“ทำอะไรคะคุณแก้ว” บังอรที่เตรียมมาเข้าครัวทำกับข้าวในช่วงเย็น เมื่อเข้ามาก็เห็นช่อแก้วกำลังเร่งมือเตรียมวัถุดิบอยู่ก่อนหน้าแล้วจึงรีบเข้าไปประขิดตัวหญิงสาวเผื่อว่าช่อแก้วจะมีอะไรให้เธอช่วย“กำลังจะทำผัดเผ็ดหนูนาก็หนูนาทอดกระเทียมค่ะ แล้วก็มีสะเดาน้ำปลาหวานด้วยนะคะ วันนี้แก้วจะทำให้คุณกันต์กินค่ะ เค้าบอกว่าอยากกินของที่แก้วชอบ ป้าอรเคยกินไหมคะ”“เมื่อตอนที่อยู่ต่างจังหวัดป้าได้กินอยู่บ่อยๆ ค่ะ แต่พอมาทำงานกรุงเทพก็หากินยากพอสมควร คุณแก้วไปหามาจากไหนคะเนี่ย”“ตลาดสดค่ะหาอยู่หลายตลาดเหมือนกัน ไว้แก้วทำเสร็จแล้วจะแบ่งไว้ให้ป้าอรนะคะ ครั้งหน้าถ้าป้าอรอยากกินของแบบนี้อีกบอกแก้วได้เลยนะคะ เดี๋ยวแก้วทำให้กินค่ะ”“ขอบคุณนะคะ วันนี้ป้าได้เจริญอาหารอีกแล้ว”ทั้งสองง่วนกันอยู่ในห้องครัวพักใหญ่อาหารที่ช่อแก้วตั้งใจทำก็พร้อมเสริฟ เป็นเวลาเดียวกันกับที่ชนกันต์กลับมาถึงบ้านพอดี“ลองสิคะ”“อืม... เผ็ดนะ แต่อร่อยดี มันคืออะไรเหรอ” ชนกันต์ตักข้าวพร้อมผัดเผ็ดเข้าปากเคี้ยวได้สองสามคำก็หันมาพยักหน้าน้อยๆ และยกนิ้วโป้งให้กับช่อแก้ว“หนูนาผัดเผ็ด”“ฮะ!...” รู้ดังนั้นจึงรีบยกแก้วน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ทั้งยังนั
“ทำอะไรอยู่เหรอ” ชนกันต์ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอนข้างช่อแก้วขณะที่เธอกำลังง่วนกับการพิมพ์อะไรบางอย่างในมือถือ“หาหอพักใหม่ให้เอมน่ะสิ ที่เก่ามันดูไม่ค่อยปลอดภัย”“งั้นให้เอมไปอยู่คอนโดของผมก็ได้ ใกล้มหาวิทยาลัยเอมด้วย ผมซื้อไว้นานแล้วแต่ไม่ได้เข้าไปอยู่”“จริงเหรอ ขอบคุณมากนะคะ”“ไม่เป็นไร ถ้าผมช่วยอะไรคุณได้ผมก็ยินดีช่วย คุณพ่อคุณแม่ผมใกล้จะกลับมาแล้วเตรียมตัวให้พร้อมนะครับ”“พวกท่านดุไหมคะ” ช่อแก้วเริ่มหน้าเสียแม้จะทำใจเรื่องการเจอพ่อกับแม่ของชายหนุ่มมาล่วงหน้าแล้วก็ตาม“ก็น่าจะไม่ แต่คุณแม่ผมอาจจะถามจุกจิกหน่อย เพราะพวกท่านไม่รู้มาก่อนว่าผมมีแฟนแล้ว”“เค้าจะโอเคใช่ไหม กับเรื่องฐานะของฉัน”“อย่าคิดมากเรื่องนี้เลย คนเราเท่ากันทุกคนนั่นแหละ” ช่อแก้วแทอยากจะปรบมือให้กับคำพูดชนกันต์เพราะเขาพูดคำนี้ออมาด้วยความจริงใจ ต่างจากคนอื่นๆ ส่วนมากที่เธอเคยพบเคยเจอ ที่พูดว่าคนเราเท่ากันเพื่อให้ตัวเองดูดีเท่านั้น แต่ในใจไม่ได้คิดเช่นนั้นจริงๆ“หาคนรวยๆ ที่คิดแบบคุณยากนะคะ”“พูดอย่างกับเคยเจอคนดูถูกมาเยอะอย่างงั้น”“ก็... ค่ะ ไม่ด้วยคำพูด ก็สายตาแล้วก็การกระทำที่บ่งบอกว่าไม่ชอบคบค้าสมาคมกับคนที่ไม่มี
“ไม่หรอก ไม่อยากให้พี่แก้วเป็นห่วง”“ฉันว่าหอพักนั้นทั้งเปลี่ยวแล้วก็ความปลอดภัยไม่ดี แกย้ายไหม มาอยู่คอนโดกับฉันก็ได้ ฉันให้อยู่ฟรี” เป็นครั้งที่ร้อยเห็นจะได้ที่วิวาห์รินทร์ชวนเอชเอมให้มาอยู่ด้วยกัน เพราะเคยเตือนเพื่อนเธอหลายครั้งแล้วเรื่องที่พักเปลี่ยวและดูไม่ปลอดภัย แต่เชอเอมก็ยังยืนยันว่าจะอยู่ที่นั่นเพราะถูกกว่าที่อื่นและเดินทางไปเรียนง่าย“ไปอยู่คอนโดผมก็ได้ถ้าคุณไม่รังเกียจ” นคินทร์จ้องมองสองสาวคุยกันอยู่ครู่หนึ่งแล้ว เมื่อเห็นว่าหลานสาวพูดถึงที่อยู่เขาเลยเสนอให้เชอเอมไปอยู่ในที่ของเขา เพราะที่นั่นมีความปลอดภัยสูง“ดีๆ เหมือนกันนะเอม”“คือ...” เชอเอมเงยหน้ามองนคินทร์ครู่หนึ่งก็ต้องรีบหลบสายตาของเขา ไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่เธอเคยไปดูแลเขาอยู่เป็นอาทิตย์จะเป็นคุณอาของเพื่อนรัก“อาอยากคุยกับเพื่อนเราเป็นการส่วนตัวได้ไหม?” นคินทร์มองออกว่าเชอเอมน่าจะปฏิเสธออกมาแน่เขาจึงอยากจะมีเวลาคุยกับหญิงสาวเป็นการส่วนตัวเสียหน่อย“ได้สิคะ” แม้จะแอบอยากรู้อยู่บ้างว่าอาของเธอจะพูดอะไรกับเชอเอมแต่วิวาห์รินทร์ก็ยอมเดินออกไปที่อื่นแต่โดยดี เพราะคิดว่าอาของเธอน่าจะตะล่อมให้เชอเอมยอมไปอยู่คอนโดที่ปลอดภัย
สองสาวเดินมาที่หลังบ้าน และมาย่างบาบีคิวที่คนของนคินทร์จัดเตรียมเตาและวัตถุดิบเอาไว้ให้ก่อนหน้า“ฉันไม่เชื่อหรอก ฉันจะรอดูวันที่ยัยนั่นถูกจับได้ว่าโกหก” วิวาห์รินทร์ย่างบาบีคิวด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ เพราะดูท่าทางนางแบบสาวคนนี้จะไม่ยอมลามือง่ายๆ หากอาของเธอไม่ยอมรับว่าเป็นคนทำเธอท้อง ไม่ได้คิดดูถูกผู้หญิงด้วยกันแต่ยังไงเธอก็เชื่อว่าหากอาของเธอทำจริงต้องกล้ารับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำแน่นอน“เรื่องของผู้ใหญ่อย่ายุ่งเลย อีกอย่างไม่มีผู้หญิงที่ไหนมาพูดว่าตัวเองท้องง่ายๆ หรอก ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงน่ะ”“แกก็โลกสวยจังเลยเอม ฉันก็ไม่ได้อยากจะคิดดูถูกผู้หญิงด้วยกันหรอกนะ แต่คุณอาฉันเจอแบบนี้บ่อย”“แสดงว่าเค้าเจ้าชู้มากใช่ไหม”“เปล่า คุณอารักใครรักจริง แต่ก็อย่างว่า สมัยนี้ผู้ชายที่โสดก็ชอบใช้เงินซื้อ”“กรณีคล้ายบๆ ที่ฉันถูกซื้อใช่ไหม” เชอเอมเอ่ยเสียงอ่อน ตอนนี้รู้ตัวว่านคินทร์คงมองเธอเป็นผู้หญิงที่ซื้อได้ด้วยเงินไปแล้ว“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโยงเข้าเรื่องแกนะ รู้สึกไม่ดีหรือเปล่า ขอโทษนะ” วิวาห์รินทร์ส่ายหัวพัลวัน ไม่เข้าใจว่าเชอเอมทำไมโยงเรื่องของตัวเอง เธอไม่ได้ตั้งใจเหมารวมเชอเอมไปด้วย เพราะรู้ดี
วันนี้พิมเพชรเข้ามาหาพวงทองที่บ้านแต่เช้า เพื่อมาแจ้งเรื่องที่เธอได้รับรู้ให้พวงทองได้ฟัง หญิงสาวนั่งหน้าบูดหน้าบึ้งเล่าเรื่องวันที่ไปหาชนกันต์เพื่อชวนเขาไปออกงาด้วยกัน แต่กลับได้รับคำตอบปฏิเสธโดยชายหนุ่มให้เหตุผลว่ากลัวแฟนจะรู้สึกไม่ดีหากไปออกงานกับผู้หญิงคนอื่น“มีแฟนแล้ว ทำไมแม่ไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะ” พวงทองขมวดคิ้วย่นชนกันเมื่อรู้ว่าหลานชายสุดที่รักที่หมายหมั้นจะให้จับคู่กับพิมเพชรมีแฟนแล้วโดยที่เธอไม่รู้เรื่องรู้ราวมาก่อน“พี่กันต์เป็นคนบอกกับเพชรเองเลยนะคะ”“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครตากันต์ได้บอกหนูเพชรหรือเปล่า”“ไม่ค่ะ”“อืม... เรื่องนี้มันชักจะยังไงแล้วนะ หลานฉันไปคว้าใครมาเป็นแฟนกันล่ะเนี่ย” พวงทองเห็นว่าจะไม่ได้การเห็นทีเย็นนี้จะต้องเข้าไปคุยกับหลานชายตัวเองให้รู้เรื่องรู้ราวเสียหน่อยเย็นนี้พวงทองเดินทางเข้ามาที่บ้านของชนกันต์ เมื่อมาถึงก็เจอเข้ากับช่อแก้วหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของหลานชายทั้งยังเข้ามาอยู่ในบ้านของหลานเธอในขณะที่ยังไม่ได้ตบได้แต่งหรือบอกให้ครอบครัวได้รับรู้ว่ากำลังคบหากับหลานชายของเธอวินาทีแรกที่เห็นหญิงสาวและรู้ว่ามาอยู่ที่นี่ในสถานะอะไรจึงมองเธออย่างไม่ค่
“ช่วงที่คุณพ่อคุณแม่กลับมาไทยผมคงต้องฝากคุณราเชนดูแลงานแทนผมสักพักนะครับ” ชนกันต์เรียกราเชนเลขาคนสนิทที่อายุแก่กว่าเขาไม่กี่ปีมาคุยถึงเรื่องที่เขาจะต้องหยุดงานไปสักพัก เพราะต้องการจะมีเวลาอยู่กับครอบครัวในวันที่พ่อและแม่ของเขากลับมาที่ประเทศไทย“ครับ ใช้เวลากับครอบครัวให้เต็มที่เลยนะครับ ไม่ต้องห่วงทางนี้ เอ่อ...ผมได้ยินมาว่าเจ้านายของผมกำลังมีความรัก แถมยังพามาอยู่ด้วยกันแล้ว ไปคบกันตอนไหนครับคุณกันต์”ชนกันต์เงยหน้ามองราเชนด้วยสายตาสงสัย ไม่รู้ว่าทำไมข่าวเรื่องเขามีแฟนแล้วนั้นเข้าหูราเชนไวเสียเหลือเกิน“ก็... คุยกันมาสักพักแล้วครับ แค่ไม่ได้บอกใคร”“ยินดีด้วยนะครับ”“ขอบคุณครับ”ราเชนรับคำสั่งจากเจ้านายเรียบร้อยก็เดินหันหลังอมยิ้มอ่อนออกไปจากห้องทำงานของชนกันต์ ประธานใหญ่ของโรงพยาบาลเอกชนหรือจะไม่รู้ว่าตอนนี้เลขาของตัวเองกำลังสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ของเขาและช่อแก้วที่ดูกะทันหันเกินไปแต่ใครจะสงสัยยังไงก็ช่างเพราะตอนนี้ช่อแก้วยอมตกลงเป็นแฟนกับเขาแล้ว และเขาก็พูดกับคนอื่นว่าเธอเป็นแฟนได้อย่างเต็มปาก เพียงแค่ยังไม่มีอะไรลึกซึ้งอย่างที่คนอื่นคิดเท่านั้นเอง ใช่...คืนนั้นเขายังไม่ได้ล่วงเ
และแล้ววันนี้ช่อแก้วก็ต้องเดินใส่ส้นสูงขาลากอีกเหมือนเดิม เพราะต้องออกมาช้อปปิ้งเลือกซื้อเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายใหม่รวมไปถึงรองเท้าและกระเป๋าใหม่หลายเซท ดีหน่อยที่พวงทองเป็นคนออกเงินให้ทุกอย่าง แต่เธอก็ต้องเหนื่อยในการเลือกชุดอยู่ดี“เราได้ชุดตั้งหลายชุดแล้ว เรากลับกันเถอะค่ะคุณอา”“เราต้องไปสปาผิวต่อนะ ยังกลับไม่ได้”“อะไรนะคะ” ช่อแก้วเดินตามหลังพวงทองออกจากชอปแบรนด์เนมชื่อดังด้วยสีหน้าห่อเหี่ยว คิดว่าเลือกเสื้อผ้าครบทุกร้านแล้วจะได้กลับบ้านแล้วเสียอีก ว่าเรื่องมารยาทการวางตัวน่าเหนื่อยแล้วยิ่งการช้อปปิ้งของเหล่าไฮโซยิ่งเหนื่อยเข้าไปใหญ่“ตามอามาเร็วๆ อย่าลีลา เดินให้มันสง่าๆ ด้วยเข้าใจไหม” พวงทองหันมาจีบปากจีบคอกำชับช่อแก้วที่เดินหลังงอคอตกให้เดินสง่าตามที่เคยสอน หลังจากเดินออกมาจากชอปแบรนด์เนมชื่อดังไม่กี่ก้าวสายตาของช่อแก้วก็ดันไปเห็นใครบางคนที่กำลังนั่งหันหลังตัวสั่นเทาอยู่คนเดียวที่มุมนั่งเล่นของห้างสรรพสินค้า“คุณอาคะนั่นพี่ปรางค์หรือเปล่าคะ”พวงทองชะงักฝีเท้ามองตามสายตาของช่อแก้วเธอเห็นเพียงแค่หลังของผู้หญิงตรงหน้าก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นปรารถนาลูกสาวของเธอ“อ่อ...ใช่ มานั่งทำอะไ
“พ่อจ๋าแม่จ๋า” เมื่อรถทั้งสองคันขับมาจอดถึงหน้าบ้านของช่อแก้วได้ หญิงสาวก็รีบกระโจนลงจากรถวิ่งโล่เข้าไปกระโดดกอดพ่อกับแม่เอาไว้แน่น จากบ้านไปหลายวันคิดถึงคนทางนี้แทบแย่อยู่เหมือนกัน“บ้านหนูแก้วบรรยากาศดีเหมือนกันนะ” อัญชลีลงจากรถกวาดสายตามองบรรยากาศรอบๆ ก็เอ่ยปากพูดชมวิวทิวทัศน์ที่นี่กับสามี“ผมมาครั้งแรกยังชอบเลยครับ” เตชธรรมเองก็รู้สึกว่าจะชอบที่นี่ตั้งแต่เห็นครั้งแรกเหมือนกัน บ้านเรือนไทยที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางทุ่งนา มองไปไม่ไกลนักก็เห็นเป็นภูเขาล้อมรอบทั้งสภาพแวดล้อมตั้งแต่เข้ามาในหมู่บ้านก็ยังสวยงามน่ามองไปเสียทุกที่“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ นี่คุณพ่อคุณแม่ผมครับ นี่ก็คุณอาแล้วก็น้องสาวผม” ชนกันต์ทำหน้าที่แนะนำตัวให้เหล่าคนที่ยังไม่เคยเจอกันได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เป็นเสียงของอัญชลีที่เอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร“ยินดีเช่นกันค่ะ เขิญเข้ามาข้างในก่อนดีกว่าค่ะ ฉันเตรียมอาหารไว้รอแล้ว”ทุกคนเดินตามชบาเข้าไปที่ใต้ถ้นบ้าน ตอนนี้บนแคร่ไม้มีอาหารเรียงรายอยู่เต็มไปหมด เพราะชบาและรงค์เตรียมตัวต้อนรับครอบครัวของชนกันต์หลังจากที่ช่อแก้วโทรบอกว่าชนกันต์จะพาค
วันเวลาของความสุขพ้นผ่านมาจนกระทั่งถึงวันแต่งงานของช่อแก้วและเชอเอม ว่าที่คู่บ่าวสาวสองคู่ค่อนข้างมีความสุขมากเป็นพิเศษ รวมไปถึงคนอื่นๆ ในครอบครัวของคู่บ่าวสาวด้วยงานแต่งของสองคู่บ่าวสาวจัดขึ้นที่โรงแรมหรูริมทะเลภูเก็ต งานแต่งเป็นแบบเรียบง่ายมีแต่คนสนิทที่เข้ามาร่วมงานเพราะทั้งสองคู่บ่าวสาวต้องการที่จะรับรองแขกด้วยตัวเองแบบเต็มที่“คุณอาสะใภ้ของฉันสวยจังเลยวันนี้” วิวาห์รินทร์เดินเข้ามาหาเพื่อนรักที่อยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาวกระโปรงบานแบบเรียบง่าย เพราะตอนนี้เพื่อนเธอจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ค่อนข้างอคดอัดนานๆ ไม่ได้เนื่องจากท้องเริ่มโตมากแล้ว แต่ไม่ว่าเชอเอมจะอยู่ในชุดไหนเมื่อได้แต่งแต้มใบหน้าด้วยเครื่องสำอางเมื่อไร่ เธอก็จะดูเด่นเป็นสง่าทุกครั้งไป“เรียกฉันแบบเดิมสิ” เจ้าสาวคนสวยเริ่มบุ้ยปาก เพราะค่อนขางขัดหูกับคำว่าตัวเองเป็นคุณอาของเพื่อนพอสมควร“จะเรียกแบบไหนตอนนี้สถานะของแกก็คืออาสะใภ้ของฉัน ถึงว่าเมื่อก่อนมีหนุ่มๆ รุ่นเดียวกันมาขายขนมจีบแกตั้งเยะแต่แกไม่สนเพราะรักคนแก่นี่เอง”“เมื่อกี้พูดว่าใครแก่นะ”“เอ่อ...ก็ หมายถึงคุณอาแก่ว่าเอมตั้งหลายปีค่ะ” วิวาห์รินทร์หน้าเสียเมื่อนคินทร์ดัน
“ลูกจะไม่เคืองเราแน่นะแม่” ณรงค์ค่อนข้างหวั่นใจอยู่พอสมควร รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกับภรรยากำลังหลอกลวงลูก เพราะแขกที่ชบาบอกให้เชอเอมรอต้อนรับคือนคินทร์ ผู้ชายที่โทรมาสารภาพเรื่องราวว่าตัวเองเป็นคนทำเชอเอมท้อง ถึงเขาจะบอกเหตุผลที่หายหน้าไปจากเชอเอมอย่างไม่บอกไม่กล่าวจนเขาและภรรยาเข้าใจดี แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเชอเอมจะยอมรับฟังและเชื่อในสิ่งที่นคินทร์ต้องการมาสารภาพหรือไม่“เรื่องเคืองไม่เคืองแม่ไม่สนใจหรอกพ่อ แค่เห็นลูกเรากลับมามีความสุขได้อีกครั้งเป็นพอ”“แล้วจะเชื่อใจนคินทร์ได้เหรอ ว่ากลับมาง้อลูกเราแล้วจะทำให้ลูกเรามีความสุขน่ะ”“ค่อยๆ ดูกันไป แค่นคินทร์มาสารภาพผิดกับเราแล้วบอกว่าจะรับผิดชอบยัยเอมทุกอย่างแม่ก็ถือว่าเค้าเป็นลูกผู้ชายพอตัวนะพ่อ” ชบาเห็นว่าหากมีโอกาสที่จะทำให้หลานของเธอมีครอบครัวที่สมบูรณ์เธอก็พร้อมจะทำ หลังจากนคินทร์มาสารภาพความจริงกับลูกสาวเธอแล้ว ตอนนั้นลูกสาวของเธอตัดสินใจอย่างไรเธอก็พร้อมจะยอมรับและอยู่เคียงข้างลูกเสมอครืน ครืน เสียงฟ้าร้องดังถี่ขึ้น ทั้งท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งอยู่คราแรกก็เริ่มมืดครึ้ม คนที่กำลังเตรียมวัตถุดิบทำกับข้าวอยู่ในครัวจึงรีบล้างไม้ล้างมือและเดินออ
“อะ...เอมท้องเหรอ” คนที่เดินเข้ามาหน้าระรื่นคราแรกตอนนี้เริ่มมีสีหน้าเจื่อนลงและกลืนน้ำลายไม่ลงคอ เพราะรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นคนแรกของเชอเอม“ใช่ค่ะ แต่ก็ไม่ยอมบอกว่าพ่อเด็กเป็นใคร แถมยังบอกว่าจะเลี้ยงลูกคนเดียวอีก ผู้ชายคนนั้นคงทำเลวกับเอมเอาไว้เยอะน่าดูเลย แต่ยังไงหวานใจก็อยากรู้ว่ามันเป็นใครอยู่ดีค่ะ”นคินทร์ยังคงนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไร อาการของน้องชายที่กำลังเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้นครามั่นใจว่าน้องตนนี่แหละตัวต้นเหตุทำให้เพื่อนของลูกสาวเขาท้องป่องอยู่ตอนนี้“อ้อ... รู้หรือเปล่าคะว่าคุณอากันต์กำลังจะแต่งงานกับพี่แก้วพี่สาวของเอมด้วย”“แต่งงาน! อาไม่เห็นรู้เรื่อง” เรื่องแรกยังคงตกใจไม่หายตอนนี้มีเรื่องให้เซอร์ไพรซ์อีกเรื่องแล้ว“แล้วก่อนหน้านี้ให้คนอื่นติดต่อได้ไหมล่ะคะ”“พ่อไม่นึกว่าอากันต์กับอาของลูกจะชอบอะไรเหมือนๆ กัน จนกระทั่งวันนี้นะ” นคราพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ค่อนข้างมีเลศนัย“หมายความว่ายังไงคะคุณพ่อ”“เปล่า... พ่อก็พูดไปงั้น”“ไหนๆ ก็มาแล้วกินข้าวเย็นด้วยกันเลยนะคะ วันนี้มีฉู่ฉี่ปลากระพงของโปรดอาคินทร์ด้วย” วิวาห์รินทร์ยกมือเรียกแม่บ้านให้เอาจานมาให้ก่อนจะลุกตักข้าวและอาหารใ
หลังจากคุยกับหมอสาวเรียบร้อยช่อแก้วพยายามทำใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอเดินเข้ามาในห้องพักฟื้นของเชอเอมที่ตอนนี้มีวิวาห์รินทร์และชนกันต์ยืนเฝ้าน้องสาวเธออยู่ก่อนหน้าแล้ว“เอมท้องกับใคร?”“หา...” คำถามที่ช่อแก้วถามเชอเอมทำสองหนุ่มสาวอย่างวิวาห์รินทร์และชนกันต์มองหน้ากันด้วยสีหน้าตกใจ เมื่อครู่พวกเขาทั้งสองพยายามถามอาการชองเชอเอมแต่เธอก้ไม่ยอมตอบคงเป็รเพราะคำตอบมันเป็นสิ่งที่หญิงสาวไม่อยากตอบนี่เองวิวาห์รินทร์ค่อนข้างตกใจกว่าใครเพื่อน เพราะเธอเป็นเพื่อนที่สนิทกับเชอเอมและรู้ดีว่าเพื่อนเธอไม่มีแฟน แต่ทำไมตอนนี้ถึงตั้งท้องขึ้นมาได้ สาเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้เชอเอมกลับมาอยู่ต่างจังหวัดกะทันหัน“เอม... คือ...” เชอเอมนั่งอ้ำอึ้งและมีน้ำตาเอ่อคลอออกมา“บอกกับพี่มาเถอะเอมว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เรื่องท้องมันเรื่องใหญ่มากนะเอม” ช่อแก้วยืนกำมือแน่นเธอเริ่มเสียงแข็ง เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมเชอเอมไม่พูดออกมาว่าพ่อของลูกเป็นใคร แล้วไปพบไปเจอกันตอนไหน“ทำไม ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันบังคับเอมแล้วไม่รับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นใช่ไหม” ช่อแก้วเริ่มคิดไปต่างๆ นาๆ เธอเริ่มเสียงดังมากขึ้นเมื่องัดความจริงจากปากของน้
หลังจากทนเหงามาเป็นเดือนๆ วิวาห์รินทร์ก็ต้องขับรถถ่อมาที่บ้านของเชอเอมเพราะทนคิดถึงเพื่อนรักไม่ไหว ก่อนหน้านี้เคยเจอหน้ากันแทบทุกวันเพราะต้องเรียนด้วยกัน แต่หลังเรียนจบก็ไม่ค่อยได้เจอกันไหนเชอเอมจะกลับมาอยู่ต่างจังหวัดอีกเธอจึงรู้สึกเหงาเป็นพิเศษ“แกกลับมาอยู่ที่นี่ฉันเหงามากเลยรู้ไหม”“หลังรับปริญญาก็น่าจะไม่เหงาแล้วมั้ง เดี๋ยวก็ได้เข้าไปทำงานในบริษัทคุณพ่อแกแล้ว”“ไม่มีแกยังไงก็เหงา จะไม่ไปทำงานกับฉันจริงๆ เหรอ” วิวาห์รินทร์เริ่มถามคำถามเดิมๆ ที่แม้จะรู้ว่าไม่ค่อยมีความหวังแต่ก็อยากจะลองถามดู“อยากอยู่ช่วยพ่อกับแม่มากกว่า แกเข้าใจฉันนะ” เชอเอมก็ตอบคำถามคำเดิมกับวิวาห์รินทร์เช่นกัน เพราะที่เธอเลือกจะกลับมาอยู่ที่บ้านก็เพื่อเลี่ยงการได้เจอหน้ากับนคินทร์เป็นเหตุผลหลัก เพราะตั้งแต่เขานอนกับเธอแล้วหายหน้าไปก็ทำให้เธอรู้แล้วว่าเธอไม่ควรรู้สึกดีและอยู่ใกล้กับผู้ชายอย่างเขา“โอเค เข้าใจก็ได้ อ่อ...ก่อนหน้านี้คุณอาได้ติดต่อกับแกบ้างหรือเปล่า ช่วงนี้ฉันติดต่อคุณอาไม่ได้เป็นเดือนๆ แล้ว”คำถามของวิวาห์รินทร์ทำเชอเอมหน้าเสียเพราะอุตส่าห์เลี่ยงทุกอย่างที่จะทำให้นึกถึงนคินทร์แล้ว วิวาห์รินทร์ก็ต้อ
นคินทร์ยอมรับว่าตอนนี้กำลังไม่พอใจเชอเอมเอามากๆ เมื่อรถตู้จอดที่หน้าคอนโดได้เขาก็รีบลากหญิงสาวให้ขึ้นมาที่ห้องด้วยกัน หัวใจของเชอเอมตอนนี้เต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะไม่คิดว่าการที่เธอออกไปจากคอนโดของเขาโดยที่ไม่บอกกล่าวกันต่อหน้าจะทำให้นคินทร์ดูไม่สบอารมณ์มากขนาดนี้“หนีออกมาทำไม” เข้าห้องมาได้ชายหนุ่มก็รวบกอดคนตัวเล็กและดันตัวเธอให้หลังติดกำแพง แววตาแข็งกร้าวและน้ำเสียงที่แสดงออกถึงอาการขุ่นเคืองทำเชอเอมเริ่มกลัวท่าทีของนคินทร์“เอ่อ... เอมแค่กำลังจะกลับบ้านในระหว่างที่รอรับปริญญาค่ะ” เธอก้มหน้างุดไม่ยอมสบตากับเขาทั้งยังรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้ตัวของเธอกำลังสั่นและอีกฝ่ายก็น่าจะรู้สึกได้เหมือนกัน“ก็บอกกันต่อหน้าก็ได้ แน่ใจนะว่าไม่ได้โกรธเคืองอะไรผม”เชอเอมเอาแต่เงียบก้มหน้างุด เธอพูดความรู้สึกในหัวใจของเธอไม่ได้เพราะหากพูดออกไปนคินทร์ต้องรู้แน่นอนว่าเธอกำลังคิดอะไรกับเขา“เรื่องที่วีวี่พูดใช่ไหม ผมเห็นจากกล้องวงจรปิดหมดแล้วว่าเธอไปดักรอคุณที่หน้าห้อง เชื่อสิ่งที่เธอพูดหรือเปล่า” เขารู้เรื่องราวที่วีวี่พูดกับเอชเอมทั้งหมดเพราะสังหรณ์ใจตั้งแต่เห็นจดหมายลาของเชอเอมจึงรีบไปขอดูกล้องวงจรปิดของค
~ ตื๊ด ตื๊ด “ครับสารวัตร... ครับ ขอบคุณมากครับ” ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งอมทุกเสียงของปลายสายที่โทรมาบอกข่าวดีก็ทำให้สถานการณ์ผ่อนคลายความตึงเครียดได้ลง เพราะตอนนี้สามารถช่วยชนกันต์จากกลุ่มโจรได้แล้ว แถมพวกโจรทุกคนยังถูกจับกันครบแล้วด้วยหลังจากทุกคนรู้ว่าชนกันต์บาดเจ็บเล็กน้อยและตำรวจนำส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในตัวอำเภอทุกคนต่างก็มากันที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ส่วนปกป้องและปรารถนาก็ประสานงานเรื่องการดำเนินคดีกับเหล่าคนร้ายที่สถานีตำรวจ“เป็นไงบ้างตากันต์” อัญชลีเดินดุ่มเข้ามาหาชนกันต์ได้เธอก็กวาดสายตามองตามตัวของลูกว่ามีตรงไหนสึกหรอไปบ้าง เมื่อเห็นว่าทั้งตัวมีแค่รอยช้ำกับแผลที่หางคิ้วจึงพอจะโล่งใจไปได้บ้าง“ไม่เป็นไรมากครับคุณแม่ ได้ช่วยตำรวจจับโจร ถือว่าเป็นประสบการณ์สนุกดี” ชนกันต์ยังสามารถมีรอยยิ้มให้กับทุกคนได้เพราะเขาไม่อยากให้คนที่มาเยี่ยมรู้สึกหดหู่“สนุกบ้าอะไรของคุณ ฉันเป็นห่วงคุณแทบแย่ ฮือ ฮือ...” เป็นช่อแก้วที่ตะโกนต่อว่าชนกันต์ปนเสียงสะอื้นเธอยืนปาดน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งดีใจทั้งเป็นห่วงชายหนุ่มไปในคราเดียวกัน“ผมไม่เป็นอะไรแล้วนี่ไง” ชนกันต์เดินเข้ามากอดปลอบช่อแก้วที่เอาแต่ยื
“ทำไมไม่รับกันนะ” ช่อแก้วเดินวนไปวนมาที่ใต้ถุนบ้านพักใหญ่ เพราะตอนนี้ฝนก็ตกลงมาไม่ยอมหยุด แถมยังติดต่อช่อแก้วรวมถึงผู้ใหญ่ทุกคนไม่ได้อีก ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเธอก็พอจะใจชื้นที่เห็นรถกระบะของใครบางคนขับเข้ามาที่นี่ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นปกป้องเธอก็เปลี่ยนสีหน้าไม่สบอารมณ์กะทันหัน“มาทำอะไรที่นี่”“ผมจะมาขอยืมรถไถลุงรงค์ พอดีรถที่ไร่ผมมันพังโทรหาแกก็ไม่รับไปไหนกันเหรอ”“เค้าไปวัดกันน่ะ เอ่อ... คุณพอจะรู้ไหมว่าแถวนี้มีจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกตรงไหน”“ก็มีอยู่หลายที่นะครับ อย่าบอกนะว่าคุณจะไปหาดูพระอาทิตย์ตกตอนฝนตกเนี่ยนะ” ปกป้องเท้าเอวมองหน้าหญิงสาวหน้าหวานด้วยแววตาฉงน“จะบ้าเหรอคุณ ฉันก็รู้หรอกน่าว่าอะไรเป็นอะไร พอดีแก้วกับพี่ชายฉันออกไปเที่ยวแถวภูเขาบอกจะไปดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน แต่เมื่อสักพักแก้วโทรมาบอกฉันว่ารถยางแตกอยู่ที่เขาแล้วก็วางไปเลย ฉันโทรหาเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด พี่ชายฉันก็ไม่ได้เอามือถือไปด้วย คุณพอจะช่วยฉันไปตามหาพวกเค้าได้ไหม”“ภูเขา ชมวิวพระอาทิตย์ เฮ้ย...” ปกป้องขมวดคิ้วครุ่นคิดถึงจุดชมวิวที่คิดว่าช่อแก้วจะเดินทางไป และแล้วเขาก็สบถออกมาหน้าตาตื่นจนทำให้ปรารถนารู้สึกตกอกตกใจไปด้ว
ช่อแก้วมองปรารถนาที่กำลังถูกป้าน้อยปฐมพยาบาลอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ด้วยสายตาที่สงสารจับใจ เพราะได้ฟังจากคำเล่าของปกป้องเธอก็พอจะรู้ว่าภาพที่ปรารถนาเห็นมันคงไม่ดีต่อใจเอามากๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่ถึงขั้นเป็นลมสลบไปแบบนี้“โห...ท่าจะฝันร้ายไปหลายวันเลยล่ะ”“แก้ว...พูดดีๆ นะ ทำไมเห็นของพี่แล้วมันผิดตรงไหน” ปกป้องขมวดคิ้วเอ่ยน้ำเสียงเคืองใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ช่อแก้วพูดออกมา“อย่าเถียงกันเลยจะ คุณปรางค์น่าจะฟื้นแล้ว”“กะ... แก้ว” ปรารถนาสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาก็เรียกหาแต่ช่อแก้ว ทั้งยังควานหาที่เกาะมือไม้สั่นจนช่อแก้วต้องรีบจับมือของปรารถนาเอาไว้และเข้าไปนั่งปลอบใกล้ๆ เมื่อสายตาปรารถนามองเห็นทุกอย่างดีแล้วเธอก็เงยหน้ามองไปยังผู้ชายผิวเข้มร่างสูงใหญ่ที่แต่งตัวไม่ต่างอะไรจากคาวบอย“ไอ้โรคจิต” ปรารถนาสะดุ้งตัวสั่นเทาจับมือของช่อแก้วเอาไว้แน่น ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มร่างสูงใหญ่อีก“เอ่อ... นี่พ่อเลี้ยงปลื้มจะ” ช่อแก้วต้องรีบแนะนำตัวให้ปรารถนาได้รู้จักกับปกป้อง เพราะเขาไม่ได้เป็นโรคจิตอย่างที่ปรารถนากำลังเข้าใจผิด“คุณเดินเข้าไปในป่าทำไม ผมทำธุระของผมอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นโรคจิตซะงั้น”“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว