ฮาร์วีย์มีสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเห็นภาพนั้นในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะตายนั้นเธอได้พูดอย่างนั้นออกมา เขาจึงอดที่จะประเมินผู้หญิงในเชิ้ตสีดำอีกครั้งไม่ได้ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นดีกว่า ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะต้องตายยังไงในเวลาเดียวกันฮาร์วีย์ก็พอจะคาดเดาได้เล็กน้อยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครด้วยสถานะอันยิ่งใหญ่และเทคนิคในการลอบสังหารอันยอดเยี่ยม รวมทั้งนามสกุลของเธอ...โดยปกติแล้วตัวตนของผู้หญิงคนนี้จะต้องถูกปิดเป็นความลับแต่ถึงกระนั้นฮาร์วีย์ก็ไม่ได้สนใจที่จะเปิดเผยตัวตนของเธอ เนื่องจากเขาไม่ได้มีความขุ่นข้องหมองใจอะไรกับเธอส่วนผู้หญิงที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ฮาร์วีย์ไม่ได้สนใจอะไรเลยเนื่องจากเขาไม่ใช่เป้าหมายของเธอ เขาจึงไม่สนใจที่จะสืบสวนอะไรเกี่ยวกับคนตายเจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนได้ให้ฮาร์วีย์ชี้แจงอะไรออกมาแบบเรียบง่ายฮาร์วีย์ต้องการไปที่โกลด์เด้น แซนด์เท่านั้นเอง ดังนั้นเขาจึงให้เครดิตกับแอร์โฮสเตสสองคนนั้นเชลบี้ชี้แจงถึงสถานการณ์นั้นอย่างละเอียด แต่เจมม่าก็โต้แย้งขึ้นมาทันทีฮาร์วีย์มองเจมม่าอย่างสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงไ
ในสายตาของพวกเขานั้นฮาร์วีย์ทำให้ไคริต้องด่างพร้อยอย่างชัดเจนฮาร์วีย์ยิ้มให้กับปฏิกิริยาของพวกเขา และปล่อยมือของไคริอย่างใจเย็นแต่ถึงกระนั้นกลิ่นหอมของเธอก็ยังวนเวียนอยู่ตรงระหว่างปลายนิ้วของเขาไคริยิ้ม...“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม คุณก็สามารถจัดการกับวิกฤตที่เป็นอันตรายร้ายแรงได้“ถ้าไม่อย่างนั้นถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ฆ่าฉัน แต่ผู้บริสุทธิ์จำนวนมากก็จะต้องถูกลากเข้ามาในเรื่องนี้ด้วย“ใคร ๆ จะต้องโทษฉันที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์พวกนั้นต้องรับเคราะห์แทน"ไคริส่งยิ้มชวนฝันให้เขา“ไม่ว่าจะมองมุมไหนฉันก็เป็นหนี้บุญคุณคุณอย่างมาก“จากนี้ไปคุณคือเพื่อนของฉัน! ถ้าต้องการอะไรจากฉันก็ขอให้บอกได้เลย ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยคุณอย่างเต็มที่!“การพูดอะไรแบบนี้อาจฟังดูเชย ๆ ไปหน่อย แต่ฉันหมายความตามนั้นจริง ๆ“ถึงแม้ว่าฉันจะตายไปแล้ว คุณก็สามารถนำนามบัตรของฉันไปให้พ่อหรือ...คู่หมั้น...ของฉันได้"ไคริดึงนามบัตรออกมายัดใส่ไว้ในมือเขา“พวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยคุณ"ฮาร์วีย์ถือนามบัตรที่ดูวิจิตรงดงาม นี่เป็นงานแกะสลักจากไม้ชนิดพิเศษ ที่มีเพียงชื่อและหมายเลขโทรศัพท์เท่านั้นแต่ก็เพียงพอจะบอกไ
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบินนานาชาติโกลด์เด้น แซนด์ ซึ่งตลอดเวลานั้นทั้งฮาร์วีย์และไคริก็ไม่ได้พูดอะไรกันเลยฮาร์วีย์และไคริเดินเคียงคู่อยู่ในทางเดินวีไอพีราวกับเป็นคู่รักกัน บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังไคริต่างมีสีหน้าเศร้าสร้อยในขณะมองดูภาพนั้นไม่นานนักคนทั้งสองก็เดินมาถึงทางออก ไคริส่งยิ้มให้ฮาร์วีย์อย่างมีไมตรีจิต“คุณจะไปไหนต่อคะ? ฉันไปส่งคุณได้นะถ้าคุณต้องการ"ฮาร์วีย์ส่ายหัว“ไม่ต้องหรอก ผมบอกภรรยาผมเอาไว้แล้วว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ตอนที่ผมขึ้นเครื่องบินมา“เดี๋ยวเธอก็คงมารับผม"“ภรรยาของคุณเหรอ?”ไคริตกตะลึง จากนั้นเธอก็มองไปที่นิ้วนางของฮาร์วีย์โดยสัญชาตญาณไม่เห็นมีแหวนอยู่ที่นิ้วนั้นเลยฮาร์วีย์ยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของไคริ“คงต้องเรียกว่าอดีตภรรยาถึงจะฟังดูเหมาะสมกว่า ผมเป็นแค่คนโดนทิ้ง ณ จุดนี้น่ะนะ"ไคริยิ้มให้ฮาร์วีย์ ตอนนี้เธอดูเหมือนจะสนใจฮาร์วีย์มากกว่าเดิมเยอะ“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกค่ะ ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันนะคะ ฉันจะช่วยคุณอย่างเต็มที่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้!“มา! มากอดอำลากันหน่อย!”ชายในชุดสูทเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องมองฮาร์วีย์อย่างดุดัน“คงได
ซึ่งตอนนั้นไคริเริ่มสนใจฮาร์วีย์มากขึ้นเธอโน้มตัวเข้าไปใกล้ ๆ หูของเขาก่อนจะกระซิบว่า "มื้อเย็นคืนนี้ดีไหมคะคุณยอร์ก?”“ขอบคุณสำหรับคำชวนนะ แต่เขาไม่ว่างหรอก!”แมนดี้อดที่จะเผยให้เห็นสายตาเย็นชาไม่ได้ในขณะตอบคำชวนเชิญนั้นแทนฮาร์วีย์เธอกระทืบเท้าอยู่ในรองเท้าส้นสูงก่อนจะดึงฮาร์วีย์ออกมาพร้อมกับยิ้มอย่างมาดมั่น“คืนนี้เขาจะไปทานมื้อเย็นกับฉันค่ะ"ไคริตกตะลึงเมื่อเห็นแมนดี้ยืนอยู่ตรงนี้“นี่คืออดีตสามีที่ไร้ประโยชน์ของคุณเหรอแมนดี้?!” เธอร้องถามด้วยความตกใจ'ฮะ? พวกเขารู้จักกันเหรอ?' ฮาร์วีย์คิดด้วยความรู้สึกประหลาดใจ'เอาล่ะ ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจากวงสังคมชั้นสูงในโกลด์เด้น แซนด์ที่จะต้องรู้จักกัน...'แมนดี้ไม่สนใจที่จะอธิบายอะไรเลย เธอลากฮาร์วีย์ออกมาจากทางเดินนั้น แล้วพาเขาเข้าไปในรถเฟอร์รารี่สีแดงหลังจากนั้นเธอก็เร่งเครื่องยนต์อย่างเกรี้ยวกราดไคริถูกทิ้งไว้ที่สนามบิน แล้วมองดูคนทั้งสองเดินจากไปด้วยสีหน้าร่าเริงฮาร์วีย์นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ คาดเข็มขัดนิรภัยพร้อมกับทำสีหน้าแปลก ๆเป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้เจอกับอดีตภรรยา หรือจะเรียกให้ถูกว่าภรรยานั
ในเวลาหกโมงเย็นที่หน้าศูนย์การค้าและและศูนย์อาหารโกลด์เด้น แซนด์สถานที่แห่งนี้ได้รับการตั้งชื่อแบบนี้ก็เพราเป็นร้านอาหารที่โด่งดังที่สุดในบริเวณนี้ ว่ากันว่ามีคนต่อแถวกันหลายพันคนทุกวันลานจอดรถคราคร่ำไปด้วยรถยนต์หรูหราหลากหลายประเภทแมนดี้วางแผนก่อนแล้วว่าจะพาฮาร์วีย์มาที่นี่ แต่ย่างไรก็ตามฮาร์วีย์ต้องตกตะลึงอย่างมากเมื่อเห็นเธอดึงป้ายตัวเลขออกมาจากกระเป๋าถือหลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้วทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในร้านอาหาร ทั่วทั้งสถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยลูกค้าที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราทั้งนั้นเลย เห็นได้ชัดว่านี่เป็นช่วงเวลาไพรม์ไทม์ในการทานอาหารเย็นแมนดี้โชว์ป้ายตัวเลขแล้วพนักงานเสิร์ฟก็พาทั้งสองไปยังที่นั่งที่ได้จองเอาไว้ในระหว่างนั้นแมนดี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเพราะเมื่อเปรียบเทียบกับหญิงสาวที่แต่งหน้างดงามและมีขาที่เรียวยาวคนอื่น ๆ แล้ว…แมนดี้ไม่ได้แต่งหน้าเลย แต่รูปโฉมและรังสีออร่าของเธอดูเหนือกว่าคนอื่น ๆ อย่างมากเหล่าผู้ชายที่มาพร้อมกับเพื่อนผู้หญิงต่างทำตาหยาดเยิ้มทันทีที่ได้สบตากับแมนดี้มีทายาทผู้มั่งคั่งและนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ตลอดจนเพลย์บอยที่ขี้อวด
“สวัสดีค่ะคุณผุ้หญิง...”ในขณะที่ฮาร์วีย์กำลังพูดคุยกับแมนดี้อยู่นั้น พนักงานเสิร์ฟสาวสวยที่แต่งหน้าอย่างงดงามก็เดินเข้ามาพร้อมกับไวน์ลาฟิตปี 1982“นายน้อยแจ็คสันอยากให้คุณได้ชิมไวน์ขวดนี้ค่ะ"ก่อนที่แมนดี้และฮาร์วีย์จะทันได้ปฏิเสธของกำนัลนั้น ขวดไวน์หายากก็ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะแล้ว“ไวน์เหรอ? ลาฟิตปี 1982 ลองนึกดูสิ?”ฮาร์วีย์และแมนดี้ต่างตกตะลึง จากนั้นก็หันไปมองในทิศทางที่พนักงานเสิร์ฟชี้ไปแล้วเห็นชายหนุ่มรูปหล่อในชุดสูทกูตูร์ของจิวองชี่ชูแก้วไว้น์แดงของเขาขึ้นมาเขาดูอ่อนเยาว์ มีเสน่ห์ และร่ำรวยมาก เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่ประสบความสำเร็จมากมีผู้คนแต่งตัวหรูหราล้อมรอบตัวเขาอยู่สองสามคนพวกเขาทั้งหมดต่างจ้องมองฮาร์วีย์และแมนดี้ด้วยสายตาเย้ยหยัน ราวกับว่ากำลังรอให้บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นก่อนที่ฮาร์วีย์จะทันได้พูดอะไรออกมา แมนดี้ก็พูดออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา“ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้จักคน ๆ นั้น ช่วยนำสิ่งนี้กลับไปด้วยค่ะ"“นี่...”พนักงานเสิร์ฟสาวสวยคนนั้นขมวดคิ้วหลังจากสัมผัสได้ถึงท่าทีที่ดูเหินห่างของแมนดี้ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังอารมณ์ไม่ดี“ฉันรู้ค่ะว่าคุณเป็นผู้หญิงห
“ดูให้ดีสิคะคุณผู้หญิง!”“นอกจากตักอาหารเข้าปากแล้ว แฟนของคุณทำอะไรได้อีกล่ะ?!“เขาไม่กล้าพูดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป!“แล้วดูนายน้อยแจ็คสันสิ! เขาดูดีกว่าผู้ชายคนนี้เป็นพันเท่า! คุณจะต้องเสียใจถ้าพลาดโอกาสนี้ไปนะ!”พนักงานเสิร์ฟคนนั้นพูดจาดูถูกฮาร์วีย์ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าเขาอยู่ตรงนั้น แต่เธอไม่สามารถทนดูผู้ชายที่น่าสงสารอย่างนั้นได้เลยท้ายที่สุดแล้วชายที่มีค่าที่สุดในโกลด์เด้น แซนด์ในสายตาของเธอนั้นก็คือแดเรียล แจ็คสัน หรือนายน้อยแจ็คสันนั่นเองแมนดี้รู้สึกเดือดดาลมาก เธอไม่สนใจที่พูดคุยกับพนักงานเสิร์ฟคนนั้นอีกต่อไป“ออกไปซะ!” เธอร้องบอกอย่างเย็นชาพนักงานเสิร์ฟคนนั้นหัวเราะเบา ๆ“พอได้แล้ว!“ทำไมยังทำเสแสร้งอยู่อีกล่ะ?!”“ฉันจะสั่งให้ผู้จัดการไล่คุณออก ถ้าคุณยังคงพูดพล่ามอยู่ที่นี่!”ในเวลานี้นี่เองที่แดเรียลเดินออกมาพร้อมกับแก้วไวน์ในมือ โดยเขาได้หรี่ตามองเรื่องราวทั้งหมดมาสักพักหนึ่งแล้วในทุกย่างก้าวที่เขาก้าวเดินไปนั้น เขาได้เปล่งรังสีออร่าที่ดูทรงอำนาจอย่างไม่น่าเชื่อออกมาผู้คนที่ยืนขวางทางเขาอยู่รีบก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการทำให้เขารู้ส
น้ำเสียงของแดเรียลฟังดูสดใสและเด็ดขาดเพื่อน ๆ ของเขาหลายคนระเบิดหัวเราะออกมา เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเขามีความหมายอีกอย่างหนึ่งแต่แดเรียลมีสีหน้าสงบนิ่งราวกับว่าเขาพูดอะไรออกมาตามปกติเท่านั้นเองเขามีสีหน้ามั่นใจและทำเมินเฉยต่อการมีตัวตนของฮาร์วีย์อย่างสิ้นเชิงแมนดี้จับตาดูฮาร์วีย์อยู่ตลอดพร้อมกับทำสีหน้าเย็นชา "คุณกินเสร็จหรือยังล่ะ? กินเสร็จแล้วเราจะได้ออกไปจากนี่ซะที" พนักงานสาวสวยคนนั้นรู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างมาก“เธอพูดอะไรออกมาเหรอนังสารเลว?!“นายน้อยแจ็คสันเดินมาถึงนี่ก็เพื่อเธอโดยเฉพาะ แต่เธอยังพยายามเล่นตัวอยู่อีกเหรอ?“เธอคิดว่าเธอมีค่าจริง ๆ เหรอ?“เธอจะต้องจบชีวิตอย่างน่ากลัวถ้านายน้อยแจ็คสันโกรธขึ้นมาล่ะก็!”“เฮ้อ เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว! เราควรอ่อนโยนต่อผู้หญิงสวย ๆ อย่างเธอนะ ไม่เห็นต้องข่มขู่กันเลย!”แดเรียลโบกมือให้พนักงานเสิร์ฟสาวสวยคนนั้นพร้อม ๆ กับแกว่งแก้วไวน์ในมือเล่น เขายิ้มเมื่อหันไปมองฮาร์วีย์ที่กำลังกัดกินปลาหมักอยู่“ฉันชอบผู้หญิงของคุณนะคุณผู้ชาย“ทำไมไม่ย้ายก้นของคุณออกไปจากที่นี่ซะเมื่อคุณกินเสร็จแล้ว!“คุณไม่มีสิทธิ์ได้ครอบครองผู้หญิงแบบนี้เลย
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข