ซือเจ๋อเยว่รู้สึกว่าตนเองโชคร้ายจนน่าเวทนา นี่มันเรื่องบ้าอันใดกัน!นางสามารถร่ายคาถาตบเขาได้ แต่คาถาลัทธิเต๋าของนางเลิศล้ำอย่างยิ่ง เพียงคาถาหนึ่งก็อาจจะทำให้วิญญาณของเขาสลายได้แต่หากนางไม่ร่ายคาถา บางทีวันนี้จะอาจจะถูกเขาบีบคอตายซือเจ๋อเยว่รู้สึกว่าสถานการณ์ในยามนี้มันช่างยากจะตัดสินใจอย่างยิ่งนางไม่อยากทำร้ายเขา แต่ก็ไม่ได้อยากตายอยู่ในเงื้อมมือของเขา ทำให้นางจำต้องใช้คาถาสยบวิญญาณกับเขาเสียก่อน เมื่อนางร่ายคาถาออกไป แม้ว่าเขาจะไม่ได้ดุร้ายดังเดิม แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ปล่อยนางซือเจ๋อเยว่เหนื่อยจนแทบทนไม่ไหว นางตั้งมั่นแน่วแน่ ก่อนจะตัดสินใจลงมือทว่าในเวลาต่อมานั้น เขากลับพลันถูกดีดออกไป ดวงวิญญาณชนเข้ากับเสาอย่างรุนแรง รูปร่างเลือนรางลงไปมาก หลังจากนั้นก็หายไปซือเจ๋อเยว่ลูบที่ต้นคอของตนเอง ก่อนจะพบกับเลือดตนเองในตาของนางปรากฏภาพที่คาดเดาเอาก่อนหน้าเลือดของนางมีพลังอำนาจที่สูงส่งต่อดวงวิญญาณ หากร่ายคาถาแล้วใช้เลือดของนาง จะเพิ่มพลังของคาถาได้หลายเท่าตัวแต่ร่างกายของนางก็พิเศษยิ่งนัก เลือดไหลออกมาเพียงหยดเดียวก็นับว่าเป็นอันตรายต่อนางอย่างยิ่งนางรีบร่ายคาถาหยุ
ความมืดช่วยเสริมความกล้าหาญของเขาให้มากขึ้น ทำให้เขาสลัดความคิดทางโลกเหล่านั้นทิ้งไปชั่วครู่บัดนี้ในพื้นที่แห่งนี้ มีเพียงพวกเขาเท่านั้นเขาก้มหน้าลงไป ประทับจูบลงบนริมฝีปากของนางซือเจ๋อเยว่ยื่นมือไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ทันที ทั้งสองคนแนบชิดสนิทกัน ได้กลิ่นลมหายใจของกันและกันเดิมทีเยียนเซียวหรานคิดเพียงว่าแค่สัมผัสริมฝีปากของนางก็พอแล้ว เหมือนกับเมื่อตอนกลางวัน เพียงแค่สัมผัส ไม่ได้มีการกระทำที่มากเกินไปแต่ว่าความมืดสามารถเพิ่มความต้องการภายในจิตใจส่วนลึกของมนุษย์ให้เพิ่มมากขึ้นได้ เขากำลังกอดนางเอาไว้แบบนี้ จูบนางเช่นนี้ มีต้องการมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวซือเจ๋อเยว่ในเวลานี้ร่างกายอ่อนปวกเปียก ยอมให้เยียนเซียวหรานกระทำได้ตามใจชอบลมหายใจของเยียนเซียวหรานยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แต่พยายามข่มลงไปเขามองท่าทางของซือเจ๋อเยว่ที่นอนอยู่บนเตียงอย่างสงบเงียบ เขายื่นมือออกไปตบหน้าของตนเองทีหนึ่งเป็นเพราะร่างกายที่พิเศษของเธอถึงได้ขอร้องเขา ที่เขาทำแบบนี้กับเธอ ไม่ต่างอะไรจากการถือโอกาสซ้ำเติมคนที่กำลังประสบเคราะห์ร้ายเขาถึงขั้นกำลังคิดว่า ตอนนั้นที่นางทำเรื่องแบบนั้นกับเขา เป็นเพราะร
ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ใหญ่เกินไปจริง ๆ ตามกฎของจวนหนิงกั๋วกง มีเพียงผู้ที่ควบคุมจวนหนิงกั๋วกงที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์รู้วันนี้อวิ๋นเยว่หยางไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยให้ซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานเข้าไป เขาเพียงไม่ระวังแตะโดนกลไกลับที่วางไว้ภายในห้องของเขาเท่านั้นเมื่อเห็นพวกเขาตกลงไปในหลุมดำขนาดมหึมาอันนั้น ในใจของเขาก็สติแตกขึ้นมาจริง ๆให้เขาเปิดตรงนั้นอีกครั้ง กลับเปิดไม่ได้แล้วเขาเกรงว่าจะเกิดเรื่อง ดังนั้นถึงได้ใช้ให้คนไปตามหนิงกั๋วกง ถึงได้เกิดเรื่องตอนหลังจากที่หนิงกั๋วกงพาอวิ๋นเยว่ปิงไปตามหาซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานอดีตหนิงกั๋วกงกล่าวอย่างอารมณ์เสีย “เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว ต่อให้สังหารเขาทิ้งก็เอากลับคืนมาไม่ได้แล้ว!”หนิงกั๋วกงก้มหน้าไม่พูดจาอดีตหนิงกั๋วกงก็ไม่สามารถสังหารอวิ๋นเยว่หยางทิ้งได้จริง ๆ ถึงแม้ว่าเจ้านี่จะไม่ได้เรื่อง แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นหลานชายที่ชอบด้วยกฎหมายแท้ ๆ ของเขาวันข้างหน้าหลังจากที่อวิ๋นเยว่ปิงรับตำแหน่งกั๋วกง ยังต้องการความช่วยเหลือของอวิ๋นเยว่หยางเขากล่าวเสียงเย็นยะเยือก “ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเขา ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขาเป็
สีหน้าของอวิ๋นเยว่หยางดูแย่มาก ผาสำนึกตนแม้จะเรียกว่าผา แต่อันที่จริงเป็นคุกน้ำแห่งหนึ่งของจวนอวิ๋นหลังจากถูกขังอยู่ในนั้น อยากจะมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้ อยากจะตายก็ไม่ได้เขาไม่คิดว่าหนิงกั๋วกงกำลังล้อเล่น เพราะหนิงกั๋วกงเข้มงวดต่อเขามาตลอด พูดคำไหนคำนั้นอวิ๋นเยว่หยางไม่เข้าใจ เขาก็แค่เรียกให้ซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานมาที่จวนหนิงกั๋วกง เหตุใดเขาจึงต้องรับการลงโทษสถานหนักเช่นนี้ด้วย?อีกทั้งเขายังไม่ได้สูบดวงชะตาบนตัวของเยียนเซียวหรานจนหมด การสังหารเยียนเซียวหรานทิ้งไปแบบนี้ สำหรับเขาแล้วเป็นการซื้อขายที่ขาดทุนหนิงกั๋วกงไม่ได้ยินที่เขาพูด ในใจรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง “ทำไม? เจ้าไม่ยอม?”“หากเจ้าไม่ยอมละก็ ก็ไปที่อยู่ที่ผาสำนึกตนเสียตั้งแต่ตอนนี้!”อวิ๋นเยว่หยางทำได้เพียงกล่าวว่า “ลูกเชื่อฟังคำสั่งของท่านพ่อ ภายในสามวัน จะต้องสังหารเยียนเซียวหรานกับซือเจ๋อเยว่อย่างแน่นอน”เมื่อหนิงกั๋วกงได้ยินเขาพูดเช่นนี้ สีหน้าถึงได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อยเขามองอวิ๋นเยว่หยางกล่าว “เจ้าทำความผิดร้ายแรงแบบนี้ ก็ต้องคิดหาหนทางแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง”“บุรุษในจวนของพวกเรา ต้องมีความรับผิดชอบ มีความสา
ตอนที่ซือเจ๋อเยว่ตื่นขึ้นมาในวันต่อมายังอยู่ในอ้อมกอดของเยียนเซียวหรานตอนที่นางลืมตาขึ้นมาก็เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเยียนเซียวหราน นางก็มีความงุนงงไปชั่วขณะหนึ่งนางคิดว่าตนยังกำลังอยู่ในความฝัน หรืออาจจะเป็นเพราะวิธีการลืมตาของนางไม่ถูกต้องนางรีบหลับตาลง จากนั้นก็ลืมตาอีกครั้ง ใบหน้าอันหล่อเหลาของเยียนเซียวหรานยังอยู่นางกะพริบตาปริบ ๆ พยายามหวนคิด ในที่สุดก็นึกเรื่องเมื่อคืนได้นางถูกวิญญาณของเยียนอ๋องซื่อจื่อทำร้ายจนบาดเจ็บ จากนั้นจึงมาหาเยียนเซียวหราน...เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นนางจำไม่ได้เลยสักนิดดูท่าทางแบบนี้ เมื่อคืนนี้เขาน่าจะรับนางเอาไว้ซือเจ๋อเยว่ในเวลานี้โชคดีเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่เมื่อวานนี้นางพูดเรื่องเส้นสีแดงกับเขา ไม่อย่างนั้นการที่นางมาหาเขาแบบนี้ จะต้องถูกเขาจับโยนออกไปแน่นอนน้อยมากที่นางจะได้เห็นเยียนเซียวหรานในสภาพแบบนี้ คิดว่าผู้ชายที่หล่อเหลาสุด ๆ แบบนี้อยู่ตรงหน้า นางต้องชมเชยให้ดี ๆ เสียหน่อยเพียงแต่นางยังไม่ได้มองจนพอใจ ก็ได้ยินเสียงของเยียนเซียวหรานดังลอยมา “หล่อไหม?”ซือเจ๋อเยว่ตอบด้วยความจริงใจยิ่ง “หล่อ”เยียนเซียวหราน “...”ถึงแม้ว่
สุขภาพของนางไม่ดี แต่เส้นผมกลับดียิ่ง ทั้งดกทั้งดำเยียนเซียวหรานกับนางเคยมีการกระทำที่ใกล้ชิดกันมาก่อน ก่อนหน้านี้ก็รู้ว่าเส้นผมของนางดียิ่ง แต่ตอนนั้นความสนใจไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น ในเวลาเมื่อได้สัมผัสอีกครั้งก็มีความรู้สึกอย่างอื่นเขาได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตนเองเสียงหัวใจเต้นนี้ควบคุมไม่ค่อยได้เท่าไหร่ เต้นอย่างบ้าคลั่งเล็กน้อยเสียงของฉางเซิงที่อยู่หน้าประตูดังลอยมา “คุณชายสาม ท่านตื่นแล้วหรือไม่? บ่าวจะเข้าไปปรนนิบัติท่านล้างหน้าขอรับ!”เยียนเซียวหรานพยายามทำเสียงของตนให้สงบเล็กน้อย “ข้ากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เจ้ารออยู่ข้างนอกประเดี๋ยว”ฉางเซิงไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้ตอนที่เยียนเซียวหรานเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ไม่เคยหลีกเลี่ยงเขา เหตุใดวันนี้จึงอยากจะหลีกเลี่ยงเขากันนะ?เพียงแต่เยียนเซียวหรานออกคำสั่งแล้ว เขาจึงทำได้เพียงยืนอยู่ด้านนอก “ขอรับ”ซือเจ๋อเยว่กลับมีความรู้สึก ‘กำลังจะถูกจับได้ว่าแอบคบชู้’ พูดตรง ๆ นางยังคงรู้สึกร้อนตัวอยู่นางหันหน้าไปมองเยียนเซียวหราน เขาพยักหน้าเล็กน้อย ดึงหน้าต่างให้เปิดนางปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ตอนที่กำลังปีนขึ้นไปจู่ ๆ ขาของนางก็
เยียนเซียวหรานพยายามข่มความกลัวภายในใจลงไป ไม่ให้ความรู้สึกเหล่านั้นแผ่ขยายในใจของเขาเพียงแต่ทันทีที่เมล็ดพันธุ์ของความรู้สึกถูกหว่านลงไป หลายครั้งที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของมนุษย์บางครั้งยิ่งข่มเอาไว้ ในทางกลับกันยิ่งทำให้เติบโตอย่างรวดเร็วเรื่องที่ซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานกังวลนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นางไม่อยากถูกคนอื่นเห็นว่านางออกมาจากในห้องของเยียนเซียวหรานเรื่องนี้ทันทีที่ถูกใครพบเข้า เกรงว่าชื่อเสียงทั้งหมดของนางจะต้องถูกทำลาย จนไม่มีหน้าไปพบเหล่าไท่จวินดวงของนางถือว่าไม่เลว ตอนที่ออกมาจากห้องของเยียนเซียวหรานไม่มีใครเห็นเข้านางเดินมาถึงด้านหน้าเรือนของเฟิ่งจือเซี่ย ถึงได้เจอกับสาวใช้คนหนึ่งเฟิ่งจือเซี่ยก็ตื่นแล้วเช่นกัน ในเวลานี้กำลังตัดแต่งดอกไม้ภายในสวนเมื่อนางเห็นซือเจ๋อเยว่ก็ถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “เหตุใดองค์หญิงจึงเดินมาจากทางนี้?”ซือเจ๋อเยว่ตอบ “วันนี้ข้าตื่นเช้า จึงเดินเล่นในจวน ดังนั้นจึงเดินมาจากทางนี้”เฟิ่งจือเซี่ยไม่ได้สงสัย เพียงยิ้มบาง ๆ “องค์หญิงตื่นเช้าจริงๆ”“ข้าให้สาวใช้ทำขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ องค์หญิงอยากจะมากินด้วยกันก่อนสักนิดห
ซือเจ๋อเยว่ส่ายหน้า “ไม่เป็น ยันต์นั้นของข้าเพียงแค่ทำให้จิตใจของเจ้าสงบขึ้น”ถึงอย่างไรเยียนเอ้อร์ก็กลายเป็นวิญญาณแล้ว การมาหาเฟิ่งจือเซี่ยแบบนี้สุดท้ายแล้วจะทำให้มีผลกระทบที่ไม่ดีบางอย่างต่อนางอันที่จริงยันต์อันนั้นของซือเจ๋อเยว่เป็นการขับไล่พลังชั่วร้ายในร่างกายของนางเท่านั้น หลังจากที่ขับไล่ของพวกนั้นแล้ว ก็จะทำให้คนรู้สึกโล่งขึ้นไม่น้อย ก็จะไม่รู้สึกปวดหัวอีกเพียงแต่เรื่องพวกนี้นางคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องพูดกับเฟิ่งจือเซี่ยอย่างชัดเจนขนาดนั้นเฟิ่งจือเซี่ยจับพูดกับซือเจ๋อเยว่อีกสองสามประโยค ขนมก็ทำเสร็จแล้วถูกยกขึ้นมาหลังจากพวกนางกินข้าวเช้าเสร็จ เฟิ่งจือเซี่ยพูดกับซือเจ๋อเยว่ “ต่อไปหากองค์หญิงมีเวลา ก็มาคุยเป็นเพื่อนข้า”ซือเจ๋อเยว่รู้ว่าเป็นเพราะหลังจากเรื่องครั้งก่อนนางจึงค่อนข้างสนิทกับตน หญิงตั้งครรภ์ทั้งคิดมากและขี้วิตกกังวล จึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มในเวลานี้เอง ผู้ดูแลเดินเข้ามา “องค์หญิง มีคนมาจากวังหลวง เชิญท่านเข้าวังขอรับ”ซือเจ๋อเยว่คิดว่าคนพวกนั้นของจวนหนิงกั๋วกงจะต้องไปฟ้องฮ่องเต้เจาหมิง นางเลิกคิ้วเล็กน้อยทีหนึ่งหลบเลี่ยงเรื่องพวกนี้ไม่พ้น จึงให้ผู้ดูแลไ
"ไม่มีคำว่าแต่อันใดทั้งนั้น" นักพรตเต๋าน้อยชุดสีเขียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน "หากท่านไม่รีบออกไป อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!" ซือเจ๋อเยว่ "…" เมื่อคืนที่ผ่านมานางได้ยินเยียนเซียวหรานบอกว่าราชครูไม่ชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่น และไม่ชอบพบเจอคนแปลกหน้า นางคิดว่าเขาไม่น่าจะเป็นคนเช่นนั้น อย่างน้อยก็การที่เขาเร่งเดินทางไกลกลับมาเพื่อใช้กระบี่ฟันไป๋จื้อเซียนครั้งนั้น ก็หมายความว่าเขาหาใช่คนที่เพิกเฉยต่อปัญหาของผู้คนโดยสิ้นเชิง นางยังคิดว่าเขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมากเสียด้วยซ้ำ แต่วันนี้ เมื่อเขาเดาเจตนาของนางได้ เขากลับส่งนักพรตเต๋าน้อยชุดสีเขียวที่ดุดันมาไล่นางออกไป หากเรื่องนี้เกิดขึ้นที่อื่น นางคงจะบุกขึ้นเขาไปถามเขาให้รู้เรื่อง แต่ที่นี่คือเมืองหลวง อีกทั้งกระบี่ของเขาคราวก่อนทรงพลังจนเกินคาด ราชครูผู้นี้คงเป็นยอดฝีมือที่นางไม่อยากขัดแย้งด้วย ดังนั้น นางจึงทำได้แค่พาเยียนเซียวหรานเดินออกจากค่ายกลไปอย่างเงียบ ๆ ทันทีที่พวกเขาก้าวออกจากค่ายกล นักพรตเต๋าน้อยชุดสีเขียวก็รีบปิดซุ้มประตูที่เชิงเขาทันที ซึ่งปกติแทบไม่เคยปิด เขาปิดประตูอย่างรุนแรงจนซือเจ๋อเยว่ที่เดินช้ากว
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางจึงไม่มีความจำเป็นต้องถามอีกต่อไป นางลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็ต้องขอบคุณเจ้า” ครั้งนี้เยียนเซียวหรานไม่ได้หันกลับมามองนางอีก และนางก็ไม่ได้รั้งเขาไว้ นางหมุนตัวแล้วเดินจากไป เยียนเซียวหรานมองเปลวเทียนที่ลุกไหวอยู่ในศาลบรรพชน ก่อนจะถอนหายใจเสียงยาว เมื่อซือเจ๋อเยว่กลับมาที่ห้อง นางครุ่นคิดถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเยียนเซียวหรานในปีนี้ นางคิดหลายตลบก็ยังไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด ในสถานการณ์เช่นนี้ คำอธิบายเดียวที่ดูคล้ายจะสมเหตุสมผล คืออาจเป็นเพราะลุงเขยของเยียนเซียวหรานมาเยือน จึงทำให้เขาอารมณ์แปรปรวนเช่นนี้ นางยักไหล่เล็กน้อย ไม่ใส่ใจจะคิดต่อ และหันไปวางแผนว่าหากได้พบกับราชครูในวันรุ่งขึ้น นางจะเกลี้ยกล่อมให้เขาช่วยจัดการไป๋จื้อเซียนได้อย่างไร เช้าวันรุ่งขึ้น เยียนเซียวหรานมาตามที่นัดไว้ เขาพานางไปยังหอพยากรณ์ดวงดาวเพื่อพบกับราชครู แม้จะเรียกว่าหอ แต่ที่แท้แล้วคือกลุ่มอาคารขนาดใหญ่ เป็นสถานที่ที่อดีตฮ่องเต้สร้างขึ้นเพื่อราชครู ตั้งอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดในเมืองหลวง ซึ่งที่แห่งนั้น ก็สามารถเฝ้าดูดวงดาวและทำนา
แท้จริงแล้วราชครูมีการไปมาหาสู่กับเยียนอ๋อง ในเมืองหลวงเขาแทบไม่มีสหายที่ใด เยียนอ๋องกลับเป็นข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียว ครั้งล่าสุดก่อนที่เยียนอ๋องจะออกศึก ราชครูเคยมาพบเยียนอ๋องครั้งหนึ่ง ส่วนพวกเขาหารือเรื่องใดกันนั้น เยียนเซียวหรานไม่อาจรู้ได้ เพียงแค่ได้ยินเสียงทั้งสองทะเลาะกันในห้องหนังสือ หลังจากจวนเยียนอ๋องเกิดเรื่อง ราชครูก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย ในค่ำคืนนั้นเมื่อเยียนเซียวหรานพบราชครูที่เรือนพักในจวนหนิงกั๋วกง เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อย นี่เป็นครั้งแรกในความทรงจำของเยียนเซียวหราน ที่ราชครูยอมเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องหยุมหยิมเช่นนี้ ปกติเมื่อเขาอยู่ในเมืองหลวง ก็มักจะพำนักอยู่ในหอพยากรณ์ดวงดาว ไม่ว่าจะมีเรื่องใดที่ไม่สำคัญจริง เขาจะไม่มีทางออกมา ซือเจ๋อเยว่เอ่ยด้วยความกังวล “แต่ไป๋จื้อเซียนนั้นเป็นภัยใหญ่ ทั้งยังเติบโตอย่างรวดเร็วอีกด้วย” “เกรงว่าไม่นานเกินรอเขาจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีก ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นก็จะยิ่งจัดการยากขึ้น” “ไม่ว่าราชครูจะยินยอมพบข้าหรือไม่ ข้าคงต้องหาวิธีพบเขาให้ได้” เยียนเซียวหรานพยักหน้า “ก็ได้ พรุ่งนี้ข้าจะไปกับท่าน” ซือเจ๋อเยว
เขานึกถึงภาพในช่วงหลายวันที่ผ่านมายามนางนอนอยู่บนเตียงโดยไม่มีวี่แววของลมหายใจใด ๆ หัวใจเขาเจ็บปวดราวกับถูกบีบคั้นจนแทบทนไม่ได้ ถึงแม้เขาจะรู้อยู่เสมอว่าสภาพร่างกายของนางไม่แข็งแรง แต่ทุกครั้งที่เขาได้พบนาง นางกลับมีรอยยิ้มเปี่ยมล้นบนใบหน้า ร่างกายของนางดูเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เขาไม่เคยคิดว่านางเป็นคนที่กำลังจะสิ้นลม และไม่เคยคิดว่าสภาพร่างกายของนางจะแย่ถึงเพียงนี้ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้กลับเตือนเขา ว่านางบอบบางยิ่งกว่าที่เขาเคยคาดคิดไว้มากนัก เขาเอ่ยเสียงเบา “เรื่องนี้ข้าจัดการเองได้ องค์หญิงพักรักษาตัวอยู่ที่เรือนให้ดีเถอะ”ซือเจ๋อเยว่หัวเราะเสียงเบา “สภาพร่างกายของข้า ผู้อื่นอาจไม่รู้ แต่เจ้าจะไม่รู้ได้อย่างไร?” “เมื่อมีเจ้าอยู่ข้างกาย ข้าอาจอยู่ได้นานขึ้นอีกสักหน่อย แต่หากเจ้าไม่อยู่ ข้าก็จะตายเร็วขึ้นกว่าเดิม” เยียนเซียวหรานขมวดคิ้วแน่น บัดนี้เขาไม่อยากได้ยินคำว่า ‘ตาย’ อีกแล้ว ซือเจ๋อเยว่นั่งลงข้างเขา ใช้มือทั้งสองประคองคางของตนเองไว้พลางเอ่ยขึ้น “อีกอย่าง ไป๋จื้อเซียนนั่นเป็นข้าที่ปล่อยออกมาเอง” “เรื่องครั้งนี้จะไปโทษเจ้าไม่ได้หรอก หากจะโทษก็ต้องโทษข้า” “
เยียนเซียวหรานหลุบตาลง “ท่านย่าสั่งสอนได้ถูกต้อง ครั้งนี้เป็นข้าที่ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ตอนนี้องค์หญิงฟื้นแล้ว ท่านย่าลงโทษข้าเถิดขอรับ”เหล่าไท่จวินพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆซือเจ๋อเยว่รีบกล่าว “ท่านย่า เรื่องนี้โทษน้องสามไม่ได้จริง ๆ หากจะโทษก็ต้องโทษที่ตอนนั้นสถานการณ์พิเศษ”“ข้าเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะเจอเข้ากับไป๋จื้อเซียนที่นั่น หากไม่ใช่เพราะน้องสามปกป้องข้าจนสุดชีวิตละก็ ข้าก็คงตายไปแล้ว”“ดังนั้นท่านย่าอย่าได้ลงโทษน้องสามเลย เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน”เหล่าไท่จวินถอนหายใจ “องค์หญิงไม่ต้องร้องขอความเมตตาแทนเขา เขาเป็นบุรุษ เดิมทีก็ควรปกป้องญาติผู้หญิงในครอบครัวอยู่แล้ว”ซือเจ๋อเยว่หันหน้าไปมองเยียนเซียวหราน เขายืนหน้านิ่งยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นนางมองมา ก็สบตากับนางแวบหนึ่ง แล้วก็เก็บสายตาคืนกลับมาซือเจ๋อเยว่รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “วันนั้นข้าเห็นเหนียนเหนียนหมดสติไปเช่นกัน เหนียนเหนียนไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”เยียนเหนียนเหนียนโผล่หน้าออกมาจากทางด้านหลังของเหล่าไท่จวิน “ข้าไม่เป็นไร แค่หมดสติเป็นครู่เดียวเท่านั้น ในไม่ช้าก็หายดีแล้ว”“ร่างกายของข้าแข็งแรง องค์หญิ
ตอนที่ไป๋จื้อเซียนมองเห็นยันต์พวกนั้นก็หรี่ตาลงทันที เมื่อตระหนักได้ว่าทรงพลัง ก็โยกหลบอย่างรวดเร็วซือเจ๋อเยว่ฉวยโอกาสยื่นนิ้วออกไป ยันต์พวกนั้นก็ไล่ตามไป๋จื้อเซียนไป ร่างกายของเขามียันต์ห้าอัสนีบาตแผ่นหนึ่งแปะอยู่เขาด่าทอด้วยคำหยาบคาย มองไปทางด้านนอกห้องแวบหนึ่ง รู้ว่าหากวันนี้ไม่หนีไป เกรงว่าจะต้องตายอยู่ที่นี่จริง ๆ จึงวิ่งออกไปด้วยความรวดเร็วตอนที่เขาวิ่งหนี เมฆฝนก่อตัวขึ้น ไล่ตามเขาภายในชั่วพริบตา ทั่วทั้งเรือนเต็มไปด้วยเสียงฟ้าร้อง ผู้ดูแลพาท่านหมอเดินเข้ามาพอดี ทันทีที่เห็นฉากนี้ ก็ตกใจจนลูกตาเกือบถลนออกมาถึงแม้เขาจะมองไม่เห็นไป๋จื้อเซียน แต่เขามองเห็นสายฟ้าบนท้องฟ้า เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นสายฟ้าหน้าตาแบบนี้ทันทีที่ไป๋จื้อเซียนวิ่งหนี ห้องก็กลับคืนสู่สภาพปกติ ตะเกียงน้ำมันที่มุมห้องยังคงสว่างอยู่ซือเจ๋อเยว่ล้มลงบนพื้น ทันทีที่หันหน้าไปมอง ก็เห็นว่าคนที่ฟันกระบี่ใส่ไป๋จื้อเซียนก็คือเยียนเหนียนเหนียนนางรู้สึกผิดปกติ ต่อให้นางแปะยันต์แผ่นหนึ่งบนกระบี่ของเยียนเหนียนเหนียน กระบี่เล่มนั้นของนางร้ายกาจกว่ากระบี่ทั่วไปเล็กน้อย ก็ไม่มีทางทำลายอาณาเขตที่ไป๋จื้อเซียนวางเอาเม
ครู่ต่อมา ซือเจ๋อเยว่หยิบอาวุธเวทย์อีกชิ้นหนึ่งออกมา เพียงแต่นางยังไม่ทันเข้าไปหา ก็ถูกเส้นผมสีดำของเขากวาดลอยกระเด็นออกไปเยียนเซียวหรานอยากจะเข้ามาช่วย แต่กลับถูกผ้าต่วนสีแดงรัดลำคอเอาไว้เขากล่าวอย่างยากลำบาก “องค์หญิง!”ซือเจ๋อเยว่ล้มลงบนพื้นกระอักเลือดออกมา ไป๋จื้อเซียนไม่ได้เขยิบเข้าไปใกล้ตรงหน้าของนางพอดีเลือดพ่นใส่มือของไป๋จื้อเซียน มือของเขาเป็นรูทันทีเขาค่อนข้างประหลาดใจ “นักพรตหญิงน้อย ร่างกายของเจ้ามีความพิเศษนี่นา!”ปากเขาพูดไป มือกลับบีบลำคอของนางเอาไว้ “กินตบะของเจ้า จะต้องบำรุงมากแน่!”ร่างกายของซือเจ๋อเยว่ เป็นวิญญาณมาหนึ่งพันปี เป็นครั้งแรกที่ได้เจอร่างกายอย่างนางเขาเคยเห็นในหนังสือเล่มหนึ่ง หากได้กินวิญญาณของนาง เท่ากับเป็นการบำเพ็ญตบะห้าร้อยปีถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะเคยประมือกับนางมาก่อน แต่ครั้งก่อนนางไม่ถึงขั้นเลือดตกยางออก เขาไม่รู้ว่านางจะมีร่างกายที่พิเศษเช่นนี้บัดนี้ค้นพบแล้ว ดวงตาของเขาเปล่งประกายทันทีเพียงแต่คนที่มีร่างกายเช่นนาง เนื่องจากร่างกายพิเศษมากเกินไป ดังนั้นอยากจะกลืนกินนางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายซือเจ๋อเยว่ใช้มือปาดเลือดที่มุมปาก ยื่นมื
พวกเขาร่วมมือกันอยากจะจับตัวไป๋จื้อเซียนเอาไว้เป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่งเรื่องหนึ่งเขารู้ว่าในเวลานี้ไม่มีเวลาห่วงหน้าพะวงหลังอีกแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะนาง นางก็ต้องเป็นคนจบเรื่องนางพูดกับเยียนเซียวหรานเบา ๆ “เจ้าถ่วงเวลาเขาไว้สักสิบวินาที”เยียนเซียวหรานพยักหน้า มือของซือเจ๋อเยว่ร่ายคาถาอย่างรวดเร็วไป๋จื้อเซียนเห็นสัญลักษณ์มือของนาง ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าคิดว่าเจ้ายังจะจับตัวข้าเอาไว้อีกอย่างนั้นหรือ?”เขาพูดจบก็พุ่งตัวเข้ามาหานาง พุ่งตรงเข้ามาควักหัวใจของนางกระบี่ไม้ท้อในมือของเยียนเซียวหรานพันเข้าใส่ไป๋จื้อเซียนทันทีทั้งสองอย่างปะทะกัน ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไป๋จื้อเซียนหัวเราะเบา ๆ “ฮ่า น่าสนุก! แต่วันนี้ ที่ตรงนี้เป็นถิ่นของข้า ข้าเป็นใหญ่!”เส้นผมสีดำของเขาแผ่สยาย ผ้าต่วนสีแดงบนร่างกายพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าใส่เยียนเซียวหรานที่แฝงไปด้วยเจตนาสังหารต่อให้วิชากระบี่ของเยียนเซียวหรานจะดีแค่ไหน กระบี่ไม้ท้อไม่ใช่อาวุธแหลมที่สามารถตัดโลหะหรือหยกได้ จึงถูกพันธนาการเอาไว้ทันทีเขารีบชักกระบี่ติดตัวของตนเองที่อยู่บริเวณเอวของตนเองออกมา ฟันเข้าใส่เส้นผมสี
ค่ำคืนนี้ ซือเจ๋อเยว่มาตามที่คาดไว้!เขามองเยียนเซียวหรานด้วยสายตาเย็นยะเยือก หันหน้ากลับไปมองค่ายกลที่ได้กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้วแวบหนึ่ง ยิ้มอย่างชั่วร้ายเขาเฝ้าอยู่ที่ เป็นเพราะกลิ่นอายจากตัวของซือเจ๋อเยว่กับค่ายกลนั่นค่อนข้างคล้ายคลึงกับกลิ่นอายที่เคลื่อนตัวอยู่บนร่างกายหของอวิ๋นเยว่หยางครั้งก่อนที่เขาเจอกับเยียนเซียวหรานแบบรีบร้อนเกินไปหน่อย ประกอบกับซือเจ๋อเยว่ก็อยู่ตรงนั้นด้วย ดังนั้นเขาจำไม่ได้ในทันทีว่ากลิ่นอายบนตัวของอวิ๋นเยว่หยางคือกลิ่นอายของเยียนเซียวหรานในเวลานี้ทันทีที่ค่ายกลถูกทำลาย กลิ่นอายพวกนั้นก็ไหลย้อนกลับ เขาจึงสัมผัสได้อย่างชัดเจนความรู้สึกแบบนี้ทำให้ไป๋จื้อเซียนค่อนข้างเกิดความสนใจเป็นเพราะเขารู้ว่า เป็นการยากที่คนคนหนึ่งจะมีกลิ่นอายของคนอื่นติดอยู่อย่างแท้จริง แม้ว่าจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวันก็เป็นไปไม่ได้หากติดแล้ว นั่นก็แสดงว่าโชคชะตาของทั้งสองคนรวมเข้าด้วยกันแล้วไป๋จื้อเซียนมองเยียนเซียวหราน กล่าว “น่าสนุก”เขาหันหน้าไปมองซือเจ๋อเยว่อีกครั้ง “นักพรตหญิงน้อย เจ้าหมอนี่ดีกับเจ้าเหลือเกินนี่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีชะตาชีวิตร่วมกันกับเจ้า”เ