ชายคนนั้นหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น “เจ้าหน้าที่ของรัฐน่ะเหรอ? ช่างน่ายกย่องเสียนี่กระไร! น่ากลัวจัง น่ากลัวสุด ๆ !” “นายคิดว่าฉันไม่รู้หรอกเหรอว่าคีธ เยตส์ไปยั่วโมโหหัวหน้าผู้ฝึกสอนและยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทหารอีกทั้งอาการของเขาก็ยังคงอยู่ในขั้นโคม่าอยู่เลย!” “ตระกูลเยตส์ยังเหลือใครอีกไหม? อย่าบอกนะว่าตอนนี้พวกคุณทุกคนกำลังพึ่งพาอำนาจกระจอก ๆ ของฟินน์อยู่?” ฟินน์ตัวสั่นด้วยความโกรธหลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น พวกคนเหล่านี้ไม่เคารพเขาในฐานะผู้บัญชาการลำดับสามของกรมตำรวจบัควู้ดเลยแม้สักนิด แต่นี่ก็คงจะเป็นเรื่องปกติ เพราะว่าเหล่าซัพพลายเออร์ได้กระจายข่าวเกี่ยวกับตระกูลเยตส์ออกไปแล้วตั้งแต่เมื่อเช้าตรู่ ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้แล้วว่าตระกูลเยตส์เป็นเพียงแค่ภาพวาดของเสือโคร่งไม่ได้น่ากลัวและยิ่งใหญ่อย่างที่คิด พวกเขาจึงจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพื่อเงินทองของพวกเขา หากไม่เป็นเช่นนั้นพวกเขาอาจจะพลาดโอกาสทองนี้ไป ทันใดนั้น ฟีบีก็เดินออกมาข้างหน้าด้วยท่าทางที่ดูถูกเหยียดหยามและพูดขี้นมาว่า “พวกแก พวกแกทั้งหมดไม่รู้บ้างเลยหรือว่าหัวหน้าผู้ฝึกสอนจะมาที่คฤหาสน์ของพวกเรา
ยังดีที่เหล่ากลุ่มนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ซื้อวิลล่าไปเพียงแค่สิบหลัง ตระกูลเยตส์จึงได้จำนองบ้านของบรรพบุรุษของพวกเขาที่ใจกลางบัควู้ด และในที่สุดก็รวบรวมเงินได้ทั้งหมดสิบห้าล้านดอลลาร์เพื่อตัดปัญหาจากคนเหล่านั้นออกไปก่อนในตอนนี้ ในช่วงเวลาเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ทั้งบ้านและรถยนต์ทั้งหมดของตระกูลเยตส์ก็ได้ถูกจำนองไปจนหมด หากไม่สามารถเคลียร์หนี้ได้เมื่อถึงกำหนดจำนองและขอสินเชื่อเพิ่ม พวกเขาอาจที่จะต้องนอนใต้สะพานลอยเสียด้วยซ้ำ นอกจากนี้ นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ถ้าใครจะมาทวงหนี้หลังจากนี้อีก ตระกูลเยตส์ก็คงจะไม่มีเงินจ่ายอีกแล้ว พวกเขาเคยคิดว่าตระกูลเยตส์เป็นตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าตระกูลเยตส์จะจบลงแบบนี้ คุณย่าเยตส์รู้สึกเหนื่อยอกเหนื่อยใจ! "คุณย่าคะ! พวกเราจะทำอย่างไรกันดี?” ใบหน้าของฟีบีถอดสีในขณะนั้น เธอไม่คิดว่าเธอจะต้องมาเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ทันทีที่เธอกลับประเทศมา การแสดงออกของคุณย่าเยตส์เปลี่ยนไปราวกับว่าเธอกำลังจะคลุ้มคลั่ง จากนั้นในที่สุดเธอก็แสดงท่าทีอันน่ากลัวออกมา “ดูจากสถานการณ์ต่าง ๆ แล้ว พวกเราจะต้องรักษาโอกาสในเรื่อง
ฮาร์วีย์หันไปมองนอกหน้าต่างแล้วยิ้ม “ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ? พวกเขามาที่นี่เพื่อทำให้คุณกลับไปเป็นแพะรับบาปไง” “ใครกันล่ะที่พวกเขาจะสามารถมอบความโกลาหลครั้งใหญ่ของบริษัทให้ได้นอกจากคุณ” แมนดี้ได้สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของซิลเวอร์นิมบัส เอ็นเทอร์ไพรส์ผ่านแหล่งข้อมูลของเธอแล้ว จากนั้นเธอก็พูดพร้อมกับขมวดคิ้วว่า “ตามความเข้าใจของฉันเกี่ยวกับซิลเวอร์นิมบัส เอ็นเทอร์ไพรส์ มันไม่น่าจะมีปัญหามากมายขนาดนี้ ทำไมปัญหามากมายจึงเกิดขึ้นทันทีที่ฉันไม่ได้ดำรงตำแหน่งในฐานะประธานกรรมการบริหารของที่นั่นอีกต่อไป? “ฉันรู้สึกเหมือนมีคนกำลังควบคุมทุกอย่างอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด” “แน่นอน” ฮาร์วีย์ตอบอย่างใจเย็น "ผมเอง" "ฮะ? มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกน่า! ถ้าหากคุณมีความสามารถขนาดนั้น เราก็คงจะไม่อยู่ที่นี่เพื่อรอให้ตัวแทนของสกาย คอร์ปอเรชั่นตอบตกลงลงทุนในข้อเสนอทางธุรกิจของฉันหรอกน่า” แมนดี้ไม่เชื่อฮาร์วีย์ ฮาร์วีย์ยิ้มและตอบกลับว่า “มันก็ค่อนข้างตรงไปตรงมาอยู่แล้วว่าทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น นั่นเป็นเพราะซิลเวอร์นิมบัส เอ็นเทอร์ไพรส์สูญเสียการสนับสนุนจากสกาย คอร์ปอเรชั่นยังไงล่ะ” “หากไม่มี
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดือดดาลด้วยความโกรธหลังจากที่ได้ยินคำพูดนั้น “คุณกำลังขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นให้ทำอะไรบางอย่างให้กับคุณด้วยทัศนคติแบบนี้น่ะเหรอ แล้วยังจะมาขู่ว่าจะจับเข้าคุกอีก? เอาสิ! ฉันขอท้านายเลย!” “นายคิดว่าที่นี่คือที่ไหน?!” “ที่นี่คือสกาย คอร์ปอเรชั่น!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนับสิบคนกรูกันเข้ามาในทันที และขับไล่เหล่าตระกูลเยตส์ทั้งหมดออกจากบริเวณอาคารบริษัท ตระกูลเยตส์ที่น่าสงสาร พวกเขาเป็นถึงตระกูลชนชั้นหนึ่ง พวกเขาไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนเลยทั้งชีวิต คุณย่าเยตส์ตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ อำนาจของตระกูลเยตส์ส่วนใหญ่มาจากคีธ เยตส์ เขารู้จักมักจี่กับเหล่าคนใหญ่คนโตจากหลาย ๆ ที่ แต่ในเมื่อคีธไม่อยู่แล้ว ตระกูลของพวกเขาก็ได้กลับกลายมาเป็นแบบนี้ คุณย่าเยตส์ไม่สามารถแม้แต่จะหาวิธีติดต่อกับเหล่าคนระดับสูง ๆ จากสกาย คอร์ปอเรชั่น ทันใดนั้นรถโรลส์รอยซ์ก็เข้ามาจอดอยู่ที่ทางเข้าของสกาย คอร์ปอเรชั่น และมองเข้าไปก็จะสามารถมองเห็นเรย์ ฮาทที่กำลังจะลงจากรถ ขณะที่คุณย่าเยตส์เห็นเรย์กำลังลงจากรถ เธอก็คิดว่าฟ้าได้ประธานโอกาสมาให้เธออีกครั้งแล้ว เธอเคยพบเ
เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นฮาร์วีย์ที่กำลังเดินลงมา ตระกูลเยตส์ทุกคนที่ยืนอยู่บริเวรโถงต้อนรับต่างก็แสดงท่าทีอวดดีทันที 'เจ้างั่งฮาร์วีย์พร้อมท่าทางสุดหยิ่งผยองนั่นคืออะไรกัน?' 'ต่อหน้าของตระกูลเยตส์ มันก็เป็นได้แค่เด็กโง่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งเท่านั้นเอง!' 'แน่นอน ต่อหน้าของพวกเรามันจะต้องเชื่อฟังพวกเราอยู่แล้ว!' พวกตระกูลเยตส์แสดงสีหน้าราวกับว่าพวกเขาเป็นผู้ชนะ ในมุมมองของพวกเขา การกระทำที่เย่อหยิ่งของพวกเขาในสกาย คอร์ปอเรชั่นก่อนหน้านี้นั้นมันคือการขับไล่ฮาร์วีย์และแมนดี้ออกไปจากที่นี่ ตามที่คาดเอาไว้ ฮาร์วีย์ได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว นี่คือพลังของตระกูลเยตส์! ฮาร์วีย์เดินไปหาเหล่าตระกูลเยตส์และยิ้ม “ตระกูลเยตส์นี่ช่างเหลือเชื่อเสียจริง ๆ พวกคุณทุกคนเคยคิดเกี่ยวกับสถานที่ที่พวกคุณอยู่ในต้อนนี้บ้างไหม?” “พวกคุณกล้าที่จะสร้างความวุ่นวายภายในบริเวณอาคารของสกาย คอร์ปอเรชั่นเชียวหรือ? พวกคุณทุกคนคงจะกำลังรนหาที่ตายอยู่สินะ!” “ที่พวกเราทำเช่นนี้ก็เพราะแกกับนังตัวดีแมนดี้นั่นแหละ!” คุณย่าเยตส์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนังแมนดี้มันอยู่ที่ไหนล่ะ? ทำไมหล่อนไม่มาที่นี่เพื่อพ
น้ำเสียงของฮาร์วีย์เย็นชาราวกับน้ำแข็ง นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่เขาจะมอบให้กับตระกูลเยตส์ แต่หลังจากที่พวกเขาหยุดนิ่งไปสักพัก พวกเขาก็ได้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาหลังจากนั้นไม่นานนัก "ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…" “คุณย่า เจ้าหมอนี่มันคิดว่ามันสามารถเหยียบย่ำพวกเราได้อย่างนั้นเพียงเพราะว่าพวกเรากำลังมีปัญหาอยู่!” “มันไม่รู้อะไรเสียแล้ว!” “ผมได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับมันมาแล้ว มันก็เป็นเพียงแค่คนขับรถของเจ้าชายยอร์กเท่านั้นเอง คนขับรถกระจอก ๆ เพียงคนเดียวจะสามารถทำลายทั้งตระกูลเยตส์ได้หรือเปล่านะ? หยุดฝันกลางวันได้แล้ว!” “มันไม่สามารถแก้ไขนิสัยเก่า ๆ ของตัวเองในการคุยโวโอ้อวดได้เลยแม้สักนิด!” “แกกำลังคุกคามตระกูลเยตส์เหรอ? แกคิดว่าไม่มีใครสนับสนุนพวกเราแล้วจริง ๆ เหรอ?” การแสดงออกของเหล่าตระกูลเยตส์ทั้งหมดนั้นเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ไม่ว่าพวกเขาจะตกต่ำไปมากแค่ไหน แต่ก็ยังไม่ใช่ตระกูลที่ลูกเขยกระจอก ๆ ที่เกาะภรรยาตัวเองกินจะสามารถก้าวข้ามไปได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าหัวหน้าผู้ฝึกสอนกำลังจะมาพบกับพวกเขาในอีกสามวันข้างหน้า เมื่อแผนของตระกูลเยตส์สำเร็จ พวกเขาก็จะได้เป็นตระกูลอันดับ
เหล่าชายจากตระกูลเยตส์ต่างแสดงสีหน้าอันเกรี้ยวกราดหลังจากที่ได้ยินคำพูดของฟีบี พวกเขาควรที่จะจัดการกับคนที่ทรยศต่อตระกูลเยตส์เช่นนี้ “คุณแม่ พวกเราควรที่จะทำอย่างไรต่อไปดี?!” มีคนเอ่ยถามขึ้น ตระกูลเยตส์กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก ถ้าพวกเขาไม่สามารถทำให้แมนดี้มาเป็นแพะรับบาปได้ พวกเขาอาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาครั้งนี้ได้ คุณย่าเยตส์ครุ่นคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน แล้วตอบอย่างช้า ๆ ว่า “ณ ตอนนี้ เราทำได้เพียงพยายามต่อไปเท่านั้น!” “หยุดสนใจซิลเวอร์นิมบัส เอ็นเทอร์ไพรส์ไปก่อน ใช้คนของพวกคุณทั้งหลายเพื่อกระจายข่าวว่าหัวหน้าผู้ฝีกสอนกำลังจะมาเยี่ยมตระกูลของพวกเราในอีกสามวันข้างหน้า!” “นอกจากนี้ กระจายข่าวลือโดยบอกว่าหัวหน้าผู้ฝึกสอนอาจจะสนใจฟีบีอยู่ แต่อย่าลืมว่าอย่าให้ใครรู้แหล่งที่มาของข่าวลือนี้เป็นอันขาด!” “ฉันไม่เชื่อว่าจะมีคนโง่ที่ไหนที่คิดจะสร้างความเดือดร้อนให้กับพวกเราอีกหลังจากที่รู้ว่าหัวหน้าผู้ฝึกสอนอาจจะเป็นลูกเขยของเราในอนาคต!” หลังจากได้ยินคำพูดของคุณย่าเยตส์ ทุกคนจากตระกูลเยตส์ก็รู้สึกสบายใจขึ้นทันที “คุณย่าฉลาดหลักแหลมมาก ๆ ตามที่คาดเอาไว้เลย!” “ผมคิดไอเดียดี
ฮาร์วีย์ครุ่นคิดไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะตอบกลับว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะไปประมูลเอง ฉันไม่ได้เข้าร่วมการประมูลมานานแล้ว” ก่อนหน้านี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย เขาไม่ค่อยได้พาแมนดี้ออกไปไหนบ้างเลย นี่เป็นโอกาสที่ช่างยอดเยี่ยมมาก ๆ แม้ว่าตระกูลเยตส์จะไม่ได้สร้างปัญหาอะไรต่อฮาร์วีย์อีกหลังจากนั้น แต่จะเป็นการดีกว่าถ้าเขาระมัดระวังตัวเองเอาไว้ การที่เขาจากมาก่อนนั่นมันเท่ากับว่าเขาต้องการหลีกเลี่ยงปัญหา อย่างน้อย ๆ มันก็ได้ซื้อเวลาให้แมนดี้ได้สงบจิตสงบใจอีกสักสองวัน เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์ปลุกแมนดี้ให้ตื่น “ที่รัก ไปเตรียมตัวออกไปข้างนอกกันเถอะ ถ้าวันนี้คุณไม่ได้มีแผนที่จะทำอะไร” ดวงตาอันเปล่งประกายของแมนดี้กระพริบถี่ ๆ เธอเอ่ยถามในขณะที่ยังคงงงงวยอยู่ “ทำไมเหรอคะ? เรายังคงต้องออกไปที่สกาย คอร์ปอเรชั่นเพื่อหานักลงทุนร่วมกับเราในวันนี้อีกเหรอ?” ฮาร์วีย์หัวเราะคิกคัก "ไม่ใช่ ๆ วันนี้พวกเราไปเที่ยวกันเถอะ!” แมนดี้ส่ายหัว “ถ้าเรามัวแต่ไปเที่ยวในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ เราอาจพลาดโอกาสในการเริ่มต้นธุรกิจใหม่นะคะ” ฮาร์วีย์ตอบกลับว่า “นี่คือสิ่งที่คุณไม่เคยเข้าใจบ้างเ
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข