ไซม่อน ซิมเมอร์ ลิเลียน เยทส์ แมนดี้ ซิมเมอร์และซินเธียร์ ซิมเมอร์...พวกเขาทั้งหมดถูกตรึง ไม่แน่ใจว่าจะรู้สึกกับเรื่องนี้อย่างไรไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดส่วนตัวเหล่านี้จะไม่ตรวจหาการรับเชิญ พวกเขากระทั่งปล่อยพวกเขาเข้าเป็นอย่างเป็นเกียรติสู่ลานด้านนอกของซิลเวอร์นิมบัสงั้นเหรอ?และพวกคนที่รอจะเยาะเย้ยพวกเขารวมไปถึงแว็ค ซิมเมอร์ถูกแช่แข็ง“พวกมัน...เข้าไปได้อย่างไร? เรื่องนี้มัน...เป็นไปได้อย่างไร?”ผู้อาวุโสซิมเมอร์รู้สึกเฉื่อยชา เขาแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเห็นไซม่อนและลิเลียนหันหลังมองด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความพอใจพวกเขารู้สึกยินดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม พวกเขาได้เข้ามาแล้วไซม่อนพักอยู่ที่บัควู๊ดมาหลายปี เขารู้ว่ามันยากมากแค่ไหนที่จะมาที่นี่ได้ เขารู้สึกเหมือนว่าเขากำลังฝันอยู่ในตอนนี้“มันง่ายขนาดนี้เลยเหรอ? ลูกเขยที่แสนดีของฉัน เธอทำได้อย่างไร?”เขาเปลี่ยนกระทั่งสรรพนามของเขาในตอนนี้ก่อนหน้านั้น ฮาร์วีย์ ยอร์กเป็นแค่ขยะเปียก ถุงขยะไร้ค่า เศษเดนคนแต่ตอนนี้เขากลับเรียกเขาว่าลูกเขยที่แสนดีพวกเขาคิดว่าลูกคนคนนี้มีประโยชน์ไม่มากก็น้อยอย่างน้อย เขาได้นำศักดิ์ศรีกลับมาสู
สีหน้าของไซม่อน ซิมเมอร์และคนอื่นของครอบครัวเปลี่ยนเป็นมืดมัวเหมือนกับตอนกลางคืนพวกเขาเชื่อว่าเบรนท์ ซิลวาสามารถทำในสิ่งที่เขาพูดได้มันคงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา ด้วยที่ตระกูลซิลวาสนับสนุนเขาอยู่คำพูดจากเขาแค่คำเดียว และครอบครัวซิมเมอร์คงถูกโยนออกไปในทันทีแมนดี้ ซิมเมอร์ขมวดคิ้วไปที่เบรนท์ ซิลวา“มิสเตอร์ซิลวา เราไม่ได้มีปัญหาอะไรกันในตอนนี้นะ คุณต้องการอะไร?”เบรนท์ ซิลวาหัวเราะและเข้าไปใกล้แมนดี้ แล้วจึงกระซิบข้างหูของหล่อนด้วยเสียงต่ำซึ่งมีแค่เขาทั้งสองที่ได้ยิน“มันควรจะเป็นเกียรติของเธอสิที่มีคนอย่างผมเข้าหาคุณ คุณยังไม่เลือกที่จะหย่ากับไอ้ขยะนี่อีกเหรอ?”“มิสเตอร์ซิลวา คุณกำลังทำฉันขายหน้า!”“ตราบใดที่คุณและน้องสาวของคุณสัญญาที่จะนอนกับผมคืนนี้ ฉัผมนจะไม่ทำให้คุณมีปัญหามากเกินไป ฟังดูเป็นไง?”“ผมให้คุณทั้งสองได้แม้กระทั่งหนึ่งโครงการ ตกลงไหม?”“นาย...นายมันหน้าไม่อาย!”แมนดี้ซิมเมอร์จะรับขอเสนอแบบนั้นได้อย่างไร?ด้วยความยโสของหล่อน หล่อนจะไม่ยอมแพ้ แม้ว่ามันจะฆ่าเธอก็ตาม“ก็ได้! รอก่อนเถอะ!”เบรนท์ ซิลว่าเหลือบมองเธอด้วยรอยยิ้มที่เศร้าหมองก่อนจะหันหลังและออกไป
“เอาบัตรเชิญของพวกแกออกมา!” เบรนท์ ซิลวาตะโกน น้ำเสียงของเขาโกรธมาก“เราไม่จำเป็นต้องใช้มัน” ฮาร์วีย์ยอร์กกล่าวอย่างสงบ“ฮาฮ่าฮ่า! หัวหน้า คุณได้ยินไหม? พวกมันไม่มีแม้แต่ใบเดียว! มันพูดกระทั่งว่า พวกมันไม่จำเป็นต้องใช้!”เบรนท์ ซิลวาหัวเราะจนใจแทบจะหลุดออกมา“เจ้าเขยกาฝากคนนี้ดูน่าสงสัยมาก บางทีมันมาด้วยการปีนกำแพง!”อย่างไรก็ตาม หัวหน้ายังคงสงสัยและบางอย่างดูเหมือนไม่ถูกต้องสำหรับเขาแต่เพราะหน้าที่ของเขา เขาออกคำสั่งแก่ลูกน้องในทันที“พาคนพวกนี้ไปห้องรักษาความปลอดภัย รู้ให้ได้ว่าพวกมันต้องการอะไร แล้วตัดสินใจว่าจะทำอะไรกับพวกมันดี!”ไซม่อน ซิมเมอร์และครอบครัวของเขารู้สึกตกใจและหวาดกลัวถ้าพวกเขาถูกสอบปากคำ พวกเขาต้องถูกบังคับให้ออกจากลานด้านนอกของซิลเวอร์นิมบัสเป็นแน่คนอื่น ๆ ของตระกูลซิมเมอร์อาจจะยังรอที่ด้านนอกมันจะน่าขายหน้ามาแค่ไหนสำหรับเขาและครอบครัวงของเขา ถ้าพวกเขาถูกไล่ออกไปแบบนั้น?ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้น พวกเขาคงไม่รู้ว่าจะทำอะไร“เดี๋ยวสิ! พี่ เราเข้ามาจากด่านตรวจสอบความปลอดภัยประตูหน้า!”“แม้ว่าเราจะไม่มีบัตรเชิญ พวกเขามีสิทธิ์อะไรที่จะโยนเราเข้าไปในห้องรักษ
หัวหน้าบอดี้การ์ดกำลังมองไปที่ฮาร์วีย์ด้วยเช่นกันด้วยสีหน้าดูถูก อย่างไรก็ตาม เขาเข้าใจว่าถ้าเข้าต้องการไต่อันดับในตระกูลยอร์ก เขาไม่ควรด่วนสรุปเกินไปเขาข่มฮาร์วีย์ยอร์กและตอบกลับอย่างสงบว่า “ก็ได้! มาดุกันถ้าผู้จัดการยอร์กจะรู้จักแกจริง ๆ เจ้าเขยกาฝาก!”เบรนท์ซิลวารู้สึกยินดี‘ดูเหมือนว่าส่วนต่อไปของเรื่องนี้จะน่าตื่นเต้นมาขึ้นไปอีก!’ฝูงคนรวมตัวกันล้อมรอบพวกเขาไซม่อน ซิมเมอร์และครอบครัวของเขาต่างงพากันคอตกด้วยความอับอายน่าขายหน้า!น่าขาหน้าจริง ๆ!หัวหน้าส่งข้อความหาผู้จัดการในทันทีในเวลาถัดไป โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นทันทีหลังจากได้ยินสิ่งที่ชายที่อยู่ปลายสายกล่าว สีหน้าของหัวหน้าเปลี่ยนไปทันทีสายตาของเมามองไปที่ฮาร์วีย์ ยอร์ก ครั้งนี้เต็มไปด้วยความกลัวแม้แต่เข่าของเขาเริ่มอ่อนลงเขาแทบไม่เชื่อว่าเขากำลังพยายามสร้างปัญหากับตำนาน...“ผมเข้าใจครับ...ผู้จัดการยอร์ก...เข้าใจแล้วครับ...”หัวหน้ากำลังขาสั่นขณะที่พูดเบรนท์ ซิลวาจ้องไปที่หัวหน้าด้วยความคาดหวัง ยิ้มจากหูถึงหู“หัวหน้า ผู้จัดการยอร์กพูดว่าอะไร? เขาได้ขอให้คุณหักขาของเจ้าลูกเขยกาฝากไหม?”ป้าบ!ตบอันหนั
“มันเรียบง่าย”“เราอาจจะไม่ได้รับคำเชิญใด ๆ แต่เราผ่านด่านตรวจรักษาความปลอดภัยมาได้”“เมื่อเราเข้ามา นั่นหมายความว่าไม่มีข้อสงสัยเรื่องตัวตนของเราอีก”“ชัดเจนว่า เบรนท์ ซิลวาเป็นสาเหตุของความโกลาหลและรบกวนงานเลี้ยงทั้งหมด”“คุณทุกคนเห็นฝูงชนรวมตัวที่เขาเมื่อกี้ ใช่ไหม? มันแย่มากเลยใช่ไหม?”“ผมไม่รู้ว่าใครคือเจ้าชายยอร์กนี่ แต่ผมติดว่าเขาคงไม่ชอบให้ใครมารบกวนงานเลี้ยงของเขา”“ไม่ใช่แค่เบรนท์ ซิลวา ผมเดาว่าแม้แต่ลีออน ซิลวาคงจะถูกโยนออกไปแบบนั้นถ้าเขาสร้างปัญหาที่นี่” ฮาร์วีย์ ยอร์กกล่าวอย่างเป็นปกติไซม่อน ซิมเมอร์พยักหน้าด้วยความเห็นด้วย“คงเป็นแบบนั้นแหละ ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าลานด้านนอกของซิลเวอร์นิมบัสมีกฎมามายขนาดนี้”“ในสถานที่นี้ ไม่มีใครสนใจเรื่องตัวตนของคุณถ้าคุณเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย”“แต่ถ้าคุณสร้างความวุ่นวายที่นี่ คุณคงถูกโยนออกไปทันทีโดยไม่สนถึงฐานะของคุณเลย!”“แบบนี้นี่เอง ไม่สงสัยเลยว่าทำไมบัตรเชิญถึงแพงมาก!” ลิเลียน เยตส์กล่าวด้วยท่าทีคิดหนักซินเธียร์พูดเสริมอย่างดีใจว่า “มันหมายความว่าพวกเราทุกคนมีฐานะสูง”แมนดี้ ซิมเมอร์ขมวดคิ้วหล่อนคิดว่ามีบางอย่างไม่
ท่าทีของไซม่อน ซิมเมอร์เปลี่ยนไป เขาพูดเสริมอย่างเงียบ ๆ “บางทีฉันควรจะหาใครนำของขวัญมาที่นี่ ยังพอมีเวลา”ลิเลียน เยทส์ขมวดคิ้วทันที“ถ้าเราเพิ่งจะเริ่มตอนนี้ เจ้าชายยอร์กจะไม่คิดว่าเราสนใจเขามากพอไหม?”สีหน้าของไซม่อน ซิมเมอร์มืดมนมากกว่าเดิม นั่นดูป็นความเป็นไปได้สูงแล้วพวกเขาได้แค่อดทน มันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะคิดแผนแมนดี้ ซิมเมอร์ยืนขึ้น“พ่อคะ แม่คะ อยู่นี่ก่อนนะ หนูจะไปเตรียมของขวัญให้ ถ้าไม่ใช่ของถูกเกินไป เราคงไม่เป็นไร”ไซม่อน ซิมเมอร์และลิเลียน เยตส์พยักหน้าตอบ ในตอนนี้ สิ่งเดียวที่พวกเขาทำคือควักเงินก้อนใหญ่เพื่อหาของขวัญฮาร์วีย์ ยอร์กดึงแขนของแมนดี้และพูดว่า “ที่รัก ผมไม่คิดว่าเราจำเป็นต้องทำนะ เจ้าชายยอร์กได้เห็นและมีประสบการณ์กับทุก ๆ อย่างที่หรูหราในโลกนี้ เขาไม่สนใจของขวัญหรอก”“แม้ว่าเขาจะไม่ มันก็ไม่สำคัญ” แมนดี้ ซิมเมอร์กล่าว “เราควรทำในส่วนของเราและแสดงมารยาท”ฮาร์วีย์ ยอร์กยิ้ม“บางที เขาอาจรู้สึกระมัดระวังมากกว่า ถ้าเราทำเรื่องน่าละอาย เขาอาจะสนใจเราก็ได้”“และอย่าลืมว่า เราไม่มีคำเชิญ ถ้าคุณไปข้างนอกตอนนี้ คุณจะกลับเข้ามาทีหลังได้อย่างไร?”
ณ ลานซิลเวอร์นิมบัสในห้องวีไอพีชั้นสองร่างเป็นเงาดำยืนอยู่ข้างหลังเธอ เธอที่กำลังจ้องไปที่ชายที่อยู่ด้านล่างที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน ดวงตาที่สวยงามของเธอฉายแววความสุขไม่ไกลจากเธอ ชายคนหนึ่งยืนเล่นหมากรุกยืนอยู่ข้าง ๆ เธอเขาเองก็เช่นกันมองไปยังชายที่ดูนิ่งเฉยเมยที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน แววตาของเขาดูซับซ้อนสักพักเขาก็พูดขึ้นมา“ควีนนี่ นั่นใช่พี่ใหญ่ของเธอใช่ไหม ไม่เข้าไปทักทายเขาหน่อยเหรอ?”“เธอทุ่มเททั้งกายและใจสำหรับงานเลี้ยงครั้งนี้ไม่ใช่เหรอ”เมื่อเขาพูดจบเขาก็จ้องมองเธอควินตัน ยอร์ก เขาได้รับการยอมรับจากตระกูลยอร์ก เป็นหนึ่งในนายน้อยแห่งยอร์ก ผู้หญิงตรงหน้าเขาคือควีนนี่ ยอร์กการแสดงออกของควีนนี่ยังคงปกติ แต่คำพูดของควินตันแฝงด้วยความหมายลึกซึ่งกว่านั้น เขาพูดราวกับว่าเขากำลังล้อเลียนและทดสอบเธอในเวลาเดียวกันเธอทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด และเพ่งมองไปที่ห้องโถงใหญ่ต่อไป“สามปีแล้ว แม้ว่าเขาจะดูด้อยอำนาจลงมาก แต่ความเย่อหยิ่งของเขายังคงอยู่ น่าเสียดายที่คนทั่ว ๆ ไปมองไม่เห็นค่าในตัวเขา และยังปฏิบัติต่อเขาเหมือนขยะโสโครก ช่างน่าขำสิ้นดี”ควินตันพูดอย่างใจเย็นว่า “
ดวงตาของอีวอนน์เป็นประกายและเธอเพียงแค่ส่งยิ้มให้ เธอชำเลืองมองตรงนั้นตรงนี้ไปมาชายคนนั้นส่ายหัวเล็กน้อย นั่นทำให้เธอยิ้มกว้างขึ้น“ทุกคนคะ ดิฉันมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ”“ท่านประธานของฉันบอกว่าเขาไม่ใช่ทายาทของตระกูลยอร์กอีกต่อไป”“การเรียกขานท่านว่าเจ้าชายแห่งยอร์กนั้นดูจะไม่เหมาะสม”“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุกคนสามารถเรียกท่านว่ามิสเตอร์ยอร์ก”ทันใดนั้นทุกคนก็พากันโวยวาย“เจ้าชายยอร์กจะไม่ใช่เจ้าชายแห่งยอร์กอีกต่อไป” หมายความว่าอย่างไร?หรือบางทีความจริงนั้นคือเรื่องที่เขาพูดลือกัน?เจ้าชายยอร์กออกไปจากบัควู้ดเพราะแพ้การต่อสู้แย่งชิงอำนาจภายในตระกูลยอร์ก เป็นจริงงั้นเหรอ?ถ้าเขาแพ้แล้วเขาจะกลับมาทำไม?แล้วนี่ตระกูลยอร์กยังจัดงานเลี้ยงสำหรับเขาที่ลานซิลเวอร์นิมบัสอีกผู้จัดการยอร์กไม่อยู่ที่นี่ รวมถึงนายน้อยแห่งยอร์กด้วยเรื่องทั้งหมดนี้หมายความว่าอะไร?ในขณะที่ทุกคนในที่นั้นคาดเดากันอยู่ อีวอนน์ก็ยังคงพูดต่อไป“ทุกคน ไม่จำเป็นต้องคาดเดากันไปเอง ที่ท่านประธานของฉันกลับมาที่บัควู้ด เขาก็คงไม่ได้มาพักผ่อนที่นี่แน่นอน!”“อีกไม่กี่วันนี้ เขาจะก่อตั้งบริษัทใหม่ในบัควู้ด ภายใ
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข