สุขภาพของนางไม่ดี แต่เส้นผมกลับดียิ่ง ทั้งดกทั้งดำเยียนเซียวหรานกับนางเคยมีการกระทำที่ใกล้ชิดกันมาก่อน ก่อนหน้านี้ก็รู้ว่าเส้นผมของนางดียิ่ง แต่ตอนนั้นความสนใจไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น ในเวลาเมื่อได้สัมผัสอีกครั้งก็มีความรู้สึกอย่างอื่นเขาได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตนเองเสียงหัวใจเต้นนี้ควบคุมไม่ค่อยได้เท่าไหร่ เต้นอย่างบ้าคลั่งเล็กน้อยเสียงของฉางเซิงที่อยู่หน้าประตูดังลอยมา “คุณชายสาม ท่านตื่นแล้วหรือไม่? บ่าวจะเข้าไปปรนนิบัติท่านล้างหน้าขอรับ!”เยียนเซียวหรานพยายามทำเสียงของตนให้สงบเล็กน้อย “ข้ากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เจ้ารออยู่ข้างนอกประเดี๋ยว”ฉางเซิงไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้ตอนที่เยียนเซียวหรานเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ไม่เคยหลีกเลี่ยงเขา เหตุใดวันนี้จึงอยากจะหลีกเลี่ยงเขากันนะ?เพียงแต่เยียนเซียวหรานออกคำสั่งแล้ว เขาจึงทำได้เพียงยืนอยู่ด้านนอก “ขอรับ”ซือเจ๋อเยว่กลับมีความรู้สึก ‘กำลังจะถูกจับได้ว่าแอบคบชู้’ พูดตรง ๆ นางยังคงรู้สึกร้อนตัวอยู่นางหันหน้าไปมองเยียนเซียวหราน เขาพยักหน้าเล็กน้อย ดึงหน้าต่างให้เปิดนางปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ตอนที่กำลังปีนขึ้นไปจู่ ๆ ขาของนางก็
เยียนเซียวหรานพยายามข่มความกลัวภายในใจลงไป ไม่ให้ความรู้สึกเหล่านั้นแผ่ขยายในใจของเขาเพียงแต่ทันทีที่เมล็ดพันธุ์ของความรู้สึกถูกหว่านลงไป หลายครั้งที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของมนุษย์บางครั้งยิ่งข่มเอาไว้ ในทางกลับกันยิ่งทำให้เติบโตอย่างรวดเร็วเรื่องที่ซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานกังวลนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นางไม่อยากถูกคนอื่นเห็นว่านางออกมาจากในห้องของเยียนเซียวหรานเรื่องนี้ทันทีที่ถูกใครพบเข้า เกรงว่าชื่อเสียงทั้งหมดของนางจะต้องถูกทำลาย จนไม่มีหน้าไปพบเหล่าไท่จวินดวงของนางถือว่าไม่เลว ตอนที่ออกมาจากห้องของเยียนเซียวหรานไม่มีใครเห็นเข้านางเดินมาถึงด้านหน้าเรือนของเฟิ่งจือเซี่ย ถึงได้เจอกับสาวใช้คนหนึ่งเฟิ่งจือเซี่ยก็ตื่นแล้วเช่นกัน ในเวลานี้กำลังตัดแต่งดอกไม้ภายในสวนเมื่อนางเห็นซือเจ๋อเยว่ก็ถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “เหตุใดองค์หญิงจึงเดินมาจากทางนี้?”ซือเจ๋อเยว่ตอบ “วันนี้ข้าตื่นเช้า จึงเดินเล่นในจวน ดังนั้นจึงเดินมาจากทางนี้”เฟิ่งจือเซี่ยไม่ได้สงสัย เพียงยิ้มบาง ๆ “องค์หญิงตื่นเช้าจริงๆ”“ข้าให้สาวใช้ทำขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ องค์หญิงอยากจะมากินด้วยกันก่อนสักนิดห
ซือเจ๋อเยว่ส่ายหน้า “ไม่เป็น ยันต์นั้นของข้าเพียงแค่ทำให้จิตใจของเจ้าสงบขึ้น”ถึงอย่างไรเยียนเอ้อร์ก็กลายเป็นวิญญาณแล้ว การมาหาเฟิ่งจือเซี่ยแบบนี้สุดท้ายแล้วจะทำให้มีผลกระทบที่ไม่ดีบางอย่างต่อนางอันที่จริงยันต์อันนั้นของซือเจ๋อเยว่เป็นการขับไล่พลังชั่วร้ายในร่างกายของนางเท่านั้น หลังจากที่ขับไล่ของพวกนั้นแล้ว ก็จะทำให้คนรู้สึกโล่งขึ้นไม่น้อย ก็จะไม่รู้สึกปวดหัวอีกเพียงแต่เรื่องพวกนี้นางคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องพูดกับเฟิ่งจือเซี่ยอย่างชัดเจนขนาดนั้นเฟิ่งจือเซี่ยจับพูดกับซือเจ๋อเยว่อีกสองสามประโยค ขนมก็ทำเสร็จแล้วถูกยกขึ้นมาหลังจากพวกนางกินข้าวเช้าเสร็จ เฟิ่งจือเซี่ยพูดกับซือเจ๋อเยว่ “ต่อไปหากองค์หญิงมีเวลา ก็มาคุยเป็นเพื่อนข้า”ซือเจ๋อเยว่รู้ว่าเป็นเพราะหลังจากเรื่องครั้งก่อนนางจึงค่อนข้างสนิทกับตน หญิงตั้งครรภ์ทั้งคิดมากและขี้วิตกกังวล จึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มในเวลานี้เอง ผู้ดูแลเดินเข้ามา “องค์หญิง มีคนมาจากวังหลวง เชิญท่านเข้าวังขอรับ”ซือเจ๋อเยว่คิดว่าคนพวกนั้นของจวนหนิงกั๋วกงจะต้องไปฟ้องฮ่องเต้เจาหมิง นางเลิกคิ้วเล็กน้อยทีหนึ่งหลบเลี่ยงเรื่องพวกนี้ไม่พ้น จึงให้ผู้ดูแลไ
ในเวลานี้ นางกำนัลคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วกล่าว “ฮองเฮา อวิ๋นไท่เฟยขอเข้าเฝ้าเพคะ”ฮองเฮายิ้มพร้อมกล่าว “อวิ๋นไท่เฟยไม่แต่งงานใหม่เพื่ออดีตฮ่องเต้ ถึงแม้จะอยู่ที่ในวังหลวง แต่ก็เป็นคนชอบเก็บตัวมาตลอด”“วันนี้นางมายากที่นางจะมาหาข้า ข้าย่อมอยากพบ”“ใครก็ได้ เชิญอวิ๋นไท่เฟยเข้ามา”ในไม่ช้า อวิ๋นไท่เฟยก็เดินเข้ามา ทันทีที่นางเข้ามาแล้วเห็นองค์หญิงสามแทบอยากจะพุ่งตัวเข้าไปแล้วนำองค์หญิงสามมากอดเอาไว้ในอ้อมอกเมื่อองค์หญิงสามเห็นอวิ๋นไท่เฟยสีหน้าก็เปลี่ยนไป นางไม่รอให้อวิ๋นไท่เฟยเดินเข้ามาหา รีบลุกขึ้นแล้วไปยืนที่ด้านหลังของฮองเฮาท่าทีขององค์หญิงสามชัดเจนมาก นั่นก็คือนางกับอวิ๋นไท่เฟยไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ไม่อยากใกล้ชิดกับอวิ๋นไท่เฟยเมื่ออวิ๋นไท่เฟยเห็นปฏิกิริยาของนาง น้ำตาก็รื้นขึ้นมาอวิ๋นไท่เฟยในนามพระชายาของอดีตฮ่องเต้ ในนามมีซือเจ๋อเยว่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว แต่นางไม่ชอบซือเจ๋อเยว่เลยแม้แต่น้อยคนที่นางชอบก็คือองค์หญิงสามกับองค์ชายเก้า นางมอบความเป็นแม่ให้แก่พวกเขาอย่างเต็มเปี่ยม เพียงแค่ไม่ว่านางอยากจะเจอองค์หญิงสามหรือว่าองค์ชายเก้าต่างก็ลำบากองค์ชายเก้าต่างยังพอทน นางยังค
ตอนนี้โรคประหลาดขององค์หญิงสาม อย่างไรเสียก็ควรต้องได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุดถึงจะถูกเพคะ”ฮองเฮาจึงกล่าว “อวิ๋นไท่เฟยกล่าวถูกต้อง เพียงแต่โรคขององค์หญิงสามคือโดนคุณไสย ราชครูไม่อยู่ ดังนั้นข้าจึงได้เชิญองค์หญิงเจ๋อเยว่มาที่นี่”อวิ๋นไท่เฟยกล่าวอย่างไม่เกรงใจ “ถึงแม้เจ๋อเยว่จะเติบโตในสำนักเต๋า แต่นางก็เป็นแค่สตรีนางหนึ่ง จะไปรู้อะไรกันเพคะ?”“ฮองเฮารีบเขียนจดหมายหาราชครู ให้เขารีบกลับมารักษาโรคให้องค์หญิงสามถึงจะถูกนะเพคะ”ฮองเฮาถอนหายใจ “อวิ๋นไท่เฟยอาจจะไม่ทราบ เมื่อหลายวันก่อนราชครูลงไปทางทิศใต้เพื่อสอนพระคัมภีร์ ไม่สามารถกลับมาได้ภายในระยะเวลาอันสั้น”“โรคประหลาดขององค์หญิงถึงอย่างไรก็เสียเกียรติของราชวงศ์ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่ควรเชิญคนที่ไม่เกี่ยวข้องมารักษานางด้วยเช่นกัน”อวิ๋นไท่เฟยกล่าวเสียงแข็ง “หม่อมฉันได้ยินมาว่าเจ้าอาวาสแห่งวัดเป้ากั๋วอภินิหารล้ำลึก เชิญท่านมารักษาองค์หญิงสาม ไม่มีอะไรจะเหมาะสมไปกว่านี้แล้วเพคะ”ฮองเฮาเหมือนกับลำบากใจเล็กน้อย ยังคงกล่าว “ในเมื่ออวิ๋นไท่เฟยพูดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นก็เอาตามที่อวิ๋นไท่เฟยว่าก็แล้วกัน”“ใครก็ได้ เชิญเจ้าอาวาสแห่งวั
อวิ๋นไท่เฟย “...”นางคิดไม่ถึงว่าซือเจ๋อเยว่จะพูดจาแบบนี้ต่อหน้าพระพักตร์ของฮองเฮา นั่นไม่ใช่การตบหน้านางธรรมดาแล้วนางร้องไห้ออกมา “เจ้ามันลูกอกตัญญู!”ฮองเฮาที่อยู่ด้านข้างกล่าว “อวิ๋นไท่เฟย เรื่องอื่นข้าอาจจะไม่รู้ แต่เรื่องนี้ข้าทราบตั้งแต่ต้นจนจบ”“เจ้าดุด่าองค์หญิงเจ๋อเยว่โดยที่ไม่ถามเหตุผลเช่นนี้ เชื่อคนอื่นแต่ไม่เชื่อนาง ทำให้นางน้อยใจได้ง่ายมากจริงๆ”“เรื่องนี้ข้าคงต้องพูด เจ้าทำไม่ถูกต้อง”“พวกเจ้าเป็นมารดาลูกกัน เดิมทีข้าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพียงแต่เจ๋อเยว่เป็นคนที่ข้าเชิญเข้าวัง อยู่ดี ๆ คงจะให้นางได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ไม่ได้”อวิ๋นไท่เฟยหน้าถอดสี “ฮองเฮาหมายความว่าอย่างไรเพคะ?”ฮองเฮากล่าวเสียงเรียบ “ไม่ได้หมายความว่าอะไร เพียงแค่อยากจะไกล่เกลี่ยให้พวกเจ้าสองคนเท่านั้น”“ไม่อย่างนั้นก็เอาเช่นนี้เถอะ เจ้าขอโทษเจ๋อเยว่ เรื่องนี้ก็ถือว่าให้จบกันไป”อวิ๋นไท่เฟยไม่สนใจแสร้งร้องไห้ ทันใดนั้นก็พูดเสียงแหลมขึ้นมา “ให้ขอโทษนาง? นางเป็นใคร? ให้หม่อมฉันขอโทษนางหรือเพคะ?”ซือเจ๋อเยว่กล่าวเสียงเรียบ “ฮองเฮา เกรงว่าระหว่างหม่อมฉันกับอวิ๋นไท่เฟยต่อให้เป็นท่านก็คงพู
“หลังหม่อมฉันกลับเมืองหลวง นางก็บังคับให้หม่อมฉันแต่งเข้าจวนเยียนอ๋องแทนองค์หญิงสามอีก ครั้งนั้นหม่อมฉันจึงบอกนางไปว่า พระคุณที่ให้กำเนิดของนางนั้น หม่อมฉันได้ชดใช้ให้แล้ว”“หลังจากนั้น ทุกคราที่พบหน้า นางล้วนสร้างความลำบากให้แก่หม่อมฉันต่างๆ นานา ไม่มีท่าทางที่ผู้เป็นมารดาควรมีแม้แต่น้อย”“แม้นางจะให้กำเนิดหม่อมฉัน ทว่าไม่เคยเลี้ยงดูหม่อมฉัน บุญคุณในการให้กำเนิดนั้น หม่อมฉันได้ตอบแทนแล้ว จึงไม่ต้องการให้นางใช้ฐานะมารดามาสร้างความขุ่นข้องดูแคลนอีกต่อไป”“ดังนั้น หม่อมฉันขอให้เสด็จอาช่วยตัดสินให้ ให้หม่อมฉันตัดขาดความสัมพันธ์ฉันท์มารดาบุตรีกับนางเสียเพคะ”เมื่อฮ่องเต้เจาหมิงได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง “เจ้าจะตัดความสัมพันธ์กับอวิ๋นไท่เฟย?”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตระกูลทางฝั่งมารดาเจ้าคือจวนหนิงกั๋วกง หากเจ้าสะบั้นสัมพันธ์กับนาง ก็จะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับจวนหนิงกั๋วกงอีก”เมื่อซือเจ๋อเยว่ได้ยินคำพูดนี้ของเขา ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ฟังจากน้ำเสียงของเขา คล้ายจะคิดว่านางเห็นละโมบในอำนาจของจวนหนิงกั๋วกงนางจึงกล่าวทันทีว่า “หม่อมฉันกลับเมืองหลวงมานานถึงเพียงนี้ คนของจวน
ซือเจ๋อเยว่ก็ไม่รู้ว่าเขาหมายความเช่นใด ลือกันว่าเขาโปรดปรานอวิ๋นไท่เฟยอย่างยิ่ง นางจึงไม่กล้าพูดความจริงนางจึงกล่าวว่า “เมื่อวานหม่อมฉันไปรักษาโรคที่จวนหนิงกั๋วกง เรื่องที่จวนหนิงกั๋วกงถูกเผา ไม่เกี่ยวกับหม่อมฉันจริงๆ นะเพคะ”ฮ่องเต้เจาหมิงมองนาง ด้วยรอยยิ้มคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าก็ไม่ได้บอกว่าเรื่องที่จวนหนิงกั๋วกงถูกเผาเกี่ยวกับเจ้านี่”ซือเจ๋อเยว่ “…”นางรู้สึกว่า คำพูดนี้ของตนเหมือนจะยิ่งปกปิดยิ่งเปิดเผยแล้ว จึงยิ้มเจื่อน เสมือนว่าตนมิได้กล่าวคำพูดนี้มาก่อนฮ่องเต้เจาหมิงโบกมือเบาๆ ขันทีและนางกำนัลที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายก็ถอยออกไปขันทีคนสนิทของเขาเฝ้าอยู่ไม่ไกล ไม่ให้ผู้อื่นเข้าใกล้หลังฮ่องเต้เจาหมิงมองสำรวจนางขึ้นลงคราหนึ่ง “นิสัยนี้ของเจ้าเหมือนเสด็จพี่อยู่หลายส่วนทีเดียว”“ตอนเจ้ากลับมาเมืองหลวง ข้ายังเป็นห่วงอยู่บ้าง บัดนี้ดูไปแล้ว คงจะกังวลไปเปล่าๆ แล้ว”ซือเจ๋อเยว่ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเขา จึงยิ้มถามว่า “เสด็จอาทรงกังวลสิ่งใดเพคะ?ฮ่องเต้เจาหมิงตอบว่า “กังวลเรื่องความสัมพันธ์ของเจ้ากับจวนหนิงกั๋วกง กลัวว่าเจ้าจะถูกอำนาจพวกนั้นมอมเมาจิตใจ คิดว่าตนเองควรแซ่อว
นางสวมรองเท้ามือเป็นระวิง เพียงแต่ยิ่งลนลาน ก็ยิ่งทำได้ไม่ดีเดิมทีรองเท้าที่สวมได้อย่างง่ายดายมากเป็นเพราะนางตกตะลึงสวมห้าหกครั้งก็ยังไม่เข้าเยียนเซียวหรานยื่นมือออกไปจับข้อเท้าของนางเอาไว้ นางหันหน้าไปมองเขา เขากลับไม่ได้มองนาง แต่ยกรองเท้าข้างหนึ่งขึ้นมา ค่อย ๆ สวมเข้าไปที่เท้าของนางซือเจ๋อเยว่ “...”นางรู้สึกว่าตนเองในเวลานี้โง่นิด ๆหลังจากเยียนเซียวหรานสวมรองเท้าในนางเสร็จข้างหนึ่งแล้ว ก็สวมอีกข้างอีกให้นางนางกระโดดลงจากเตียงอย่างว่องไว “ลำบากเจ้าแล้ว”นางพูดจบคิดจะหนี กลับถูกเยียนเซียวหรานจับข้อมือขาวเล็กเอาไว้นางมองเขาแล้วถาม “ยังมีธุระอะไรอีกหรือ?”เยียนเซียวหรานไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยื่นมือออกไปแล้วช่วยติดจัดปกคอเสื้อให้นาง ช่วยนางปรับสายคาดเอวให้เรียบร้อย ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”นางหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีเยียนเซียวหรานหวีผมให้นางอีก กล่าวเสียงเรียบ “เสร็จแล้ว”ซือเจ๋อเยว่หันหน้าไปมองเขา ดวงตาของเขาล้ำลึกตามเดิม นางมองเห็นเงาสะท้อนของตนเองในดวงตาของเขาการเต้นของหัวใจนางเริ่มเต้นรัวขึ้นอีกครั้ง นางรู้ว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปจะไม่เข้าท่า จึงรีบกระโดดหนีออกทางหน้าต่า
ตอนนี้สมองของซือเจ๋อเยว่ไม่พอใช้แล้ว เมื่อได้ยินเขาถามแบบนี้ นางตอบว่า‘อืม’ทีหนึ่ง ไม่ได้เข้าใจความหมายของเขาจริง ๆเยียนเซียวหรานจับมือของนาง ดึงแขนเสื้อของนางขึ้น เส้นแดงที่อยู่ภายในก็ปรากฏขึ้นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าว “ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่”ในที่สุดซือเจ๋อเยว่ก็เข้าใจความหมายของเขา นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลับกล่าวขึ้น “อาจจะเป็นเพราะห่างกันไปหน่อย”ครู่ต่อมา มือของเขาประคองเอวนาง ทันทีที่ออกแรงเพียงเล็กน้อย ก็อุ้มนางขึ้นมาวางไว้บนต้นขาของเขาซือเจ๋อเยว่ “...”ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”อยู่ ๆ เขากลายเป็นคนที่เร่าร้อนจนเกินไป นางรับมือไม่ค่อยไหว!เยียนเซียวหรานสูงกว่านางมาก แล้วก็แข็งแรงกว่านางมาก ถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขน ชุดนอนของเขาคลุมไว้แค่ครึ่งเดียว นางรู้สึกเหมือนกับถูกฝังอยู่ในอ้อมอกของเขาภายในหัวใจของซือเจ๋อเยว่มีความตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไร ทั้งยังจูบลงมาบนริมฝีปากนางนางใช้มือดันแผ่นออกของเขาอย่างไม่รู้ตัว เขาหันไปมองนาง ภายในดวงตาที่ดำขลับคู่นั้นสะท้อนให้เห็นถึงแววตาที่เขามองไม่ออกน้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย “มีขั้นตอนไหนที่ข้าทำไม
ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ถาม “เจ้ามีธุระอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?”มุมปากของเยียนเซียวหรานยกขึ้นเล็กน้อย “ไหน ๆ คืนนี้องค์หญิงก็มาแล้ว ไม่เติมอายุขัยสักหน่อยแล้วค่อยไปหรือ?”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางร้อง‘หา’ทีหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้สติอยู่ครู่หนึ่งเยียนเซียวหรานเหลือบตาขึ้น สายตาจดจ้องไปที่นางกล่าว “องค์หญิงอยากจะอายุยืนยาวร้อยปีไม่ใช่หรือ?”“ข้าเกรงว่าข้าไม่ให้ความร่วมมือ วันข้างหน้าองค์หญิงจะมาหาเรื่องข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางคิดว่าเขาค่อนข้างผูกพยาบาทวันนั้นนางก็แค่พูดเล่นกับเขาต่อหน้าของเหล่าไท่จวินเท่านั้น เขากลับจำได้อย่างแม่นยำในเวลานี้นางรู้ว่านางมีตัวเลือกอยู่สองข้อ ข้อแรกคืออยู่ต่อเสียเลย ข้อสองคือรีบหนีไปอย่างแรกจะน่าอายเกินไปหน่อย อย่างหลังจะขี้ขลาดเกินไปหน่อยนางครุ่นคิดครู่หนึ่ง คิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะเริ่มจากทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ระยะยาวของตัวเองหากทำตัวขี้ขลาดในเวลาแบบนี้ ต่อไปนางจะมาหาเขาได้อย่างไร? ต่อให้มาหาเขาด้วยอย่างหน้าด้านอีก คิดว่าก็อาจจะถูกเขาหัวเราะเยาะเอาได้ดังนั้นนางจึงถอดรองเท้า แล้วกระโ
ตอนที่นางได้ยินก็ไม่ได้ประหลาดใจมากเท่าใดนัก ดวงสมรสของลู่จิ่นเหนียง นั่นก็ทำได้เพียงเป็นอนุของคนอื่นเท่านั้นปกติการเป็นอนุ ขอเพียงแค่ฝั่งผู้ชายชอบนาง ทุกอย่างจะปรากฏขึ้นในดวงสมรสสิ่งเหล่านี้สามารถยืนยันได้ว่า อวิ๋นเยว่หยางรับลู่จิ่นเหนียงเป็นอนุเพราะมีจุดประสงค์อื่น เขาไม่ได้ชอบลู่จิ่นเหนียงเมื่อซือเจ๋อเยว่นึกถึงท่าทางที่หยิ่งผยองเกินความเป็นจริงของลู่จิ่นเหนียง รู้ว่าหากครั้งนี้ลู่จิ่นเหนียงไม่เอาชีวิตไปทิ้งที่จวนหนิงกั๋วกง ก็ต้องได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจเพียงแต่เรื่องนี้ตามที่เหล่าไท่จวินได้กล่าว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจวนอ๋องแล้ว นางก็คร้านจะช่วยเป็นธุระให้ลู่จิ่นเหนียงบัดนี้สิ่งที่นางเป็นกังวลยิ่งกว่าก็คือเรื่องที่อวิ๋นเยว่หยางขโมยดวงชะตาของเยียนเซียวหรานไปสองครั้งก่อนนางได้ตามหาค่ายกลนั่นแต่ก็จบลงด้วยความล้มเหลว แล้วก็ตามหาค่ายกลอันนั้นไม่เจออีก เกรงว่าดวงชะตาของเยียนเซียวหรานจะถูกขโมยไปจนหมดแล้วหลายวันมานี้ซือเจ๋อเยว่คิดอยู่หลายวิธี หลังจากตัดออกไปจำนวนหนึ่ง ก็รู้สึกว่าถ้ามีปัญหาแบบนี้หรือว่าแบบนั้น ความเสี่ยงก็มากทั้งนั้นนางคิดอยู่หลายตลบ คิดว่าบางทีอาจจะสาม
ซุ่ยซุ่ยของนางยังไม่ออกเรือน สถานการณ์ของจวนเยียนอ๋องเป็นแบบนี้ นางต้องปลุกใจให้ฮึกเหิมเสียหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ควรเป็นภาระของพวกเขาเหล่าไท่จวินที่อยู่ข้าง ๆ กล่าว “แม้ว่าวันนี้เวินชิงจะรับปากองค์หญิง ต้องทำตามที่รับปาก”“ต่อไปเจ้ามีเวลาว่าง ก็มาอยู่เป็นเพื่อนคนแก่อย่างข้า”เบ้าตาของจู้อี๋เหนียงแดงเล็กน้อย คุกเข่าลงบนพื้นกล่าวเสียงเบา “ลูกอกตัญญู ทำให้เหล่าไท่จวินต้องเป็นห่วง”เหล่าไท่จวินยื่นมือออกไปประคองนางลุกขึ้น จับมือของนางแล้วตบเบา ๆ “เรื่องในอดีตก็ให้ผ่านไป พวกเราต้องมองไปข้างหน้า”จู้อี๋เหนียงเช็ดน้ำตากล่าว “ข้าเชื่อฟังเหล่าไท่จวิน”ซือเจ๋อเยว่ชอบบรรยากาศของจวนเยียนอ๋องที่สุด เหล่าไท่จวินเป็นคนชราที่เฉลียวฉลาด ถึงแม้คนในจวนจะมากมาย แต่นางกลับน่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่งตอนที่จวนเยียนอ๋องเกิดเรื่อง คนที่ได้รับความกระทบกระเทือนมากที่สุดไม่ใช่เหล่าไท่จวิน แล้วก็ไม่ใช่พระชายาเยียนอ๋อง แต่ทว่าเป็นจู้อี๋เหนียงก่อนหน้านี้จู้อี๋เหนียงเป็นคนอมทุกข์มาตลอด ออกจากเรือนน้อยมากเหล่าไท่จวินไปปลอบใจจู้อี๋เหนียงเป็นประจำในจวนมีของของดีอะไร เหล่าไท่จวินก็จะคิดถึงนาง ไม่ใช่เพราะว่านางเป็
“อย่างไรเสียจวนหนิงกั๋วกงก็ดีกว่าจวนเยียนอ๋อง สิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงของจวนเยียนอ๋อง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยินดีช่วยพี่ชายของเจ้าให้เลื่อนตำแหน่ง”“ตามที่ข้ามอง จวนเยียนอ๋องที่ไม่มีน้ำใจ ไม่รู้จักปรับตัวเช่นนี้ก็สมควรล่มสลาย!”ลู่จิ่นเหนียงได้ฟังคำพูดพวกนี้ก็ไม่ได้รู้สึกมีตรงไหนผิดปกติ เดิมทีจวนเยียนอ๋องก็ยึดติดกับหลักการมากเกินไปต่อให้เยียนซื่อจะปฏิบัติต่อนางดีมากแค่ไหน ทันทีที่นางพูดเรื่องที่ให้เขาช่วยเหลือ เขาก็จะชักสีหน้าทันทีเมื่อเปรียบเทียบกัน จวนหนิงกั๋วกงมีความเปิดกว้างมากกว่า แล้วก็เต็มไปด้วยความจริงใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมีเรื่องนี้ เมื่อนางมองเห็นเครื่องประดับและผ้าเหล่านี้ ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นแบบเก่าอีกแล้วลู่ฮูหยินกล่าวอีกว่า “คุณชายรองให้ความสำคัญกับเจ้าเป็นอย่างมาก อยากจะให้เจ้ารีบเจ้าจวนเร็วหน่อย”“วันนี้ข้าได้ปรึกษากับท่านพ่อของเจ้าแล้ว พรุ่งนี้จะส่งตัวเจ้าเข้าจวนหนิงกั๋วกง ตามความต้องการของจวนกั๋วกง”ลู่จิ่นเหนียงตกตะลึงไปทันที “ไปจวนหนิงกั๋วกงวันพรุ่งนี้? นี่มันจะรีบเกินไปหน่อยหรือไม่?”ลู่ฮูหยินตอบ “รีบที่ไหนกัน นี่เห็นได้ชัดเจนว่าจวนหนิงกั๋วกงให้ความสำคัญกับ
นางพ่นลมหายใจกล่าว “องค์หญิงอย่างไรเสียก็จัดการเรื่องของตนเองให้ดีเถอะ เลิกริษยาคนอื่น ใจกว้าง บางทีอาจจะสามารถมีชีวิตได้ถึงสิบแปดปี!”เมื่อซือเจ๋อเยว่ได้ยินคำพูดถากถางของลู่จิ่นเหนียงไม่เพียงไม่โกรธ ทั้งยังรู้สึกน่าขันเล็กน้อยนางทำอะไรด้วยใจมาตลอด ในเวลานี้เตือนสติลู่จิ่นเหนียงก็เป็นเพราะเยียนซื่อแต่น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนนี้ความคิดบิดเบี้ยวตั้งแต่ภายใน กระเสือกกระสนรนหาที่ตาย ต่อให้เทพต้าหลัวมาที่นี่ เกรงว่าก็คงจะช่วยชีวิตนางเอาไว้ไม่ได้นางพยักหน้ากล่าว “ข้าคิดว่าที่เจ้าพูดนั้นมีเหตุผลมาก คนที่จิตใจคับแคบ จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานจริง ๆ”นางพูดจบก็คร้านจะสนใจลู่จิ่นเหนียงอีก กล่าวกับเยียนเซียวหราน “น้องสาม พวกเราไปกันเถอะ!”ลู่จิ่นเหนียงยังอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก เยียนเซียวหรานมองนางด้วยสายตาเย็นยะเยือกแวบหนึ่งสายตานั้นเย็นยะเยือกเข้ากระดูก ความน่าสะพรึงกลัวเต็มเปี่ยม ลู่จิ่นเหนียงเห็นก็รู้สึกกลัวจนขนลุกขนพอง คำพูดที่กำลังจะพูดออกมาก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นนางก็พบว่า เยียนเซียวหรานแตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง บนร่างกายของเขามีพลังอำนาจอันแข็งแกร่ง ที่ไม
นางกับเยียนเซียวหรานตรงไปยังร้านขายเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ซึ่งด้านในร้านมีผ้าหลากหลายที่สุดเยียนเซียวหรานกลัวว่านางจะเกิดเรื่อง จึงเดินตามหลังนางตลอดทุกฝีก้าวซือเจ๋อเยว่เลือกผ้าให้แต่ละคน รวมกันทั้งหมดสิบกว่าพับ พวกเขาไม่สะดวกถือไปด้วย จึงให้เถ้าแก่มอบหมายให้คนส่งไปที่จวนเยียนอ๋องทันทีที่ซือเจ๋อเยว่จ่ายเงินเสร็จ ก็เห็นลู่จิ่นเหนียงพาสาวใช้เดินเข้ามาหา ทั้งสองคนพบกันโดยบังเอิญ จึงมีความประหลาดใจเล็กน้อยลู่จิ่นเหนียงเป็นเพราะครั้งก่อนซือเจ๋อเยว่เคยฉีกหน้านาง นางจึงไม่ชอบซือเจ๋อเยว่เป็นอย่างยิ่งในเวลานี้เมื่อเจอกัน นางยังคงกล่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม “องค์หญิง ไม่เจอกันนานเลย”ซือเจ๋อเยว่คุ้นเคยกับการมองหน้านางแวบหนึ่ง ใต้ตาของนางดำคล้ำ คาดว่านางน่าจะเอาเด็กออกแล้ว ต่อไปก็คงจะไม่มีลูกของตัวเองอีกนอกจากนี้แล้ว ชีวิตในวังหลวงของนางมีเต็มความซับซ้อน เมื่อเห็นฉากนี้ ต่อไปลู่จิ่นเหนียงคงจะใช้ชีวิตอย่างค่อนข้างขรุขระสีหน้าของนางยังนับว่าพอถูไถไปได้ ใบหน้าเหมือนว่ายังพอมีความสุขอยู่บ้างในเมื่ออีกฝ่ายยอมรับผิดแล้วก็ย่อมให้อภัย ซือเจ๋อเยว่ยิ้มตอบ ตั้งใจที่จะออกไปพร้อมกั
ซือเจ๋อเยว่ลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าว “อวิ๋นไท่เฟยหมดสติไปเพราะตื่นเต้นเกินไป พวกท่านส่งนางกลับไปเถอะ”คำพูดที่นางพูดกับอวิ๋นไท่เฟยเมื่อครู่นี้ บรรดาคนในวังหลวงที่อยู่ใกล้ต่างก็ได้ยินกันหมดพวกเขามองซือเจ๋อเยว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในเวลานี้มีคนหลายคนร่วมแรงกันประคองอวิ๋นไท่เฟยขึ้นมา แล้วรีบวิ่งออกไปคนของวังหลวงที่ถูกวิญญาณรายล้อมคนนั้น ในเวลานี้วิญญาณปล่อยนางไปแล้ว ทันทีที่นางได้รับอิสระ ก็รีบวิ่งหนีอย่างโซซัดโซเซกลางวันแสก ๆ เลยนะ!พวกเขาเจอเรื่องแบบนี้ น่ากลัวมากเกินไปจริง ๆ!ฮองเฮามองไม่เห็นวิญญาณ เห็นเพียงซือเจ๋อเยว่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้อวิ๋นไท่เฟยตกใจจนหมดสติไปทันที จากนั้นกลุ่มคนก็วิ่งหนีกันฉี่ราดสารรูปเช่นนี้ของพวกเขา ตอนที่มาอวดดีมากขนาดไหน ตอนกลับไปก็ดูไม่จืดมากเท่านั้นฮองเฮากับอวิ๋นไท่เฟยประมือกันมาหลายครั้ง ถึงแม้นางจะชนะมากกว่าแพ้ แต่นั่นก็เป็นเพียงการสู้กันด้วยวาจา ไฉนเลยจะมีความสุขเท่าครั้งนี้?นางมองซือเจ๋อเยว่กล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าทำอะไรพวกเขา?”ซือเจ๋อเยว่ตอบ “หม่อมฉันก็อาศัยอยู่ในสำนักเต๋ามาเป็นเวลานาน ถึงอย่างไรก็ยังพอมีความสามารถเป็นของ