เมื่อซานซานกับซูชิงรีบตามมา สิ่งที่เห็นก็คือจี้ซือหานที่อยู่ในสภาพเหมือนคนที่วิญญาณหลุดลอยไปแล้วซูชิงเดินไปตรงหน้าเขา เมื่อเห็นนิ้วมือของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำ ก็รีบพูดขึ้นมา "ประธานจี้ ผมจะไปตามหมอมาให้ครับ"ซูชิงรีบไปตามหมอมารักษาแผลให้เขาอย่างรวดเร็วเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ยังคงนั่งอยู่บนพื้น ปล่อยให้พวกเขาทรมานต่อไป...ซานซานไม่มีอารมณ์มานั่งเป็นห่วงว่าจี้ซือหานเป็นยังไง เขากำมือแน่น เอาแต่จ้องไปยังบานประตูที่ปิดสนิทเวลาทุกวินาทีผ่านไปด้วยความเชื่องช้า ในที่สุดประตูห้องฉุกเฉินก็ค่อยๆเปิดออก...อลันที่สวมชุดปลอดเชื้อโรค มีเหงื่อท่วมเต็มใบหน้า เดินออกมาจากด้านในซานซานยังไม่ได้เดินเข้าไป ก็เห็นเงาดำพุ่งผ่านตัวเธอเข้าไปก่อน"เธอเป็นยังไงบ้าง?"จี้ซือหานเหงื่อท่วมไปทั้งตัว เส้นผมหนาสามสี่เส้นปรกลงตรงหน้าผาก ยาวมาถึงขนตามีหยดน้ำไหลเขากลับไม่รู้สึกตัว ดวงตาเรียวหม่นหมองคู่นั้นจ้องอลันไม่กระพริบ"ตอนนี้ช่วยชีวิตได้แล้ว แต่เพราะสาหัสมาก ตอนนี้ก็เลยยังสลบอยู่..."จี้ซือหานยกขาขึ้นเตรียมจะพุ่งเข้าไป แต่อลันเอ่ยห้ามไว้ "ย้ายไปอยู่ห้องผู้ป่วยหนักแล้ว"เขาหยุดฝีเท้าลง แล้วพูดกับอล
ซูหว่านที่อยู่ในห้องICU เนื้อเยื่อผิวหนังด้านหลังถูกไฟไหม้เป็นบริเวณกว้าง ติดเชื้อซ้ำหลายครั้ง หมอช่วยต้องคอยช่วยชีวิตอยู่หลายหนนับว่าหลังจากผ่านมาได้สองสัปดาห์ ในที่สุดก็ล้มลุกคลุกคลานมาได้ แต่เมื่อเธอฟื้นขึ้นมา ความเจ็บปวดที่ราวกับถูกฉีกทึ้งเนื้อออกเป็นชิ้นๆ กลับทำให้เธอสลบไปอีกครั้งด้วยความเจ็บปวดอลันจึงยุ่งหัวหมุนอีกครั้ง เพื่อช่วยดึงวิญญาณของเธอให้กลับมาจากโลกหลังความตายจี้ซือหานในสภาพให้น้ำเกลือกำลังเฝ้าอยู่หน้าห้อง เห็นภาพนั้นจู่ๆหัวใจก็หยุดเต้นเขายอมให้น้ำกรดพวกนั้นสาดมาที่ร่างกายของเขาซะยังดีกว่ายอมให้ซูหว่านมารับแทนแต่เธอกลับเลือกวิธีน่าเวทนาเช่นนี้ เพื่อตอบแทนน้ำใจของเขา...ดวงตาแดงก่ำของเขามองไปยังซูหว่านที่สลบไปด้วยความเจ็บปวดผ่านกระจก ปวดใจจนอยากเป็นฝ่ายแบกรับความเจ็บปวดนั้นไว้เองเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อลันจ้องภาพหน้าจอคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เมื่อเห็นจังหวะการเต้นเป็นไปตามปกติ ก็ถอนใจโล่งอกเธอเดินออกมาจากอีกทางนึง แล้วพูดกับจี้ซือหานและซานซานที่นั่งยองๆอยู่บนพื้น "คุณซูรอดพ้นขีดอันตรายแล้ว!"ซานซานได้ยินประโยคนั้น ร่างกายก็อ่อนยวบ นั่งนิ่งอยู่บนพื้น ความรู้สึกที่
เมื่อจี้ซือหานป้อนน้ำเสร็จ ก็ถามเธอเสียงนุ่มนวล "เอาอีกไหม?"ซูหว่านส่ายหน้าเบาๆ สายตาพลันก็เหลือบไปเห็นบนรอยข้อต่อนิ้วมือ มีรอยแผลไหม้ปรากฎอยู่เธอช้อนสายตาขึ้นมองเขา "มือของคุณ..."จี้ซือหานลอบเก็บนิ้วมือ หลบหลีกให้พ้นจากสายตาของเธอ จากนั้นใช้มืออีกข้างหยิบผ้าขนหนูสะอาดขึ้นมาเช็ดปากให้เธอเขาไม่ตอบคำถามของเธอ ซูหว่านจึงไม่ถามอีก ดวงตาใสบริสุทธิ์มองไปรอบๆห้องผู้ป่วยอย่างคาดคะเน "ฉันสลบไปนานแค่ไหน?"เมื่อจี้ซือหานเช็ดคราบน้ำบริเวณริมฝีปากให้เธอเสร็จ ก็ตอบว่า "ครึ่งเดือนกว่าๆ"เธอนึกว่าอย่างมากก็สามสี่วัน ไม่คิดเลยว่าจะนานมากกว่าครึ่งเดือนคนที่เธอเห็นเมื่อลืมตาก็คือจี้ซือหาน แล้วซานซานกับซือเยว่ล่ะ?เธออยากจะถามจี้ซือหาน แต่เห็นเขาประคองข้างศีรษะเธอเบาๆ เพื่อเปลี่ยนหมอนใบใหม่ให้จากนั้นนําอุปกรณ์อาบน้ํามาทําความสะอาดแก้ม ปาก และผิวเนอกร่มผ้าให้เธอเขาทำทั้งหมดนี่ด้วยความเป็นธรรมชาติ ราวกับว่าตอนที่เธอสลบไป เขาก็ดูแลเธอแบบนี้ซูหว่านรู้สึกเกร็งนิดหน่อย ขนตางอนยาวเรียงสวยเป็นแพโน้มต่ำลงมา เหม่อมองพื้นหลังจากจี้ซือหานช่วยทำความสะอาดให้เธอเสร็จ ก็มองเธออยู่เงียบๆหลายวินาที จาก
จี้ซือหานดึงประตูห้องผู้ป่วยที่ปิดสนิทออก มองซ่งซือเยว่ที่นั่งอยู่บนวิลแชร์ทีนึง ก่อนจะยืดตัวเร่งฝีเท้าจากไปพวกเขาคุยอะไรกันข้างใน ซ่งซือเยว่ได้ยินไม่ชัด เมื่อเห็นจี้ซือหานออกไป ก็ยังเข้าใจว่าเขามีธุระด่วน จึงไม่ได้คิดอะไรมากเขาทอดสายตามองซูหว่านที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยนิดนึง จากนั้นเข็นวิลแชร์เข้าไปในห้องผู้ป่วยซูหว่านเอียงศีรษะเหม่อมองหน้าต่าง กระทั่งเงาของใครบางคนมาบังสายตา เธอจึงค่อยๆดึงสติกลับมา"ซือเยว่..."พอเห็นว่าเป็นเขา ซูหว่านก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นบางๆ "คุณมาแล้ว..."ซ่งซือเยว่หยักหน้าเบาๆ เมื่อเห็นว่าแผ่นหลังของเธอพันผ้าก็อซหนาหลายชั้น จากเดิมสีหน้าที่ซีดอยู่แล้ว ก็ซีดมากขึ้นอีก"หว่านหว่าน เจ็บมากใช่ไหม..."ซูหว่านอยากจะยิ้มแล้วตอบกลับไปว่าไม่เจ็บ แต่แค่ขยับนิดเดียว ความเจ็บซ่านที่ราวกับถูกฉีกทึ้งก็ถาโถมขึ้นอีกครั้ง เธอเจ็บแสบจนเหงื่อไหลซ่งซือเยว่ยื่นมือออกมาอยากจะจับไหล่ของเธอ แต่ราวกับนึกอะไรได้ ก็มือค้างไปกลางอากาศ ไม่กล้าแตะโดนตัวเธอเขามองซูหว่าน เกลี้ยกล่อมเธอด้วยความอ่อนโยน "อย่าซี้ซั้วขยับ มันจะกระทบโดนบาดแผลได้ง่าย..."ซูหว่านกระพริบตาน้อยๆ เป็นการตอบรั
ซ่งซือเยว่มองหญิงสาวที่ไม่มีอะไรจะแก้ตัว แววตาก็เผยรอยยิ้มโล่งใจออกมา"หว่านหว่าน ฉันเคยเห็นเวลาที่เธอรักใครสักคนมันเป็นยังไง""เธอพร้อมเสี่ยงทุกอย่าง ทุ่มเททั้งหมดเพื่อคนที่รัก ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต...""เพราะแบบนั้นฉันรู้ดี ที่เธอรับน้ำกรดแทนเขา ไม่ใช่เพียงเพราะต้องการตอบแทน แต่ที่มากกว่านั้นเพราะเธอรักเขา..."ซ่งซือเยว่มองคนตรงหน้าที่เขารักมาครึ่งชีวิต รอยยิ้มที่แฝงในแววตาค่อยๆถูกคลุมด้วยน้ำตา..."เธอรักเขาเหมือนกับที่รักฉันในตอนนั้น แต่ฉันได้ทำเธอคนนั้นหายไปแล้ว ไม่อาจทำให้กลับมาได้อีก..."ซูหว่านเจ็บปวดใจทันที จู่ๆขอบตาก็แดงก่ำ "ซือเยว่ ฉันขอโทษ ที่ฉันหักหลังคุณก่อน..."ซ่งซือเยว่ส่ายหน้า ไม่คิดจะกล่าวโทษเธอแม้แต่น้อย "เพราะฉันที่ทำให้เธอโกรธ ถึงได้ประสบอุบัติเหตุ ทั้งหมดนี้มันมาจากฉันเอง "ความจริงสวรรค์ได้ใช้อุบัติเหตุทางรถเพื่อบอกเขาตั้งแต่แปดปีก่อนแล้ว ว่าวาสนาของเขามาได้แค่นี้ แต่เขายังกอดรัดอดีตไม่ยอมปล่อยซ่งซือเยว่คิดมาถึงตรงนี้ มุมปากยกยิ้มอ่อนโยน มองซูหว่าน แล้วยิ้มบางๆ "หว่านหว่าน ให้อภัยที่ฉันสูญเสียความทรงจำตลอดห้าปี กว่าฉันจะจำได้ ก็จำได้แค่ในอดีตเมื่อตอนยั
ซ่งซือเยว่วางสัญญาในมือลง ใบหน้าที่แสนอบอุ่นราวกับลมในฤดูใบไม้ผลิ เผยรอยยิ้มบางๆซูหว่านนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย หันศีรษะมามองเขาเงียบๆ ราวกับกำลังมองเห็นเด็กหนุ่มในอดีตเขานั่งแถวหลังสุดในห้องเรียน มือข้าวนึงเท้าคางบนโต๊ะหนังสือ มองเธอที่อยู่ด้านนอกผ่านหน้าต่างเขาในตอนนั้น ก็เหมือนกับที่เป็นอยู่ในเวลานี้ อ่อนโยน สง่างาม และเรียบง่ายพวกเขาต่างมองหน้าอีกฝ่าย เป็นการบอกลา เช่นเดียวกับความเสียใจที่ต่างคนต่างก็ได้พลาดไปเมื่อครั้งเยาว์วัยผ่านไปชั่วครู่ ซ่งซือเยว่ดึงสายตากลับมา ก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองซูหว่านีกครั้ง เหมือนว่าเขาจะปล่อยวางทั้งหมดแล้ว"หว่านหว่าน สี่โมงห้านาที ฉันก็ต้องกลับเมืองหลวงแล้ว"ซูหว่านยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แต่เมื่อเห็นสายตาที่ปล่อยวางของเขา คำที่อยากจะพูดก็ได้แต่กลืนลงคอไปเธอมองเขา เช่นเดียวกับที่เคยส่งเขาไปแข่งขัน ตอบกลับประโยคนึงอย่างอ่อนโยน "งั้นซือเยว่ เดินทางปลอดภัยนะ..."นิ้วมือของซ่งซือเยว่ที่กำสัญญาอยู่ จู่ๆก็กำแน่นขึ้นเล็กน้อย "หว่านหว่าน เธอยังจำได้หรือเปล่าว่าสี่โมงสิบห้านาทีมีความหมายว่าอะไร?"ซูหว่านคิดอยู่สักพัก แต่กล
ณ กลุ่มบริษัทจี้ รถหรูสิบกว่าคันจอดอยู่หน้าบริษัทจี้ซือหานมีสีหน้าเย็นชา ลงมาจากรถ แล้วสาวขายาวเดินเข้าห้องท่านประธานไปซูชิงที่เดินตามมาติดๆ เห็นว่าเขาเดินค่อนข้างรีบร้อน ก็รีบพาบอดี้การ์ดลุ่มนึงตามไปด้วยจี้ซือหานเดินพร้อมกับสั่งซูชิงสียงเย็น "เตรียมเครื่องบินส่วนตัวไปวอชิงตัน"ซูชิงรับคำ "ครับ" แล้วถามต่อ "ประธานจี้ รอบนี้จะอยู่ที่วอชิงตันนานแค่ไหนครับ?"จี้ซือหานตอบกลับอย่างไร้อารมณ์ "ปีนึง"ซูชิงตกตะลึง แล้วมองเขาอึ้งๆ "ประธานจี้ ทำไมไปนานขนาดนั้นครับ?"จี้ซือหานไม่ตอบ ในดวงตาของเขาเฉยชาราวกับหมอกเย็น ไม่มีแม้แสงสว่างส่องเข้าไปซูชิงเห็นว่าเขาเป็นแบบนี้ ก็ราวกับเข้าใจแล้วว่าทำไม จึงไม่ได้ถามต่อ"งั้นคืนนี้ผมจะเตรียมของใช้ส่วนตัวของท่านให้ล่วงหน้าครับ"จี้ซือหานพยักหน้าเล็กๆ แล้วเร่งฝีเท้าเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัวท่านประธานจี้เหลียงชวนกำลังนั่งอยู่ในห้องท่านประธาน ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ เมื่อเห็นเขาเข้ามา ก็รีบลุกขึ้นเดินไปหาเขา"พี่รอง การประชุมครั้งก่อนไหนตกลงกันว่าจะให้พี่สามไปวอชิงตันเพื่อดูแลเรื่องเกี่ยวกับการบินอวกาศไม่ใช่หรอ? ทำไมกลายเป็นพี่ไปเอง?"จี้ซือหานถอดเสื้อสู
จี้เหลียงชวนถูกจ้าวหยูยียวนกวนประสาท ก็โยนโทรศัพท์ลง พับแขนเสื้อขึ้น แล้วชกเขาอย่างสนิทสนม"อาทิตย์เดียวกูทำได้แน่!"รองประธานจ้าวโดนหมัดไปทีนึง แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่หลุดขำใส่เขา เก็บคอมพิวเตอร์ขึ้น แล้วเดินออกข้างนอกไปจี้เหลียงชวนขัดหูขัดตากัยท่าทางอวดดีของจ้าวหยู อยากจะตามไปชกเขาอีกสักสองสามที แต่กลับถูกจี้ซือหานห้ามเอาไว้จี้ซือหานมองแสงสายัณห์ของพระอาทิตย์ตกดินนอกหน้าต่าง ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยดวงดาว ตอนนี้เหลือเพียงความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุดจี้เหลียงชวนเห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็เก็บท่าทีไม่เอางานเอาการ นั่งลงข้างเขา แล้วถามเขาเสียงเบา "พี่รอง ยังมีอะไรอยากจะใช้ผมอีกใช่ไหม?"ขนตาดำเป็นแพของจี้ซือหานโน้มลงต่ำ เขาพูดเสียงอ่อนว่า "ช่วยฉันดูแลเธอ อย่าให้ใครมารังแกเธอได้""เธอ" ที่เขาพูดมา แน่นอนว่าจี้เหลียงชวนรู้ดีว่าเป็นใคร เพียงแต่ "พี่รอง ในเมื่อง้อกลับมาไม่ได้แล้ว ก็อย่าทำเรื่องพวกนี้อีกเลย"สายตาของจี้ซือหานเลื่อนต่ำลง จ้องมองหลังนิ้วมือที่ถูกน้ำกรดเผา หลังจากเงียบไปชั่วอึดใจ ก็ตอบว่า "ฉันติดค้างเธอ"ตบนั้นของเขา เคยทำร้ายเธอเกือบตาย ต่อให้เธอให้อภัยเขาแล้ว แต่เขาไม่มีทางให