ซูหว่านส่ายหน้าให้เขา "ไม่เอา ฉันไม่อยากให้คุณส่งฉันเข้าพิธีแต่งงาน"เธอผลักจี้ซือหานออกไปแล้วไปหลบออดอกอยู่ในมุม ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความท้อแท้จี้ซือหานคุกเข่าข้างเดียวต่อหน้าเธอ เขาจ้องเธออยู่พักหนึ่งก่อนขยับริมฝีปากบางพูดว่า "ในวันแต่งงานของเธอเจ้าบ่าวของเธอไม่ใช่ฉัน แต่อย่างน้อยให้ฉันได้เป็นคนที่ส่งเธอเข้าพิธีเถอะนะ งานแต่งของเธอ ฉันไม่ไปไม่ได้หรอก…"ซูหว่าน ยังคงสายหน้าปฏิเสธเหมือนเดิม "ไม่เอา…"ดวงตาคู่งามของจี้ซือหานค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ "หว่านหว่าน เห็นแก่ที่ฉันรักเธอมาสิบปี ให้โอกาสฉันสักครั้งเถอะนะ"น้ำตาที่ซูหว่านฝืนกลั้นเอาไว้ไหลพรากลงมาทันใด "จี้ซือหาน ฉันขอร้องล่ะนะ อย่าบังคับฉันเลย"เค้าเอื้อมนิ้วมือเรียวยาวของตัวเองออกมาปาดน้ำเค้าเอื้อมนิ้วมือเรียวยาวของตัวเองออกมาปาดน้ำปลาให้เธอแล้วบอกกับเธอว่า "เธอไม่เลือกฉันน่ะ ฉันดีแต่ทำให้เธอร้องไห้"เค้าใช้ฝ่ามือรูปใบหน้าของเธอซ้ำแล้วเค้าใช้ฝ่ามือรูปใบหน้าของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า "หว่านหว่าน ห้าปีมานี้ที่เธออยู่กับฉัน ฉันทำให้เธอต้องลำบาก…"ซูหว่านยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองร้องไห้จนแทบเสียสติเธอไม่เคยคิดเลยว่าจี้ซือหาน
ซูหว่านยังคงขดตัวอยู่ในมุมไม่ขยับเมื่อเห็นว่าเค้าถือเสื้อผ้าเสื้อผ้าเข้ามาให้ถึงขยับตาเล็กน้อยจี้ซือหานมองเธอ เขาไม่กล้าเดินไปตรงหน้าเธอก็เลยเอาชุดวางไว้ที่โซฟาด้านข้างเมื่อแผ่นหลังที่เย็นชานั้นหันหลังเดินออกไป เธอก็ถอดสายตากลับมาแล้วมองไปที่ชุดนั้นเธอเลิกผ้าห่มแล้วหยิบชุดนั้นขึ้นมา พอใส่เสร็จแล้วก็เข้าไปล้างหน้าในห้องอาบน้ำในห้องนอนเธอล้างคราบน้ำหลังคราบน้ำตาบนหน้าจนสะอาดแล้วก็จัดการผมที่ยุ่งเหยิงเสร็จแล้วถึงออกมาจากห้องเธอเห็นจี้ซือหานยืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่างกระจกยาวจรดพื้น แสงของพระอาทิตย์ตกส่องกระทบบนตัวเขาทำให้เขาดูมีออราสีทองจาง ๆพอเขาได้ยินเสียงก็หันหันหลังกลับมาดวงตาคู่งามล้ำมองชุดของเธออย่างพิจารณา"สีขาวเหมาะกับเธอที่สุดแล้ว"ตั้งแต่เธอกลับประเทศมาก็ใส่แต่ชุดสีแดงตลอดไม่เหมือนเธอเลยซูหว่านพูดด้วยความไม่เป็นตัวเองว่า "ฉันกลับก่อนนะ"จากนั้นเธอก้มหน้าแล้วเดินออกนอกประตูไปเลยจี้ซือหานกำมือแน่น วินาทีที่เธอพักประตูเปิดออกเขารีบตามไปบอกว่า "ฉันไปส่ง"ซูหว่านหันกลับมองเขาแล้วพูดกับเขาด้วยความสุภาพและห่างเหินว่า "ขอบคุณนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก"เธอกลับหลังหันปิดประตูแล
คุณหมอสวี่เป็นศัลยแพทย์ที่ค่อนข้างโดดเด่นของโรงพยาบาลเธอ ไม่เพียงเป็นคนจิตใจดี อีกทั้งยังเรียบร้อยอ่อนโยนน่าเสียดายที่เมื่อกี้พี่ชายของเธอกลีบเอาแต่ก้มหน้ากินข้าว ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเขาบ้างเลยช่างเป็นผู้ชายแท้ที่ซื่อบื้อที่สุดแต่คุณหมอสวี่ก็เข้าใจ "ไม่เป็นไร ปกติแล้วฉันเองก็งานยุ่งมากเหมือนกัน"อลันได้แต่หัวเราะแล้วก็พยักหน้าเบาๆ จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรเพื่อกอบกู้บรรยากาศที่พี่ชายของเธอได้ทำลายลงไปดีคุณหมอสวี่มองเธอทีหนึ่ง จากนั้นก็หยิบมีดกับส้อมขึ้นมาหั่นสเต๊กชิ้นหนึ่งเข้าปากกินอย่างเอร็ดอร่อย อย่างชาญฉลาด"เมื่อกี้พี่ชายของเธออยู่ที่นี่ ทำเอาฉันไม่กล้ากินอะไรเลย ดีนะที่เขาไปแล้ว ไม่งั้นฉันคงต้องหิวตายแน่..."ท่าทางการกินอาหารอย่างมูมมามของคุณหมอสวี่ ทำให้อลันรู้สึกผ่อนคลายลงไปด้วยเช่นกันในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังกินไปคุยไปอยู่นั้น ซูเหยียนก็จูงมือผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาจากประตูด้านนอกในตอนที่ได้เห็นอลัน เขาก็อยากที่จะปล่อยมือออกทันที แต่ก็ถูกอลันเห็นเข้าซะก่อนเป็นอลันที่ไม่ได้มีปฏิกริยาอะไร เบนสายตาออกไป แล้วคุยกับคุณหมอสวี่ต่อ ราวกับว่ามองไม่เห็นเมื่อซูเหยี
ซูเหยียนถึงได้กดความต้องการภายในของตัวเองไว้แล้วรีบขับรถมาที่นอกเมืองอย่างรวดเร็วหลังจากที่เขาจอดรถไว้ข้างทางเรียบร้อย ก็ย้ายตัวเองไปเบาะหลังจากนั้นก็อุ้มตัวของอลันมาจูบริมฝีปากอย่างบ้าคลั่งความคิดถึงที่ไม่ได้รับการปลดปล่อยของซูเหยียนในหลายวันมานี้ ในที่สุดก็ได้รับการปลดปล่อยอลันที่กกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา มองเขาที่กำลังมัวเมาด้วยความปรารถนาร้อนแรง จึงถามหยั่งเชิงออกไปว่า "คุณ...คิดจะแต่งงานกับฉันเมื่อไรคะ?"นิ้วมือที่กำลังลูบไล้ใบหน้าของเธออยู่ชะงักกึก ความปรารถนาในดวงตาจางหายไป แล้วตอบกลับอย่างเย็นชาไปประโยคหนึ่ง "คนในตระกูลซูคงไม่เห็นด้วยถ้าผมจะแต่งงานกับคุณ"อลันยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากอดลำคอของเขาเอาไว้ แล้วมองเขาอย่างยั่วยวน "แล้วคุณล่ะคะ?"สีหน้าของซูเหยียนชะงักไปเล็กน้อย แต่สายตากลับปรากฎร่องรอยของความอ่อนหวาน แต่ก็ไม่อยากยอมรับ "ไม่อยากแต่งด้วย"เมื่ออลันได้ยินดังนั้น ก็ผิดหวัง วางมือที่โอบรอบคอของเขาลง "ฉันเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ต้องแต่งงานแล้ว..."เมื่อซูเหยียนได้ยินว่าเธอจะแต่งงาน จู่ๆ หัวใจของเขาก็รู้สึกว่างเปล่าและเจ็บปวด จากนั้นความรู้สึกโมโหอย่างประหลาดก็ไล่ขึ้น
ที่เมืองหลวงกำลังมีฝนตกปลอยๆ กลุ่มคนที่สวมหน้ากาก กำลังล้อมรถลีมูซีนคันหนึ่งอยู่ชายวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบกว่าปีกำลังกอดชู้รักซึ่งเป็นสาววัยรุ่นอายุประมาณยี่สิบกว่าๆ ไว้ในอ้อมแขนทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ร่างกายเปลือยเปล่า พยายามซ่อนตัวอยู่ที่เบาะคนนั่งด้านหลัง มองดูกลุ่มคนที่ปรากฎตัวขึ้นอย่างกระทันหันอย่างหวาดกลัวจนตัวสั่นและที่ยิ่งทำให้ผู้ชายรู้สึกสิ้นหวังมากกว่าคือ ภรรยาของเขาก็ถูกกลุ่มชายชุดดำเชิญมาดูไลฟ์หนังสดถึงสถานที่จริงด้วยเช่นกัน..."กู้จั้วหลิน! ไอ้คนไร้ยางอาย!"ผู้หญิงกรีดร้องตะโกนออกมาเสียงดัง อยากจะพุ่งเข้าไปฆ่าชายโฉดชายชั่วคู่นี้ซะให้ตายอาเจ๋อเชิดคางเล็กน้อย แล้วมองไปทางชายที่สวมหน้ากากข้างๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ถูกปิดปากแล้วลากตัวออกไปทันทีผู้ชายที่อยู่ในรถกำลังจะมองไปที่อาเจ๋ออย่างขอบคุณ แต่ก็ถูกเขาเปิดประตูลากตัวลงมาจากรถซะก่อนผู้ชายล้มลงมาบนพื้นอย่างไม่เป็นท่า ยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นมา อาเจ๋อก็ใช้เท้าเหยียบลงไปขนหลังของเขาซะก่อนผู้ชายรู้สึกเจ็บตรงหน้าอกมาก ราวกับร่างกายของเขาถูกกดทับด้วยน้ำหนักกว่าร้อยโลก็ไม่ปาน หนักจนเขาไม่อาจจะหายใจได้...เขาเงยหน
สายตาที่กู้จั้วหลินมองเขา ไม่ใช่สายตาที่ดูแคลนอีกต่อไป แต่กลับแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัว "แกเป็นใครกันแน่?!"กู้จั้วหลินเหลือบมองเขาทีหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างไร้ความอดทนว่า "ให้เวลาแกหนึ่งนาที"เขาใช้มีดสั้นในมือชี้ไปที่สัญญาฉบับนั้น เป็นเชิงว่าให้เขาเซ็นให้เสร็จในเวลาหนึ่งนาที ไม่เช่นนั้นจุดจบเขาจะเป็นคนตัดสินใจเองตอนที่ปลายมีดพาดผ่านกระดาษบางๆ นั้น ประกายแสงจ้าสีขาวก็กระทบเข้ากับดวงตาของเขา ทำให้กู้จั้วหลินตกใจจนตัวสั่นเขามองไปยังผู้ชายคนนั้นอย่างหวาดผวา แล้วก็มองสลับไปที่ตัวเอกสารด้วยสีหน้าที่ลังเล "กลุ่มบริษัทกู้เป็นธุรกิจของตระกูลกู้ที่ทำมากว่าร้อยปี หากว่าฉันเซ็นเอกสารนี่ก็จะต้องการเป็นคนทรยศของตระกูลกู้..."จี้ซือหานที่หมดความอดทนไปนานแล้ว ไม่อยากที่จะฟังเขาพูดไร้สาระอีก เขายกมีดในมือขึ้นมาแล้วแทงลงไปที่บนไหล่ของกู้จั้วหลินทันทีหลังจากที่แทงลงไปแล้ว ก็ชักมีดกลับออกมาอย่างรวดเร็ว ตลอดการกระทำ ไม่กระพริบตาเลยแม้แต่น้อย รังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากดวงตา ช่างดูโหดเหี้ยมเหลือเกินกู้จั้วหลินเจ็บปวดจนต้องร้องออกมา เสียงดังโหยหวนท่ามกลางบรรยากาศรกร้างนอกเมือง ยิ่งทำใ
ซูหว่านที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง นั่งมองตัวเองในกระจกอย่างเหม่อลอยซานซานที่ผลักประตูเข้ามา เมื่อเห็นว่าเธอนั่งใจลอยอยู่ก็เดินเข้าไปตบบ่าของเธอเบาๆ"หว่านหว่าน ซือเยว่สั่งให้คนเอาของมาส่งให้ เธอลงไปดูข้างล่างหน่อยเถอะ...""ได้..."ซูหว่านตอบรับอย่างว่าง่าย ลุกขึ้นแล้วเดินตามซานซานลงไปข้างล่างด้านนอกของคฤหาสน์มีรถจอดอยู่หลายคัน กู้เจ๋ออุ้มชุดเจ้าสาวเดินเข้ามา"คุณซู คุณชายผมบอกว่าชุดแต่งงานที่ร้านแต่งงานไม่ค่อยดี เขาหาคนตัดชุดเจ้าสาวมาให้คุณชุดหนึ่งโดยเฉพาะ แล้วก็ยังมีรองเท้าเจ้าสาว เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของขวัญแต่งงานต่างๆ..."พอเขาพูดจบก็กวักมือเรียกผู้ช่วย ไม่นานก็มีคนยกของมากมายลงมาจากรถ ช่วยกับยกเข้าไปไว้ในคฤหาสน์หลังจากที่กู้เจ๋อส่งชุดแต่งงานให้กับซูหว่านแล้ว ก็พูดกับเธอว่า "คุณซู วันแต่งงาน เจ้านายของผมไม่สะดวกเดินทางมาร่วมพิธี ผมจะเป็นตัวแทนเขามารับเจ้าสาวเอง ตามกำหนดการเป็นช่วงสิบโมงเช้านะครับ ก่อนจะถึงตอนนั้น คุณชายได้เชิญทีมช่างหน้าช่างผมมาช่วยคุณแต่งตัวแล้ว ไม่ต้องตื่นเช้ามากก็ได้ครับ พักผ่อนให้มากๆ เรื่องต่างๆ ในงานแต่ง คุณไม่ต้องเป็นกังวล..."ซูหว่านตอบว่า
"คุณซู คุณหนูสองสั่งผมไว้ว่า ไม่ว่ายังไงก็ต้องให้คุณรับชุดแต่งงานนี้ไว้ให้ได้ ผมจำเป็นจะต้องทำภารกิจนี้ให้เสร็จสิ้น"หลังจากที่เขาโบกมือสั่งให้คนรับใช้เอาชุดแต่งงานไปวางไว้บนโซฟาเรียบร้อยก็พูดกับซูหว่านว่า "หวังว่าคุณซูจะสวมชุดแต่งงานนี้ในวันแต่งงานนะครับ"ซูหว่านรู้สึกตื้อในใจ สีหน้าเคร่งเครียด "ลุงโจว เอากลับไปเถอะ สามีของฉัน ส่งชุดแต่งงานชุดใหม่มาให้ฉันแล้ว ชุดแต่งงานของคนอื่น ฉันไม่สนใจหรอก และก็จะไม่สวมชุดที่เขาให้ในวันแต่งงานด้วย"เธอพูดจาอย่างไร้เยื่อใย แถมยังขีดเส้นอย่างชัดเจน จนลุงโจวทั้งอึ้งทั้งโมโห "คุณซู สามปีมานี้ คุณหนูสองอาศัยกินยานอนหลับทุกวันเพื่อที่จะได้ฝันเห็นคุณ คุณทำกับเขาแบบนี้มันไม่ไม่ยุติธรรมไปหน่อยเหรอครับ?"ซูหว่านรู้สึกหายใจไม่ออก สีหน้าเคร่งเครียด ติดจะซีดน้อยๆทำไม ทำไมจะต้องมาบอกเรื่องพวกนี้กับเธอในตอนนี้ด้วย...ซานซานที่เอาแต่เงียบไม่พูดอะไรมาตั้งแต่ต้น เมื่อได้ยินประโยคนี้ เธอก็ตะลึงไปเหมือนกันแต่เมื่อเห็นท่าทีบีบบังคับของลุงโจวที่มีต่อหว่านหว่าน จึงได้กดความตกใจนั้นลงไปเธอลุกขึ้นจากโซฟา แล้วเดินมาขวางอยู่หน้าซูหว่านอย่างปกป้อง"คุณโจว หากว่าค
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ