งานแต่งงานถูกจัดขึ้นในสวนดอกไม้ตรงข้ามกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า สถานที่โล่งแจ้ง มองไปเป็นทะเลดอกไม้สุดลูกหูลูกตานี่คือสถานที่ที่ซ่งซือเยว่เก็บซูหว่านได้ พวกเขารู้จักกันที่นี่ รักกันที่นี่ พรหมลิขิตของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นที่นี่ซ่งซือเยว่เชิญให้คนเฝ้าอยู่ใกล้ๆ กับสวนดอกไม้ ไม่ให้ใครเข้าใกล้ และก็ได้เชิญนักจัดสวนมาประดับตกแต่งสถานที่อย่างงดงามพรมแดงถูกปูยาวไกลออกไปถึงห้ากิโลเมตร เริ่มตั้งแต่นอกสวนตลอดจนยาวเข้ามาถึงตรงเวทีจัดงาน ข้างบนพรมแดงถูกโรยไว้ด้วยกลีบดอกกุหลาบสีสดในมือของเขาถือช่อดอกกุหลาบสดเก้าสิบเก้าดอกและแหวนเพชรเอาไว้ นั่งรอคอยเจ้าสาวในวัยเด็กของเขาเดินเข้ามาหาเขาบนรถเข็นอย่างสงบซูหว่านวิ่งมาตามเส้นทางพรมแดงจนมาถึงประตูทางเข้าสวนดอกไม้ จากนั้นเธอจึงได้ปล่อยชายกระโปรงลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อปรับอารมณ์...สายฝนที่ตกลงมาปรอยๆ หยดลงมาบนใบหน้าของเธอ เย็นๆ เหมือนกับอุณหภูมิร่างกายของเธอในตอนนี้กู้เจ๋อที่มาช้าไปนิดหน่อย มองไปที่ซูหว่านแล้วรีบกางร่มออกก่อนจะเดินเข้าไปหาเธอ "คุณซู ยังดีนะที่ผมมาทัน..."ซูหว่านเอียงหน้าไปมองที่กู้เจ๋อ แล้วพูดเบาๆ ว่า "ไปเถอะ..."กู้เจ๋อพยักห
ท่ามกลางสวนดอกไม้ กำลังมีการจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อลังการ พิธีกรกำลังดำเนินรายการอยู่บนเวที กำลังเริ่มพูดเปิดงานพิธีมงคลแขกที่มาร่วมงานนั่งอยู่ล่างเวที มีจำนวนไม่มาก แค่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับงานแต่งงานในครั้งนี้เลยซ่งซือเยว่ ผู้เป็นเจ้าบ่าว สวมชุดสูทสีขาว นั่งอยู่บนรถเข็น กำลังมองไปยังผู้หญิงที่สวมชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธื์ที่กำลังเดินเข้ามาตามพรมแดนอีกด้านหนึ่งไกลๆนี่เป็นความฝันในวัยเด็กของเขา และก็เป็นคำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้กับเธอในวัยเด็กว่าจะแต่งงานกับเธอเช่นกันหากว่าเขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำไปห้าปี ตอนนี้เธอก็คงจะเป็นภรรยาของเขาไปแล้ว...ถึงแม้จะมีอุปสรรคไปบ้าง แต่เขาก็ได้แต่งงานกับเธอแล้ว แต่ก็ยังคงรู้สึกไม่เป็นความจริง เหมือนนี่เป็นความฝันฉากหนึ่งของเขาอยู่ดีเขามองเธอที่อยู่ไกลๆ มองสีหน้าของเธอไม่ชัด และก็รับรู้ถึงอารมณ์ของเธอไม่ได้เช่นกัน ยิ่งทำให้รู้สึกห่างไกลและจอมปลอมขึ้นไปอีกจนเมื่อพิธีกรบอกให้เขาไปรับเจ้าสาวนั่นแหละ เขาถึงดึงสติกลับมาได้...กู้เจ๋อเข็นเขามาอยู่ตรงหน้าของซูหว่าน เขาถึงได้มองสีหน้าของเธอได้อย่างชัดเจนเธอแต่งหน้ามาในลุคเจ้าส
จี้ซือหานสีหน้าเย็นชา ไม่ได้พูดอะไร ราวกับไม่อยากจะสนทนากับซ่งซือเยว่แต่ซ่งซือเยว่กลับไม่สนใจ เขายกมุมปากขึ้นมาเป็นรอยยิ้มน้อยๆ "ตอนเด็กๆ ก็ลำบากไม่น้อยจริงๆ พอโตขึ้นมา ผมก็คิดว่าพอมีกำลังแล้วจะจัดงานแต่งให้กับเธฮอย่างยิ่งใหญ่ ให้ชีวิตต่อไปในครึ่งหลังของเธออยู่อย่างไร้กังวล..."เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เขาก็เว้นจังหวะไป สายตาเรียบเฉยราวกลับกำลังหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีต "คุณรู้ไหม เธอเคยถามผมหลายครั้งมากว่าจะมาขอเธอแต่งงานเมื่อไร ผมก็บอกแต่ว่ารอก่อนๆ รอจนถึงตอนนี้ ผมถึงได้รู้ว่า มีคนบางคนที่จะให้เธอรอไม่ได้..."จี้ซือหานใช้ดวงตาคู่สวยเรียวรีแต่แฝงด้วยกลิ่นอายของความเย็นชาและห่างเหินมองไปที่เขา "ตอนนี้คุณก็ได้แต่งแล้วหนิ"ซ่งซือเยว่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นแฝงไว้ด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง "ใช่ครับ ผมได้แต่งแล้ว..."จี้ซือหานค่อยหน้าเจื่อนขึ้นมาในทันที "ยินดีด้วย"หลังจากที่เขาพูดประโยคนี้จบ ก็จะเดินออกไป แต่ซ่งซือเยว่กลับพูดว่า "สัญญาซื้อกิจการฉบับนี้ ผมรับไว้ไม่ได้ คุณเอากลับไปเถอะ"จี้ซือหานหยุดเดิน แล้วหันกลับมามองเขาด้วยสายตาเย็นชา "ผมไม่ได้ให้คุณ"ซ่งซือเยว่ยังคงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจเช่นเดิม
คืนนั้นที่ผมเกิดอุบัติเหตุ ผมคิดจะขอเธอแต่งงาน แต่คืนนั้นเราดันมีปัญหากันขึ้นมาก่อน..."จะว่าไปแล้วก็ต้องโทษผมเอง พอเห็นเธอคุยหัวเราะกับเพื่อนผู้ชายที่ทำงานร้านอาหารกับเธอ ผมก็เกิดรู้สึกหึงขึ้นมาอย่างประหลาด""ผมพูดคำพูดที่ไม่น่าฟังกับเธอออกไปอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ เธอโกรธมากก็เลยหมุนตัววิ่งออกไปท่ามกลางสายฝน...""ตอนนั้นฝนตกหนักมาก ผมวิ่งไปแบกเธอขึ้นมา แต่เธอไม่ยอม ผมก็ไม่กล้าที่จะแบกเธออีก เลยได้แต่เดินตามเธออยู่เงียบๆ ข้างหลัง""คุณอาจจะไม่รู้ ตั้งแต่เล็กจนโต ที่เธอเกลียดที่สุดก็คือเมื่อเกิดปัญหา ผมเลือกที่จะเงียบไม่พูดอะไร""เพราะเธอเห็นว่าผมไม่พูดอะไรเลย ก็เลยโมโหจนวิ่งออกไป แต่บังเอิญ มีรถคันหนึ่งที่เสียการควบคุมวิ่งมา..."เมื่อซ่งซือเยว่พูดถึงตรงนี้ก็หยุดพูด บนใบหน้าปรากฎรอยยิ้มเจื่อน จากนั้นก็กลับมาเรียบเฉย"ที่ผมพูดกับคุณมากมายเพราะอยากบอกกับคุณว่า อย่าได้ทำร้ายเธอเพียงเพราะความหึงหวง และเวลาเกิดปัญหาก็อย่าเลือกที่จะเงียบ""ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าระหว่างพวกคุณเกิดปัญหาอะไรกันขึ้นถึงได้เลิกรากัน แต่ก็น่าจะไม่ต่างจากผมในตอนนั้นสักเท่าไร..."เมื่อก่อนเขาก็เป็นคนประเภทเดียว
เธอรักสวยรักงามมาตลอดชีวิต ยาที่เบิกไปก่อนตายก็เพื่อป้องกันการปวมน้ำ กลัวว่าถ้าตายไปแล้วจะไม่สวยแต่ในตอนนี้ แผ่นหลังของเธอจะไม่สามารถสวยงามสมบูรณ์แบบเหมือนเมื่อก่อนได้อีกแล้ว...เมื่อเห็นเธอที่เป็นแบบนี้ หัวใจของจี้ซือหานก็พลันหยุดเต้นไปทันที ใบหน้าหล่อเหลา เปลี่ยนเป็นขาวซีดในฉับพลัน...เขาโยนร่มในมือทิ้งไป นั่งคุกเขาลงต่อหน้าเธอ อยากจะเอามือที่กำลังสั่นเทิ้มไปกอดเธอไว้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแตะต้องตรงไหนชุดเจ้าสาวตรงส่วนด้านหลังของเธอ ได้ถูกกรดกัดจนเละเปื่อยไปหมดแล้ว ผิวหนังก็ไหม้รุนแรงจนสามารถเห็นกระดูกได้อย่างชัดเจนบาดแผลที่รุนแรงแบบนี้ ทำให้จี้ซือหานรู้สึกปวดใจจนน้ำตาค่อยๆ ไหลรินลงมาเขายกมือสั่นๆ ขึ้นไปแตะใบหน้าของเธออย่างทำอะไรไม่ถูก...ซูหว่านรู้สึกเจ็บจนเหงื่อเย็นไหลออกมาในทันที "ยะ อย่าแตะฉัน...เจ็บ..."จี้ซือหานรีบปล่อยมือ ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ แต่กลับพูดอะไรไม่ออกดวงคาเรียวคมคู่สวยที่กำลังสะท้อนใบหน้าที่ซีดขาวของเธออยู่ เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเขามองไปยังอลันที่รีบวิ่งเข้ามาอย่างทำอะไรไม่ถูก "เร็ว! อลัน รีบมาช่วยเธอ!"น้ำเสียงของเขาพร่าแหบและสั่นเครือ เป็นความเจ็บปวดที่อ
ในตอนที่มีดเล่มนั้นกำลังจะแทงเข้ามาที่คอของเขา จี้ซือหานก็เงยดวงตาที่แดงก่ำของเขาขึ้นมาแล้วคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ได้แค่ออกแรงครั้งเดียวก็หักมือของพนักงานทำความสะอาดคนนั้นได้ จากนั้นก็แย่งมีดในมือของเขามา แทงเข้าไปตรงหน้าอกของเขาเขาแทงเข้าไปอย่างเต็มแรง จนเลือดสดๆ ไหลทะลักออกมา เปื้อนเสื้อผ้าของเขาจนแดงฉานไปหมดแต่เขากลับดึงมีดออกมาแล้วแทงกลับเข้าไปแรงๆ อีกครั้งโดยไม่กระพริบตาเลยด้วยซ้ำ..."ประธานจี้!"ซูชิงวิ่งเข้ามาถึงก่อนอลัน เมื่อเห็นว่าเขาคิดจะฆ่าคนขึ้นมาจริงๆ ก็รีบเข้ามาห้าม "คุณจะฆ่าคนไม่ได้นะครับ เอาให้ผมจัดการเถอะ"พนักงานทำความสะอาดที่ถูกคุมตัวอยู่บนพื้นกลับหัวเราะออกมาอย่างเสียสติ "จี้ซือหาน เก่งจริงมึงก็ฆ่ากูเลยสิ กูจะดูสิว่าถ้าฆ่าคนแล้วมึงจะยังเป็นผู้ครอบครองอำนาจของตระกูลจี้ได้อยู่อีกหรือเปล่า!"ดวงตาแดงก่ำของจี้ซือหานค่อยๆ เปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมเย็นชา เขายกมีดในมือขึ้นหวังจะแทงเข้าไปที่คอของเขาโดยไม่สนใจการห้ามของซูชิงเลยสักนิดแต่ซูชิงกลับยื่นมือออกมาขวางไว้ ที่ด้านหลังมือถูกแทงเป็นแผลลึกเขารีบฝืนเจ็บแล้วเข้าไปห้ามจี้ซือหานสุดฤทธิ์ โดยไม่ได้หันไปดูบาดแผลตัวเองเ
ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จี้ซือหานกำลังอุ้มซูหว่าน อลันช่วยเขาวางเธอลงบนพรมอลันไปถามหาคนในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า หยิบเอาสายยางมา เปิดน้ำออกแรงๆเพื่อชำระล้างกรดซัลฟิวริกที่แผ่นหลังหลายครั้งขณะที่กำลังล้างน้ำอยู่ ซูหว่านซึ่งนอนราบอยู่บนพื้น แม้จะอยู่ในสภาวะที่ไม่มีสติ แต่ร่างกายยังคงเจ็บปวดจนต้องสั่นสะท้านออกมาจี้ซือหานเห็นเธอเจ็บปวดมากขนาดนั้น หัวใจของเขาก็เจ็บแปล๊บตามไปด้วยเหมือนจะขาดใจความโหดเหี้ยมในใจพลันก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอเขาหงายนิ้วมือขาวซีด ลูบใบหน้าที่ไร้สีเลือดนั่นสิ่งที่ปลายนิ้วสัมผัสโดน กลับเป็นผิวหนังที่เย็นเฉียบไร้ซึ่งอุณหภูมิหัวใจของเขาหยุดไปชั่วขณะ ความตื่นตระหนก ความหวาดกลัวที่เคยสูญเสียเธอไปแล้วครั้งนึงเมื่อสามปีก่อน ก็จู่โจมเข้ามาทุกสารทิศมือของเขาที่สั่นเทา วางลงบนเบื้องล่างจมูกของเธอ เมื่อไม่อาจสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเธอ ร่างกายก็อ่อนระทวยลงทันที"อลัน...เธอไม่หายใจแล้ว..."เมื่อได้ยินเสียงสั่นของจี้ซือหาน มือของอลันที่กำลังชำระล้างกรดซัลฟิวริกก็ชะงัก เธอยื่นมือออกไปจับลมหายใจกับชีพจรของซูหว่านด้วยความรวดเร็ว"ยังมีลมหายใ
เมื่อซานซานกับซูชิงรีบตามมา สิ่งที่เห็นก็คือจี้ซือหานที่อยู่ในสภาพเหมือนคนที่วิญญาณหลุดลอยไปแล้วซูชิงเดินไปตรงหน้าเขา เมื่อเห็นนิ้วมือของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำ ก็รีบพูดขึ้นมา "ประธานจี้ ผมจะไปตามหมอมาให้ครับ"ซูชิงรีบไปตามหมอมารักษาแผลให้เขาอย่างรวดเร็วเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ยังคงนั่งอยู่บนพื้น ปล่อยให้พวกเขาทรมานต่อไป...ซานซานไม่มีอารมณ์มานั่งเป็นห่วงว่าจี้ซือหานเป็นยังไง เขากำมือแน่น เอาแต่จ้องไปยังบานประตูที่ปิดสนิทเวลาทุกวินาทีผ่านไปด้วยความเชื่องช้า ในที่สุดประตูห้องฉุกเฉินก็ค่อยๆเปิดออก...อลันที่สวมชุดปลอดเชื้อโรค มีเหงื่อท่วมเต็มใบหน้า เดินออกมาจากด้านในซานซานยังไม่ได้เดินเข้าไป ก็เห็นเงาดำพุ่งผ่านตัวเธอเข้าไปก่อน"เธอเป็นยังไงบ้าง?"จี้ซือหานเหงื่อท่วมไปทั้งตัว เส้นผมหนาสามสี่เส้นปรกลงตรงหน้าผาก ยาวมาถึงขนตามีหยดน้ำไหลเขากลับไม่รู้สึกตัว ดวงตาเรียวหม่นหมองคู่นั้นจ้องอลันไม่กระพริบ"ตอนนี้ช่วยชีวิตได้แล้ว แต่เพราะสาหัสมาก ตอนนี้ก็เลยยังสลบอยู่..."จี้ซือหานยกขาขึ้นเตรียมจะพุ่งเข้าไป แต่อลันเอ่ยห้ามไว้ "ย้ายไปอยู่ห้องผู้ป่วยหนักแล้ว"เขาหยุดฝีเท้าลง แล้วพูดกับอล