“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอะไรไปไกลเลย…“หลังจากที่คุณพยายามลอบสังหารเลดี้จัดด์โดยคนของคุณเมื่อคืนนี้ ผมก็น่าจะจบชีวิตคุณด้วยการตบเพียงครั้งเดียวได้แล้ว“และผมกล้ารับประกันได้เลยว่าหลังจากที่คุณตาย ดินแดนพระอาทิตย์ฯจะไม่กล้าเปิดปากเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ!"คุณอยากจะลองดูไหม?"การแสดงออกของฮาร์วีย์เย็นชาราวกับน้ำแข็งสถานะอันสูงส่งของราชวงศ์ดินแดนพระอาทิตย์ฯไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขาเลย“เพื่อเห็นแก่เจ้าหญิงวิคตอเรีย ผมจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง“คุณจะยอมคุกเข่าหรือจะไสหัวออกไป“ก็เลือกเอาเองได้เลย”“นายนี่มันโอหังจริง ๆ เลยนะ!”สมาชิกผมบลอนด์ของอัศวินเทมพลาร์ตะโกนขึ้นอย่างโกรธเกี้ยว สหายของเขาลอยกระเด็นไปแล้วก็จริง แต่หลังจากได้เห็นเจ้าหญิงของเขาถูกทำให้ขายหน้า เขาก็กัดฟันและก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ลังเลอัศวินเทมพลาร์สาบานตนไว้ว่าจะปกป้องเจ้าหญิงของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจะไม่มีวันยืนมองเจ้าหญิงของตนถูกทำร้ายอยู่เฉย ๆ “รูสเวลต์! อยู่เฉย ๆ!”แต่ทว่าเจ้าหญิงองค์ที่สี่ก็ปรามผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอไม่ให้ลงมือเธอรู้ดีว่าลูกน้องของเธอเทียบอะไรกับฮาร์วีย์ไม่ได้จากนั้นเธอก็ก้าวไปข้างหน้า ใบหน้า
นี่คือความอัปยศที่สุด!อัปยศที่สุดในชีวิต!ในขณะนี้ ใบหน้าของรูสเวลต์บิดเบี้ยวแปรเปลี่ยนสีหน้าน่าสยดสยองเขาพยายามจะลุกขึ้น แต่เรี่ยวแรงที่หัวเข่าของเขาเหือดหายไปหลังจากถูกสายตาเรียบเฉยของฮาร์วีย์จ้องมองร่างกายของเขากำลังเตือนเขาว่าเขาจะตาย หากเขาฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นยืนฮาร์วีย์เมินเฉยต่ออัศวินที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น และจ้องมองไปที่เจ้าหญิงองค์ที่สี่“เจ้าหญิงองค์ที่สี่ ดูเหมือนว่าอัศวินของคุณจะรู้หน้าที่เสียยิ่งกว่าคุณอีกนะ“คุณเหลือเวลาอีกสามวินาที…”“ไอ้สารเลว!”“นายล้ำเส้นเกินไปแล้ว!”อัศวินหลายคนกระโจนไปข้างหน้าพร้อมตะโกนใส่ฮาร์วีย์อย่างเกรี้ยวกราดแต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ลงมือ เอ็ดวินก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับกลุ่มบอดี้การ์ดก็ขัดขวางพวกเขาไว้ทันที“หนึ่งวินาที…” ฮาร์วีย์พูดอย่างสบาย ๆ และนับต่อไป ราวกับว่าเขาไม่เห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้น“ถ้าคุณยังเลือกไม่ได้ ก็ต้องขออภัยด้วย แต่ผมจะเลือกแทนเอง…”“ไอ้บ้านี่! ไอ้สารเลวเอ๊ย!”เจ้าหญิงองค์ที่สี่สั่นเทาด้วยความโกรธ ตั้งแต่ลืมตาดูโลกเธอไม่เคยถูกเหยียดหยามขนาดนี้มาก่อนถึงกระนั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าฮาร์วีย์ที่เอาแต่พูดจาหน้าหงุด
ฮาร์วีย์เช็ดมือของเขาก่อนจะตอบเธออย่างสงบ “เราไม่ได้ทำธุรกิจกันแบบนี้ เจ้าหญิง“ก่อนจะพูดเรื่องการปล่อยคน อย่างแรกเราควรจะตัดสินกันก่อนไม่ใช่เหรอว่าเจสันควรจะอยู่หรือตาย?“อย่าลืมสิ! ตามข้อตกลงของเรา ชีวิตของเขาเป็นของผม เขาเป็นคนรับใช้ของผม ถ้าผมสั่งให้เขาไปตายเขาก็ต้องไปตาย“แต่ถ้าคุณอยากให้เขารอดไปได้คุณก็ต้องฆ่าวินซ์เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน“ถ้าเขาตาย เจสันก็จะรอด ข้อตกลงยังคงเป็นเช่นนั้น ผมไม่คิดจะล้มเลิกเรื่องนั้นหรอก”เจ้าหญิงองค์ที่สี่สูดหายใจเข้าปอด“ฉันรู้ว่านายกำลังพยายามทำให้ตระกูลเศรษฐีของฮ่องกงและลาสเวกัสเป็นศัตรูกับดินแดนพระอาทิตย์ฯ ฮาร์วีย์“เช่นนั้นแล้ว ดินแดนพระอาทิตย์ฯจะไม่มีสิทธิ์เข้ามาข้องเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่อีก“แผนที่นายคิดจะพรากลมหายใจของวินซ์ด้วยเจสันนั้นค่อนข้างฉลาดแกมโกงทีเดียว ฉันต้องยอมรับเลย“แต่ต้องบอกไว้เลยว่านายประเมินฉันสูงเกินไปแล้ว“ฉันไม่ได้เป็นตัวแทนของราชวงศ์ดินแดนพระอาทิตย์ฯ“ต่อให้ฉันจะเป็นศัตรูกับทุกคนที่นี่ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาต่อต้านดินแดนพระอาทิตย์ฯไปด้วยนี่“ความสัมพันธ์ของดินแดนพระอาทิตย์ฯกับฮ่องกงและลาสเวกัส
“นี่นายไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอ ฮาร์วีย์?!”น้ำเสียงของเจ้าหญิงองค์ที่สี่เยือกเย็นลงเล็กน้อย“ฉันก็บอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ?“ประการแรก ถึงฆ่าวินซ์ไปก็ไม่มีประโยชน์!“ประการที่สอง ฉันไม่มีอำนาจพอจะจัดการเขาได้!“นายเปลี่ยนข้อตกลงไม่ได้เหรอ!“ตราบใดที่ฉันจัดการให้ได้ ฉันจะไม่ทำให้นายผิดหวังแน่!”เจ้าหญิงองค์ที่สี่กัดฟันเล็กน้อยราวกับว่าเธอเพิ่งตัดสินใจอะไรได้“ต่อให้นายอยากจะทำอะไรแปลก ๆ กับฉัน ฉันก็จะสนองความปรารถนาของนายให้ได้!”เจ้าหญิงองค์ที่สี่โชว์ไหล่สีซีดของเธอเพื่อแสดงความจริงใจ"ขออภัยด้วย คุณไม่คู่ควรหรอก”ฮาร์วีย์หัวเราะอย่างใจเย็น“ผมไม่สนใจทำเรื่องอย่างว่ากับคุณหรอก“แล้วอีกอย่าง ไม่ใช่หน้าที่ที่คุณต้องมาบอกผมว่าการฆ่าวินซ์มีประโยชน์หรือไม่มี ผมต่างหากที่มีสิทธิ์ตัดสินเรื่องนั้น“ต่อให้ผมจะไม่สามารถตัดความสัมพันธ์ระหว่างดินแดนพระอาทิตย์ฯ กับตระกูลเศรษฐีของฮ่องกงได้ หากผมต้องการ คุณก็ต้องหาทางกำจัดเขาให้ได้“เพราะถ้าคุณฆ่าวินซ์ไม่ได้ แล้วผมจะเชื่อคุณได้ยังไง?“ผมจะยอมเชื่อคุณก็ต่อเมื่อวินซ์ตาย”สำหรับฮาร์วีย์ วินซ์ไม่ใช่คนที่เขาจะจัดการได้ง่าย ๆไม่ใช่ว่าฮาร์วีย์
“ส่งแขกด้วย!”หลังจากชงชาดำอีกกาหนึ่ง ฮาร์วีย์โบกมือเป็นสัญญาณอย่างสงบ โดยไม่คิดจะให้เกียรติเจ้าหญิงองค์ที่สี่เลยแม้แต่น้อย“ฮาร์วีย์ ยอร์ก!”เจ้าหญิงองค์ที่สี่กัดฟัน เธออยากจะออกฤทธิ์ แต่ก็ควบคุมตัวเองไว้ได้อย่างสุดกำลังเธออยากจะสาดน้ำชาใส่ฮาร์วีย์แต่เธอทำได้เพียงต้องระงับความโกรธเอาไว้ เธอรู้ว่าผลที่ตามมาของการทำสิ่งนั้นจะเลวร้ายเพียงใดหลังจากจ้องมองฮาร์วีย์อย่างเย็นชาเพียงไม่กี่นาที เจ้าหญิงองค์ที่สี่ก็ลุกออกไปจากสถานที่นั้นไม่กี่นาทีต่อมา เธอก็นั่งอยู่ที่ด้านหลังของรถโรลส์รอยซ์ของเธอด้วยท่าทางเศร้าหมองอย่างยิ่งเลขาหน้าตาหล่อเหลาและสง่ายื่นแก้วแชมเปญให้เธอด้วยความเคารพ“เจ้าหญิงองค์ที่สี่ เราควรทำอย่างไรดี?”สีหน้าของเจ้าหญิงองค์ที่สี่มืดลงทันที“เรียกอัศวินโต๊ะกลมให้มารวมตัวกัน!” เธอเอ่ยขึ้นอัศวินโต๊ะกลมเป็นผู้ที่ได้รับคัดเลือกจากกองกำลังอัศวินเทมพลาร์อีกทีหากอัศวินเทมพลาร์ถือเป็นกองกำลังพิเศษ อัศวินโต๊ะกลมก็จะเป็นราชาแห่งกองกำลังพิเศษแม้แต่เจ้าหญิงองค์ที่สี่ซึ่งมีสถานะค่อนข้างสูง ก็ยังไม่มีอัศวินเหล่านั้นติดตามข้างกายและหลังจากได้ยินคำสั่งของเธอ สีหน้าของเลขา
ดูเหมือนว่าควินนี่จะเข้าใจในสิ่งที่ฮาร์วีย์ต้องการ“ถ้าเป็นอย่างนั้น เราควรเพิ่มการป้องกันหรือเปล่า” เธอถามด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น“ไม่อย่างนั้นแล้ว หากเจ้าหญิงองค์ที่สี่สามารถช่วยคนของเธอไปได้ เธอจะต้องร่วมมือกับวินซ์หันมาแว้งกัดเราแน่นอน”"ไม่เป็นไรหรอก ฉันมีแผนสำหรับเรื่องนั้นไว้อยู่แล้ว” ฮาร์วีย์พูดอย่างใจเย็น“เธอมีอำนาจค่อนข้างจำกัด ในตอนนี้เธอทำได้เพียงพึ่งพาลูกหลานของประเทศ H ที่อยู่ในดินแดนพระอาทิตย์ฯได้เท่านั้น“ถึงแม้จะมีอัศวินโต๊ะกลมอยู่ด้วย เธอก็ไม่มีทางเข้าใกล้ลูกน้องของเธอได้ถ้าฉันยังอยู่ที่นี่”ควินนี่พยักหน้า จากนั้นจึงเริ่มไตร่ตรองสถานการณ์ต่าง ๆ“ถ้าเธอเข้ามาช่วยพวกเขาไม่ได้ เธอก็อาจจะหาตัวประกันมาแลกเปลี่ยนกับคุณสองสามคน”“เธอคิดมากเกินไปแล้ว การมียอดฝีมือของตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกงอยู่เคียงข้างแบบนี้ ฝ่ายนั้นไม่มีทางแตะต้องเธอได้หรอก“เลสลี่มีทั้งรัฐบาลฮ่องกงอยู่กับเธอ…“โยอาน่ามีวังมังกร…“ไอรีนมีสาขาของหลงเหมิน…“ซีน่ามีตระกูลแฮมิลตัน…“ถ้าเจ้าหญิงองค์ที่สี่พอมีสมองอยู่บ้าง เธอจะไม่ไปหาสาว ๆ พวกนั้น“ยิ่งกับพวกจิ้งจอกขาวเจ้าเล่ห์คนอื่น ๆ… ถ้าพวกเขาทำให้ตั
ควินนี่ประทับใจกับใบหน้าเรียบเฉยของฮาร์วีย์ขณะที่เธอกังวลเกี่ยวกับการโจมตีของเจสัน ฮาร์วีย์ก็วางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว โดยวางกับดักแล้วล่อให้เจสันเข้ามา ควินนี่ตั้งตารอให้เจ้าหญิงองค์ที่สี่ลงมือแทบไม่ไหวเธอหวังว่าเจ้าหญิงองค์ที่สี่จะฆ่าวินซ์ตามที่ฮาร์วีย์เรียกร้องหากเจ้าหญิงองค์ที่สี่ไม่ทำตามนั้นและคิดจะเล่นตุกติก ฮาร์วีย์จะฆ่าเธอได้โดยไม่ลังเลเลย"จริงสิ อย่างแรกเจ้าหญิงองค์ที่สี่คงไม่ใช่จะจัดการได้ง่ายอย่างที่เราคิด”ฮาร์วีย์เปลี่ยนเรื่องก่อนจะโยนยูเอสบีไปให้ควินนี่“ฉันต้องการให้ยูเอสบีนี้ไปที่วอลช์ เดลินิวส์ด้วยวิธีที่สมเหตุสมผลที่สุด ในตอนที่จำเป็น”ควินนี่ตัวแข็งเล็กน้อย"นี่คือ…""ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่ภาพที่เจ้าหญิงองค์ที่สี่กำลังคุกเข่าก็เท่านั้น“แน่นอน ฉันลบภาพตัวเองออกไปหมดแล้ว"บอกฉันที หากดินแดนพระอาทิตย์ฯ ผู้หยิ่งในศักดิ์ศรีค้นพบว่าเจ้าหญิงองค์ที่สี่ของพวกเขากำลังคุกเข่าอยู่ในดินแดนต่างประเทศ…“จะเกิดอะไรขึ้นกับตำแหน่งของเธอ”ควินนี่ถอนหายใจ ฮาร์วีย์ค่อนข้างพูดจาขวานผ่าซากเลยทีเดียวถ้าเจ้าหญิงองค์ที่สี่พยายามทำอะไรสักอย่าง เธอคงมีจุดจบที่น่าสยดสยอง…ใน
นายน้อยคนที่สิบสามหรี่ตามองแมนดี้ก่อนจะพูดว่า “คุณซิมเมอร์ คงไม่มีข้อกังขาในแผนธุรกิจของคุณ”“แต่ถึงจะนั้นผมยังคงคิดว่าเราควรปรับเปลี่ยนส่วนแบ่งรายได้ของเรา ตัวอย่างเช่น ผมจะได้เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ และคุณจะได้เพียงสามสิบ”"แน่นอน…"“เราจะมามัวอ้อมค้อมต่อไปไม่ได้แล้ว“ถ้าในสองวันนี้คุณพอมีเวลา ก็ไปที่ฟลัตเวลล์กับผมสิ“แล้วคนจะได้รู้ว่าคุณโชคดีแค่ไหนที่ได้ร่วมงานกับตระกูลบาวเออร์“หากคุณจับมือกับเรา ตำแหน่งของคุณภายในตระกูลฌองก็จะมั่นคงยิ่งขึ้น“ท้ายที่สุดแล้ว จากตระกูลสิบอันดับแรกของประเทศ H ตระกูลฌองก็ถือว่ารั้งท้ายที่สุด พวกเขาเทียบตระกูลเราไม่ได้ด้วยซ้ำ!“แน่นอน ถ้าคุณพิจารณาข้อเสนอเพิ่มเติมของผม ผมก็ยินดีจะประนีประนอมให้ด้วยเช่นกัน“ในโลกนี้ การแต่งงานดองกันดีกว่าสัญญากระดาษเพียงใบเดียวอยู่แล้ว“แล้วผม โจเซฟ บาวเออร์ ก็เรียกได้ว่ามีความรู้สึกที่จริงใจต่อคุณอย่างที่สุดเช่นกัน“คุณควรกลับไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วน เพราะคุณคือผู้หญิงคนแรกที่ผมคิดจะแต่งงานด้วย”คำพูดของโจเซฟทำให้เลขาและผู้ช่วยรอบ ๆ แมนดี้เบิกบานใจอย่างยิ่งนี่เป็นข้อเสนอที่มาจากซีอีโอยอดฝีมือในตำนาน!
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข