แชร์

บทที่ 205

ผู้เขียน: เจียงหนานเยียน
เพราะไม่มีผู้ใดขัดขวาง ครั้งนี้พวกเขาจึงหนีออกไปได้ราบรื่นกว่าเดิมมาก

ถึงจะเจอองครักษ์สองสามคนบ้างบางครั้ง เยียนเซียวหรานล้วนสามารถรับมือได้

ในไม่ช้า พวกเขาก็จะบุกไปถึงเรือนส่วนหน้าแล้ว เมื่อผ่านเรือนส่วนหน้า ก็จะสามารถออกจากจวนหนิงกั๋วกงได้แล้ว

เพียงแต่พวกเขายังไปไม่ถึงประตูของเรือนส่วนหน้า ก็เห็นชายชราที่ผมขาวโพลนผู้หนึ่ง นำองครักษ์กลุ่มหนึ่งขวางอยู่ตรงนั้น

ทั่วร่างของชายชราผู้นั้นรายล้อมไปด้วยไอพลังสีม่วง ดูไปแล้วน่าเกรงขามอย่างมาก ทว่ารายละเอียดเล็กๆ บริเวณมุมคิ้วและหางตา กลับแสดงออกถึงความอำมหิต

ไอพลังสีม่วงที่เข้มข้นเช่นนี้ เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายคือผู้ที่ได้รับประโยชน์จากค่ายกลชั่วร้ายนั่น และเป็นผู้ที่กุมอำนาจอย่างแท้จริงในเวลานี้ของจวนหนิงกั๋วกง

ทันทีที่ซือเจ๋อเยว่เห็นลักษณะใบหน้าของชายชรา ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาก็คืออดีตหนิงกั๋วกง ท่านตาของนางนั่นเอง

ก่อนหน้านี้นางก็เดาได้แล้วว่าการจัดตั้งค่ายกลนั่นเกี่ยวข้องกับอดีตกั๋วกง

เพียงแต่หลายปีมานี้ อดีตหนิงกั๋วกงมีชื่อเสียงดีงามอย่างยิ่งในเมืองหลวง เลื่องชื่อในฐานะผู้ที่มีจิตใจเมตตา และมิได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ อีก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 206

    ซือเจ๋อเยว่ยิ้มบางๆ “ช่วยไม่ได้เจ้าค่ะ ข้าไม่มีบิดามารดาหรือญาติพี่น้องให้พึ่งพา ทุกเรื่องจึงได้แต่อาศัยตนเอง”“หากไม่ตั้งใจเรียนวิชาเต๋าดีๆ เพื่อใช้ตั้งแผงหาเงิน เกรงว่าคงหิวตายไปนานแล้ว”อดีตหนิงกั๋วกงคล้ายฟังไม่ออกถึงการเยาะหยันที่อยู่ในคำพูดของนาง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า “แต่ไม่ว่าองค์หญิงจะมีความสามารถมากเพียงใด วันนี้ก็อย่าได้คิดจะไปจากที่นี่แล้ว”“เพราะตั้งแต่จวนหนิงกั๋วกงสร้างเสร็จ ก็ไม่เคยได้รับความเสียเปรียบเช่นนี้มาก่อน”ซือเจ๋อเยว่กล่าวเรียบๆ ว่า “ไม่เป็นไร นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น วันหลังเมื่อท่านเสียเปรียบมากหน่อย เสียเปรียบจนเคยชินแล้วก็จะดีเอง”อดีตหนิงกั๋งกงพูดอย่างเย็นชาว่า “ช่างปากคอเราะรายนัก ข้าไม่ถกเถียงปะทะฝีปากกับเจ้าแล้ว”เมื่อเขากล่าวจบ ก็หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ ในขณะที่กำลังจะลงมือ ที่ด้านหลังของเขาก็มีเสียงของเหวยอิ้งหวนดังมา“นำตัวเยียนเซียวหรานและองค์หญิงเจ๋อเยว่กลับศาลต้าหลี่เพื่อสอบสวน ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือด้วย!”เมื่ออดีตหนิงกั๋วกงได้ยินคำพูดนี้ ก็หันไปมองซือเจ๋อเยว่ทันทีสายตาในครั้งนี้ของเขาดุจคมดาบที่ส

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 207

    ภายในจวนหนิงกั๋วกง มีความลับที่ไม่อาจให้ผู้คนรู้มากมาย เขาไม่ต้องการให้คนของศาลต้าหลี่เข้ามาตรวจสอบในจวนเขาจึงกล่าวว่า “คนในจวนทำตะเกียงล้มโดยไม่ทันระวัง ไหม้เรือนไปสองสามหลัง มิได้สลักสำคัญอะไร”“เรื่องเล็กน้อยพวกนี้ ก็ไม่ขอรบกวนใต้เท้าเหวยแล้ว”เมื่อเหวยอิ้งหวนได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็ยิ่งมั่นใจว่าเรื่องนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนเพียงแต่การที่ศาลต้าหลี่จะสืบคดีต้องมีหลักฐาน เมื่ออดีตหนิงกั๋วกงรับเรื่องนี้ไว้ด้วยตนเอง เขาก็ไม่อาจแทรกแซงได้เขาจึงกล่าวว่า “ท่านอดีตกั๋วกงเกรงใจไปแล้วขอรับ หากมีเรื่องจำเป็น สามารถมาหาข้าที่ศาลต้าหลี่ได้ทุกเมื่อ”คนทั้งสองสนทนากันอย่างเกรงใจอีกสองสามประโยค จากนั้นเหวยอิ้งหวนก็พาซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานออกจากจวนหนิงกั๋วกงไปหลังซือเจ๋อเยว่ออกมา ก็ลูบหน้าอกว่า “ยังดีที่วันนี้ใต้เท้าเหวยมาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นเกรงว่าข้ากับน้องสามคงต้องจบชีวิตอยู่ในจวนหนิงกั๋วกงแล้ว”เหวยอิ้งหวนตอบอย่างเย็นชาว่า “เมื่อคืนที่องค์หญิงทรงส่งจดหมายมา ให้ข้ามาหาท่านที่จวนหนิงกั๋วกงในช่วงเค่อแรกขอยามโหย่ว”“ตัวข้ายังมาไม่ถึงจวนหนิงกั๋วกง ก็เห็นภายในจวนเกินเพลิงไหม้แ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 208

    เหวยอิ้งหวนเหลือบมองนางทีหนึ่ง รู้ว่านางกล่าวไม่ผิด ละครฉากนี้จำเป็นต้องเล่นให้จบจริงๆมิเช่นนั้น เรื่องอื่นไม่พูดถึง ทางด้านหนิงกั๋วกงจะต้องถือโอกาสสร้างความลำบากให้เขาแน่นอกจากนี้ เขาก็อยากรู้มากว่าที่แท้วันนี้ซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานไปทำสิ่งใดที่จวนหนิงกั๋วกงกันแน่จนขนาดที่ จู่ๆ ก็เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นในจวนหนิงกั๋วกง แต่อดีตกั๋วกงกลับไม่เอาความเรื่องนี้ไม่ว่าจุดใดก็แสดงความผิดปกติออกมาทั้งนั้นเมื่อมาถึงศาลต้าหลี่ ซือเจ๋อเยว่และเยียนเซียวหรานก็ตรงไปที่ห้องของเหวยอิ้งหวนหลังพวกเขาเข้าไป ซือเจ๋อเยว่ก็ถามเหวยอิ้งหวนว่า “ใต้เท้าเหวยเคยได้ยินคดีเมื่อยี่สิบปีก่อน ที่มีคนหายไปจำนวนมากในเมืองหลวงหรือไม่?”เหวยอิ้งหวนไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงกล่าวเช่นนี้ แต่กลับรู้ว่าแม้นางจะชอบพูดจาและมีพฤติกรรมแปลกๆ ดูลึกลับอยู่บ้าง ทว่าเมื่อเอ่ยปากถามย่อมต้องมีเรื่องแน่เขามองนางทีหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ยี่สิบปีก่อน ตอนที่อดีตฮ่องเต้เพิ่งก่อตั้งแคว้นต้าฉู่ได้ไม่นานนัก ทั้งในและนอกเมืองหลวงยังคงมีความวุ่นวายอยู่บ้าง”“ในเวลานั้น แต่ละหน่วยงานยังไม่นับว่าสมบูรณ์ เอกสารที่เหลืออยู่จึงมีไม่มาก”“ร

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 209

    ซือเจ๋อเยว่จึงกล่าวว่า “ข้าจำชื่อที่เป็นทางการของค่ายกลนั่นไม่ได้แล้ว แต่กลับรู้คุณสมบัติของมันอยู่”“นั่นเป็นค่ายกลที่ใช้หลักแผนภูมิแปดทิศห้าธาตุเป็นพื้นฐาน ใช้การสังเวยชีวิตมนุษย์เพื่อพลิกผันดวงชะตาของผู้อื่น ทั้งชั่วร้ายและอำมหิต”“ข้าจำได้ว่าตอนที่อดีตหนิงกั๋วกงติดตามเสด็จพ่อของข้า ผลงานที่เขาได้สร้างไว้ไม่นับว่ายิ่งใหญ่ เมื่ออยู่ในหมู่ขุนนางราชสำนักก็ไม่นับว่าโดดเด่นกระไร”“แต่หลายปีมานี้ ขุนนางผู้มีผลงานในตอนนั้น ที่แก่ก็แก่ ป่วยก็ป่วย ตายก็ตาย พิการก็พิการ มีเพียงจวนหนิงกั๋วกงเท่านั้นที่เจริญรุ่งเรืองอยู่จวนเดียว”“ในเรื่องนี้ ใต้เท้าเหวยไม่รู้สึกแปลกหรือ?”ก่อนที่นางกล่าวเปิดโปงออกมา เหวยอิ้งหวนก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้จริงๆคล้ายกับว่าความเข้าใจที่เขามีต่อจวนหนิงกั๋วกงก็คือ ในปีนั้น อดีตหนิงกั๋วกงได้สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ ประกอบกับที่อวิ๋นไท่เฟยอภิเษกกับอดีตฮ่องเต้กลายเป็นฮองเฮาอีก จึงได้มีจวนหนิงกั๋วกงในวันนี้แต่หลังจากที่ซือเจ๋อเยว่แถลงไขออกมาแล้ว เหวยอิ้งหวนก็ได้ลองคิดทบทวนถึงข้อมูลในอดีตที่เขารู้อย่างละเอียด ผลงานที่หนิงกั๋วกงสร้างไว้ก็ไม่ถือว่ายิ่งใหญ่จริงๆความรู้ส

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 210

    แววตาที่เยียนเซียวหรานใช้มองคนทั้งสองขรึมลงเล็กน้อย เขากล่าวเรียบๆ ว่า “ค่ายกลชั่วนั่นชั่วร้ายอำมหิตอย่างถึงที่สุด”“ครั้งนี้หากองค์หญิงไม่ทรงทำลายค่ายกลนั่นไป ก็ไม่รู้ว่าจวนหนิงกั๋วกงจะทำร้ายผู้คนอีกเท่าใด”ซือเจ๋อเยว่รีบกล่าวสนับสนุนว่า “ใช่ๆ ๆ น้องสามกล่าวได้ถูกต้อง!”“ใต้เท้าเหวยก็จริงๆ เลย ทำคดีมามากมายขนาดนั้นแล้ว กลับจับประเด็นสำคัญไม่ได้”เหวยอิ้งหวนมองนางด้วยแววตาลึกซึ้ง พลางกล่าวว่า “คดีที่ข้าทำมีมาก แต่ไม่เคยมีผู้ใดสามารถทำลายซากกระดูกนับพันของผู้อื่นในคราเดียวเลย…”ซือเจ๋อเยว่ “...”คราวนี้จบไม่ลงแล้วใช่ไหม!หลังซือเจ๋อเยว่และเยียนเซียวหรานจากไป อารมณ์ของเหวยอิ้งหวนก็ออกจะซับซ้อนอยู่บ้างหากเป็นเมื่อก่อน หากผู้ใดไม่มีหลักฐานแล้วมาพูดเช่นนี้กับเขา เขาคงไล่คนออกไปในทันทีแล้วแต่หลังจากที่ซือเจ๋อเยว่เบิกตาทิพย์ให้เขาในคืนนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดใดเขาก็เชื่อแล้วเนื่องจากนางไม่มีแรงจูงใจในการให้ร้ายจวนหนิงกั๋วกงต่อให้ความสัมพันธ์ฉันท์แม่ลูกระหว่างซือเจ๋อเยว่กับอวิ๋นไท่เฟยจะย่ำแย่เช่นไร จวนหนิงกั๋วกงก็ถือเป็นตระกูลฝั่งมารดาของนางต่อให้เหวยอิ้งหวนไม่เคยได้

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 211

    นางรู้สึกถึงสายตาของเยียนเซียวหราน จึงถามขึ้น "มีอันใดหรือ?" เยียนเซียวหรานไม่สามารถบอกนางได้ว่าคืนนี้พระจันทร์สวยงาม ลมพัดเบาๆ เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเสวนาเรื่องรักใคร่ เขามีสีหน้าที่เรียบเฉย "ไม่มีอันใด แค่รู้สึกว่าคืนนี้ถนนดูเงียบเหงากว่าปกติ" ซือเจ๋อเยว่มองดูแล้วเอ่ยขึ้น "ข้ามาเมืองหลวงได้ไม่นาน ดูไม่ออก" เยียนเซียวหรานถามนาง "องค์หญิงเคยไปเดินตลาดกลางคืนหรือไม่?" ซือเจ๋อเยว่ส่ายหน้า "ไม่เคย หลายปีนี้ข้าจะอยู่ที่สำนักเต๋าอ่านตำราเรียนธรรมะ หรือไม่ก็เดินทางท่องโลกไปกับท่านอาจารย์" "เจ้าอาจไม่รู้ อาจารย์ของข้าทุกคนเป็นคนแก่หงำเหงือก ทั้งน่าเบื่อทั้งไม่น่าสนใจ ไม่มีผู้ใดชอบเดินตลาด" "พวกเขาไม่เดิน ก็ไม่ให้ข้าเดิน ยามเป็นเด็ก บอกว่าชะตาของข้าแปลก หากออกไปจะถูกวิญญาณร้ายกิน" "พอโตขึ้นร่างกายก็เริ่มไม่ดี พวกเขาก็บอกว่าการเดินตลาดทำให้เสียพลังงาน จะทำให้อายุสั้น" เยียนเซียวหรานได้ยินแล้วรู้สึกแปลกใจ "ข้างหน้ามีตลาดกลางคืน องค์หญิงอยากไปเดินเล่นหรือไม่?" ดวงตาของซือเจ๋อเยว่เป็นประกายขึ้นมาในทันที "ได้ ได้สิ!" เรื่องการเดินตลาดเป็นสิ่งที่สตรีน้อยคนจะไม่ชอบ หลายปี

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 212 

    ซือเจ๋อเยว่มองถนนที่เงียบสงัดและผู้คนแปลกหน้าทั้งหลาย พลางพึมพำขึ้น "คงเป็นเพราะข้ามองผิดไป เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่" เยียนเซียวหรานเอ่ยถาม "เขาเป็นผู้ใด?" ซือเจ๋อเยว่ตอบไป "อาจารย์ใหญ่ของข้า...เงาหลังนั้นคล้ายเขาจริงๆ!" เยียนเซียวหรานรู้ว่านางมีอาจารย์ทั้งหมดเก้าคน คนเขาได้ยินมากที่สุดคืออาจารย์ใหญ่และอาจารย์สาม เขารู้ว่านางและอาจารย์ของนางมีความสัมพันธ์ที่ดียิ่ง จึงถามขึ้น "อยากไปหาดูหรือไม่?" ซือเจ๋อเยว่ส่ายหน้า "ไม่จำเป็น หากเป็นอาจารย์ใหญ่แล้วละก็ เมื่อเขาไม่อยากเจอข้า โอกาสที่ข้าจะหาเขาเจอก็มีน้อยยิ่งนัก" "หากไม่ใช่เขา ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลา" "เจ้ายังอยากซื้ออันใดอีกหรือไม่? หากไม่ซื้อเราก็กลับจวนกัน" เยียนเซียวหรานในมือเปี่ยมไปด้วยของที่นางเพิ่งซื้อมา แท้จริงแล้วเขาไม่ชอบเดินตลาด เพียงแค่ได้ยินนางบอกว่าไม่เคยเดินตลาดกลางคืนจึงพานางมา เดิมทีเขาตั้งใจจะซื้อของที่นางชอบให้นาง แต่กลับกลายเป็นว่านางซื้อของให้เขาแทน ความรู้สึกนี้ยากที่จะอธิบาย เขาจึงเอ่ยขึ้น "กลับเรือนเถอะ!"ซือเจ๋อเยว่กำลังเตรียมตัวกลับกับเขา แต่ทันใดนั้นรู้สึกถึงอันใดบางอย่าง จึ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 213

    นางชอบมันมาก จึงให้นางกำนัลไปจับ นางกำนัลกลัวว่าเมื่อวิ่งลงไปหิ่งห้อยจะหนี จึงให้ซือเจ๋อเยว่จับ เพราะของอวิ๋นไท่เฟยเป็นเหตุ ซือเจ๋อเยว่จึงไม่ค่อยมีความรู้สึกดีต่อองค์หญิงสามเท่าใดนัก นางเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่าย "แม้แต่ข้าก็ยังไม่รู้จัก ก็ไม่รู้ว่าผู้ใดกันที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง" องค์หญิงสามอยากจะระเบิดอารมณ์ แต่เมื่อเห็นเยียนเซียวหรานที่อยู่ข้างกายนาง ก็มีแววตาของความอาฆาตเพิ่มขึ้น นางเปลี่ยนทิศทางการเอ่ย "เดิมข้าก็สงสัยว่าเหตุใดนางถึงยอมแต่งงานกับคนตาย ที่แท้ก็คิดจะทำเรื่องเสื่อมโทรมในศีลธรรมนี่เอง" "ออกมาเดินเล่นกับน้องสามีกลางดึกเช่นนี้ ดูก็รู้ว่ามีความสัมพันธ์ลับ ทำให้ราชวงศ์ต้องเสียหน้า" สีหน้าของเยียนเซียวหรานเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ซือเจ๋อเยว่กลับหัวเราะ "จากที่เจ้าเอ่ยมานี้ ผู้ใดที่อยู่ใกล้เจ้าก็จะมีความสัมพันธ์กับเจ้าหมด เจ้าคนนี้ไม่รู้จักละอายเลยหรือไร?" คำกล่าวของนางทำให้องค์หญิงสามโกรธจนแทบจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ "เจ้าเอ่ยอะไรไร้สาระ!" ซือเจ๋อเยว่กอดอก "ไร้สาระ? ข้าเอ่ยกับเจ้านั่นแหละ" "อะไรกัน เจ้าสามารถใส่ร้ายข้าได้ แต่ข้าเอ่ยกับเจ้าบ้างไม่ได้หรือ?" อ

บทล่าสุด

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 361

    นางเป็นผู้มีพรสวรรค์แห่งสำนักเต๋า ดังนั้นการร่ายคาถาก็เหมือนกับกินข้าวกินน้ำ แต่สำหรับคนในสำนักเต๋าทั่วไปแล้ว กลับเป็นเรื่องที่ยากมากทว่าตอนนี้เยียนเซียวหรานไม่เพียงเคยเห็นนางร่ายคาถาไม่กี่ครั้ง ก็สามารถร่ายคาถาได้แล้ว นี่ถึงจะเรียกว่าผู้มีพรสวรรค์!นางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ในเมื่อเจ้าร่ายคาถาเป็น เช่นนั้นพวกเรามาเผชิญหน้าด้วยกัน!”เยียนเซียวหรานพยักหน้าหลังจากที่เขารู้จักนาง ถึงได้เข้าใจเรื่องพวกนี้ทั้งหมดก่อนหน้านี้เขาไม่เข้าใจคาถาเต๋า แต่ตอนหลังเขาได้ไปเรียนรู้ดาววิบัติดวงนั้นเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาตั้งรับเตรียมพร้อมตอนที่ห่างจากพวกเขาไปประมาณสิบกว่าจั้ง เยียนเซียวหรานสัมผัสได้ถึงปราณชั่วร้ายที่รุนแรงเป็นอย่างยิ่งหลังจากที่ปราณชั่วร้ายกลุ่มนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด คมราวกับมีด ก็เกิดความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อพัดโดนหน้าซือเจ๋อเยว่ร่ายคาถาปกป้องร่างกายของพวกเขาเอาไว้ ตอนที่เตรียมที่จะพุ่งตัวเข้าไปต่อสู้ด้วยนั้น ข้าง ๆ ก็มีสีแดงปรากฏขึ้นแวบหนึ่งจากนั้นพลังชั่วร้ายที่เย็นยะเยือกที่เดิมทีรุนแรงมากก็สลายหายไปภายในชั่วพริบตาเยียนเซียวหรานสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลง

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 360

    วิธีการพูดแบบนี้ของซือเจ๋อเยว่ อันที่จริงเป็นคำศัพท์เฉพาะของสำนักเต๋าคำศัพท์นี้หมายถึงไม่ใช่ดาวฤกษ์ที่อยู่บนท้องฟ้า ทว่าใช้ทักษะชั่วร้ายมารวมตัวกันจนกลายเป็นพลังชั่วร้ายพลังชั่วร้ายประเภทนี้ไม่ใช่วิญญาณทั่วไปที่ตายด้วยความโกรธแค้นจนกลายเป็นพลังชั่วร้าย แต่เป็นพลังชั่วร้ายที่ก่อตัวมาจากความคิดชั่วร้ายและวิญญาณชั่วร้ายที่สะสมของโลกใบนี้หลังจากที่บรรดาเต๋าสายดำตามหาพลังชั่วร้ายประเภทนี้จนเจอ ค่อยใช้การฝึกพลังเฉพาะสกัดให้บริสุทธิ์ แล้วนำพวกมันมารวมไว้ด้วยกัน ก็เหมือนกับสิ่งที่เห็นอยู่ในตอนนี้พลังชั่วร้ายประเภทนี้หลังจากที่ถูกเจ้าของฝึกฝนมานาน ก็จะกลายเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในมือของเต๋าสายดำเมื่อเจ้าของของพลังชั่วร้ายตอนที่สั่งให้พวกมันไปจัดการคนคนหนึ่ง พวกมันก็สามารถกลืนกินคนคนนั้นได้จากนั้นพวกเขาค่อยให้มนุษย์เกิดความคิดชั่วร้าย แล้วค่อยใช้ความคิดชั่วร้ายเป็นอาหารบำรุงพวกมัน ทว่าคนที่อยู่ที่นั่น ได้กลายเป็นหุ่นเชิดที่มีชีวิต มีพวกเขาคอยควบคุมซือเจ๋อเยว่จ้องมองดาววิบัติที่เข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยดาววิบัติดวงนี้ใหญ่กว่าที่นางเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ ในเวลาเด

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 359

    นั่นเป็นเพราะหลังจากที่ตอนนั้นเขาเข้าไปในค่ายกลแล้ว ตกอยู่ในภาพลวงตา เหมือนเช่นเยียนเซียวหรานในตอนนี้ตัวประหลาดนั่นโหดเหี้ยมน่ากลัวเกินไป ภายในร่างกายกักขังเศษวิญญาณเอาไว้มากมายขนาดนั้นนางไม่จำเป็นต้องเดา เศษวิญญาณที่ตัวประหลาดกักขังเอาไว้ภายในร่างกายพวกนั้น เกรงว่าทั้งหมดจะเป็นองครักษ์ของเยียนอ๋องซื่อจื่อเมื่อนางนึกถึงเรื่องศพอันไม่สมบูรณ์ของเยียนอ๋องซื่อจื่อที่ถูกขนกลับมายังจวนเยียนอ๋อง เกรงว่าจะไม่ได้โดนสัตว์ป่ากัดเอา ทว่าถูกตัวประหลาดนี้ฉีกนางไม่สามารถจินตนาการได้ เยียนอ๋องซื่อจื่อและกลุ่มคนถูกขังอยู่ภายในค่ายกลนี้ ตอนที่ถูกตัวประหลาดฉีกกินทั้งเป็น จะน่าเวทนาและหมดหนทางมากขนาดไหน!ทว่าเรื่องทั้งหมดนี้ ก็เป็นเพียงแค่ต้องการฆ่าปิดปากพวกเขา จากนั้นก็ทำเป็นตาค่ายกล ถูกกักขังระหว่างหยินกับหยางตลอดไป กลับชาติมาเกิดใหม่ไม่ได้ต่อให้วิญญาณที่ไม่สมบูรณ์จะหนีไปแล้วกลับชาติมาเกิดใหม่ หากไม่โง่ ปัญญาอ่อน ก็จะอายุสั้น เพราะดวงวิญญาณไม่สมบูรณ์ ได้รับความทุกข์ทรมานเพราะกลับชาติมาเกิดคนผู้นี้จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ทำให้รู้สึกโกรธมากจริง ๆ!พวกเขาวิ่งไปข้างหน้าอยู่ครู่หนึ่งถึงได้หยุดลงแล

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 358

    ตัวประหลาดจับลูกธนูดอกนั้นไว้แล้วโยนใส่พวกเขาเยียนเซียวหรานหลบด้วยความรวดเร็ว ธนูดอกนั้นลอยเฉียดหัวของเขาไปซือเจ๋อเยว่ส่งเสียงร้องประหลาดใจออกมาเบา ๆ พลังสังหารของตัวประหลาดตัวนี้มากเสียจนน่าหวาดกลัวสีหน้าของเยียนเซียวหรานเองก็ค่อนข้างดูแย่เช่นกัน หากเป็นเช่นนี้ ต่อไปอยากจะยิงให้ถูกตัวประหลาดอีกก็คงกลายเป็นเรื่องที่ยากมากตอนที่ซือเจ๋อเยว่เห็นตัวประหลาดไล่ตามมา พลังชั่วร้ายสีดำที่แผ่ซ่านออกมาจากมือ นางจึงมีวิธีการแล้วนางหยิบลูกธนูดอกหนึ่งขึ้นมาแล้วติดยันต์ที่ด้านบน ให้เยียนเซียวหรานยิงอีกครั้งตัวประหลาดในเวลานี้อยู่ใกล้กับพวกเขามาก เยียนเซียวหรานทำได้เพียงหลบไปก่อน แล้วค่อยยิงธนูดอกนั้นออกไปตัวประหลาดตัวนั้นมองเห็นการเคลื่อนไหวนี้ของเขา ในดวงตาปรากฏความเหยียดหยามขึ้นมาแวบหนึ่ง ใช้วิธีการเดิมซ้ำอีกครั้งเพื่อจับธนูดอกนั้นเพียงแต่ครั้งนี้ตอนที่มันจับลูกธนูดอกนั้นเอาไว้ ทันใดนั้นยันต์ห้าอัสนีบาตรก็ทำงาน ภายในชั่วพริบตา เสียงฟ้าร้องคำรามลั่น ฟ้าผ่ามันจนไหม้เกรียมเยียนเซียวหรานแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก คิดว่าทำแบบนี้น่าจะผ่าจนตัวประหลาดตายแล้ว ทว่าครู่ต่อมา ตัวประหลาดก็ขยับอ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 357

    ตลอดทาง เขากลับทำให้ตัวประหลาดนั่นไม่ต้องครุ่นคิดอีก วิ่งไล่ตามชื่อปาเลี่ยไปทันทีในระหว่างที่ซือเจ๋อเยว่กำลังพูด ตัวประหลาดก็ได้โจมตีชื่อปาเลี่ยหลายรอบแล้วชื่อปาเลี่ยในเวลานี้ได้สติกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์แล้ว กลัวว่าจะช่วยชีวิตเขาไม่ได้ เขาจำต้องคิดหาหนทางช่วยเหลือตัวเองศักยภาพของร่างกายเขาถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด ไม่นึกเลยว่าเขาจะหลบการโจมตีนับครั้งไม่ถ้วนของตัวประหลาดได้อย่างหวุดหวิดเขาในเวลานี้พลางร้องอย่างสิ้นหวัง พลางหลบอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นเจ้าอ้วนที่คล่องแคล่วที่สุดในใต้หล้านี้ได้สำเร็จเมื่อซือเจ๋อเยว่มองเห็นท่าทางที่ตกอยู่ในอันตรายของเขา ทั้งรู้สึกว่าเขาน่าสงสาร แล้วก็อยากจะขำอีกด้วย เนื่องจากตอนที่เขาหลบ เรียกได้ว่าไม่ได้สนใจภาพลักษณ์เลยสักนิดนางกล่าวกับเยียนเซียวหราน “ถึงแม้ในหนังสือจะไม่ได้บอกวิธีการที่สามารถสังหารตัวประหลาดประเภทนี้เอาไว้ สิ่งของบนโลกใบนี้อยากจะให้หายไปก็มีเพียงสองวิธี”“หนึ่งคือการโจมตีทางกายภาพ อีกอย่างก็คือการโจมตีแบบลี้ลับ”“ในเมื่อการโจมตีทางกายเมื่อครู่นี้ไม่ได้ผล เช่นนั้นก็ต้องลองการโจมตีแบบลี้ลับดูเสียหน่อย”ครั้งก่อนนางวาดยันต์สำรองเอาไว

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 356

    ตอนนี้สิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเขา ก็คือสัตว์ยักษ์สีแดงที่สูงประมาณหนึ่งจั้งตัวหนึ่งสัตว์ยักษ์ตัวนั้นมีดวงตาสีดำที่คล้ายกับระฆัง ไม่มีคิ้ว ไม่มีขนตาจมูกมีเพียงรูจมูกสองรู ปากไม่มีริมฝีปาก ปรากฏให้เห็นฟันแหลมคมเต็มปาก ภายใต้ฟันอันแหลมคม เวลานี้ยังมีของเหลวสีเหลืองไหลย้อยออกมาเพียงแค่พวกนี้ก็พอทนแล้ว ร่างกายของเขายังมีตุ่มสีแดงเต็มตัวตุ่มพวกนั้นห้อยอยู่บนร่างกายของสัตว์ยักษ์ ปกคลุมร่างกายของมันที่เดิมทีเต็มไปด้วยขนสีดำ มองดูน่าสะอิดสะเอียนเป็นอย่างยิ่ง ซือเจ๋อเยว่ที่คิดว่าตัวเองเป็นคนมีความรู้กว้างขวางมาโดยตลอด กลับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนขนาดนี้ชื่อปาเลี่ยร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ “นี่มันตัวบ้าอะไรกันเนี่ย!”นี่เป็นคำถามที่เยี่ยมมากจริง ๆ ซือเจ๋อเยว่เองก็อยากรู้เช่นกันว่านี่มันคือตัวบ้าอะไรสัตว์ยักษ์ที่กำลังน้ำลายไหลตัวนั้นเดินมุ่งหน้าเข้ามาหาพวกเขา ทันทีที่มันเข้าใกล้ กลิ่นคาวกลุ่มนั้นก็รุนแรงขึ้นซือเจ๋อเยว่สะอิดสะเอียนจนอยากอ้วก!ตอนที่เยียนเซียวหรานมองเห็นสัตว์ยักษ์ตัวนั้น เสียงเตือนภายในใจของเขาก็ดังขึ้นอย่างบ้าคลั่งตอนที่สัตว์ยักษ์ตัวนั้นเดินเ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 355  

    นางมีแววตาเปล่งประกายล้ำลึก “ช่างเป็นฝีมือที่สูงส่งยิ่งนัก!”  เยียนเซียวหรานมองนาง นางจึงเอ่ยต่อ "ฟ้าคือหยาง ดินคือหยิน ยามหยินหยางกลับตาลปัตร สรรพสิ่งพลิกผัน กฎแห่งฟ้าดินถูกตัดขาด!"  “แต่สิ่งใดที่หลอกลวงได้ชั่วคราว ย่อมไม่อาจปิดบังไปชั่วชีวิต!”  “เหล่าดวงวิญญาณผู้ซื่อสัตย์แห่งสนามรบ ท่านทั้งหลายที่คืนสู่แผ่นดิน ณ ที่แห่งนี้ โปรดร่วมมือกับข้ากำจัดภาพลวงที่ปกคลุมโลกใบนี้ จงสลายม่านมายา! ทำลายมันเสีย!”  นางฟาดฝ่ามือลงกับพื้นดิน สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสี่ทิศ เสียงแตกร้าวดังมาจากรอบทิศ  ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น พื้นดินสีดำสนิทรอบตัวก็พลันหายไป อาการหายใจที่ยากลำบากบัดนี้กลับมาเป็นปกติ  ต้นไม้ที่เคยหายไปปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทว่ามันกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายและความเสื่อมสลาย  ขุนเขาเช่นนี้ หาได้มีภาพของทัศนียภาพอันงดงามเหนือจินตนาการอย่างที่ชื่อปาเลี่ยที่เคยบอกเอาไว้ไม่  แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหน้ากลับเป็นดินแดนรกร้างที่ไร้ซึ่งชีวิต!  เกรงว่าภาพที่เยียนอ๋องเห็นในอดีตก็คงจะเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น เพียงแค่นางยังไม่เข้าใจเหตุผล ผู้ที่วางค่ายกลนี้ เหตุใดจึงต้องสร้างภาพลวงเช่น

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 354  

    ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่อากาศโดยรอบเริ่มบางเบาจนผิดปกติ  พวกเขาเพียงแค่เดินตามปกติ แต่กลับรู้สึกหายใจติดขัด  ชื่อปาเลี่ยอ้าปากหอบหายใจ พลางเอ่ยด้วยความตระหนก “นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ เหตุใดข้าหายใจไม่ออก?”  ซือเจ๋อเยว่เอ่ยเสียงเบา “เราก้าวเข้าสู่ค่ายกลของผู้อื่นแล้ว”  ชื่อปาเลี่ยเอ่ยด้วยความสงสัย “แต่เมื่อครู่ยามที่เข้ามา ท่านได้ทำลายค่ายกลไปแล้วไม่ใช่หรือ?”  ซือเจ๋อเยว่ตอบไป “นี่คือค่ายกลซ้อนค่ายกล ผู้วางค่ายกลนี้ร้ายกาจอย่างยิ่ง ฝีมือในด้านค่ายกลไม่ได้ด้อยกว่าข้าเลย” “แม้แต่ยามที่ก้าวเข้ามาครั้งแรก ข้าเองก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ” “ในเมื่อเราตกเข้ามาแล้ว ยามนี้สิ่งที่ต้องทำคือหาทางทำลายค่ายกลนี้”  ชื่อปาเลี่ยรีบถาม “ทำอย่างไรจึงจะทำลายได้?”  ซือเจ๋อเยว่กวาดตามองโดยรอบแล้วเอ่ยขึ้น “หากต้องการทำลายต้องหาแกนกลางค่ายกลให้พบ ขอเพียงหามันเจอ การทำลายค่ายกลนี้ก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างยิ่ง”  “ส่วนเรื่องที่ว่ามันอยู่ที่ใด ยามนี้ข้าเองก็ยังไม่แน่ชัด เราต้องหาต่อไป”  ยิ่งพวกเขาก้าวไปข้างหน้าเท่าใด ก็ยิ่งรู้สึกว่าการหายใจยากลำบากเท่านั้น พื้นดินรอบตัวกลายเป็นสีดำไหม้ ฟ้า

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 353  

    ราชครูมองเห็นโชคชะตาของจวนหนิงกั๋วกงกระจัดกระจาย ก่อนที่มันจะรวมตัวขึ้นอีกครั้ง คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย  เขายกนิ้วขึ้นคำนวณบางสิ่ง แต่เมื่อได้ผลลัพธ์ เขากลับแย้มยกริมฝีปากแล้วเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “นี่มันตัวอันใด!”  เด็กรับใช้สำนักเต๋าชุดเขียวที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายเอ่ยถาม “ท่านราชครู เป็นอันใดไปหรือขอรับ?”  ทว่าราชครูกลับตอบไม่ตรงคำถาม “ทุกสิ่งในโลกนี้ ล้วนมีเหตุและผลของมัน”  “มีบางเรื่องที่ข้าสามารถแทรกแซงได้ แต่บางเรื่องต้องปล่อยให้นางเป็นผู้จัดการเอง”  “นางคนนั้นมีชะตาชีวิตที่แตกต่างจากผู้อื่น เมื่อยามทุกข์ก็ทุกข์อย่างแท้จริง” “แม้ข้าจะสงสารนางเพียงใด แต่เรื่องบางเรื่องก็มีแต่นางที่ต้องเผชิญด้วยตนเอง”  เด็กรับใช้สำนักเต๋าชุดเขียวเอ่ยถาม “ท่านกำลังเอ่ยถึงชะตากรรมใดกัน? หรือว่าท่านกำลังเป็นห่วงศิษย์พี่หญิง?”  ราชครูหยิบไม้ขนไก่ข้างตัวขึ้นมาแล้วหวดลงไปที่หลังของเด็กรับใช้สำนักเต๋าชุดเขียวทันที “ผู้ใดสนใจนางกัน?!”  “ชะตาชีวิตของนางเป็นชะตาที่ต้องตาย แม้แต่มหาเทพเซียนมาเองก็ไม่อาจช่วยนางได้!”  “ตลอดหลายปีมานี้ เป็นเพราะนาง ข้าแก่ขึ้นไปตั้งเท่าใด ข้าจะไปสนใจนางเ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status