธอ ยิ่งเสริมให้เธอดูบริสุทธิ์และงดงามขึ้นไปอีกเขากำช่อดอกไม้ในมือแน่น หลังจากที่พยายามสะกดความรู้สึกเจ็บปวดราวกับใจจะขาด ก็เดินเข้าไปหาเธอช้าๆ...ซูหว่านที่นั่งก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ก็เข้าใจว่ากู้เจ๋อมาถึงแล้ว แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็ประสานสายตาเข้ากับดวงตาคมสวยที่แดงระเรื่อคู่หนึ่งเข้าพอดีหัวใจของเธอกระตุกไปหนึ่งที ใบหน้าขาวซีดขึ้นมาในฉับพลันเธอบอกกับลุงโจวแล้วว่าไม่ให้เขามา แต่เขาก็ยังมาแล้วจะให้เธอวางตัวยังไง จะให้ซ่งซือเยว่วางตัวยังไง แล้วตัวเขาล่ะจะวางตัวยังไง?แต่จี้ซือหานกลับไม่สนใจ หลังจากที่เดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าของเธอช้าๆ เขาก็นั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แล้วยื่นช่อดอกไม้ไปให้เธอ"คุณซู ขอโทษด้วย ผมแย่งเอาช่อดอกไม้จากกู้เจ๋อมา หวังว่าคุณอย่าโทษผม..."เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย อีกทั้งยังดูสุภาพและเหินห่าง ราวกับแค่มาส
ซูหว่านยังคงดิ้นขัดขืน แต่จี้ซือหานกลับกอดเธอไว้ในอ้อมแขนแน่น ไม่ยอมให้เธอดิ้นได้เขายืนยันที่จะอุ้มเธอต่อไป โดยไม่สนว่าเธอจะยินยอมหรือไม่ เขาเดินลงไปข้างล่างทีละก้าวอย่างช้าๆเมื่อซานซานได้เห็นภาพนี้ ขอบตาของเธอก็พลันแดงก่ำขึ้นมา...เขาจะต้องมีความกล้ามากขนาดไหน ถึงมาส่งตัวคนรักไปแต่งงานได้ด้วยตัวเองแบบนี้จี้ซือหาน เขารักหว่านหว่านมากจริงๆ แต่ทั้งหมดนี้มันสายไปแล้ว...เขาอุ้มเธอเดินออกไปนอกคฤหาสน์ วางเธอลงบนเบาะนั่งด้านหลัง จากนั้นก็ค้อมตัวลงไปจัดกระโปรงยาวๆ ของเธอให้เรียบร้อยจากนั้นเขาก็มองไปที่ตำแหน่งข้างคนขับ ก่อนจะมองมายังเบาะที่นั่งข้างๆ เธอ สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะนั่งลงข้างๆ เธอซูชิงเป็นคนขับรถ เมื่อเขาเห็นว่าท่านประธานของตัวเองยังทำใจเรื่องคุณซูไม่ได้ เขาก็กดปุ่มปิดฉากที่กั้นลงอย่างเข้าใจเขาขับรถออกไปยังสถานที่จัดงานแต่ง ด้านหลังมีขบวนรถส่งตัวเจ้าสาวขับตามมาอีกเป็นแถวซูหว่านที่นั่งอยู่บนรถรู้สึกตัวเย็นไปทั้งตัว ใบหน้าของเธอขาวซีดจนไร้สีเลือด ร่างกายบอบบางเอาแต่สั่นระริกไม่หยุดหลังจากที่จี้ซือหานสังเกตเห็น เขาก็พูดปลอบใจเธออย่างอ่อนโยน "อีกไม่นานก็ถึงแล้ว ต่อให้คุ
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นในสวนดอกไม้ตรงข้ามกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า สถานที่โล่งแจ้ง มองไปเป็นทะเลดอกไม้สุดลูกหูลูกตานี่คือสถานที่ที่ซ่งซือเยว่เก็บซูหว่านได้ พวกเขารู้จักกันที่นี่ รักกันที่นี่ พรหมลิขิตของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นที่นี่ซ่งซือเยว่เชิญให้คนเฝ้าอยู่ใกล้ๆ กับสวนดอกไม้ ไม่ให้ใครเข้าใกล้ และก็ได้เชิญนักจัดสวนมาประดับตกแต่งสถานที่อย่างงดงามพรมแดงถูกปูยาวไกลออกไปถึงห้ากิโลเมตร เริ่มตั้งแต่นอกสวนตลอดจนยาวเข้ามาถึงตรงเวทีจัดงาน ข้างบนพรมแดงถูกโรยไว้ด้วยกลีบดอกกุหลาบสีสดในมือของเขาถือช่อดอกกุหลาบสดเก้าสิบเก้าดอกและแหวนเพชรเอาไว้ นั่งรอคอยเจ้าสาวในวัยเด็กของเขาเดินเข้ามาหาเขาบนรถเข็นอย่างสงบซูหว่านวิ่งมาตามเส้นทางพรมแดงจนมาถึงประตูทางเข้าสวนดอกไม้ จากนั้นเธอจึงได้ปล่อยชายกระโปรงลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อปรับอารมณ์...สายฝนที่ตกลงมาปรอยๆ หยดลงมาบนใบหน้าของเธอ เย็นๆ เหมือนกับอุณหภูมิร่างกายของเธอในตอนนี้กู้เจ๋อที่มาช้าไปนิดหน่อย มองไปที่ซูหว่านแล้วรีบกางร่มออกก่อนจะเดินเข้าไปหาเธอ "คุณซู ยังดีนะที่ผมมาทัน..."ซูหว่านเอียงหน้าไปมองที่กู้เจ๋อ แล้วพูดเบาๆ ว่า "ไปเถอะ..."กู้เจ๋อพยักห
ท่ามกลางสวนดอกไม้ กำลังมีการจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อลังการ พิธีกรกำลังดำเนินรายการอยู่บนเวที กำลังเริ่มพูดเปิดงานพิธีมงคลแขกที่มาร่วมงานนั่งอยู่ล่างเวที มีจำนวนไม่มาก แค่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับงานแต่งงานในครั้งนี้เลยซ่งซือเยว่ ผู้เป็นเจ้าบ่าว สวมชุดสูทสีขาว นั่งอยู่บนรถเข็น กำลังมองไปยังผู้หญิงที่สวมชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธื์ที่กำลังเดินเข้ามาตามพรมแดนอีกด้านหนึ่งไกลๆนี่เป็นความฝันในวัยเด็กของเขา และก็เป็นคำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้กับเธอในวัยเด็กว่าจะแต่งงานกับเธอเช่นกันหากว่าเขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำไปห้าปี ตอนนี้เธอก็คงจะเป็นภรรยาของเขาไปแล้ว...ถึงแม้จะมีอุปสรรคไปบ้าง แต่เขาก็ได้แต่งงานกับเธอแล้ว แต่ก็ยังคงรู้สึกไม่เป็นความจริง เหมือนนี่เป็นความฝันฉากหนึ่งของเขาอยู่ดีเขามองเธอที่อยู่ไกลๆ มองสีหน้าของเธอไม่ชัด และก็รับรู้ถึงอารมณ์ของเธอไม่ได้เช่นกัน ยิ่งทำให้รู้สึกห่างไกลและจอมปลอมขึ้นไปอีกจนเมื่อพิธีกรบอกให้เขาไปรับเจ้าสาวนั่นแหละ เขาถึงดึงสติกลับมาได้...กู้เจ๋อเข็นเขามาอยู่ตรงหน้าของซูหว่าน เขาถึงได้มองสีหน้าของเธอได้อย่างชัดเจนเธอแต่งหน้ามาในลุคเจ้าส
จี้ซือหานสีหน้าเย็นชา ไม่ได้พูดอะไร ราวกับไม่อยากจะสนทนากับซ่งซือเยว่แต่ซ่งซือเยว่กลับไม่สนใจ เขายกมุมปากขึ้นมาเป็นรอยยิ้มน้อยๆ "ตอนเด็กๆ ก็ลำบากไม่น้อยจริงๆ พอโตขึ้นมา ผมก็คิดว่าพอมีกำลังแล้วจะจัดงานแต่งให้กับเธฮอย่างยิ่งใหญ่ ให้ชีวิตต่อไปในครึ่งหลังของเธออยู่อย่างไร้กังวล..."เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เขาก็เว้นจังหวะไป สายตาเรียบเฉยราวกลับกำลังหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีต "คุณรู้ไหม เธอเคยถามผมหลายครั้งมากว่าจะมาขอเธอแต่งงานเมื่อไร ผมก็บอกแต่ว่ารอก่อนๆ รอจนถึงตอนนี้ ผมถึงได้รู้ว่า มีคนบางคนที่จะให้เธอรอไม่ได้..."จี้ซือหานใช้ดวงตาคู่สวยเรียวรีแต่แฝงด้วยกลิ่นอายของความเย็นชาและห่างเหินมองไปที่เขา "ตอนนี้คุณก็ได้แต่งแล้วหนิ"ซ่งซือเยว่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นแฝงไว้ด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง "ใช่ครับ ผมได้แต่งแล้ว..."จี้ซือหานค่อยหน้าเจื่อนขึ้นมาในทันที "ยินดีด้วย"หลังจากที่เขาพูดประโยคนี้จบ ก็จะเดินออกไป แต่ซ่งซือเยว่กลับพูดว่า "สัญญาซื้อกิจการฉบับนี้ ผมรับไว้ไม่ได้ คุณเอากลับไปเถอะ"จี้ซือหานหยุดเดิน แล้วหันกลับมามองเขาด้วยสายตาเย็นชา "ผมไม่ได้ให้คุณ"ซ่งซือเยว่ยังคงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจเช่นเดิม
คืนนั้นที่ผมเกิดอุบัติเหตุ ผมคิดจะขอเธอแต่งงาน แต่คืนนั้นเราดันมีปัญหากันขึ้นมาก่อน..."จะว่าไปแล้วก็ต้องโทษผมเอง พอเห็นเธอคุยหัวเราะกับเพื่อนผู้ชายที่ทำงานร้านอาหารกับเธอ ผมก็เกิดรู้สึกหึงขึ้นมาอย่างประหลาด""ผมพูดคำพูดที่ไม่น่าฟังกับเธอออกไปอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ เธอโกรธมากก็เลยหมุนตัววิ่งออกไปท่ามกลางสายฝน...""ตอนนั้นฝนตกหนักมาก ผมวิ่งไปแบกเธอขึ้นมา แต่เธอไม่ยอม ผมก็ไม่กล้าที่จะแบกเธออีก เลยได้แต่เดินตามเธออยู่เงียบๆ ข้างหลัง""คุณอาจจะไม่รู้ ตั้งแต่เล็กจนโต ที่เธอเกลียดที่สุดก็คือเมื่อเกิดปัญหา ผมเลือกที่จะเงียบไม่พูดอะไร""เพราะเธอเห็นว่าผมไม่พูดอะไรเลย ก็เลยโมโหจนวิ่งออกไป แต่บังเอิญ มีรถคันหนึ่งที่เสียการควบคุมวิ่งมา..."เมื่อซ่งซือเยว่พูดถึงตรงนี้ก็หยุดพูด บนใบหน้าปรากฎรอยยิ้มเจื่อน จากนั้นก็กลับมาเรียบเฉย"ที่ผมพูดกับคุณมากมายเพราะอยากบอกกับคุณว่า อย่าได้ทำร้ายเธอเพียงเพราะความหึงหวง และเวลาเกิดปัญหาก็อย่าเลือกที่จะเงียบ""ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าระหว่างพวกคุณเกิดปัญหาอะไรกันขึ้นถึงได้เลิกรากัน แต่ก็น่าจะไม่ต่างจากผมในตอนนั้นสักเท่าไร..."เมื่อก่อนเขาก็เป็นคนประเภทเดียว
เธอรักสวยรักงามมาตลอดชีวิต ยาที่เบิกไปก่อนตายก็เพื่อป้องกันการปวมน้ำ กลัวว่าถ้าตายไปแล้วจะไม่สวยแต่ในตอนนี้ แผ่นหลังของเธอจะไม่สามารถสวยงามสมบูรณ์แบบเหมือนเมื่อก่อนได้อีกแล้ว...เมื่อเห็นเธอที่เป็นแบบนี้ หัวใจของจี้ซือหานก็พลันหยุดเต้นไปทันที ใบหน้าหล่อเหลา เปลี่ยนเป็นขาวซีดในฉับพลัน...เขาโยนร่มในมือทิ้งไป นั่งคุกเขาลงต่อหน้าเธอ อยากจะเอามือที่กำลังสั่นเทิ้มไปกอดเธอไว้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแตะต้องตรงไหนชุดเจ้าสาวตรงส่วนด้านหลังของเธอ ได้ถูกกรดกัดจนเละเปื่อยไปหมดแล้ว ผิวหนังก็ไหม้รุนแรงจนสามารถเห็นกระดูกได้อย่างชัดเจนบาดแผลที่รุนแรงแบบนี้ ทำให้จี้ซือหานรู้สึกปวดใจจนน้ำตาค่อยๆ ไหลรินลงมาเขายกมือสั่นๆ ขึ้นไปแตะใบหน้าของเธออย่างทำอะไรไม่ถูก...ซูหว่านรู้สึกเจ็บจนเหงื่อเย็นไหลออกมาในทันที "ยะ อย่าแตะฉัน...เจ็บ..."จี้ซือหานรีบปล่อยมือ ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ แต่กลับพูดอะไรไม่ออกดวงคาเรียวคมคู่สวยที่กำลังสะท้อนใบหน้าที่ซีดขาวของเธออยู่ เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเขามองไปยังอลันที่รีบวิ่งเข้ามาอย่างทำอะไรไม่ถูก "เร็ว! อลัน รีบมาช่วยเธอ!"น้ำเสียงของเขาพร่าแหบและสั่นเครือ เป็นความเจ็บปวดที่อ