ในสายตาของพวกเขานั้นฮาร์วีย์ทำให้ไคริต้องด่างพร้อยอย่างชัดเจนฮาร์วีย์ยิ้มให้กับปฏิกิริยาของพวกเขา และปล่อยมือของไคริอย่างใจเย็นแต่ถึงกระนั้นกลิ่นหอมของเธอก็ยังวนเวียนอยู่ตรงระหว่างปลายนิ้วของเขาไคริยิ้ม...“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม คุณก็สามารถจัดการกับวิกฤตที่เป็นอันตรายร้ายแรงได้“ถ้าไม่อย่างนั้นถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ฆ่าฉัน แต่ผู้บริสุทธิ์จำนวนมากก็จะต้องถูกลากเข้ามาในเรื่องนี้ด้วย“ใคร ๆ จะต้องโทษฉันที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์พวกนั้นต้องรับเคราะห์แทน"ไคริส่งยิ้มชวนฝันให้เขา“ไม่ว่าจะมองมุมไหนฉันก็เป็นหนี้บุญคุณคุณอย่างมาก“จากนี้ไปคุณคือเพื่อนของฉัน! ถ้าต้องการอะไรจากฉันก็ขอให้บอกได้เลย ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยคุณอย่างเต็มที่!“การพูดอะไรแบบนี้อาจฟังดูเชย ๆ ไปหน่อย แต่ฉันหมายความตามนั้นจริง ๆ“ถึงแม้ว่าฉันจะตายไปแล้ว คุณก็สามารถนำนามบัตรของฉันไปให้พ่อหรือ...คู่หมั้น...ของฉันได้"ไคริดึงนามบัตรออกมายัดใส่ไว้ในมือเขา“พวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยคุณ"ฮาร์วีย์ถือนามบัตรที่ดูวิจิตรงดงาม นี่เป็นงานแกะสลักจากไม้ชนิดพิเศษ ที่มีเพียงชื่อและหมายเลขโทรศัพท์เท่านั้นแต่ก็เพียงพอจะบอกไ
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบินนานาชาติโกลด์เด้น แซนด์ ซึ่งตลอดเวลานั้นทั้งฮาร์วีย์และไคริก็ไม่ได้พูดอะไรกันเลยฮาร์วีย์และไคริเดินเคียงคู่อยู่ในทางเดินวีไอพีราวกับเป็นคู่รักกัน บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังไคริต่างมีสีหน้าเศร้าสร้อยในขณะมองดูภาพนั้นไม่นานนักคนทั้งสองก็เดินมาถึงทางออก ไคริส่งยิ้มให้ฮาร์วีย์อย่างมีไมตรีจิต“คุณจะไปไหนต่อคะ? ฉันไปส่งคุณได้นะถ้าคุณต้องการ"ฮาร์วีย์ส่ายหัว“ไม่ต้องหรอก ผมบอกภรรยาผมเอาไว้แล้วว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ตอนที่ผมขึ้นเครื่องบินมา“เดี๋ยวเธอก็คงมารับผม"“ภรรยาของคุณเหรอ?”ไคริตกตะลึง จากนั้นเธอก็มองไปที่นิ้วนางของฮาร์วีย์โดยสัญชาตญาณไม่เห็นมีแหวนอยู่ที่นิ้วนั้นเลยฮาร์วีย์ยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของไคริ“คงต้องเรียกว่าอดีตภรรยาถึงจะฟังดูเหมาะสมกว่า ผมเป็นแค่คนโดนทิ้ง ณ จุดนี้น่ะนะ"ไคริยิ้มให้ฮาร์วีย์ ตอนนี้เธอดูเหมือนจะสนใจฮาร์วีย์มากกว่าเดิมเยอะ“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกค่ะ ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันนะคะ ฉันจะช่วยคุณอย่างเต็มที่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้!“มา! มากอดอำลากันหน่อย!”ชายในชุดสูทเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องมองฮาร์วีย์อย่างดุดัน“คงได
ซึ่งตอนนั้นไคริเริ่มสนใจฮาร์วีย์มากขึ้นเธอโน้มตัวเข้าไปใกล้ ๆ หูของเขาก่อนจะกระซิบว่า "มื้อเย็นคืนนี้ดีไหมคะคุณยอร์ก?”“ขอบคุณสำหรับคำชวนนะ แต่เขาไม่ว่างหรอก!”แมนดี้อดที่จะเผยให้เห็นสายตาเย็นชาไม่ได้ในขณะตอบคำชวนเชิญนั้นแทนฮาร์วีย์เธอกระทืบเท้าอยู่ในรองเท้าส้นสูงก่อนจะดึงฮาร์วีย์ออกมาพร้อมกับยิ้มอย่างมาดมั่น“คืนนี้เขาจะไปทานมื้อเย็นกับฉันค่ะ"ไคริตกตะลึงเมื่อเห็นแมนดี้ยืนอยู่ตรงนี้“นี่คืออดีตสามีที่ไร้ประโยชน์ของคุณเหรอแมนดี้?!” เธอร้องถามด้วยความตกใจ'ฮะ? พวกเขารู้จักกันเหรอ?' ฮาร์วีย์คิดด้วยความรู้สึกประหลาดใจ'เอาล่ะ ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจากวงสังคมชั้นสูงในโกลด์เด้น แซนด์ที่จะต้องรู้จักกัน...'แมนดี้ไม่สนใจที่จะอธิบายอะไรเลย เธอลากฮาร์วีย์ออกมาจากทางเดินนั้น แล้วพาเขาเข้าไปในรถเฟอร์รารี่สีแดงหลังจากนั้นเธอก็เร่งเครื่องยนต์อย่างเกรี้ยวกราดไคริถูกทิ้งไว้ที่สนามบิน แล้วมองดูคนทั้งสองเดินจากไปด้วยสีหน้าร่าเริงฮาร์วีย์นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ คาดเข็มขัดนิรภัยพร้อมกับทำสีหน้าแปลก ๆเป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้เจอกับอดีตภรรยา หรือจะเรียกให้ถูกว่าภรรยานั
ในเวลาหกโมงเย็นที่หน้าศูนย์การค้าและและศูนย์อาหารโกลด์เด้น แซนด์สถานที่แห่งนี้ได้รับการตั้งชื่อแบบนี้ก็เพราเป็นร้านอาหารที่โด่งดังที่สุดในบริเวณนี้ ว่ากันว่ามีคนต่อแถวกันหลายพันคนทุกวันลานจอดรถคราคร่ำไปด้วยรถยนต์หรูหราหลากหลายประเภทแมนดี้วางแผนก่อนแล้วว่าจะพาฮาร์วีย์มาที่นี่ แต่ย่างไรก็ตามฮาร์วีย์ต้องตกตะลึงอย่างมากเมื่อเห็นเธอดึงป้ายตัวเลขออกมาจากกระเป๋าถือหลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้วทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในร้านอาหาร ทั่วทั้งสถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยลูกค้าที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราทั้งนั้นเลย เห็นได้ชัดว่านี่เป็นช่วงเวลาไพรม์ไทม์ในการทานอาหารเย็นแมนดี้โชว์ป้ายตัวเลขแล้วพนักงานเสิร์ฟก็พาทั้งสองไปยังที่นั่งที่ได้จองเอาไว้ในระหว่างนั้นแมนดี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเพราะเมื่อเปรียบเทียบกับหญิงสาวที่แต่งหน้างดงามและมีขาที่เรียวยาวคนอื่น ๆ แล้ว…แมนดี้ไม่ได้แต่งหน้าเลย แต่รูปโฉมและรังสีออร่าของเธอดูเหนือกว่าคนอื่น ๆ อย่างมากเหล่าผู้ชายที่มาพร้อมกับเพื่อนผู้หญิงต่างทำตาหยาดเยิ้มทันทีที่ได้สบตากับแมนดี้มีทายาทผู้มั่งคั่งและนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ตลอดจนเพลย์บอยที่ขี้อวด
“สวัสดีค่ะคุณผุ้หญิง...”ในขณะที่ฮาร์วีย์กำลังพูดคุยกับแมนดี้อยู่นั้น พนักงานเสิร์ฟสาวสวยที่แต่งหน้าอย่างงดงามก็เดินเข้ามาพร้อมกับไวน์ลาฟิตปี 1982“นายน้อยแจ็คสันอยากให้คุณได้ชิมไวน์ขวดนี้ค่ะ"ก่อนที่แมนดี้และฮาร์วีย์จะทันได้ปฏิเสธของกำนัลนั้น ขวดไวน์หายากก็ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะแล้ว“ไวน์เหรอ? ลาฟิตปี 1982 ลองนึกดูสิ?”ฮาร์วีย์และแมนดี้ต่างตกตะลึง จากนั้นก็หันไปมองในทิศทางที่พนักงานเสิร์ฟชี้ไปแล้วเห็นชายหนุ่มรูปหล่อในชุดสูทกูตูร์ของจิวองชี่ชูแก้วไว้น์แดงของเขาขึ้นมาเขาดูอ่อนเยาว์ มีเสน่ห์ และร่ำรวยมาก เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่ประสบความสำเร็จมากมีผู้คนแต่งตัวหรูหราล้อมรอบตัวเขาอยู่สองสามคนพวกเขาทั้งหมดต่างจ้องมองฮาร์วีย์และแมนดี้ด้วยสายตาเย้ยหยัน ราวกับว่ากำลังรอให้บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นก่อนที่ฮาร์วีย์จะทันได้พูดอะไรออกมา แมนดี้ก็พูดออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา“ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้จักคน ๆ นั้น ช่วยนำสิ่งนี้กลับไปด้วยค่ะ"“นี่...”พนักงานเสิร์ฟสาวสวยคนนั้นขมวดคิ้วหลังจากสัมผัสได้ถึงท่าทีที่ดูเหินห่างของแมนดี้ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังอารมณ์ไม่ดี“ฉันรู้ค่ะว่าคุณเป็นผู้หญิงห
“ดูให้ดีสิคะคุณผู้หญิง!”“นอกจากตักอาหารเข้าปากแล้ว แฟนของคุณทำอะไรได้อีกล่ะ?!“เขาไม่กล้าพูดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป!“แล้วดูนายน้อยแจ็คสันสิ! เขาดูดีกว่าผู้ชายคนนี้เป็นพันเท่า! คุณจะต้องเสียใจถ้าพลาดโอกาสนี้ไปนะ!”พนักงานเสิร์ฟคนนั้นพูดจาดูถูกฮาร์วีย์ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าเขาอยู่ตรงนั้น แต่เธอไม่สามารถทนดูผู้ชายที่น่าสงสารอย่างนั้นได้เลยท้ายที่สุดแล้วชายที่มีค่าที่สุดในโกลด์เด้น แซนด์ในสายตาของเธอนั้นก็คือแดเรียล แจ็คสัน หรือนายน้อยแจ็คสันนั่นเองแมนดี้รู้สึกเดือดดาลมาก เธอไม่สนใจที่พูดคุยกับพนักงานเสิร์ฟคนนั้นอีกต่อไป“ออกไปซะ!” เธอร้องบอกอย่างเย็นชาพนักงานเสิร์ฟคนนั้นหัวเราะเบา ๆ“พอได้แล้ว!“ทำไมยังทำเสแสร้งอยู่อีกล่ะ?!”“ฉันจะสั่งให้ผู้จัดการไล่คุณออก ถ้าคุณยังคงพูดพล่ามอยู่ที่นี่!”ในเวลานี้นี่เองที่แดเรียลเดินออกมาพร้อมกับแก้วไวน์ในมือ โดยเขาได้หรี่ตามองเรื่องราวทั้งหมดมาสักพักหนึ่งแล้วในทุกย่างก้าวที่เขาก้าวเดินไปนั้น เขาได้เปล่งรังสีออร่าที่ดูทรงอำนาจอย่างไม่น่าเชื่อออกมาผู้คนที่ยืนขวางทางเขาอยู่รีบก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการทำให้เขารู้ส
น้ำเสียงของแดเรียลฟังดูสดใสและเด็ดขาดเพื่อน ๆ ของเขาหลายคนระเบิดหัวเราะออกมา เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเขามีความหมายอีกอย่างหนึ่งแต่แดเรียลมีสีหน้าสงบนิ่งราวกับว่าเขาพูดอะไรออกมาตามปกติเท่านั้นเองเขามีสีหน้ามั่นใจและทำเมินเฉยต่อการมีตัวตนของฮาร์วีย์อย่างสิ้นเชิงแมนดี้จับตาดูฮาร์วีย์อยู่ตลอดพร้อมกับทำสีหน้าเย็นชา "คุณกินเสร็จหรือยังล่ะ? กินเสร็จแล้วเราจะได้ออกไปจากนี่ซะที" พนักงานสาวสวยคนนั้นรู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างมาก“เธอพูดอะไรออกมาเหรอนังสารเลว?!“นายน้อยแจ็คสันเดินมาถึงนี่ก็เพื่อเธอโดยเฉพาะ แต่เธอยังพยายามเล่นตัวอยู่อีกเหรอ?“เธอคิดว่าเธอมีค่าจริง ๆ เหรอ?“เธอจะต้องจบชีวิตอย่างน่ากลัวถ้านายน้อยแจ็คสันโกรธขึ้นมาล่ะก็!”“เฮ้อ เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว! เราควรอ่อนโยนต่อผู้หญิงสวย ๆ อย่างเธอนะ ไม่เห็นต้องข่มขู่กันเลย!”แดเรียลโบกมือให้พนักงานเสิร์ฟสาวสวยคนนั้นพร้อม ๆ กับแกว่งแก้วไวน์ในมือเล่น เขายิ้มเมื่อหันไปมองฮาร์วีย์ที่กำลังกัดกินปลาหมักอยู่“ฉันชอบผู้หญิงของคุณนะคุณผู้ชาย“ทำไมไม่ย้ายก้นของคุณออกไปจากที่นี่ซะเมื่อคุณกินเสร็จแล้ว!“คุณไม่มีสิทธิ์ได้ครอบครองผู้หญิงแบบนี้เลย
ฝูงชนต่างนิ่งเงียบทันทีที่ได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์พวกเขามองฮาร์วีย์ด้วยความตกใจ บางคนอดที่จะดึงหูตัวเองไม่ได้ เพื่อจะเช็คดูว่าหูเขาไม่ได้ยินอะไรที่ผิดเพี้ยนไปนับเป็นเรื่องปกติที่แดเรียลจะพูดจาอะไรแบบนี้...แต่ดูเป็นเรื่องน่าตกใจอย่างยิ่งถ้ามีคนบ้านนอกจากไหนก็ไม่รู้มาพูดแบบเดียวกันนี้แดเรียลชะงักงันไปครู่หนึ่งแล้วทำเสียงเยาะเย้ย“น่าสนใจ! นานแล้วนะที่ไม่มีคนทำแบบนี้ต่อหน้าฉัน“แกไม่ใช่คนแรกหรอก แต่แกเป็นหนึ่งในคนที่น่าสนใจที่สุดอย่างแน่นอน“เอาอย่างนี้ไหม? หมอบคลานลงซะก่อนจะออกจากที่นี่ไป"ฮาร์วีย์พยักหน้า“ได้เลย ทำตอนนี้เลย"แดเรียลจ้องมองฮาร์วีย์อย่างดูถูกเหยียดหยาม'ไอ้สารเลวนี่รู้หรือเปล่าว่ากำลังพูดคุยอยู่กับใคร?'“ไอ้ผู้ชายคนนี้ไม่ให้ความเคารพคุณเลยครับนายน้อยแจ็คสัน!”“เขาอยากให้คุณหมอบคลานเลยเหรอ?! ไม่มีทาง!”“ดูเหมือนคุณต้องให้บทเรียบกับเขาหน่อยที่มาพูดจาแบบนั้นนะนายน้อยแจ็คสัน!”เพื่อน ๆ ของแดเรียลส่งเสียงเชียร์ดังลั่น พวกเขาต้องการให้เกิดความวุ่นวายแดเรียลรู้สึกอับอายขายหน้าเป็นอย่างมากเมื่อเห็นฝูงชนเยาะเย้ยอย่างไม่ปราณี“ฉันให้ความเคารพแกอยู่นะไอ้สารเลว!