“ลูกจะไม่เคืองเราแน่นะแม่” ณรงค์ค่อนข้างหวั่นใจอยู่พอสมควร รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกับภรรยากำลังหลอกลวงลูก เพราะแขกที่ชบาบอกให้เชอเอมรอต้อนรับคือนคินทร์ ผู้ชายที่โทรมาสารภาพเรื่องราวว่าตัวเองเป็นคนทำเชอเอมท้อง ถึงเขาจะบอกเหตุผลที่หายหน้าไปจากเชอเอมอย่างไม่บอกไม่กล่าวจนเขาและภรรยาเข้าใจดี แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเชอเอมจะยอมรับฟังและเชื่อในสิ่งที่นคินทร์ต้องการมาสารภาพหรือไม่“เรื่องเคืองไม่เคืองแม่ไม่สนใจหรอกพ่อ แค่เห็นลูกเรากลับมามีความสุขได้อีกครั้งเป็นพอ”“แล้วจะเชื่อใจนคินทร์ได้เหรอ ว่ากลับมาง้อลูกเราแล้วจะทำให้ลูกเรามีความสุขน่ะ”“ค่อยๆ ดูกันไป แค่นคินทร์มาสารภาพผิดกับเราแล้วบอกว่าจะรับผิดชอบยัยเอมทุกอย่างแม่ก็ถือว่าเค้าเป็นลูกผู้ชายพอตัวนะพ่อ” ชบาเห็นว่าหากมีโอกาสที่จะทำให้หลานของเธอมีครอบครัวที่สมบูรณ์เธอก็พร้อมจะทำ หลังจากนคินทร์มาสารภาพความจริงกับลูกสาวเธอแล้ว ตอนนั้นลูกสาวของเธอตัดสินใจอย่างไรเธอก็พร้อมจะยอมรับและอยู่เคียงข้างลูกเสมอครืน ครืน เสียงฟ้าร้องดังถี่ขึ้น ทั้งท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งอยู่คราแรกก็เริ่มมืดครึ้ม คนที่กำลังเตรียมวัตถุดิบทำกับข้าวอยู่ในครัวจึงรีบล้างไม้ล้างมือและเดินออ
วันเวลาของความสุขพ้นผ่านมาจนกระทั่งถึงวันแต่งงานของช่อแก้วและเชอเอม ว่าที่คู่บ่าวสาวสองคู่ค่อนข้างมีความสุขมากเป็นพิเศษ รวมไปถึงคนอื่นๆ ในครอบครัวของคู่บ่าวสาวด้วยงานแต่งของสองคู่บ่าวสาวจัดขึ้นที่โรงแรมหรูริมทะเลภูเก็ต งานแต่งเป็นแบบเรียบง่ายมีแต่คนสนิทที่เข้ามาร่วมงานเพราะทั้งสองคู่บ่าวสาวต้องการที่จะรับรองแขกด้วยตัวเองแบบเต็มที่“คุณอาสะใภ้ของฉันสวยจังเลยวันนี้” วิวาห์รินทร์เดินเข้ามาหาเพื่อนรักที่อยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาวกระโปรงบานแบบเรียบง่าย เพราะตอนนี้เพื่อนเธอจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ค่อนข้างอคดอัดนานๆ ไม่ได้เนื่องจากท้องเริ่มโตมากแล้ว แต่ไม่ว่าเชอเอมจะอยู่ในชุดไหนเมื่อได้แต่งแต้มใบหน้าด้วยเครื่องสำอางเมื่อไร่ เธอก็จะดูเด่นเป็นสง่าทุกครั้งไป“เรียกฉันแบบเดิมสิ” เจ้าสาวคนสวยเริ่มบุ้ยปาก เพราะค่อนขางขัดหูกับคำว่าตัวเองเป็นคุณอาของเพื่อนพอสมควร“จะเรียกแบบไหนตอนนี้สถานะของแกก็คืออาสะใภ้ของฉัน ถึงว่าเมื่อก่อนมีหนุ่มๆ รุ่นเดียวกันมาขายขนมจีบแกตั้งเยะแต่แกไม่สนเพราะรักคนแก่นี่เอง”“เมื่อกี้พูดว่าใครแก่นะ”“เอ่อ...ก็ หมายถึงคุณอาแก่ว่าเอมตั้งหลายปีค่ะ” วิวาห์รินทร์หน้าเสียเมื่อนคินทร์ดัน
รถเก๋งสีดำขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้านเรือนไทยใต้ถุงสูงหลังใหญ่ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางทุ่งนา ด้านหลังรายล้อมไปด้วยวิวทิวทัศน์ภูเขาสูงสวยงาม หญิงสาวหน้าสวยที่นั่งอยู่บนรถเริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดี เธอไม่อยากลงไปจากรถแม้บ้านตรงหน้าจะเป็นบ้านของเธอเองก็ตามก๊อก ก๊อก ก๊อก “แก้ว...เป็นอะไรหรือเปล่าลูก” เสียงเคาะกระจกบวกกับน้ำเสียงที่ดูรนรานของคนเป็นแม่ทำให้ช่อแก้วเริ่มได้สติและรีบเปิดประตูลงจากรถ“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก หลับในเหรอ” เมื่อลูกสาวคนโตลงจากรถมาได้ ชบาก็รีบพาไปนั่งที่แคร่ไม้สักที่ใต้ถุนบ้านทันที“เปล่าจะแม่ ง่วงๆ นิดหน่อย เดี๋ยวแก้วไปนอนก่อนนะ”“อ่อ งั้นรีบไป ตื่นแล้วก็ลงมากินข้าว เดี๋ยวเย็นนี้แม่ทำแกงส้มกับปลาเกลือทอดเอาไว้ให้” หญิงวัยกลางคนพอจะโล่งใจไปได้ คราแรกคิดว่าลูกเธอจะเป็นอะไรไปแล้วเสียอีก“จะ” ช่อแก้วเดินขึ้นบันไดมาที่ห้องนอนของตัวเองด้วยท่าทางเหม่อลอย เพราะเรื่องที่เพิ่งได้ไปประสบพบเจอมาทำให้เธอไม่อยากจะสู้หน้าใครในครอบครัวเลย“เฮ้อ... ทำอะไรลงไปวะเนี่ยไอ้แก้ว” เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เธอไปเที่ยวเพื่อคลายเครียด จนพลาดไปนอนกับผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักหน้าค่าตากันมาก่อนก็อย
“เฮ้อ...” กลับมาจากน้ำตกช่อแก้วก็นอนกลิ้งนอนเกลือกถอนหายใจอยู่บนเตียงนุ่ม เพราะเลื่อนมือถือดูโซเชียลทีไรเพื่อนๆ นักเขียนคนอื่นก็โชว์ยอดรายได้ที่มากกว่าเธอหลายเท่าให้ได้เห็น แม้จะรู้ว่าแต่ละคนจะมาถึงจุดนี้ก็ต้องใช้เวลาและความพยายามมากๆ แต่เธอก็อดท้อใจไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถเป็นนักเขียนนิยายที่ประสบความสำเร็จได้หรือเปล่าเมื่อความทุกข์ใจเข้ามาถาโถมหนักเข้าช่อแก้วก็เลือกวิธีที่จะทำให้ตัวเองลืมเรื่องราวโดยการไปหาซื้อเครื่องดื่มมึนเมามานั่งดื่มคนเดียวเงียบๆ ที่แคร่ไม้ริมธารน้ำตกหลังห้องพักของตัวเอง หลังจากดื่มเครื่องดื่มมึนเมาได้ได้พักใหญ่สาวเจ้าก็เริ่มที่จะไม่ได้สติ เธอลุกออกจากแคร่ไม้เดินโงนเงนอยู่ที่ธารน้ำตก ดวงตาคู่สวยปรือเยิ้มกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัว เห็นว่าไม่มีใครจึงเลือกที่จะเปิดปากตะโกนเสียงดังเพื่อระบายความเครียด“ไม่ขายแล้วโว้ยนิยาย ขายตัวดีกว่า” หลังจากตะโกนจบช่อแก้วก็ยืนยิ้มอยู่ครู่หนึ่งและกลับมานั่งที่แคร่ไม้ภายใต้แสงไฟสลัวเหมือนเดิม“ซื้อครับ”คนที่เพิ่งกลับมาทิ้งตัวลงนั่งเริ่มยิ้มไม่ออกเพราะจู่ๆ ก็มีเสียงของใครบางคนโผล่ออกมาจากความมืดด้วยความเมาหญิงสาวจึงใจกล้ามาก
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”“เพื่อนปรางค์สวยไหมคะพี่กันต์”“เมื่อกี้เห็นหนูเพชรครั้งแรกก็บอกแม่ว่าหนูเพชรน่ารัก” ยังไม่ทันที่ชนกันต์จะตอบอะไรปรารถนาพวงทองก็แย่งพูดไปก่อน ทั้งยังไม่ค่อยจะครบถ้วนทุกคำที่เขาพูดเท่าไหร่เพราะเขาไม่ได้ชมแค่พิมเพพชรคนเดียว แต่หากเอ่ยเสริมเติมแต่งอะไรไปจะหักหน้าทุกคนจึงเลือกที่จะเงียบเอาไว้“ขอบคุณนะคะพี่กันต์” สาวเจ้าที่รู้ตัวว่าถูกผู้ชายชมก็เริ่มมีท่าทีและน้ำเสียงขวยเขินจนออกนอกหน้า“เราเข้าไปข้างในกันดีกว่าครับ ผมหิวแล้ว”“ไป ไป อาจะได้ให้แม่บ้านจัดโต๊ะอาหาร”และแล้วมื้ออาหารเย็นวันนี้ก็เป็นมื้อที่ชนกันต์นั้นอึดอัดอีกครั้ง เพราะอาสะใภ้ของเขาดูจะยัดเยียดให้เขาดูแลพิมเพชรเป็นพิเศษ กว่าจะจบมื้อกลางวันได้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจจนรับประทานอาหารเที่ยงไม่อิ่ม“หนูเพชรน่ารักดีไหมล่ะตากันต์” หลังจากชนกันต์กลับมาถึงบ้านไม่กี่นาทีอัญชลีก็รีบเฟสไทม์หาชนกันต์ทันที และแล้วชนกันต์จึงได้รู้ว่าแม่และอาสะใภ้ของเขาต้องร่วมมือกันในภารกิจดูตัวครั้งนี้แน่นอน“ผมรู้ตัวคนสมรู้ร่วมคิดที่จับคู่ให้ผมแล้วล่ะครับ”“อะไร ใครจับคู่ คิดไปเองหรือเปล่า แม่ไม่ได้ทำอะไรเลย” อัญชลียืนยันเ
“จำอะไรไม่ได้ ชื่อเค้าฉันยังไม่รู้เลย”“อายุเท่านี้ แถมหล่อมาก แล้วก็ลากแกไปนอนด้วยง่ายๆ ท่าทางจะช่ำชองเรื่องนี้ ไม่แน่อีตาคนนั้นที่เรากำลังพูดถึงอยู่อาจจะเป็นโรคติดต่อก็ได้” ยาหยีลุกขึ้นเดินกอดอกทำหน้าครุ่นคิด“กะ...แก มะ...หมายถึงเอดส์น่ะเหรอ” ช่อแก้วที่นั่งหน้าห่อเหี่ยวคราแรก ตอนนี้เธอเริ่มจะห่อเหี่ยวกว่าเดิม“ก็เออดิ ตกลงแกจำไม่ได้จริงๆ เหรอว่าป้องกันหรือเปล่า”“หึ... ไม่ได้คิดมาก่อนเลยนะเนี่ย คิดแค่เสียตัวให้คนที่ไม่ใช่แฟนก็หดหู่มาหลายวัน มาปรึกษาแกได้เรื่องหดหู่มาอีกเรื่องนึงอีก ฉันจะหายเครียดวันไหน” เจ้าของเรื่องวุ่นวายนั่งชันข้อศอกกับโต๊ะหินอ่อนกุมขมับหนึบ“ฟังดูแกดีใจใช่ไหมเนี่ยที่มีฉันเป็นเพื่อน”“เออ แกเตือนเรื่องที่ฉันคิดไม่ค่อยได้ไง เอาไงดีอะ”“ไปปรึกษาหมอตรวจโรคติดต่อไหม”“ที่ไหนอะ ถ้าที่โรงพยาบาลในอำเภอฉันไปตรวจเรื่องได้ถึงหูแม่กับพ่อแน่” เธอไม่สามารถไปตรวจโรคที่โรงพยาบาลในอำเภอได้แน่นอนเพราะญาติเธอเป็นพยาบาลที่นั่น แม้เธอจะเชื่อว่าแพทย์หรือพยาบาลมีจรรยาบรรณในการปกปิดข้อมูลแต่เธอก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี“งั้นไปกรุงเทพไหม บอกพ่อกับแม่แกว่าไปเยี่ยมเอมไง”“อ่อ... ก็ดีนะ” ช่อแก้วพอ
สองศรีพี่น้องมาถึงร้านหมูกระทะที่ไม่ห่างจากหอพักได้ก็ไปหยิบอาหารมาวางเรียงรายเต็มโต๊ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะกินทุกอย่างไม่หมด เพราะกระเพาะของพวกเธอรองรับอาหารได้เยอะอยู่แล้ว“แล้วอาทิตย์ที่แล้วทำไมพี่โทรหาเราไม่ติดเลย” หลังจากนั่งรับประทานหมูย่างกันมาพักใหญ่ช่อแก้วก็ไม่ลืมที่จะถามถึงเรื่องที่เธอติดต่อเชอเอมไม่ได้เป็นอาทิตย์ เชอเอมที่กำลังมีความสุขกับการกินเธอก็เริ่มหน้าเจื่อนเพราะมีเรื่องบางเรื่องในใจที่ไม่ได้อยากจะบอกใคร“อ๋อ...โทรศัพท์มันไม่ค่อยดี แต่เอาไปซ่อมแล้ว”“อืม... เครื่องนี้ก็ใช้มานานแล้วนี่เนอะ เดี๋ยวพี่พาไปซื้อใหม่” ช่อแก้วหยิบมือถือของน้องสาวขึ้นมาดูก็เห็นว่าเครื่องมันถลอกไปหมดแล้วแถมหน้าจอก็ลายจนไม่รู้จะลายยังไงจึงอยากจะเปลี่ยนให้เชอเอมใหม่“ไม่เอา เครื่องนี้ยังใช้ได้ ให้มันพังจริงๆ แล้วค่อยซื้อ”“งกเหมือนกันนะเราเนี่ย” อันที่จริงเชอเอมก็อยากจะมีมือถือเครื่องใหม่ๆ ใช้อย่างวัยรุ่นคนอื่นๆ ทั่วไปที่เค้าใช้กัน แต่เธอก็รู้ดีว่าตัวเองไม่ควรใช้อะไรฟุ่มเฟือยเกินจำเป็นในขณะที่ตัวเองยังหาเงินได้ไม่มาก เงินจากงานพาร์ทไทม์ก็ต้องเอามาเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเพราะไม่อยากรบกวนเงินของพี
“ไม่รู้เหมือนกันแต่ก็ต้องคว้าเอาไว้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปคุยงาน” ช่อแก้วยังคงพูดเสียงสั่นและเดินไปเดินมาตื่นเต้นและดีใจไม่หายที่ยื่นใบสมัครงานยังไม่ทันข้ามวันเธอก็ได้รับการตอบกลับจากโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแล้ว ไม่รู้หรอกว่าการทำงานร่วมกับผู้อื่นจะง่ายหรือไม่ง่ายแต่เมื่อเห็นจำนวนค่าตอบแทนแล้วเธอก็มีกำลังใจที่จะสู้สุดตัวเช้าวันนี้ช่อแก้วรีบมาที่โรงพยาบาลก่อนเวลานัด เพราะตื่นเต้นที่จะได้มาคุยรายละเอียดงานว่าต้องทำอะไรบ้าง แลกกับเงินเดือนที่ค่อนข้างสูงสำหรับคนที่ไม่เคยทำงานประจำมาก่อนอย่างเธอ“ฉันช่อแก้วค่ะ ฉันได้รับการติดต่อให้มาคุยรายละเอียดงานที่นี่วันนี้ค่ะ” ช่อแก้วที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีชมพูกับกางเกงขายาวสีดำเดินตรงไปยังพนักงานต้อนรับและแจ้งธุระให้พนักงานต้อนรับสาวสวยได้ทราบด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม“อ๋อ... ตามดิฉันมาทางนี้เลยค่ะ”“ค่ะ” ช่อแก้วเดินตามพนักงานต้อนรับสาวสวยท่าทางเกร็งๆ เล็กน้อย พอจะถึงหน้าลิฟท์เธอก็เริ่มเกร็งหนักขึ้นกว่าเดิมเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นชายหนุ่มที่เธอได้นอนกับเขาในครั้งที่ไปเที่ยวน้ำตกคนเดียว“ขอตัวสักครู่นะคะ” เธอรีบรั้งพนักงานต้อนรับสาวให้เธอชะงักฝีเท้าที
วันเวลาของความสุขพ้นผ่านมาจนกระทั่งถึงวันแต่งงานของช่อแก้วและเชอเอม ว่าที่คู่บ่าวสาวสองคู่ค่อนข้างมีความสุขมากเป็นพิเศษ รวมไปถึงคนอื่นๆ ในครอบครัวของคู่บ่าวสาวด้วยงานแต่งของสองคู่บ่าวสาวจัดขึ้นที่โรงแรมหรูริมทะเลภูเก็ต งานแต่งเป็นแบบเรียบง่ายมีแต่คนสนิทที่เข้ามาร่วมงานเพราะทั้งสองคู่บ่าวสาวต้องการที่จะรับรองแขกด้วยตัวเองแบบเต็มที่“คุณอาสะใภ้ของฉันสวยจังเลยวันนี้” วิวาห์รินทร์เดินเข้ามาหาเพื่อนรักที่อยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาวกระโปรงบานแบบเรียบง่าย เพราะตอนนี้เพื่อนเธอจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ค่อนข้างอคดอัดนานๆ ไม่ได้เนื่องจากท้องเริ่มโตมากแล้ว แต่ไม่ว่าเชอเอมจะอยู่ในชุดไหนเมื่อได้แต่งแต้มใบหน้าด้วยเครื่องสำอางเมื่อไร่ เธอก็จะดูเด่นเป็นสง่าทุกครั้งไป“เรียกฉันแบบเดิมสิ” เจ้าสาวคนสวยเริ่มบุ้ยปาก เพราะค่อนขางขัดหูกับคำว่าตัวเองเป็นคุณอาของเพื่อนพอสมควร“จะเรียกแบบไหนตอนนี้สถานะของแกก็คืออาสะใภ้ของฉัน ถึงว่าเมื่อก่อนมีหนุ่มๆ รุ่นเดียวกันมาขายขนมจีบแกตั้งเยะแต่แกไม่สนเพราะรักคนแก่นี่เอง”“เมื่อกี้พูดว่าใครแก่นะ”“เอ่อ...ก็ หมายถึงคุณอาแก่ว่าเอมตั้งหลายปีค่ะ” วิวาห์รินทร์หน้าเสียเมื่อนคินทร์ดัน
“ลูกจะไม่เคืองเราแน่นะแม่” ณรงค์ค่อนข้างหวั่นใจอยู่พอสมควร รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกับภรรยากำลังหลอกลวงลูก เพราะแขกที่ชบาบอกให้เชอเอมรอต้อนรับคือนคินทร์ ผู้ชายที่โทรมาสารภาพเรื่องราวว่าตัวเองเป็นคนทำเชอเอมท้อง ถึงเขาจะบอกเหตุผลที่หายหน้าไปจากเชอเอมอย่างไม่บอกไม่กล่าวจนเขาและภรรยาเข้าใจดี แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเชอเอมจะยอมรับฟังและเชื่อในสิ่งที่นคินทร์ต้องการมาสารภาพหรือไม่“เรื่องเคืองไม่เคืองแม่ไม่สนใจหรอกพ่อ แค่เห็นลูกเรากลับมามีความสุขได้อีกครั้งเป็นพอ”“แล้วจะเชื่อใจนคินทร์ได้เหรอ ว่ากลับมาง้อลูกเราแล้วจะทำให้ลูกเรามีความสุขน่ะ”“ค่อยๆ ดูกันไป แค่นคินทร์มาสารภาพผิดกับเราแล้วบอกว่าจะรับผิดชอบยัยเอมทุกอย่างแม่ก็ถือว่าเค้าเป็นลูกผู้ชายพอตัวนะพ่อ” ชบาเห็นว่าหากมีโอกาสที่จะทำให้หลานของเธอมีครอบครัวที่สมบูรณ์เธอก็พร้อมจะทำ หลังจากนคินทร์มาสารภาพความจริงกับลูกสาวเธอแล้ว ตอนนั้นลูกสาวของเธอตัดสินใจอย่างไรเธอก็พร้อมจะยอมรับและอยู่เคียงข้างลูกเสมอครืน ครืน เสียงฟ้าร้องดังถี่ขึ้น ทั้งท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งอยู่คราแรกก็เริ่มมืดครึ้ม คนที่กำลังเตรียมวัตถุดิบทำกับข้าวอยู่ในครัวจึงรีบล้างไม้ล้างมือและเดินออ
“อะ...เอมท้องเหรอ” คนที่เดินเข้ามาหน้าระรื่นคราแรกตอนนี้เริ่มมีสีหน้าเจื่อนลงและกลืนน้ำลายไม่ลงคอ เพราะรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นคนแรกของเชอเอม“ใช่ค่ะ แต่ก็ไม่ยอมบอกว่าพ่อเด็กเป็นใคร แถมยังบอกว่าจะเลี้ยงลูกคนเดียวอีก ผู้ชายคนนั้นคงทำเลวกับเอมเอาไว้เยอะน่าดูเลย แต่ยังไงหวานใจก็อยากรู้ว่ามันเป็นใครอยู่ดีค่ะ”นคินทร์ยังคงนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไร อาการของน้องชายที่กำลังเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้นครามั่นใจว่าน้องตนนี่แหละตัวต้นเหตุทำให้เพื่อนของลูกสาวเขาท้องป่องอยู่ตอนนี้“อ้อ... รู้หรือเปล่าคะว่าคุณอากันต์กำลังจะแต่งงานกับพี่แก้วพี่สาวของเอมด้วย”“แต่งงาน! อาไม่เห็นรู้เรื่อง” เรื่องแรกยังคงตกใจไม่หายตอนนี้มีเรื่องให้เซอร์ไพรซ์อีกเรื่องแล้ว“แล้วก่อนหน้านี้ให้คนอื่นติดต่อได้ไหมล่ะคะ”“พ่อไม่นึกว่าอากันต์กับอาของลูกจะชอบอะไรเหมือนๆ กัน จนกระทั่งวันนี้นะ” นคราพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ค่อนข้างมีเลศนัย“หมายความว่ายังไงคะคุณพ่อ”“เปล่า... พ่อก็พูดไปงั้น”“ไหนๆ ก็มาแล้วกินข้าวเย็นด้วยกันเลยนะคะ วันนี้มีฉู่ฉี่ปลากระพงของโปรดอาคินทร์ด้วย” วิวาห์รินทร์ยกมือเรียกแม่บ้านให้เอาจานมาให้ก่อนจะลุกตักข้าวและอาหารใ
หลังจากคุยกับหมอสาวเรียบร้อยช่อแก้วพยายามทำใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอเดินเข้ามาในห้องพักฟื้นของเชอเอมที่ตอนนี้มีวิวาห์รินทร์และชนกันต์ยืนเฝ้าน้องสาวเธออยู่ก่อนหน้าแล้ว“เอมท้องกับใคร?”“หา...” คำถามที่ช่อแก้วถามเชอเอมทำสองหนุ่มสาวอย่างวิวาห์รินทร์และชนกันต์มองหน้ากันด้วยสีหน้าตกใจ เมื่อครู่พวกเขาทั้งสองพยายามถามอาการชองเชอเอมแต่เธอก้ไม่ยอมตอบคงเป็รเพราะคำตอบมันเป็นสิ่งที่หญิงสาวไม่อยากตอบนี่เองวิวาห์รินทร์ค่อนข้างตกใจกว่าใครเพื่อน เพราะเธอเป็นเพื่อนที่สนิทกับเชอเอมและรู้ดีว่าเพื่อนเธอไม่มีแฟน แต่ทำไมตอนนี้ถึงตั้งท้องขึ้นมาได้ สาเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้เชอเอมกลับมาอยู่ต่างจังหวัดกะทันหัน“เอม... คือ...” เชอเอมนั่งอ้ำอึ้งและมีน้ำตาเอ่อคลอออกมา“บอกกับพี่มาเถอะเอมว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เรื่องท้องมันเรื่องใหญ่มากนะเอม” ช่อแก้วยืนกำมือแน่นเธอเริ่มเสียงแข็ง เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมเชอเอมไม่พูดออกมาว่าพ่อของลูกเป็นใคร แล้วไปพบไปเจอกันตอนไหน“ทำไม ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันบังคับเอมแล้วไม่รับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นใช่ไหม” ช่อแก้วเริ่มคิดไปต่างๆ นาๆ เธอเริ่มเสียงดังมากขึ้นเมื่องัดความจริงจากปากของน้
หลังจากทนเหงามาเป็นเดือนๆ วิวาห์รินทร์ก็ต้องขับรถถ่อมาที่บ้านของเชอเอมเพราะทนคิดถึงเพื่อนรักไม่ไหว ก่อนหน้านี้เคยเจอหน้ากันแทบทุกวันเพราะต้องเรียนด้วยกัน แต่หลังเรียนจบก็ไม่ค่อยได้เจอกันไหนเชอเอมจะกลับมาอยู่ต่างจังหวัดอีกเธอจึงรู้สึกเหงาเป็นพิเศษ“แกกลับมาอยู่ที่นี่ฉันเหงามากเลยรู้ไหม”“หลังรับปริญญาก็น่าจะไม่เหงาแล้วมั้ง เดี๋ยวก็ได้เข้าไปทำงานในบริษัทคุณพ่อแกแล้ว”“ไม่มีแกยังไงก็เหงา จะไม่ไปทำงานกับฉันจริงๆ เหรอ” วิวาห์รินทร์เริ่มถามคำถามเดิมๆ ที่แม้จะรู้ว่าไม่ค่อยมีความหวังแต่ก็อยากจะลองถามดู“อยากอยู่ช่วยพ่อกับแม่มากกว่า แกเข้าใจฉันนะ” เชอเอมก็ตอบคำถามคำเดิมกับวิวาห์รินทร์เช่นกัน เพราะที่เธอเลือกจะกลับมาอยู่ที่บ้านก็เพื่อเลี่ยงการได้เจอหน้ากับนคินทร์เป็นเหตุผลหลัก เพราะตั้งแต่เขานอนกับเธอแล้วหายหน้าไปก็ทำให้เธอรู้แล้วว่าเธอไม่ควรรู้สึกดีและอยู่ใกล้กับผู้ชายอย่างเขา“โอเค เข้าใจก็ได้ อ่อ...ก่อนหน้านี้คุณอาได้ติดต่อกับแกบ้างหรือเปล่า ช่วงนี้ฉันติดต่อคุณอาไม่ได้เป็นเดือนๆ แล้ว”คำถามของวิวาห์รินทร์ทำเชอเอมหน้าเสียเพราะอุตส่าห์เลี่ยงทุกอย่างที่จะทำให้นึกถึงนคินทร์แล้ว วิวาห์รินทร์ก็ต้อ
นคินทร์ยอมรับว่าตอนนี้กำลังไม่พอใจเชอเอมเอามากๆ เมื่อรถตู้จอดที่หน้าคอนโดได้เขาก็รีบลากหญิงสาวให้ขึ้นมาที่ห้องด้วยกัน หัวใจของเชอเอมตอนนี้เต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะไม่คิดว่าการที่เธอออกไปจากคอนโดของเขาโดยที่ไม่บอกกล่าวกันต่อหน้าจะทำให้นคินทร์ดูไม่สบอารมณ์มากขนาดนี้“หนีออกมาทำไม” เข้าห้องมาได้ชายหนุ่มก็รวบกอดคนตัวเล็กและดันตัวเธอให้หลังติดกำแพง แววตาแข็งกร้าวและน้ำเสียงที่แสดงออกถึงอาการขุ่นเคืองทำเชอเอมเริ่มกลัวท่าทีของนคินทร์“เอ่อ... เอมแค่กำลังจะกลับบ้านในระหว่างที่รอรับปริญญาค่ะ” เธอก้มหน้างุดไม่ยอมสบตากับเขาทั้งยังรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้ตัวของเธอกำลังสั่นและอีกฝ่ายก็น่าจะรู้สึกได้เหมือนกัน“ก็บอกกันต่อหน้าก็ได้ แน่ใจนะว่าไม่ได้โกรธเคืองอะไรผม”เชอเอมเอาแต่เงียบก้มหน้างุด เธอพูดความรู้สึกในหัวใจของเธอไม่ได้เพราะหากพูดออกไปนคินทร์ต้องรู้แน่นอนว่าเธอกำลังคิดอะไรกับเขา“เรื่องที่วีวี่พูดใช่ไหม ผมเห็นจากกล้องวงจรปิดหมดแล้วว่าเธอไปดักรอคุณที่หน้าห้อง เชื่อสิ่งที่เธอพูดหรือเปล่า” เขารู้เรื่องราวที่วีวี่พูดกับเอชเอมทั้งหมดเพราะสังหรณ์ใจตั้งแต่เห็นจดหมายลาของเชอเอมจึงรีบไปขอดูกล้องวงจรปิดของค
~ ตื๊ด ตื๊ด “ครับสารวัตร... ครับ ขอบคุณมากครับ” ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งอมทุกเสียงของปลายสายที่โทรมาบอกข่าวดีก็ทำให้สถานการณ์ผ่อนคลายความตึงเครียดได้ลง เพราะตอนนี้สามารถช่วยชนกันต์จากกลุ่มโจรได้แล้ว แถมพวกโจรทุกคนยังถูกจับกันครบแล้วด้วยหลังจากทุกคนรู้ว่าชนกันต์บาดเจ็บเล็กน้อยและตำรวจนำส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในตัวอำเภอทุกคนต่างก็มากันที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ส่วนปกป้องและปรารถนาก็ประสานงานเรื่องการดำเนินคดีกับเหล่าคนร้ายที่สถานีตำรวจ“เป็นไงบ้างตากันต์” อัญชลีเดินดุ่มเข้ามาหาชนกันต์ได้เธอก็กวาดสายตามองตามตัวของลูกว่ามีตรงไหนสึกหรอไปบ้าง เมื่อเห็นว่าทั้งตัวมีแค่รอยช้ำกับแผลที่หางคิ้วจึงพอจะโล่งใจไปได้บ้าง“ไม่เป็นไรมากครับคุณแม่ ได้ช่วยตำรวจจับโจร ถือว่าเป็นประสบการณ์สนุกดี” ชนกันต์ยังสามารถมีรอยยิ้มให้กับทุกคนได้เพราะเขาไม่อยากให้คนที่มาเยี่ยมรู้สึกหดหู่“สนุกบ้าอะไรของคุณ ฉันเป็นห่วงคุณแทบแย่ ฮือ ฮือ...” เป็นช่อแก้วที่ตะโกนต่อว่าชนกันต์ปนเสียงสะอื้นเธอยืนปาดน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งดีใจทั้งเป็นห่วงชายหนุ่มไปในคราเดียวกัน“ผมไม่เป็นอะไรแล้วนี่ไง” ชนกันต์เดินเข้ามากอดปลอบช่อแก้วที่เอาแต่ยื
“ทำไมไม่รับกันนะ” ช่อแก้วเดินวนไปวนมาที่ใต้ถุนบ้านพักใหญ่ เพราะตอนนี้ฝนก็ตกลงมาไม่ยอมหยุด แถมยังติดต่อช่อแก้วรวมถึงผู้ใหญ่ทุกคนไม่ได้อีก ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเธอก็พอจะใจชื้นที่เห็นรถกระบะของใครบางคนขับเข้ามาที่นี่ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นปกป้องเธอก็เปลี่ยนสีหน้าไม่สบอารมณ์กะทันหัน“มาทำอะไรที่นี่”“ผมจะมาขอยืมรถไถลุงรงค์ พอดีรถที่ไร่ผมมันพังโทรหาแกก็ไม่รับไปไหนกันเหรอ”“เค้าไปวัดกันน่ะ เอ่อ... คุณพอจะรู้ไหมว่าแถวนี้มีจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกตรงไหน”“ก็มีอยู่หลายที่นะครับ อย่าบอกนะว่าคุณจะไปหาดูพระอาทิตย์ตกตอนฝนตกเนี่ยนะ” ปกป้องเท้าเอวมองหน้าหญิงสาวหน้าหวานด้วยแววตาฉงน“จะบ้าเหรอคุณ ฉันก็รู้หรอกน่าว่าอะไรเป็นอะไร พอดีแก้วกับพี่ชายฉันออกไปเที่ยวแถวภูเขาบอกจะไปดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน แต่เมื่อสักพักแก้วโทรมาบอกฉันว่ารถยางแตกอยู่ที่เขาแล้วก็วางไปเลย ฉันโทรหาเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด พี่ชายฉันก็ไม่ได้เอามือถือไปด้วย คุณพอจะช่วยฉันไปตามหาพวกเค้าได้ไหม”“ภูเขา ชมวิวพระอาทิตย์ เฮ้ย...” ปกป้องขมวดคิ้วครุ่นคิดถึงจุดชมวิวที่คิดว่าช่อแก้วจะเดินทางไป และแล้วเขาก็สบถออกมาหน้าตาตื่นจนทำให้ปรารถนารู้สึกตกอกตกใจไปด้ว
ช่อแก้วมองปรารถนาที่กำลังถูกป้าน้อยปฐมพยาบาลอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ด้วยสายตาที่สงสารจับใจ เพราะได้ฟังจากคำเล่าของปกป้องเธอก็พอจะรู้ว่าภาพที่ปรารถนาเห็นมันคงไม่ดีต่อใจเอามากๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่ถึงขั้นเป็นลมสลบไปแบบนี้“โห...ท่าจะฝันร้ายไปหลายวันเลยล่ะ”“แก้ว...พูดดีๆ นะ ทำไมเห็นของพี่แล้วมันผิดตรงไหน” ปกป้องขมวดคิ้วเอ่ยน้ำเสียงเคืองใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ช่อแก้วพูดออกมา“อย่าเถียงกันเลยจะ คุณปรางค์น่าจะฟื้นแล้ว”“กะ... แก้ว” ปรารถนาสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาก็เรียกหาแต่ช่อแก้ว ทั้งยังควานหาที่เกาะมือไม้สั่นจนช่อแก้วต้องรีบจับมือของปรารถนาเอาไว้และเข้าไปนั่งปลอบใกล้ๆ เมื่อสายตาปรารถนามองเห็นทุกอย่างดีแล้วเธอก็เงยหน้ามองไปยังผู้ชายผิวเข้มร่างสูงใหญ่ที่แต่งตัวไม่ต่างอะไรจากคาวบอย“ไอ้โรคจิต” ปรารถนาสะดุ้งตัวสั่นเทาจับมือของช่อแก้วเอาไว้แน่น ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มร่างสูงใหญ่อีก“เอ่อ... นี่พ่อเลี้ยงปลื้มจะ” ช่อแก้วต้องรีบแนะนำตัวให้ปรารถนาได้รู้จักกับปกป้อง เพราะเขาไม่ได้เป็นโรคจิตอย่างที่ปรารถนากำลังเข้าใจผิด“คุณเดินเข้าไปในป่าทำไม ผมทำธุระของผมอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นโรคจิตซะงั้น”“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว