ณ ลานซิลเวอร์นิมบัสในห้องวีไอพีชั้นสองร่างเป็นเงาดำยืนอยู่ข้างหลังเธอ เธอที่กำลังจ้องไปที่ชายที่อยู่ด้านล่างที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน ดวงตาที่สวยงามของเธอฉายแววความสุขไม่ไกลจากเธอ ชายคนหนึ่งยืนเล่นหมากรุกยืนอยู่ข้าง ๆ เธอเขาเองก็เช่นกันมองไปยังชายที่ดูนิ่งเฉยเมยที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน แววตาของเขาดูซับซ้อนสักพักเขาก็พูดขึ้นมา“ควีนนี่ นั่นใช่พี่ใหญ่ของเธอใช่ไหม ไม่เข้าไปทักทายเขาหน่อยเหรอ?”“เธอทุ่มเททั้งกายและใจสำหรับงานเลี้ยงครั้งนี้ไม่ใช่เหรอ”เมื่อเขาพูดจบเขาก็จ้องมองเธอควินตัน ยอร์ก เขาได้รับการยอมรับจากตระกูลยอร์ก เป็นหนึ่งในนายน้อยแห่งยอร์ก ผู้หญิงตรงหน้าเขาคือควีนนี่ ยอร์กการแสดงออกของควีนนี่ยังคงปกติ แต่คำพูดของควินตันแฝงด้วยความหมายลึกซึ่งกว่านั้น เขาพูดราวกับว่าเขากำลังล้อเลียนและทดสอบเธอในเวลาเดียวกันเธอทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด และเพ่งมองไปที่ห้องโถงใหญ่ต่อไป“สามปีแล้ว แม้ว่าเขาจะดูด้อยอำนาจลงมาก แต่ความเย่อหยิ่งของเขายังคงอยู่ น่าเสียดายที่คนทั่ว ๆ ไปมองไม่เห็นค่าในตัวเขา และยังปฏิบัติต่อเขาเหมือนขยะโสโครก ช่างน่าขำสิ้นดี”ควินตันพูดอย่างใจเย็นว่า “
ดวงตาของอีวอนน์เป็นประกายและเธอเพียงแค่ส่งยิ้มให้ เธอชำเลืองมองตรงนั้นตรงนี้ไปมาชายคนนั้นส่ายหัวเล็กน้อย นั่นทำให้เธอยิ้มกว้างขึ้น“ทุกคนคะ ดิฉันมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ”“ท่านประธานของฉันบอกว่าเขาไม่ใช่ทายาทของตระกูลยอร์กอีกต่อไป”“การเรียกขานท่านว่าเจ้าชายแห่งยอร์กนั้นดูจะไม่เหมาะสม”“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุกคนสามารถเรียกท่านว่ามิสเตอร์ยอร์ก”ทันใดนั้นทุกคนก็พากันโวยวาย“เจ้าชายยอร์กจะไม่ใช่เจ้าชายแห่งยอร์กอีกต่อไป” หมายความว่าอย่างไร?หรือบางทีความจริงนั้นคือเรื่องที่เขาพูดลือกัน?เจ้าชายยอร์กออกไปจากบัควู้ดเพราะแพ้การต่อสู้แย่งชิงอำนาจภายในตระกูลยอร์ก เป็นจริงงั้นเหรอ?ถ้าเขาแพ้แล้วเขาจะกลับมาทำไม?แล้วนี่ตระกูลยอร์กยังจัดงานเลี้ยงสำหรับเขาที่ลานซิลเวอร์นิมบัสอีกผู้จัดการยอร์กไม่อยู่ที่นี่ รวมถึงนายน้อยแห่งยอร์กด้วยเรื่องทั้งหมดนี้หมายความว่าอะไร?ในขณะที่ทุกคนในที่นั้นคาดเดากันอยู่ อีวอนน์ก็ยังคงพูดต่อไป“ทุกคน ไม่จำเป็นต้องคาดเดากันไปเอง ที่ท่านประธานของฉันกลับมาที่บัควู้ด เขาก็คงไม่ได้มาพักผ่อนที่นี่แน่นอน!”“อีกไม่กี่วันนี้ เขาจะก่อตั้งบริษัทใหม่ในบัควู้ด ภายใ
เจ้าชายยอร์กจะมาถึงเมื่อไหร่?นี่เป็นคำถามที่ทุกคนให้ความสนใจอีวอนน์ส่งยิ้มให้ทุกคนด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข“อันที่จริงท่านประธานมาถึงได้สักพักแล้ว โดยปกติแล้วท่านจะเป็นคนที่ระมัดระวังตัวและจะไม่ชอบเข้าร่วมกิจกรรมแบบนี้ ที่ท่านมาในวันนี้ก็ทำให้ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน”คำบอกกล่าวของอีวอนน์ทำให้เกิดความโกลาหลอีกครั้งพวกเขาเริ่มสำรวจห้องโถงเพื่อมองหาเจ้าชายยอร์กทันทีอีวอนน์พูดอย่างเย็นชาว่า “ทุกท่านคะ สิ่งที่ทุกท่านกำลังทำอยู่ตอนนี้ดูจะไม่ค่อยเกียรติท่านประธานของดิฉันเท่าไหร่”“เขากำชับให้ดิฉันดูแลทุกท่านเป็นอย่างดี ดังนั้นหากมีปัญหาอะไร ดิฉันจะเป็นคนจัดการเอง และหากต้องการสิ่งใด โปรดแจ้งให้เราทราบได้เลยค่ะ”สีหน้าไซม่อนเปลี่ยนไปทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของเธอ“มันจบแล้ว! เธอกำลังบอกเป็นนัยว่าให้ทุกคนนำของขวัญของพวกเขาออกมา แต่เราไม่มีอะไรติดมือมาเลย เราจบแล้ว!”สีหน้าของลิเลียนก็ดูแย่เช่นกันทุกคนเข้าใจในสิ่งที่อีวอนน์กำลังสื่อออกมา แน่นอนว่าพวกเขาควรนำของขวัญออกมา!“พวกซิลวามอบคิเมียร่าโบราณคู่หนึ่งให้เจ้าชายยอร์ก!”“พวกคราวน์มอบไข่มุกเรืองแสงในตำนานให้กับเจ้าชายยอร์ก!”“ส
ไซม่อนลังเลฮาร์วีย์ไม่พอใจ แม้ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน แต่กลับกลายเป็นว่าพ่อตาของเขาไม่ยอมเชื่อเขาอยู่ดีเขามองไปที่แมนดี้“แมนดี้ ถ้าคุณเชื่อผม ให้ยืนขึ้นเดี๋ยวนี้ นี่เป็นโอกาสที่เหมาะแล้ว!”แมนดี้ลังเลอยู่เพียงเสี้ยววินาที แต่แล้วก็ยืนขึ้นทันใดนั้น ทุกคนก็จ้องมองมาที่เธออีวอนน์เห็นเธอก็รู้สึกประหลาดใจ“อ่า คุณแมนดี้ ซิมเมอร์”“ท่านประธานค่อนข้างเสียใจ เขาคิดว่าเขาอาจจะไม่มีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณอีกหลังจากที่เขาออกจาก นิอัมมี่แล้ว ใครจะคิดว่าเราจะมาเจอกันที่นี่?”“ไม่แปลกใจเลยที่ท่านประธานปนะเมินคุณเอาไว้สูง! ดิฉันจะรายงานให้ท่านทราบที่คุณให้เกียรติเขามากถึงเพียงนี้”ทุกคนอยู่ในอาการตกตะลึงก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่รู้ว่าแมนดี้และครอบครัวของเธอเข้ามาที่นี่ได้อย่างไรตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้ว เธอและครอบครัวเคยทำงานร่วมกันกับเจ้าชายยอร์กมาก่อนบางทีการใกล้ชิดกับครอบครัวอาจจะเป็นหนทางที่ดีสำหรับพวกเขา?“คุณซิมเมอร์ ดิฉันขอเชิญคุณมาเยี่ยมชม สกาย คอร์ปอเรชั่น ในวันที่เปิดทำการ ดิฉันมั่นใจว่าท่านประธานอยากให้คุณเข้าร่วมงานด้วยเช่นกัน” อีวอนน์พูดยิ้ม ๆสายตาของแขกทุกคนเปลี่ยนไป รวมถ
แม้ว่าตอนนี้แมนดี้จะกลับถึงบ้านแล้ว แต่เธอก็ยังคงรู้สึกตื่นเต้นก่อนหน้านี้ เธอบอกว่าเธอไม่เคยพบเจ้าชายยอร์กเป็นการส่วนตัวไซม่อนและลิเลียนกลับไม่เชื่อเมื่อดูปฏิกิริยาของแมนดี้ พวกเขาสงสัยว่าลูกสาวของพวกเขาอาจเป็นผู้หญิงเก็บของเจ้าชายยอร์กที่ซ่อนเอาไว้ถ้าเป็นเรื่องจริง พวกเขาไม่บังคับให้หย่าพวกเขาจะปกปิดเอาไว้ ถ้าแมนดี้มีลูกกับเจ้าชายยอร์กแต่ถ้าเจ้าชายยอร์กเกลียดลูกเขยกาฝากนี่ล่ะ?คู่สามีภรรยาคิดมากดูยุ่งยากใจแต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาทุกคนสนุกกับช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ในเย็นวันนี้พวกเขายังได้รับเกียรติจากพวกซิมเมอร์อีกด้วย ต่อจากนี้ไปจะไม่มีใครกล้าดูถูกพวกเขาทันใดนั้น ผู้อาวุโสซิมเมอร์ก็โทรเข้ามา“ไซม่อน แกไม่ต้องมาทำงานที่บริษัทของซิมเมอร์ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป” ผู้อาวุโสซิมเมอร์พูดอย่างเย็นชาตามแผนแล้ว บริษัทของซิมเมอร์จะใช้สำนักงานใหญ่ที่ัควู้ดอย่างเป็นทางการในพรุ่งนี้ทุกคนต้องไปตามหน้าที่ ๆ ได้มอบหมายไว้สายเรียกเข้าจากผู้อาวุโสซิมเมอร์ ณ จุดนั้นเท่ากับการบังคับให้แมนดี้และครอบครัวของเธอออกจากตระกูลซิมเมอร์“อะไรนะครับ?!”สีหน้าของไซม่อนหมองลงเขาไม่คาดคิดว่าเร
แซ็คตะหวัดสายตามองพ่อของตัวเองด้วยสายตาเหยียดหยาม “พ่อครับ อย่าทำตัวเป็นคนขี้ขลาดได้ไหม?”“มีปัญหางั้นเหรอ?”“หมายความว่ายังไง มีปัญหาอะไร?”“โครงการความร่วมมือระหว่างเรากับตระกูลซิลวาจัดการเรียบร้อยแล้ว”“ตอนนี้เบรนท์ ซิลวาอยู่ฝั่งเดียวกับเราแล้ว”“ตราบใดที่เรามีเบรนท์ ไซม่อนจะมีประโยชน์อะไรสำหรับเราอีก?”“แล้วฉันยังได้ยินมาว่าเบรนท์ถูกไซม่อนและครอบครัวของเขาทำให้อับอายในงานเลี้ยงต้อนรับด้วย”“ถ้าเราไม่ไล่พวกมันออกไป เราจะต้องเป็นคนที่ต้องแบกรับปัญหาใช่ไหม?”เมื่อได้ยินคำพูดของแซ็ค พวกซิมเมอร์ทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยพร้อมเพรียงกันไซม่อนและครอบครัวของเขาคิดว่าพวกเขาเป็นใครกัน? พวกเขาทำให้มิสเตอร์เบรนท์ ซิลวา อับอายขายหน้า พวกเขาอยากตายใช่ไหม?“ฉันได้ยินมาว่าทุกคนนำของขวัญไปที่งานเลี้ยงต้อนรับยกเว้นพวกเขา!”“เมื่อเจ้าชายยอร์กบอกว่าเขาไม่ชอบของขวัญ พวกเขาก็เชื่ออย่างนั้นจริง ๆ!”“ฮ่าฮ่าฮ่า…!”ทุกคนต่างพากันหัวเราะเสียงดังเมื่อก่อนพวกเขาคิดว่าแมนดี้เป็นเพียงคนเดียวที่ยังคงไร้เดียงสา ใครจะคาดคิดว่าพ่อของเธอก็เป็นเหมือนกัน?พวกเขาช่างตลกสิ้นดี!ไซม่อนหมกมุ่นอยู่กับการทำงา
แมนดี้นวดขมับพลางขมวดคิ้วฮาร์วีย์พยายามปลอบเธอและพูดว่า “แมนดี้ เป็นอะไรมากไหม? ตอนนี้คนที่มีอำนาจคือ ยอร์ก เอ็นเทอร์ไพรส์ ไม่ใช่ผู้อาวุโสซิมเมอร์”“ดูสิว่าคุณสนิทกับเลขาซาเวียร์แค่ไหน เธอคงจะช่วยอะไรบ้างแน่นอนถ้าเธอรู้ว่าคุณถูกไล่ออก”แมนดี้มองเขา “จะเป็นไปได้ยังไง? พวกยอร์กได้หุ้นของซิมเมอร์ไปห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ แล้วทำไมบริษัทใหญ่ ๆ แบบนั้นถึงสนใจครอบครัวหนึ่งที่ไม่สำคัญเท่าตระกูลซิมเมอร์ด้วยล่ะ?”ฮาร์วีย์ส่ายหัว “ใครบอกคุณ? เมื่อกี้คุณคุยกับเลขาซาเวียร์ไม่ใช่เหรอ?”“เธอเชิญคุณร่วมพิธีเปิดของ สกาย คอร์ปอเรชั่น ไม่ใช่เหรอ?”“เมื่อถึงเวลานั้น ถ้าคุณไม่ไป แล้วใครจะมีสิทธิ์เข้าร่วมในฐานะตัวแทนของตระกูลซิมเมอร์ล่ะ?”“ธุรกิจของตระกูลอยู่ภายใต้การควบคุมของ ยอร์ก เอ็นเทอร์ไพรส์ แล้ว ถ้าคุณไม่ได้เข้าร่วมพิธีเปิดของ สกาย คอร์ปอเรชั่น ผมจะไม่แปลกใจเลยถ้าพวกซิมเมอร์ถูกไล่ตะเพิดออกมา!”“ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวลอะไร พวกซิมเมอร์ตัดคุณหรือครอบครัวของเราไปไม่ได้หรอก”แมนดี้ถอนหายใจ เธอรู้ว่าฮาร์วีย์แค่พยายามปลอบเธอให้คลานจากความกังวลฮาร์วีย์ไม่ได้พูดอะไรอีก คืนนั้น เขาส่งข้อความไปหาอีวอนน
ผู้อาวุโสซิมเมอร์ขมวดคิ้วเข้าหากัน “นั่นเป็นความคิดที่ดี แมนดี้เคยทำงานกับ ยอร์ก เอ็มเทอร์ไพรส์ ที่นิอัมมี่ เธอเหมาะแล้วที่จะเป็นตัวแทนของเรา!”“ใช่ครับคุณปู่! เธออยู่กินกับตระกูลเรามาหลายปี ถึงเวลาแล้วที่เธอควรจะทำอะไรเพื่อตอบแทนเราบ้าง!”“ใช่! ตอนนี้เธอไม่มีตำแหน่งอะไรในบริษัทของตระกูลของเรา เราเสนองานให้เธอ เธอควรจะรู้สึกขอบคุณและทำงานนี้ให้สำเร็จ!”“ใช่ เธอต้องไปเป็นตัวแทนของเรา เราไม่ได้ขอให้เธอทำให้ดีที่สุด? แต่นี่มันเป็นงานของเธออยู่แล้ว”ซิมเมอร์ทุกคนเห็นด้วยในความคิดนี้หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสซิมเมอร์ก็พูดว่า “เอาล่ะ ฌอน แกไปบอกให้ไซม่อนและครอบครัวของเขากลับมา บอกพวกเขาว่าพวกเขาจะได้งานคืนหากพวกเขาสามารถร่วมงานกักบ สกาย คอร์ปอเรชั่น สำเร็จ ไม่อย่างนั้น พวกเขาจะไม่มีวันกลับได้กลับคืนสู่ตระกูลซิมเมอร์อีกต่อไป!”…ฮาร์วีย์ แมนดี้ ไซม่อน และลิเลียนกำลังรับประทานอาหารเช้ากันอยู่ซีนเธียร์ดำเนินการย้ายโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว และเธอจะไปโรงเรียนใหม่ในเช้าวันนี้ในห้องอาหารไม่มีใครพูดอะไรสักคำ พวกซิมเมอร์ทำให้พวกเขาดูอนาถน่าสังเวชเช้านี้พวกเขาได้รับแจ้งจากเจ้าขอ
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข