งานแต่งงานถูกจัดขึ้นในสวนดอกไม้ตรงข้ามกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า สถานที่โล่งแจ้ง มองไปเป็นทะเลดอกไม้สุดลูกหูลูกตานี่คือสถานที่ที่ซ่งซือเยว่เก็บซูหว่านได้ พวกเขารู้จักกันที่นี่ รักกันที่นี่ พรหมลิขิตของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นที่นี่ซ่งซือเยว่เชิญให้คนเฝ้าอยู่ใกล้ๆ กับสวนดอกไม้ ไม่ให้ใครเข้าใกล้ และก็ได้เชิญนักจัดสวนมาประดับตกแต่งสถานที่อย่างงดงามพรมแดงถูกปูยาวไกลออกไปถึงห้ากิโลเมตร เริ่มตั้งแต่นอกสวนตลอดจนยาวเข้ามาถึงตรงเวทีจัดงาน ข้างบนพรมแดงถูกโรยไว้ด้วยกลีบดอกกุหลาบสีสดในมือของเขาถือช่อดอกกุหลาบสดเก้าสิบเก้าดอกและแหวนเพชรเอาไว้ นั่งรอคอยเจ้าสาวในวัยเด็กของเขาเดินเข้ามาหาเขาบนรถเข็นอย่างสงบซูหว่านวิ่งมาตามเส้นทางพรมแดงจนมาถึงประตูทางเข้าสวนดอกไม้ จากนั้นเธอจึงได้ปล่อยชายกระโปรงลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อปรับอารมณ์...สายฝนที่ตกลงมาปรอยๆ หยดลงมาบนใบหน้าของเธอ เย็นๆ เหมือนกับอุณหภูมิร่างกายของเธอในตอนนี้กู้เจ๋อที่มาช้าไปนิดหน่อย มองไปที่ซูหว่านแล้วรีบกางร่มออกก่อนจะเดินเข้าไปหาเธอ "คุณซู ยังดีนะที่ผมมาทัน..."ซูหว่านเอียงหน้าไปมองที่กู้เจ๋อ แล้วพูดเบาๆ ว่า "ไปเถอะ..."กู้เจ๋อพยักห
ท่ามกลางสวนดอกไม้ กำลังมีการจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อลังการ พิธีกรกำลังดำเนินรายการอยู่บนเวที กำลังเริ่มพูดเปิดงานพิธีมงคลแขกที่มาร่วมงานนั่งอยู่ล่างเวที มีจำนวนไม่มาก แค่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับงานแต่งงานในครั้งนี้เลยซ่งซือเยว่ ผู้เป็นเจ้าบ่าว สวมชุดสูทสีขาว นั่งอยู่บนรถเข็น กำลังมองไปยังผู้หญิงที่สวมชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธื์ที่กำลังเดินเข้ามาตามพรมแดนอีกด้านหนึ่งไกลๆนี่เป็นความฝันในวัยเด็กของเขา และก็เป็นคำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้กับเธอในวัยเด็กว่าจะแต่งงานกับเธอเช่นกันหากว่าเขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำไปห้าปี ตอนนี้เธอก็คงจะเป็นภรรยาของเขาไปแล้ว...ถึงแม้จะมีอุปสรรคไปบ้าง แต่เขาก็ได้แต่งงานกับเธอแล้ว แต่ก็ยังคงรู้สึกไม่เป็นความจริง เหมือนนี่เป็นความฝันฉากหนึ่งของเขาอยู่ดีเขามองเธอที่อยู่ไกลๆ มองสีหน้าของเธอไม่ชัด และก็รับรู้ถึงอารมณ์ของเธอไม่ได้เช่นกัน ยิ่งทำให้รู้สึกห่างไกลและจอมปลอมขึ้นไปอีกจนเมื่อพิธีกรบอกให้เขาไปรับเจ้าสาวนั่นแหละ เขาถึงดึงสติกลับมาได้...กู้เจ๋อเข็นเขามาอยู่ตรงหน้าของซูหว่าน เขาถึงได้มองสีหน้าของเธอได้อย่างชัดเจนเธอแต่งหน้ามาในลุคเจ้าส
จี้ซือหานสีหน้าเย็นชา ไม่ได้พูดอะไร ราวกับไม่อยากจะสนทนากับซ่งซือเยว่แต่ซ่งซือเยว่กลับไม่สนใจ เขายกมุมปากขึ้นมาเป็นรอยยิ้มน้อยๆ "ตอนเด็กๆ ก็ลำบากไม่น้อยจริงๆ พอโตขึ้นมา ผมก็คิดว่าพอมีกำลังแล้วจะจัดงานแต่งให้กับเธฮอย่างยิ่งใหญ่ ให้ชีวิตต่อไปในครึ่งหลังของเธออยู่อย่างไร้กังวล..."เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เขาก็เว้นจังหวะไป สายตาเรียบเฉยราวกลับกำลังหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีต "คุณรู้ไหม เธอเคยถามผมหลายครั้งมากว่าจะมาขอเธอแต่งงานเมื่อไร ผมก็บอกแต่ว่ารอก่อนๆ รอจนถึงตอนนี้ ผมถึงได้รู้ว่า มีคนบางคนที่จะให้เธอรอไม่ได้..."จี้ซือหานใช้ดวงตาคู่สวยเรียวรีแต่แฝงด้วยกลิ่นอายของความเย็นชาและห่างเหินมองไปที่เขา "ตอนนี้คุณก็ได้แต่งแล้วหนิ"ซ่งซือเยว่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นแฝงไว้ด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง "ใช่ครับ ผมได้แต่งแล้ว..."จี้ซือหานค่อยหน้าเจื่อนขึ้นมาในทันที "ยินดีด้วย"หลังจากที่เขาพูดประโยคนี้จบ ก็จะเดินออกไป แต่ซ่งซือเยว่กลับพูดว่า "สัญญาซื้อกิจการฉบับนี้ ผมรับไว้ไม่ได้ คุณเอากลับไปเถอะ"จี้ซือหานหยุดเดิน แล้วหันกลับมามองเขาด้วยสายตาเย็นชา "ผมไม่ได้ให้คุณ"ซ่งซือเยว่ยังคงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจเช่นเดิม
คืนนั้นที่ผมเกิดอุบัติเหตุ ผมคิดจะขอเธอแต่งงาน แต่คืนนั้นเราดันมีปัญหากันขึ้นมาก่อน..."จะว่าไปแล้วก็ต้องโทษผมเอง พอเห็นเธอคุยหัวเราะกับเพื่อนผู้ชายที่ทำงานร้านอาหารกับเธอ ผมก็เกิดรู้สึกหึงขึ้นมาอย่างประหลาด""ผมพูดคำพูดที่ไม่น่าฟังกับเธอออกไปอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ เธอโกรธมากก็เลยหมุนตัววิ่งออกไปท่ามกลางสายฝน...""ตอนนั้นฝนตกหนักมาก ผมวิ่งไปแบกเธอขึ้นมา แต่เธอไม่ยอม ผมก็ไม่กล้าที่จะแบกเธออีก เลยได้แต่เดินตามเธออยู่เงียบๆ ข้างหลัง""คุณอาจจะไม่รู้ ตั้งแต่เล็กจนโต ที่เธอเกลียดที่สุดก็คือเมื่อเกิดปัญหา ผมเลือกที่จะเงียบไม่พูดอะไร""เพราะเธอเห็นว่าผมไม่พูดอะไรเลย ก็เลยโมโหจนวิ่งออกไป แต่บังเอิญ มีรถคันหนึ่งที่เสียการควบคุมวิ่งมา..."เมื่อซ่งซือเยว่พูดถึงตรงนี้ก็หยุดพูด บนใบหน้าปรากฎรอยยิ้มเจื่อน จากนั้นก็กลับมาเรียบเฉย"ที่ผมพูดกับคุณมากมายเพราะอยากบอกกับคุณว่า อย่าได้ทำร้ายเธอเพียงเพราะความหึงหวง และเวลาเกิดปัญหาก็อย่าเลือกที่จะเงียบ""ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าระหว่างพวกคุณเกิดปัญหาอะไรกันขึ้นถึงได้เลิกรากัน แต่ก็น่าจะไม่ต่างจากผมในตอนนั้นสักเท่าไร..."เมื่อก่อนเขาก็เป็นคนประเภทเดียว
เธอรักสวยรักงามมาตลอดชีวิต ยาที่เบิกไปก่อนตายก็เพื่อป้องกันการปวมน้ำ กลัวว่าถ้าตายไปแล้วจะไม่สวยแต่ในตอนนี้ แผ่นหลังของเธอจะไม่สามารถสวยงามสมบูรณ์แบบเหมือนเมื่อก่อนได้อีกแล้ว...เมื่อเห็นเธอที่เป็นแบบนี้ หัวใจของจี้ซือหานก็พลันหยุดเต้นไปทันที ใบหน้าหล่อเหลา เปลี่ยนเป็นขาวซีดในฉับพลัน...เขาโยนร่มในมือทิ้งไป นั่งคุกเขาลงต่อหน้าเธอ อยากจะเอามือที่กำลังสั่นเทิ้มไปกอดเธอไว้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแตะต้องตรงไหนชุดเจ้าสาวตรงส่วนด้านหลังของเธอ ได้ถูกกรดกัดจนเละเปื่อยไปหมดแล้ว ผิวหนังก็ไหม้รุนแรงจนสามารถเห็นกระดูกได้อย่างชัดเจนบาดแผลที่รุนแรงแบบนี้ ทำให้จี้ซือหานรู้สึกปวดใจจนน้ำตาค่อยๆ ไหลรินลงมาเขายกมือสั่นๆ ขึ้นไปแตะใบหน้าของเธออย่างทำอะไรไม่ถูก...ซูหว่านรู้สึกเจ็บจนเหงื่อเย็นไหลออกมาในทันที "ยะ อย่าแตะฉัน...เจ็บ..."จี้ซือหานรีบปล่อยมือ ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ แต่กลับพูดอะไรไม่ออกดวงคาเรียวคมคู่สวยที่กำลังสะท้อนใบหน้าที่ซีดขาวของเธออยู่ เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเขามองไปยังอลันที่รีบวิ่งเข้ามาอย่างทำอะไรไม่ถูก "เร็ว! อลัน รีบมาช่วยเธอ!"น้ำเสียงของเขาพร่าแหบและสั่นเครือ เป็นความเจ็บปวดที่อ
ในตอนที่มีดเล่มนั้นกำลังจะแทงเข้ามาที่คอของเขา จี้ซือหานก็เงยดวงตาที่แดงก่ำของเขาขึ้นมาแล้วคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ได้แค่ออกแรงครั้งเดียวก็หักมือของพนักงานทำความสะอาดคนนั้นได้ จากนั้นก็แย่งมีดในมือของเขามา แทงเข้าไปตรงหน้าอกของเขาเขาแทงเข้าไปอย่างเต็มแรง จนเลือดสดๆ ไหลทะลักออกมา เปื้อนเสื้อผ้าของเขาจนแดงฉานไปหมดแต่เขากลับดึงมีดออกมาแล้วแทงกลับเข้าไปแรงๆ อีกครั้งโดยไม่กระพริบตาเลยด้วยซ้ำ..."ประธานจี้!"ซูชิงวิ่งเข้ามาถึงก่อนอลัน เมื่อเห็นว่าเขาคิดจะฆ่าคนขึ้นมาจริงๆ ก็รีบเข้ามาห้าม "คุณจะฆ่าคนไม่ได้นะครับ เอาให้ผมจัดการเถอะ"พนักงานทำความสะอาดที่ถูกคุมตัวอยู่บนพื้นกลับหัวเราะออกมาอย่างเสียสติ "จี้ซือหาน เก่งจริงมึงก็ฆ่ากูเลยสิ กูจะดูสิว่าถ้าฆ่าคนแล้วมึงจะยังเป็นผู้ครอบครองอำนาจของตระกูลจี้ได้อยู่อีกหรือเปล่า!"ดวงตาแดงก่ำของจี้ซือหานค่อยๆ เปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมเย็นชา เขายกมีดในมือขึ้นหวังจะแทงเข้าไปที่คอของเขาโดยไม่สนใจการห้ามของซูชิงเลยสักนิดแต่ซูชิงกลับยื่นมือออกมาขวางไว้ ที่ด้านหลังมือถูกแทงเป็นแผลลึกเขารีบฝืนเจ็บแล้วเข้าไปห้ามจี้ซือหานสุดฤทธิ์ โดยไม่ได้หันไปดูบาดแผลตัวเองเ
ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จี้ซือหานกำลังอุ้มซูหว่าน อลันช่วยเขาวางเธอลงบนพรมอลันไปถามหาคนในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า หยิบเอาสายยางมา เปิดน้ำออกแรงๆเพื่อชำระล้างกรดซัลฟิวริกที่แผ่นหลังหลายครั้งขณะที่กำลังล้างน้ำอยู่ ซูหว่านซึ่งนอนราบอยู่บนพื้น แม้จะอยู่ในสภาวะที่ไม่มีสติ แต่ร่างกายยังคงเจ็บปวดจนต้องสั่นสะท้านออกมาจี้ซือหานเห็นเธอเจ็บปวดมากขนาดนั้น หัวใจของเขาก็เจ็บแปล๊บตามไปด้วยเหมือนจะขาดใจความโหดเหี้ยมในใจพลันก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอเขาหงายนิ้วมือขาวซีด ลูบใบหน้าที่ไร้สีเลือดนั่นสิ่งที่ปลายนิ้วสัมผัสโดน กลับเป็นผิวหนังที่เย็นเฉียบไร้ซึ่งอุณหภูมิหัวใจของเขาหยุดไปชั่วขณะ ความตื่นตระหนก ความหวาดกลัวที่เคยสูญเสียเธอไปแล้วครั้งนึงเมื่อสามปีก่อน ก็จู่โจมเข้ามาทุกสารทิศมือของเขาที่สั่นเทา วางลงบนเบื้องล่างจมูกของเธอ เมื่อไม่อาจสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเธอ ร่างกายก็อ่อนระทวยลงทันที"อลัน...เธอไม่หายใจแล้ว..."เมื่อได้ยินเสียงสั่นของจี้ซือหาน มือของอลันที่กำลังชำระล้างกรดซัลฟิวริกก็ชะงัก เธอยื่นมือออกไปจับลมหายใจกับชีพจรของซูหว่านด้วยความรวดเร็ว"ยังมีลมหายใ
เมื่อซานซานกับซูชิงรีบตามมา สิ่งที่เห็นก็คือจี้ซือหานที่อยู่ในสภาพเหมือนคนที่วิญญาณหลุดลอยไปแล้วซูชิงเดินไปตรงหน้าเขา เมื่อเห็นนิ้วมือของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำ ก็รีบพูดขึ้นมา "ประธานจี้ ผมจะไปตามหมอมาให้ครับ"ซูชิงรีบไปตามหมอมารักษาแผลให้เขาอย่างรวดเร็วเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ยังคงนั่งอยู่บนพื้น ปล่อยให้พวกเขาทรมานต่อไป...ซานซานไม่มีอารมณ์มานั่งเป็นห่วงว่าจี้ซือหานเป็นยังไง เขากำมือแน่น เอาแต่จ้องไปยังบานประตูที่ปิดสนิทเวลาทุกวินาทีผ่านไปด้วยความเชื่องช้า ในที่สุดประตูห้องฉุกเฉินก็ค่อยๆเปิดออก...อลันที่สวมชุดปลอดเชื้อโรค มีเหงื่อท่วมเต็มใบหน้า เดินออกมาจากด้านในซานซานยังไม่ได้เดินเข้าไป ก็เห็นเงาดำพุ่งผ่านตัวเธอเข้าไปก่อน"เธอเป็นยังไงบ้าง?"จี้ซือหานเหงื่อท่วมไปทั้งตัว เส้นผมหนาสามสี่เส้นปรกลงตรงหน้าผาก ยาวมาถึงขนตามีหยดน้ำไหลเขากลับไม่รู้สึกตัว ดวงตาเรียวหม่นหมองคู่นั้นจ้องอลันไม่กระพริบ"ตอนนี้ช่วยชีวิตได้แล้ว แต่เพราะสาหัสมาก ตอนนี้ก็เลยยังสลบอยู่..."จี้ซือหานยกขาขึ้นเตรียมจะพุ่งเข้าไป แต่อลันเอ่ยห้ามไว้ "ย้ายไปอยู่ห้องผู้ป่วยหนักแล้ว"เขาหยุดฝีเท้าลง แล้วพูดกับอล
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ