“ไม่รู้เหมือนกันแต่ก็ต้องคว้าเอาไว้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปคุยงาน” ช่อแก้วยังคงพูดเสียงสั่นและเดินไปเดินมาตื่นเต้นและดีใจไม่หายที่ยื่นใบสมัครงานยังไม่ทันข้ามวันเธอก็ได้รับการตอบกลับจากโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแล้ว ไม่รู้หรอกว่าการทำงานร่วมกับผู้อื่นจะง่ายหรือไม่ง่ายแต่เมื่อเห็นจำนวนค่าตอบแทนแล้วเธอก็มีกำลังใจที่จะสู้สุดตัว
เช้าวันนี้ช่อแก้วรีบมาที่โรงพยาบาลก่อนเวลานัด เพราะตื่นเต้นที่จะได้มาคุยรายละเอียดงานว่าต้องทำอะไรบ้าง แลกกับเงินเดือนที่ค่อนข้างสูงสำหรับคนที่ไม่เคยทำงานประจำมาก่อนอย่างเธอ
“ฉันช่อแก้วค่ะ ฉันได้รับการติดต่อให้มาคุยรายละเอียดงานที่นี่วันนี้ค่ะ” ช่อแก้วที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีชมพูกับกางเกงขายาวสีดำเดินตรงไปยังพนักงานต้อนรับและแจ้งธุระให้พนักงานต้อนรับสาวสวยได้ทราบด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
“อ๋อ... ตามดิฉันมาทางนี้เลยค่ะ”
“ค่ะ” ช่อแก้วเดินตามพนักงานต้อนรับสาวสวยท่าทางเกร็งๆ เล็กน้อย พอจะถึงหน้าลิฟท์เธอก็เริ่มเกร็งหนักขึ้นกว่าเดิมเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นชายหนุ่มที่เธอได้นอนกับเขาในครั้งที่ไปเที่ยวน้ำตกคนเดียว
“ขอตัวสักครู่นะคะ” เธอรีบรั้งพนักงานต้อนรับสาวให้เธอชะงักฝีเท้าที่กำลังจะเข้าไปในลิฟท์และรีบวิ่งพรวดไปหาชายหนุ่มในคืนนั้นทันที
ชนกันต์ในชุดสูทสีดำมาดเนี้ยบยืนล้วงกระเป๋าอมยิ้มอ่อนใอเห็นหญิงสาวตัวเล็กวิ่งแจ้นเข้ามาหาหน้าตาตื่น
“คุณใช่ไหม ที่นอนกับฉันคืนนั้นอะ” ช่อแก้วเข้าไปประชิดตัวชายหนุ่มให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่อยากพูดเสียงดัง
“อืม...”
“ตามฉันมานี่” เมื่อชายหนุ่มพยักหน้ารับได้ช่อแก้วก็รีบดึงมือให้คนร่างสูงใหญ่เดินตามเธอมาคุยกันในที่ลับตาคน
“เจอคุณก็ดีและ...คุณเป็นโรคร้ายแรงอะไรหรือเปล่า” สาวเจ้าไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอยืนกอดอกเงยหน้ามองชายหนุ่มหน้าหล่อแล้วถามด้วยน้ำเสียงฉะฉาน เล่นเอาชนกันต์ต้องขมวดคิ้วเพราะไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องแรกที่เธอเลือกจะตั้งหัวข้อสนทนากับเขา
“โรคร้ายแรง?”
“ก็โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์น่ะ”
“ไม่เป็นครับ ผมแข็งแรงดี” ชนกันต์แสยะยิ้มขบขันพอจะเข้าใจแล้วว่าตอนนี้ช่อแก้วกังวลเรื่องอะไร
“เฮ้อ!... ค่อยโล่งอก ฉันขอตัว” รู้ดังนั้นคนที่เครียดมาหลายวันกอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก
“เดี๋ยว”
“อะไรอีก”
“วันนั้นหนีผมกลับก่อนทำไม”
“นี่... ฉันรู้นะว่าคุณมองฉันเป็นคนง่ายๆ แต่จะบอกอะไรให้ คนอย่างช่อแก้วไม่เคยง่ายกับใคร วันนั้นฉันเมาต่างหากถึงได้ไปนอนกับคุณ” หญิงสาวรั้งคอชายหนุ่มให้โน้มลงมาใกล้กับใบหน้าของเธอและกระซิบกระซาบบอกกับเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ อุตส่าห์เลี่ยงที่จะคุยเรื่องคืนนั้นแล้วเขาก็ยังจะมาพูดกับเธอไม่จบอีก
“โอเค ผมเชื่อ”
“เรื่องคืนนั้นก็ลืมๆ มันไปซะเถอะ ฉันต้องรีบไปคุยงานแล้ว ขอตัวนะ หวังว่าเราจะไม่เจอกันอีก” พูดจบก็รีบเดินหันหลังให้เขาทันทีเพราะเธอมีธุระที่จะต้องไปทำต่อ
ชนกันต์เดินตามหลังหญิงสาวมาติดๆ เมื่อเห็นว่าเธอจะไปถึงหน้าลิฟท์เขาก็รีบรั้งเธอเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิ เรายังคุยกันไม่จบเลย”
“อ้าว... จะเดินตามมาทำไมเนี่ย” ช่อแก้วสะบัดข้อมือให้พ้นพันธนาการของชายหนุ่มและหันมายิ้มกว้างให้พนักงานต้อนรับสาว
“ฉันพร้อมแล้วค่ะ ไปกันได้เลยค่ะ”
“ไปไหนคะ คุณช่อแก้วคุยกับท่านประธานเรียบร้อยแล้วเหรอคะ?” พนักงานสาวมองหน้าของช่อแก้วและประธานหนุ่มสลับกันไปมา เธอคิดว่าเมื่อครู่ทั้งสองคนจะได้คุยงานกันแล้วเสียอีก
“ไหนคะ?... ท่านประธาน”
“นี่ไงคะ” คำถามของช่อแก้วทำพนักงานสาวเริ่มมีสีหน้าฉงนเข้าไปใหญ่
“ผมชนกันต์ เป็นผู้บริหารโรงพยาบาลนี้ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณช่อแก้ว”
“ฮะ!...” ช่อแก้วมองหน้าประธานหนุ่มที่กำลังยื่นมือมาทักทายเธอตาค้าง เมื่อรู้ว่าเขาเป็นถึงผู้บริหารที่นี่เธอก็เริ่มทำตัวไม่ถูก เธอยื่นมือไปจับกับเขาอัตโนมัติโดยที่สติยังไม่เต็มร้อย หลังจากหญิงสาวยื่นมือทักทายได้ชนกันต์ก็รีบจูงมือเธอให้เดินตามเขาเข้าไปในลิฟท์เพื่อที่จะไปนั่งคุยงานกันในห้องรับแขกวีไอพีของเขา
“คุณเป็นผู้บริหารที่นี่งั้นเหรอ” สาวเจ้ายังมีท่าทางตกใจไม่หาย
“ใช่”
“คุณรับฉันเข้าทำงานด้วยตัวเองเพราะจำฉันได้ใช่ไหม”
“ใช่” เขาพยักหน้าน้อยๆ และยังคงมีรอยยิ้มไม่คลาย
“ทำไมเลือกฉันมาทำงานล่ะคะ ปกติเค้าไม่เอาคนที่เอ่อ...แบบว่าคืนเดียว มาอยู่ใกล้ตัวไม่ใช่เหรอ” ถึงวินาทีที่ตั้งคำถามนี้ขึ้นช่อแก้วก็เริ่มพูดเสียงอ่อน
“ทำเหมือนเคยนอนกับคนอื่นมาเยอะอย่างงั้น” ชนกันต์เริ่มมองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาที่จริงจังขึ้นกว่าเมื่อครู่
“บ้าเหรอ ฉันเสียความบริสุทธิ์ให้คุณนะคืนนั้นน่ะ ฉันไม่เคยไปมั่วกับใคร คิดแล้วก็น่าโมโห คุณเห็นฉันเมาก็มาฉวยโอกาส คุณนี่นะ” เมื่อพูดถึงเรื่องที่เธอจะต้องเสียตัวในเวลาที่ไม่มีสติช่อแก้วก็เริ่มโมโห ถึงเขาจะเป็นถึงผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนยักษ์ใหญ่ที่เป็นว่าที่เจ้านายของเธอก็เถอะ แต่เธอก็อดที่จะมีอาการฉุนเฉียวต่อหน้าเขาไม่ได้
“ฉวยโอกาสงั้นเหรอ อืม..ก็แล้วแต่คุณจะคิด คุณพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีเหมือนกัน นี่” ชนกันต์วางถุงกระดาษเล็กๆ ตรงหน้าช่อแก้ว“คุณลืมไว้ ผมให้แม่บ้านซักทำความสะอาดให้เรียบร้อยแล้ว”ช่อแก้วหยิบถุงกระดาษถุงเล็กออกมาแง้มดูเมื่อสายตาปะทะเข้ากับชิ้นผ้าสีชมพูเธอก็จำได้ทันทีว่ามันคือกางเกงในของเธอที่ลืมเอาไว้ในห้องของเขาคืนนั้น สาวเจ้านั่งก้มหน้างุดด้วยความประหม่าขวยเขินเพราะไม่คิดว่าเขาจะเก็บมันเอาไว้ด้วย“แล้วเรื่องเงินที่ผมต้องจ่ายเป็นค่าตัวคุณ คุณยังอยากได้อยู่ไหม”“ค่าตัว!... นี่คุณกำลังดูถูกฉันอยู่ใช่ไหม” เธอลุกขึ้นพรวดเท้าเอวส่งเสียงแข็งใส่ชาหยนุ่มตรงหน้า“วันนั้นคุณเป็นคนตะโกนว่าอะไรจำไม่ได้เหรอ” ชนกันต์รีบรั้งคนตัวเล็กให้นั่งลงเพราะเธอกำลังทำกิริยาไม่มีมารยาท“อ่อ... ใช่” ช่อแก้วเริ่มเสียงอ่อนอีกครั้งเมื่อจำได้ว่าตัวเองได้พูดอะไรออกไปก่อนที่สติจะเลือนหาย“คุณจะจ่ายให้ฉันเท่าไหร่”“สี่ล้านห้าแสนบาท”“ฮะ!...”“แต่ผมยังไม่ให้คุณตอนนี้ คุณต้องเซ็นสัญญาที่นี่ก่อน แล้วเช็กเงินสดนี้จะเป็นของคุณ”“โอเค” ช่อแก้วรีบล้วงปากกามาเซ็นเอกสารที่ชนกันต์ยื่นให้โดยที่ไม่คิดจะอ่านก่อน เพียงแค่เห็นเช็กเงิ
“น่าสงสาร” ช่อแก้วได้ยินคำตอบตรงไปตรงมาของชนกันต์ก็มีสีหน้าห่อเหี่ยว เพราะรู้ดีว่าการมีความรักที่ไม่สมหวังมันน่าเจ็บปวดใจแค่ไหน“คุณล่ะมีคนที่ชอบหรือเปล่า” เป็นฝ่ายชนกันต์ที่ตั้งคำถามเรื่องความรักกับช่อแก้ว เขาหันหน้ามามองจ้องเธอจริงจังเพราะอยากจะรู้ว่าหญิงสาวมีใครในใจแล้วหรือยัง“ก็... มี แต่ฉันกับเค้าไม่มีทางมารักกันได้อยู่แล้ว”“ทำไม”“ขี้เกียจบอก จบนะ”“ชอบเค้ามากใช่ไหม”“ตอนนี้ก็ไม่มากเท่าไหร่แล้ว” ช่อแก้วเอ่ยเสียงอ่อนส่ายหัวน้อยๆ พลางก้มหน้างุด“อืม ดีแล้ว อ่อ... ผมเห็นว่าวันที่เราเจอกันในครั้งแรกคุณเครียดใช่ไหม ถึงได้ดื่มหนักจนไม่มีสติแบบนั้น”“อืม บ้านฉันเป็นหนี้เยอะ น้องสาวฉันก็กำลังจะเรียนจบต้องใช้เงินเยอะ อีกอย่างฉันก็เครียดที่ฉันหาเงินได้ไม่มากพอที่จะช่วยเหลือครอบครัว แล้วก็เรื่องงานของฉันอีก เฮ้อ...พูดแล้วก็เครียด”“แล้วเงินที่ได้ไปจากผม พอหรือเปล่า”“พอสิ...เยอะมากเลย” สาวเจ้าพยักหน้าหงึกหงัก“แล้วคุณจะบอกแม่คุณว่าไง เรื่องเงินที่หาได้”“อืม...นั่นน่ะสิ จะบอกความจริงก็ไม่กล้า” เป็นอีกเรื่องที่ช่อแก้วต้องหนักใจอีกแล้ว“ก็บอกว่าแฟนให้ แฟนรวยมาก เอางี้ดีกว่าผมไปบอกแม่คุณเอง
“เราคุยกันทางออนไลน์จะ”“เราคบกันมาสักพักแล้วครับ ผมเลยอยากมาฝากตัวกับคุณพ่อคุณแม่”“อ่อ... มานั่งข้างในก่อนลูก” หลังหายตกใจไปได้บ้างชบารีบเดินนำทั้งสองให้เข้ามานั่งที่แคร่ไม้ใต้ถุนบ้าน“แล้วนี่พ่อไปไหนจ๊ะ” ช่อแก้วชะเง้อมองซ้ายมองขวาเธอก็ไม่ยักจะเห็นคนเป็นพ่ออีกทั้งรถไถที่จอดอยู่ข้างบ้านก็ไม่อยู่จึงรีบถามหา“เอารถไถออกไปไถที่ให้ป้าผันน่ะสิ เค้ามาจ้างเมื่อวาน”“หมอบอกไม่ให้พ่อโดนฝุ่นเยอะไม่ใช่เหรอ ทำไมไปรับงานล่ะ” คิ้วเรียวสวยเริ่มขมวดขึ้นทั้งพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก เพราะพ่อของเธอมีอาการเหนื่อยง่ายเพราะเป็นถุงลมโป่งพอง ทั้งที่หมอก็ห้ามทำงานหนักและงานที่จะได้รับฝุ่นละอองหรือสารเคมีเยอะแต่พ่อของเธอก็ยังจะไปทำ“ก็... แม่ยังไม่ได้จ่ายค่าไฟ” ชบาเอ่ยเสียงอ่อน ไม่ได้อยากจะพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าชายหนุ่มที่เพิ่งเจอหน้านัก แต่ก็ต้องรีบบอกกับช่อแก้วให้รับรู้ถึงความจำเป็น“แล้วทำไมไม่บอกแก้วล่ะ” สาวเจ้าเริ่มมีน้ำเสียงขุ่นขึ้นไปอีก ส่วนชนกันต์ก็นั่งเงียบตามมารยาทแต่ก็แอบรู้สึกสงสารครอบครัวของช่อแก้วอยู่ลึกๆ“ช่างเถอะๆ แล้วนี่กินอะไรกันมาหรือยัง”“ยังจะ”“เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวให้
หลังจากเข้าไปช่วยแม่ทำอาหารเย็นได้พักใหญ่ ช่อแก้วก็เดินตามหาชนกันต์ไปรอบบ้าน สุดท้ายก็มาเห็นชายหนุ่มเดินอยู่กลางทุ่งนาไกลๆ ให้เดาคงเป็นเจ้าถ้วยฟูวิ่งนำหน้าพาไปแน่นอน“คุณกันต์คะ... มากินข้าวได้แล้ว พาถ้วยฟูมาด้วยค่า” “โอเค...” ชนกันต์ตะโกนตอบรับช่อแก้วก่อนจะหันมาวิ่งตามเจ้าสุนัขตัวกลมที่วิ่งเข้าไปมุดอยู่โพลงไม้ใหญ่ใต้เถาหญ้าที่ขึ้นปกคลุมเป็นพุ่มใหญ่“จะวิ่งไปไหนถ้วยฟู ถ้วยฟู” เขารีบคลานมุดเข้าไปจับเจ้าถ้วยฟูที่มุดเข้าไปในโพลงไม้ เมื่อคว้าตัวได้ก็รีบอุ้มเจ้าสุนัขตัวกลมสาวเท้าเดินกลับมาที่ใต้ถุนบ้านด้วยความรวดเร็ว เมื่อมาถึงเขาก็ปล่อยเจ้าถ้วยฟูลงพื้นหลังจากนั้นเจ้าสุนัขตัวกลมก็วิ่งโล่เข้าไปหาช่อแก้วที่กำลังถือกะละมังข้าวทันที“ถ้วยฟูมากินข้าว” ช่อแก้ววางกะลังมังข้าวที่คลุกกับไก่ต้มได้เจ้าถ้วยฟูก็สวาปามเสมือนว่ากำลังได้กินอาหารอันโอชา หน้าซุกอยู่กับข้าวไม่ยอมห่างส่วนหางสั้นๆ ก็กระดิกไปมาแสดงอาการมีความสุข จนชนกันต์ที่จ้องมองภาพนั้นอดรู้สึกมีความสุขไปกับเจ้าสุนัขตัวกลมไม่ได้“ถ้วยฟูไม่ได้กินอาหารเม็ดเหรอ”“สลับกินข้าวกับไก่ต้มบ้าง อาหารเม็ดบ้าง เลี้ยงอาหารเม็ดอย่างเดียวก็เปลือง แล้วนี่คุ
“แกจะไปรับงานอีกแล้วเหรอ แล้วชวนเชอเอมด้วยหรือเปล่า”เสียงที่แว่วเข้ามาในขณะที่เชอเอมกำลังจะออกจากห้องน้ำของตึกในคณะทำให้เธอชะงักการเปิดประตูเอาไว้ก่อน เพราะจำน้ำเสียงนั้นได้ว่าเป็นเสียงของลูกน้ำเพื่อนที่เรียนในคณะเดียวกันและเป็นเพื่อนร่วมงานพิเศษที่เธอเคยไปรับงานมาด้วย“ก็อยากชวนนะ โง่ดี แกรู้รึเปล่าตอนนั้นฉันบอกว่าผู้ชายไม่ประทับใจนางแล้วไม่จ่ายเงินนางก็เชื่อ” หญิงสาวหน้าสวยหุ่นเซ็กซี่อย่างแตงกวาเอ่ยขณะเติมลิปสติกด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันเมื่อพูดถึงเชอเอม“อ้าว สรุปแกก็ได้สองเท่าเลยสิ” ลูกน้ำเอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขัน เธอรู้ว่าเชอเอมเป็นคนซื่อแต่ก็ไม่คิดว่าจะซื่อจนขนาดที่เสียตัวแล้วคิดว่าตัวเองไม่ได้เงินจริงๆ“ช่วยไม่ได้ อยากโง่เอง ฉันเลยได้กระเป๋าใบใหม่มานี่ไง”เชอเอมยืนกำหมัดแน่นจากที่เป็นคนใจเย็นเธอก็รีบพรวดออกจากประตูหมายจะไปต่อว่าแตงกวาทันที“ฉันไม่คิดว่าเธอจะขี้โกงฉันแบบนี้เลยแตงกวา”“แล้วเธอจะทำอะไรฉัน” แม้แตงกวาจะตกใจอยู่บ้าง แต่เธอก็ไม่ได้กลัวเชอเอม จึงตอกหน้าหญิงสาวกลับด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่กวนอารมณ์ฟึ่บ...ปึก ปึก เชอเอมรวบกระเป๋าใบใหม่ของแตงกวาทิ้งลงพื้นและกระทืบกระเป๋าของแตงกวา
เช้าวันนี้ยังไม่ทันที่เชอเอมและวิวาห์รินทร์จะเดินเข้าคณะเรียนแตงกวาก็รีบวิ่งพรวดเข้ามายัดอะไรบางอย่างเอาไว้ในมือของเชอเอม“อยากได้ก็เอาไป แล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก” หลังจากเชอเอมรับของจากมือตัวเองได้แตงกวาก็พูดเสียงแข็งใส่หน้าเชอเอมอย่างไม่พอใจก่อนจะรีบเดินหนีออกไป“อะไรเหรอ รีบเปิดดูสิ” วิวาห์รินทร์รีบให้เชอเอมเปิดดูของด้านในเพราะกลัวว่าแตงกวาจะเอาอะไรไม่ดีมาแกล้งเชอเอม“เงิน” เชอเอมตาลุกวาวเมื่อเห็นเงินก้อนโตอยู่ด้านใน วิวาห์รินทร์แสยะยิ้มร่าดีใจกับเพื่อนของเธอที่ได้เงินคืน ไม่คิดว่าอาของเธอจะสั่งคนไปจัดการกับแตงกวาได้เร็วขนาดนี้เหมือนกัน“ท่าทางจะถูกจัดการแล้วล่ะสิถึงได้วิ่งโล่เอาเงินมาให้แกแต่เช้าแบบนี้”“คุณอาแกเค้าไปจัดการแบบไหนเหรอ”“ไม่รู้เหมือนกัน แค่รู้ว่าได้เงินคืนมาก็พอแล้ว”เชอเอมเริ่มหน้าเสีย เพราะไม่รู้ว่าคุณอาของวิวาห์รินทร์ใช้วิธีไหนถึงทำให้แตงกวาต้องรีบวิ่งโล่เอาเงินมาคืนเธอได้รวดเร็วเพียงนี้ หวังว่าจะไม่มีการทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้น เพราะเธอก็ไม่อยากให้ผู้หญิงด้วยกันถูกใครทำร้ายแม้ตัวเองจะถูกผู้หญิงคนนั้นทำร้ายมาก่อนก็ตาม“นี่ ทำไมแกรีบวิ่งแจ้นเอาเงินไปคืนมันขนาด
“ผมไม่รู้ว่าคุณจะชอบผมไหม แต่ผมอยากให้คุณรับปากว่าจะให้โอกาสผม”“ฉะ... ฉันหิวข้าว ค่อยมาคุยกันหลังกินข้าวเสร็จแล้วกันนะ” ช่อแก้วรู้สึกประหม่าใจเต้นแรงรู้สึกขวยเขินประหม่ากับคำพูดของชายหนุ่มจนเริ่มปั้นหน้าไม่ถูก“ไม่ได้ บอกมาก่อนว่าจะยอมรับปากไหม”“ถ้าฉันไม่รับปากก็ต้องเสียค่าปรับใช่ไหม”“คุณก็อ่านรายละเอียดแล้วนี่”“คุณนี่นะ แล้วฉันจะมีทางเลือกอะไรเล่า” สาสเจ้าบุ้ยปากเล็กน้อยและพยายามจะดีดตัวลุกแต่คนตัวโตก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เธอได้ลุกขึ้นง่ายๆ เมื่อยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการ“ทางเลือกให้โอกาสผมได้เป็นแฟนคุณจริงๆ ไง” ชนกันต์ยังคงจ้องมองหน้าหญิงสาวเขม็ง เพราะยังไงวันนี้เขาก็ต้องทำให้เธอตอบตกลงเขามาให้ได้“เฮ้อ!... ก็ได้ คุณก็ทั้งหล่อทั้งรวย นิสัยก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี ติดที่เจ้าเล่ห์ไปหน่อย”“ไม่ต้องพูดออกมาหมดก็ได้” ชนกันต์สบถขำกับคำพูดคำจาของหญิงสาว ใช่เธอควรจะคิดแบบนั้นได้ตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องพูดออกมา แต่ก็อย่างว่าเสน่ห์ของเธอก็คือความตรงไปตรงมานี่แหละ“แต่...เรื่องบนเตียง แบบว่า คือ”“ผมจะรอให้คุณเต็มใจก็ได้”“จริงนะ”“อืม... แต่คุณต้องนอนห้องเดียวกับผมนะ ผมอยากมีคุณอยู่ใกล้ๆ
“ทำอะไรคะคุณแก้ว” บังอรที่เตรียมมาเข้าครัวทำกับข้าวในช่วงเย็น เมื่อเข้ามาก็เห็นช่อแก้วกำลังเร่งมือเตรียมวัถุดิบอยู่ก่อนหน้าแล้วจึงรีบเข้าไปประขิดตัวหญิงสาวเผื่อว่าช่อแก้วจะมีอะไรให้เธอช่วย“กำลังจะทำผัดเผ็ดหนูนาก็หนูนาทอดกระเทียมค่ะ แล้วก็มีสะเดาน้ำปลาหวานด้วยนะคะ วันนี้แก้วจะทำให้คุณกันต์กินค่ะ เค้าบอกว่าอยากกินของที่แก้วชอบ ป้าอรเคยกินไหมคะ”“เมื่อตอนที่อยู่ต่างจังหวัดป้าได้กินอยู่บ่อยๆ ค่ะ แต่พอมาทำงานกรุงเทพก็หากินยากพอสมควร คุณแก้วไปหามาจากไหนคะเนี่ย”“ตลาดสดค่ะหาอยู่หลายตลาดเหมือนกัน ไว้แก้วทำเสร็จแล้วจะแบ่งไว้ให้ป้าอรนะคะ ครั้งหน้าถ้าป้าอรอยากกินของแบบนี้อีกบอกแก้วได้เลยนะคะ เดี๋ยวแก้วทำให้กินค่ะ”“ขอบคุณนะคะ วันนี้ป้าได้เจริญอาหารอีกแล้ว”ทั้งสองง่วนกันอยู่ในห้องครัวพักใหญ่อาหารที่ช่อแก้วตั้งใจทำก็พร้อมเสริฟ เป็นเวลาเดียวกันกับที่ชนกันต์กลับมาถึงบ้านพอดี“ลองสิคะ”“อืม... เผ็ดนะ แต่อร่อยดี มันคืออะไรเหรอ” ชนกันต์ตักข้าวพร้อมผัดเผ็ดเข้าปากเคี้ยวได้สองสามคำก็หันมาพยักหน้าน้อยๆ และยกนิ้วโป้งให้กับช่อแก้ว“หนูนาผัดเผ็ด”“ฮะ!...” รู้ดังนั้นจึงรีบยกแก้วน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ทั้งยังนั
วันเวลาของความสุขพ้นผ่านมาจนกระทั่งถึงวันแต่งงานของช่อแก้วและเชอเอม ว่าที่คู่บ่าวสาวสองคู่ค่อนข้างมีความสุขมากเป็นพิเศษ รวมไปถึงคนอื่นๆ ในครอบครัวของคู่บ่าวสาวด้วยงานแต่งของสองคู่บ่าวสาวจัดขึ้นที่โรงแรมหรูริมทะเลภูเก็ต งานแต่งเป็นแบบเรียบง่ายมีแต่คนสนิทที่เข้ามาร่วมงานเพราะทั้งสองคู่บ่าวสาวต้องการที่จะรับรองแขกด้วยตัวเองแบบเต็มที่“คุณอาสะใภ้ของฉันสวยจังเลยวันนี้” วิวาห์รินทร์เดินเข้ามาหาเพื่อนรักที่อยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาวกระโปรงบานแบบเรียบง่าย เพราะตอนนี้เพื่อนเธอจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ค่อนข้างอคดอัดนานๆ ไม่ได้เนื่องจากท้องเริ่มโตมากแล้ว แต่ไม่ว่าเชอเอมจะอยู่ในชุดไหนเมื่อได้แต่งแต้มใบหน้าด้วยเครื่องสำอางเมื่อไร่ เธอก็จะดูเด่นเป็นสง่าทุกครั้งไป“เรียกฉันแบบเดิมสิ” เจ้าสาวคนสวยเริ่มบุ้ยปาก เพราะค่อนขางขัดหูกับคำว่าตัวเองเป็นคุณอาของเพื่อนพอสมควร“จะเรียกแบบไหนตอนนี้สถานะของแกก็คืออาสะใภ้ของฉัน ถึงว่าเมื่อก่อนมีหนุ่มๆ รุ่นเดียวกันมาขายขนมจีบแกตั้งเยะแต่แกไม่สนเพราะรักคนแก่นี่เอง”“เมื่อกี้พูดว่าใครแก่นะ”“เอ่อ...ก็ หมายถึงคุณอาแก่ว่าเอมตั้งหลายปีค่ะ” วิวาห์รินทร์หน้าเสียเมื่อนคินทร์ดัน
“ลูกจะไม่เคืองเราแน่นะแม่” ณรงค์ค่อนข้างหวั่นใจอยู่พอสมควร รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกับภรรยากำลังหลอกลวงลูก เพราะแขกที่ชบาบอกให้เชอเอมรอต้อนรับคือนคินทร์ ผู้ชายที่โทรมาสารภาพเรื่องราวว่าตัวเองเป็นคนทำเชอเอมท้อง ถึงเขาจะบอกเหตุผลที่หายหน้าไปจากเชอเอมอย่างไม่บอกไม่กล่าวจนเขาและภรรยาเข้าใจดี แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเชอเอมจะยอมรับฟังและเชื่อในสิ่งที่นคินทร์ต้องการมาสารภาพหรือไม่“เรื่องเคืองไม่เคืองแม่ไม่สนใจหรอกพ่อ แค่เห็นลูกเรากลับมามีความสุขได้อีกครั้งเป็นพอ”“แล้วจะเชื่อใจนคินทร์ได้เหรอ ว่ากลับมาง้อลูกเราแล้วจะทำให้ลูกเรามีความสุขน่ะ”“ค่อยๆ ดูกันไป แค่นคินทร์มาสารภาพผิดกับเราแล้วบอกว่าจะรับผิดชอบยัยเอมทุกอย่างแม่ก็ถือว่าเค้าเป็นลูกผู้ชายพอตัวนะพ่อ” ชบาเห็นว่าหากมีโอกาสที่จะทำให้หลานของเธอมีครอบครัวที่สมบูรณ์เธอก็พร้อมจะทำ หลังจากนคินทร์มาสารภาพความจริงกับลูกสาวเธอแล้ว ตอนนั้นลูกสาวของเธอตัดสินใจอย่างไรเธอก็พร้อมจะยอมรับและอยู่เคียงข้างลูกเสมอครืน ครืน เสียงฟ้าร้องดังถี่ขึ้น ทั้งท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งอยู่คราแรกก็เริ่มมืดครึ้ม คนที่กำลังเตรียมวัตถุดิบทำกับข้าวอยู่ในครัวจึงรีบล้างไม้ล้างมือและเดินออ
“อะ...เอมท้องเหรอ” คนที่เดินเข้ามาหน้าระรื่นคราแรกตอนนี้เริ่มมีสีหน้าเจื่อนลงและกลืนน้ำลายไม่ลงคอ เพราะรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นคนแรกของเชอเอม“ใช่ค่ะ แต่ก็ไม่ยอมบอกว่าพ่อเด็กเป็นใคร แถมยังบอกว่าจะเลี้ยงลูกคนเดียวอีก ผู้ชายคนนั้นคงทำเลวกับเอมเอาไว้เยอะน่าดูเลย แต่ยังไงหวานใจก็อยากรู้ว่ามันเป็นใครอยู่ดีค่ะ”นคินทร์ยังคงนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไร อาการของน้องชายที่กำลังเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้นครามั่นใจว่าน้องตนนี่แหละตัวต้นเหตุทำให้เพื่อนของลูกสาวเขาท้องป่องอยู่ตอนนี้“อ้อ... รู้หรือเปล่าคะว่าคุณอากันต์กำลังจะแต่งงานกับพี่แก้วพี่สาวของเอมด้วย”“แต่งงาน! อาไม่เห็นรู้เรื่อง” เรื่องแรกยังคงตกใจไม่หายตอนนี้มีเรื่องให้เซอร์ไพรซ์อีกเรื่องแล้ว“แล้วก่อนหน้านี้ให้คนอื่นติดต่อได้ไหมล่ะคะ”“พ่อไม่นึกว่าอากันต์กับอาของลูกจะชอบอะไรเหมือนๆ กัน จนกระทั่งวันนี้นะ” นคราพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ค่อนข้างมีเลศนัย“หมายความว่ายังไงคะคุณพ่อ”“เปล่า... พ่อก็พูดไปงั้น”“ไหนๆ ก็มาแล้วกินข้าวเย็นด้วยกันเลยนะคะ วันนี้มีฉู่ฉี่ปลากระพงของโปรดอาคินทร์ด้วย” วิวาห์รินทร์ยกมือเรียกแม่บ้านให้เอาจานมาให้ก่อนจะลุกตักข้าวและอาหารใ
หลังจากคุยกับหมอสาวเรียบร้อยช่อแก้วพยายามทำใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอเดินเข้ามาในห้องพักฟื้นของเชอเอมที่ตอนนี้มีวิวาห์รินทร์และชนกันต์ยืนเฝ้าน้องสาวเธออยู่ก่อนหน้าแล้ว“เอมท้องกับใคร?”“หา...” คำถามที่ช่อแก้วถามเชอเอมทำสองหนุ่มสาวอย่างวิวาห์รินทร์และชนกันต์มองหน้ากันด้วยสีหน้าตกใจ เมื่อครู่พวกเขาทั้งสองพยายามถามอาการชองเชอเอมแต่เธอก้ไม่ยอมตอบคงเป็รเพราะคำตอบมันเป็นสิ่งที่หญิงสาวไม่อยากตอบนี่เองวิวาห์รินทร์ค่อนข้างตกใจกว่าใครเพื่อน เพราะเธอเป็นเพื่อนที่สนิทกับเชอเอมและรู้ดีว่าเพื่อนเธอไม่มีแฟน แต่ทำไมตอนนี้ถึงตั้งท้องขึ้นมาได้ สาเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้เชอเอมกลับมาอยู่ต่างจังหวัดกะทันหัน“เอม... คือ...” เชอเอมนั่งอ้ำอึ้งและมีน้ำตาเอ่อคลอออกมา“บอกกับพี่มาเถอะเอมว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เรื่องท้องมันเรื่องใหญ่มากนะเอม” ช่อแก้วยืนกำมือแน่นเธอเริ่มเสียงแข็ง เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมเชอเอมไม่พูดออกมาว่าพ่อของลูกเป็นใคร แล้วไปพบไปเจอกันตอนไหน“ทำไม ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันบังคับเอมแล้วไม่รับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นใช่ไหม” ช่อแก้วเริ่มคิดไปต่างๆ นาๆ เธอเริ่มเสียงดังมากขึ้นเมื่องัดความจริงจากปากของน้
หลังจากทนเหงามาเป็นเดือนๆ วิวาห์รินทร์ก็ต้องขับรถถ่อมาที่บ้านของเชอเอมเพราะทนคิดถึงเพื่อนรักไม่ไหว ก่อนหน้านี้เคยเจอหน้ากันแทบทุกวันเพราะต้องเรียนด้วยกัน แต่หลังเรียนจบก็ไม่ค่อยได้เจอกันไหนเชอเอมจะกลับมาอยู่ต่างจังหวัดอีกเธอจึงรู้สึกเหงาเป็นพิเศษ“แกกลับมาอยู่ที่นี่ฉันเหงามากเลยรู้ไหม”“หลังรับปริญญาก็น่าจะไม่เหงาแล้วมั้ง เดี๋ยวก็ได้เข้าไปทำงานในบริษัทคุณพ่อแกแล้ว”“ไม่มีแกยังไงก็เหงา จะไม่ไปทำงานกับฉันจริงๆ เหรอ” วิวาห์รินทร์เริ่มถามคำถามเดิมๆ ที่แม้จะรู้ว่าไม่ค่อยมีความหวังแต่ก็อยากจะลองถามดู“อยากอยู่ช่วยพ่อกับแม่มากกว่า แกเข้าใจฉันนะ” เชอเอมก็ตอบคำถามคำเดิมกับวิวาห์รินทร์เช่นกัน เพราะที่เธอเลือกจะกลับมาอยู่ที่บ้านก็เพื่อเลี่ยงการได้เจอหน้ากับนคินทร์เป็นเหตุผลหลัก เพราะตั้งแต่เขานอนกับเธอแล้วหายหน้าไปก็ทำให้เธอรู้แล้วว่าเธอไม่ควรรู้สึกดีและอยู่ใกล้กับผู้ชายอย่างเขา“โอเค เข้าใจก็ได้ อ่อ...ก่อนหน้านี้คุณอาได้ติดต่อกับแกบ้างหรือเปล่า ช่วงนี้ฉันติดต่อคุณอาไม่ได้เป็นเดือนๆ แล้ว”คำถามของวิวาห์รินทร์ทำเชอเอมหน้าเสียเพราะอุตส่าห์เลี่ยงทุกอย่างที่จะทำให้นึกถึงนคินทร์แล้ว วิวาห์รินทร์ก็ต้อ
นคินทร์ยอมรับว่าตอนนี้กำลังไม่พอใจเชอเอมเอามากๆ เมื่อรถตู้จอดที่หน้าคอนโดได้เขาก็รีบลากหญิงสาวให้ขึ้นมาที่ห้องด้วยกัน หัวใจของเชอเอมตอนนี้เต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะไม่คิดว่าการที่เธอออกไปจากคอนโดของเขาโดยที่ไม่บอกกล่าวกันต่อหน้าจะทำให้นคินทร์ดูไม่สบอารมณ์มากขนาดนี้“หนีออกมาทำไม” เข้าห้องมาได้ชายหนุ่มก็รวบกอดคนตัวเล็กและดันตัวเธอให้หลังติดกำแพง แววตาแข็งกร้าวและน้ำเสียงที่แสดงออกถึงอาการขุ่นเคืองทำเชอเอมเริ่มกลัวท่าทีของนคินทร์“เอ่อ... เอมแค่กำลังจะกลับบ้านในระหว่างที่รอรับปริญญาค่ะ” เธอก้มหน้างุดไม่ยอมสบตากับเขาทั้งยังรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้ตัวของเธอกำลังสั่นและอีกฝ่ายก็น่าจะรู้สึกได้เหมือนกัน“ก็บอกกันต่อหน้าก็ได้ แน่ใจนะว่าไม่ได้โกรธเคืองอะไรผม”เชอเอมเอาแต่เงียบก้มหน้างุด เธอพูดความรู้สึกในหัวใจของเธอไม่ได้เพราะหากพูดออกไปนคินทร์ต้องรู้แน่นอนว่าเธอกำลังคิดอะไรกับเขา“เรื่องที่วีวี่พูดใช่ไหม ผมเห็นจากกล้องวงจรปิดหมดแล้วว่าเธอไปดักรอคุณที่หน้าห้อง เชื่อสิ่งที่เธอพูดหรือเปล่า” เขารู้เรื่องราวที่วีวี่พูดกับเอชเอมทั้งหมดเพราะสังหรณ์ใจตั้งแต่เห็นจดหมายลาของเชอเอมจึงรีบไปขอดูกล้องวงจรปิดของค
~ ตื๊ด ตื๊ด “ครับสารวัตร... ครับ ขอบคุณมากครับ” ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งอมทุกเสียงของปลายสายที่โทรมาบอกข่าวดีก็ทำให้สถานการณ์ผ่อนคลายความตึงเครียดได้ลง เพราะตอนนี้สามารถช่วยชนกันต์จากกลุ่มโจรได้แล้ว แถมพวกโจรทุกคนยังถูกจับกันครบแล้วด้วยหลังจากทุกคนรู้ว่าชนกันต์บาดเจ็บเล็กน้อยและตำรวจนำส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในตัวอำเภอทุกคนต่างก็มากันที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ส่วนปกป้องและปรารถนาก็ประสานงานเรื่องการดำเนินคดีกับเหล่าคนร้ายที่สถานีตำรวจ“เป็นไงบ้างตากันต์” อัญชลีเดินดุ่มเข้ามาหาชนกันต์ได้เธอก็กวาดสายตามองตามตัวของลูกว่ามีตรงไหนสึกหรอไปบ้าง เมื่อเห็นว่าทั้งตัวมีแค่รอยช้ำกับแผลที่หางคิ้วจึงพอจะโล่งใจไปได้บ้าง“ไม่เป็นไรมากครับคุณแม่ ได้ช่วยตำรวจจับโจร ถือว่าเป็นประสบการณ์สนุกดี” ชนกันต์ยังสามารถมีรอยยิ้มให้กับทุกคนได้เพราะเขาไม่อยากให้คนที่มาเยี่ยมรู้สึกหดหู่“สนุกบ้าอะไรของคุณ ฉันเป็นห่วงคุณแทบแย่ ฮือ ฮือ...” เป็นช่อแก้วที่ตะโกนต่อว่าชนกันต์ปนเสียงสะอื้นเธอยืนปาดน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งดีใจทั้งเป็นห่วงชายหนุ่มไปในคราเดียวกัน“ผมไม่เป็นอะไรแล้วนี่ไง” ชนกันต์เดินเข้ามากอดปลอบช่อแก้วที่เอาแต่ยื
“ทำไมไม่รับกันนะ” ช่อแก้วเดินวนไปวนมาที่ใต้ถุนบ้านพักใหญ่ เพราะตอนนี้ฝนก็ตกลงมาไม่ยอมหยุด แถมยังติดต่อช่อแก้วรวมถึงผู้ใหญ่ทุกคนไม่ได้อีก ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเธอก็พอจะใจชื้นที่เห็นรถกระบะของใครบางคนขับเข้ามาที่นี่ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นปกป้องเธอก็เปลี่ยนสีหน้าไม่สบอารมณ์กะทันหัน“มาทำอะไรที่นี่”“ผมจะมาขอยืมรถไถลุงรงค์ พอดีรถที่ไร่ผมมันพังโทรหาแกก็ไม่รับไปไหนกันเหรอ”“เค้าไปวัดกันน่ะ เอ่อ... คุณพอจะรู้ไหมว่าแถวนี้มีจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกตรงไหน”“ก็มีอยู่หลายที่นะครับ อย่าบอกนะว่าคุณจะไปหาดูพระอาทิตย์ตกตอนฝนตกเนี่ยนะ” ปกป้องเท้าเอวมองหน้าหญิงสาวหน้าหวานด้วยแววตาฉงน“จะบ้าเหรอคุณ ฉันก็รู้หรอกน่าว่าอะไรเป็นอะไร พอดีแก้วกับพี่ชายฉันออกไปเที่ยวแถวภูเขาบอกจะไปดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน แต่เมื่อสักพักแก้วโทรมาบอกฉันว่ารถยางแตกอยู่ที่เขาแล้วก็วางไปเลย ฉันโทรหาเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด พี่ชายฉันก็ไม่ได้เอามือถือไปด้วย คุณพอจะช่วยฉันไปตามหาพวกเค้าได้ไหม”“ภูเขา ชมวิวพระอาทิตย์ เฮ้ย...” ปกป้องขมวดคิ้วครุ่นคิดถึงจุดชมวิวที่คิดว่าช่อแก้วจะเดินทางไป และแล้วเขาก็สบถออกมาหน้าตาตื่นจนทำให้ปรารถนารู้สึกตกอกตกใจไปด้ว
ช่อแก้วมองปรารถนาที่กำลังถูกป้าน้อยปฐมพยาบาลอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ด้วยสายตาที่สงสารจับใจ เพราะได้ฟังจากคำเล่าของปกป้องเธอก็พอจะรู้ว่าภาพที่ปรารถนาเห็นมันคงไม่ดีต่อใจเอามากๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่ถึงขั้นเป็นลมสลบไปแบบนี้“โห...ท่าจะฝันร้ายไปหลายวันเลยล่ะ”“แก้ว...พูดดีๆ นะ ทำไมเห็นของพี่แล้วมันผิดตรงไหน” ปกป้องขมวดคิ้วเอ่ยน้ำเสียงเคืองใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ช่อแก้วพูดออกมา“อย่าเถียงกันเลยจะ คุณปรางค์น่าจะฟื้นแล้ว”“กะ... แก้ว” ปรารถนาสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาก็เรียกหาแต่ช่อแก้ว ทั้งยังควานหาที่เกาะมือไม้สั่นจนช่อแก้วต้องรีบจับมือของปรารถนาเอาไว้และเข้าไปนั่งปลอบใกล้ๆ เมื่อสายตาปรารถนามองเห็นทุกอย่างดีแล้วเธอก็เงยหน้ามองไปยังผู้ชายผิวเข้มร่างสูงใหญ่ที่แต่งตัวไม่ต่างอะไรจากคาวบอย“ไอ้โรคจิต” ปรารถนาสะดุ้งตัวสั่นเทาจับมือของช่อแก้วเอาไว้แน่น ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มร่างสูงใหญ่อีก“เอ่อ... นี่พ่อเลี้ยงปลื้มจะ” ช่อแก้วต้องรีบแนะนำตัวให้ปรารถนาได้รู้จักกับปกป้อง เพราะเขาไม่ได้เป็นโรคจิตอย่างที่ปรารถนากำลังเข้าใจผิด“คุณเดินเข้าไปในป่าทำไม ผมทำธุระของผมอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นโรคจิตซะงั้น”“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว