"กล้าดียังไงมาทำร้ายฉันไอ้สารเลว?!”แดเรียลซวนเซล้มลงกับพื้นสีหน้าของเขามีแต่ความโกรธเกรี้ยวและขุ่นเคือง เขาจ้องมองฮาร์วีย์พร้อมกับกัดฟันกรอด“แกตายแน่!”“แกได้ยินไหม?!”เพื่อน ๆ ของเขาก็เงยหน้าขึ้นมาเช่นกัน โดยจ้องมองฮาร์วีย์และแมนดี้อย่างดูถูกเหยียดหยามแน่นอนว่าพวกเขารู้ว่าทั้งสองคนนี้จะต้องจบเห่แน่พนักงานเสิร์ฟสาวสวยรีบโทรหากลุ่มผู้ชายในชุดสูทอย่างรวดเร็ว พวกเขาอาจเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของร้านนี้ก็ได้ฮาร์วีย์ทำเมินเฉยต่อคนพวกนั้น แล้วจิบชาที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยท่าทีสบาย ๆ“ตอนนี้แกยังมีโอกาสจะได้คุกเข่าอยู่นะ แต่ถ้าแกยังไม่ยอมหยุดล่ะก็ ฉันก็คงต้องหักแขนของแกแล้วล่ะ”ฝูงชนต่างส่งเสียงเยาะเย้ยคำพูดของฮาร์วีย์พวกเขาทั้งหมดคิดว่าฮาร์วีย์เป็นเพียงไอ้ขี้แพ้ที่ไม่มีสิทธิ์มาต่อกรกับทายาทผู้ร่ำรวยท้ายที่สุดแล้วในสถานที่อย่างโกลด์เด้น แซนด์นี้ ความสามารถเพียงน้อยนิดไม่สามารถพาใครไปได้ไกลนักหรอกในเมืองใหญ่เช่นนี้มีแต่ความแข็งแกร่ง ภูมิหลัง เส้นสาย และอำนาจเท่านั้นแหละที่มีความสำคัญฮาร์วีย์จบเห่แน่ที่มาท้าทายผู้ทรงอำนาจเช่นนี้!“แกตายแน่ ไอ้คนบ้านนอก!”พนักงานเสิร
ในที่สุดแดเรียลก็แสดงตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมาเมื่อเพื่อน ๆ ได้ยินคำพูดของเขา คนทั้งหมดนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับถือขวดเบียร์อยู่ในมือ พร้อมที่จะตีหัวฮาร์วีย์ให้แตกสีหน้าของแมนดี้ดูเย็นชาขึ้นมาเลย“คุณยังพยายามจะทำอะไรอีกเหรอ?!“ฉันจะโทรเรียกตำรวจถ้าคุณทำอะไรโง่ ๆ ล่ะก็!”“โทรหาตำรวจเหรอ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”พนักงานเสิร์ฟสาวสวยคนนั้นหัวเราะอย่างเย็นชา“เราจะเริ่มเรียกคุณว่ามามี๊ถ้าคุณสามารถทำอะไรแบบนั้นได้! “ฉันจะบอกอะไรให้นะ! สถานีตำรวจทั้งหมดล้วนมีสายสัมพันธ์กับนายน้อยแจ็คสันทั้งนั้น!“ถึงแม้ว่าคุณจะเริ่มขอความช่วยเหลือจากพวกเขา...“พวกเขาก็จะไม่ทำอะไรเลย!”“ไม่เป็นไรหรอกแมนดี้ ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง"ฮาร์วีย์ห้ามแมนดี้ไม่ให้โทรศัพท์ออกไป แล้วเหลือบมองแดเรียลอย่างใจเย็น“แกกำลังบอกว่าจะไม่ร้องขอความเมตตาอย่างงั้นเหรอ?”แดเรียลหัวเราะอย่างเย็นชาก่อนจะกระอักออกมาเป็นเลือด“แกจะร้องขอความเมตตาจากฉันเหรอ? แกมีสิทธิ์จะทำอย่างนั้นเหรอ?“อย่างนั้นเหรอ? ตอนนี้ฉันไม่มีสิทธิ์เลยเหรอ?”ฮาร์วีย์ดึงนามบัตรออกมาแล้วสะบัดออกไปทางหัวของแดเรียล“แล้วตอนนี้ล่ะ?“เฮ้! เรายังอวดเบ่งกั
แดเรียลไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่ดูเหมือนเป็นไอ้ขี้แพ้นั้นถึงมีสิทธิ์ได้รับนามบัตรของไคริมาตั้งแต่แรกแต่ยังไงก็ตามเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาทึกทักเอาว่าฮาร์วีย์ได้ไปหยิบนามบัตรใบนี้ที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นมาอวดเบ่งเขากัดฟันกรอดพร้อมกับกดเบอร์โทรศัพท์ออกไป แล้วหลังจากนั้นเขาก็ตัวสั่นขึ้นทันทีไคริพูดออกมาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น…ว่าฮาร์วีย์เป็นเพื่อนที่ดีของเธอคำพูดที่เรียบง่ายนั้นก็เพียงพอจะทำให้แดเนียลหัวหมุน ความหวังที่เหลืออยู่ของเขาถูกบดขยี้ลงทันทีเขาวางสายโทรศัพท์แล้วกระแทกเข่าลงกับพื้นอย่างไม่ลังเลอะไรเลยเหล่าฝูงชนเต็มไปด้วยความสับสนทุกคนต่างไม่เชื่อตาตัวเองที่มองเห็นภาพนั้น พวกเขาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น'ไอ้คนขี้แพ้อย่างเขาทำให้หนุ่มหล่อและร่ำรวยต้องคุกเข่าลงได้ยังไง?'“ผมขอโทษครับคุณยอร์ก ผมต้องขอโทษจริง ๆ!“ผมเป็นคนโง่เขลา! ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะครับ!“ได้โปรด!“ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของผมเอง!"จากนั้นแดเรียลก็ตบหน้าตัวเองสองสามทีก่อนจะเริ่มคร่ำครวญเขารู้ดีว่าเขาจะต้องตายแน่ถ้าฮาร์วีย์ไม่สบอารมณ์กับเรื่องนี้“ได้โปรด! ให้โอกาสผมด้วยครับ!”เขาคงต้องจบลงอย่างเลวร
หลังจากเห็นแดเรียลคุกเข่าลงกับพื้น พร้อมกับตบหน้าตัวเองและร้องไห้คร่ำครวญแล้ว...จู่ ๆ ฝูงชนก็ต่างรู้สึกอ่อนแรงด้วยความตกใจ และหายใจกระหืดกระหอบด้วยความลำบากทุกคนมองฮาร์วีย์ด้วยสีหน้าสงสัยและเคอะเขินในตอนแรกพวกเขาคิดว่าฮาร์วีย์เป็นเพียงคนโสโครกไร้ประโยชน์ที่จะถูกบดขยี้ได้ในทันทีพวกเขาคิดว่าฮาร์วีย์และผู้หญิงที่เขารักจะต้องจบสิ้นไปแล้ว...แต่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะสามารถดูหมิ่นเหยียดหยามคนอื่นได้ง่าย ๆแดเรียลลงไปนอนกองอยู่บนพื้น อีกนิดเดียวเขาก็จะเห่าเหมือนสุนัขได้อยู่แล้วช่างเป็นภาพที่ดูน่าหดหู่เสียจริง ๆ!พนักงานเสิร์ฟสาวสวยคนนั้นซึ่งเคยมั่นใจในตัวเองมาก่อน ก็รู้สึกกลัวมากจนไม่กล้าด่ากราดออกไปเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแดเรียลจะกลัวไอ้คนบ้านนอกที่มีเพียงเขาคนเดียวถึงขนาดนี้'เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?''นามบัตรใบนั้นมันหมายถึงอะไรเหรอ?''เขามีสิทธิ์ทำให้แดเรียลต้องคุกเข่าจริง ๆ เหรอ?'ใบหน้าของแมนดี้ดูเป็นสีแสงสด แล้วมองออกไปที่เหล่าฝูงชนรอบ ๆ ตัวเธอ“ไม่เป็นไรนะฮาร์วีย์ เขาได้ขอโทษคุณแล้วนะ" เธอกระซิบบอก“ยังไม่พอหรอก" ฮาร์วีย์ตอบอย่างใจเย็น“ถ้าวันนี้เขาเจอคนอื่น คุณคิดว่าเขาจ
ฮาร์วีย์เหลือบมองแดเรียลแล้วหัวเราะเบา ๆ“แค่นี้เหรอ?”แดเรียลตัวแข็งทื่อในขณะที่กัดฟันกรอด“นี่คือรถปอร์เช่นะครับคุณยอร์ก ผมเพิ่งซื้อมาเพื่อวานนี้เอง" เขาพูดเบา ๆ โดยได้ใส่กุญแจรถเอาไว้ในกล่องของขวัญนั้น“คุณคงไม่มีรถใช้ตั้งแต่เดินทางมาถึงนี่...“กรุณารับไปด้วยเถอะครับ คุณไม่จำเป็นต้องเกรงใจหรอกครับ“แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือนี่คือเบอร์โทรศัพท์ของผม! ถ้าต้องการอะไรก็โทรหาผมได้เลย ผมจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่ ถึงแม้คุณจะสั่งให้ผมไปทำความสะอาดห้องน้ำหรือกวาดถนนก็ตาม!”แดเรียลรีบยัดกล่องของขวัญเข้าไปในมือของฮาร์วีย์ ก่อนจะผลุนผลันออกไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็วฮาร์วีย์ยิ้มในขณะที่มองดูของขวัญกล่องนั้น และรับเอาไว้อย่างเงียบ ๆ...แต่ทันทีที่เขาแกะกล่องของขวัญออกดู ดวงตาของเขาก็ดูสว่างไสวขึ้นทันทีเขาไม่จำเป็นต้องซื้อของขวัญอะไรอีกแล้ว นี่เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก!จากนั้นเขาก็ขับรถปอร์เช่ใหม่เอี่ยมคันนั้นไปที่ร้านอาหารเวสเทิร์น ที่อยู่บนชั้นหนึ่งของห้างสรรพสินค้าแห่งนั้นนี่คือสถานที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดของซีนเธียร์ฮาร์วีย์รีบเดินไปที่ทางเข้าโดยไม่ได้สนใจที่จะอ่านข้อคว
เวสตินเป็นเพื่อนมหาวิทยาลัยเดียวกับซีนเธียร์ แต่ตอนนั้นเขาเป็นคนที่มีความสุขุมมาก จึงไม่ได้เข้าใกล้เธอเลยเมื่อเขามาที่โกลด์เด้น แซนด์ ก็บังเอิญที่ซีนเธียร์จัดงานเลี้ยงวันเกิดของเธอขึ้นมาพอดีหลังจากได้รับคำเชิญนั้นเวสตินก็รู้ว่าโอกาสของเขาได้มาถึงแล้วดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะบีบบังคับผู้หญิงที่เขาโหยหาให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขาหลังจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นประวัติศาสตร์เสียงกรีดร้องและเสียงเชียร์รอบตัวเขาทำให้เขาฉีกยิ้มออกมาอย่างมั่นใจเวสตินมั่นใจว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถต้านทานภาพโรแมนติกเช่นนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้โชว์ความร่ำรวยอันเหลือเชื่อของเขาแล้วแม้แต่ซีนเธียร์ที่ดูเหมือนมาจากหนึ่งในสิบตระกูลชั้นนำ ก็ยังไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้“ผมอยากจะบอกคุณตั้งแต่วันแรกที่เราเป็นเพื่อนมหาวิทยาลัยเดียวกันแล้วนะซีนเธียร์...”เวสตินยืนถือช่อกุหลาบอยู่ตรงหน้าซีนเธียร์ด้วยสีหน้าที่ดูเด็ดเดี่ยว“แต่โชคชะตาก็เล่นตลก ในตอนที่ผมกำลังจะบอกอะไรคุณนั้น คุณก็ได้ออกจากบัควู้ดไปแล้ว“ขอบคุณพระเจ้าที่พันธนาการเราเอาไว้ด้วยด้ายสีแดง! ทำให้เราบังเอิญมาเจอ
"ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะเวสติน"แต่ถึงยังไงก็ตามใบหน้าของซีนเธียร์ก็ดูเย็นชา เธอรังเกียจคนที่ทำอะไรแบบนี้กับเธอเป็นอย่างมาก เกลียดคนพวกนี้มากกว่าอะไรทั้งนั้นเธอมีความรู้สึกเหมือนกับว่าคนพวกนี้กำลังพยายามบีบบังคับเธอนี่เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของเธอนะ เธอไม่ควรจะถูกรบกวนแม้แต่การแสดงความเคารพต่อเวสตินด้วยซ้ำไป“คุณควรมอบอะไรทั้งหมดนี้ให้กับคนที่คุณรักนะ"ซีนเธียร์พูดอย่างระมัดระวัง เธอพยายามจะทำให้เวสตินโต้แย้งอะไรไม่ได้“ฉันมีคนที่อยู่ในใจฉันแล้ว“เราคบกันไม่ได้หรอก"เวสตินเป็นคนที่มีเกียรติมาก แล้วยังทั้งสูงและหล่ออีกด้วย...แต่ยังไงก็ตามซีนเธียร์ก็มีคนที่เธอรักอยู่แล้ว เธอไม่มีที่ว่างสำหรับคนอื่นอีกแล้วสีหน้าของน้องสาวเวสตินแปรเปลี่ยนไปทันที“ซีนเธียร์! เธอพูดอะไรแบบนี้เพราะความเขินอายไม่ได้นะ“ผู้หญิงที่อยากเป็นแฟนกับพี่ชายฉันยืนเรียงแถวกันจากนี่ไปจนถึงมอร์ดูเลยนะ!“ถ้าเธอไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ เธอก็จะไม่มีโอกาสได้คบหากับผู้ชายอย่างพี่ชายของฉันได้นะ!”ในทางตรงกันข้ามคำพูดของซีนเธียร์ไม่ได้ทำให้เวสตินสะทกสะท้านอะไรแม้แต่นิดเดียว“โอ้ ซีนเธียร์! อย่าอายไปเลยน่า! ผมรู้น
ฮาร์วีย์ที่เฝ้าดูมาโดยตลอดขมวดคิ้วแล้วก้าวออกไปข้างหน้าซีนเธียร์ปฏิเสธความรักของเวสตินอย่างแน่วแน่ แต่เธอก็ยังถูกบีบบังคับให้ยอมรับรักนั้นอยู่อีกในฐานะที่เป็นพี่เขยของเธอ ฮาร์วีย์ไม่อาจยอมให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ในขณะที่ก้าวไปข้างหน้านั้นกลุ่มผู้ชายในชุดสูทที่กำลังขวางทางซีนเธียร์เอาไว้ก็เดินเข้ามาหาเขาชายรูปร่างสูงประมาณ 180 เซ็นติเมตรก็กวาดตามองฮาร์วีย์ก่อนจะร้องบอกอย่างเย็นชาว่า "แกไม่เห็นคุณมิลเลอร์กำลังประกาศความรักของเขาอยู่เหรอ?”“คนแปลกหน้าเข้ามาข้างในไม่ได้!”ชายคนนั้นผลักฮาร์วีย์และไล่เขาออกไป“ซีนเธียร์เป็นน้องสาวฉัน แกมีสิทธิ์อะไรมาห้ามไม่ให้ฉันเข้าไป?” ฮาร์วีย์ร้องคำราม“น้องสาวเหรอ?”ชายคนนั้นอ้าปากค้าง“ฉันไม่สนหรอกว่าแกเป็นใคร ยังไง ๆ แกก็เข้าไปไม่ได้!“ถ้าคุณมิลเลอร์ยังไม่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ ใครก็เข้าไปทำลายฉากโรแมนติกของเขาไม่ได้...”ฮาร์วีย์หรี่ตามอง“ออกไป" เขาออกคำสั่งอย่างเย็นชา“โอ้? แกโกรธเหรอ?“ดูเหมือนแกจะไม่ใช่พี่ชายของเธอนะ แต่เป็นคนรักของเธอมากกว่า!“แกรู้สึกอับอายเมื่อผู้หญิงที่แกรักถูกคนอื่นตามตื๊ออย่างนั้นเหรอ? แกโดนหมิ่นศักดิ์
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข